วันนี้เป็นครั้งแรกที่อยากเล่าเรื่องความรัก ให้คนอื่นๆได้ฟังบ้าง เรื่องราวของความรักที่ทำให้เราไม่กล้าจะมีอีกครั้ง
เราตุ๊ด แต่ไม่ได้แสดงอาการวี๊ดว๊าดเท่าไหร่นัก เพราะเราไม่ค่อยชอบกิริยาท่าทางการออกสาวหรือมากจนเกินไป เราไม่ชอบการแต่งตัวเหมือนผู้หญิง
ถ้าดูเผินๆก็เหมือนผู้ชายทั่วไป เราจะมีการตุ้งติ้งก็ต่อเมื่ออยู่กับเพื่อนสนิทหรือคนรู้จักเท่านั้น บางทีถ้าเราทำตัวเงียบๆ ก็มีหญิงเขามาทักบ้าง
เพราะเราคิดว่า หน้าตาพอดูได้บ้าง เลยทำให้มีหญิงมาชอบบ้าง
ขอเข้าเรื่องเลยแล้วกัน เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เราได้รู้จักกับผู้ชายคนหนึ่ง เขาเรียนศึกษาศาสตร์ เอกพละ ผ่านช่องทาง msn เราคุยกันได้ประมาณ 6 เดือน หลังจากนั้นก็ตกลงเป็นแฟนกัน แรกๆเราไม่คิดว่าเราจะชอบอะไรในตัวผู้ชายคนนี้ เพราะเขาไม่ได้มีสเปคตรงตามที่เราเคยฝันไว้ แต่เพราะคุยกันมานานเลยทำให้เราตกหลุมรักเขาจนโงหัวไม่ขึ้น หลังจาเริ่มคบกัน เขาดีกับเรามาก เขาเป็นคนต่างจังหวัด ไม่รู้เส้นทางในตัวจังหวัดของเรานัก เวลาซื้อข้าวมาให้กินก็ต้องถามทางมาทั้งๆที่เราอยู่ไกลแต่เขาก็มา เพราะอยากมากินข้าวกับเรา เรากับเขาคบกันจนเข้าเดือนที่ 6 ทุกอย่างค่อยๆเปลี่ยนไป โทรหาไม่ค่อยติดหรือไม่ก็สายไม่ว่าง จนบางทีเราแอบน้อยใจ เราลืมบอกไปว่าก่อนคบกันเราคุยกับเขาว่า (ก่อนคบกันเป็นยังไง ขอให้เป็นแบบนั้น) กรณีนี้หมายถึง คุณเคยไปกับเพื่อนยังไงก็ไป เราจะไม่ห้ามกันเพราะทุกคนควรมีเวลาให้เพื่อนด้วย หลังจากที่เราโทรหาไม่ค่อยติดประมาณ 3 วันได้ เราเริ่มรู้สึกไม่ดีแล้วไปหาที่ห้องก็ไม่ค่อยเจอ รูมเมทก็บอกว่าไปติวหนังสือ เราก็พยายามเข้าใจไม่โทรไปรบกวน จนสัปดาห์หนึ่งผ่านไปเข้าโทรมาหาเรา เราถามว่าหายไปไหนมา เขาก็ตอบแค่ว่าติวหนังสือเหนื่อยเลยไม่อยากรบกวน เราก็ได้แค่เงียบเพราะไม่อยากชวนทะเลาะ ผ่านไป2-3อาทิตย์ก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม จนเราเริ่มระแวง เลยลองเซริส์เมลล์เขาในเฟคบุ๊ค ซึ่งตอนนั้นยังไม่ฮิตมากเหมือนตอนนี้ หลังจากที่เราเข้าไปดูแทบช็อค เมื่อเห็นรูปเขากับคนอื่น ตลอดเวลาที่เขาหายไปเขาไปอยู่กับคนอื่น เราได้แต่เก็บไว้ข้างใน ตอนดึกๆเราโทรหาเขา เขารับสาย เราเริ่มคุยเรื่องนี้ เราบอกให้เขาพูดกับเราตรงๆได้ไหม หากมีใครใหม่ก็ให้บอกมาเราจะถอยให้เราไม่อยากเป็นคนโง่ เขาก็บอกว่าไม่มี มีแค่เราคนเดียว มีแต่เพื่อนเท่านั้นอย่าคิดมาก เราก็ได้แต่เงียบเพราะรักเขา รักเขามาก
ในระยะเวลา2เดือนต่อมาเราเข้าไปดูเฟคบุ๊คคนที่แฟนเราอยู่ด้วย เขา2คนโพสหน้าวอล์หากันตลอด วันนี้เราหมดความอดทนแล้ว จึงโทรไปขอเลิกเขา
เราถามว่าทำไมต้องมีคนอื่น คบซ้อนทำไม เขาตอบมาว่า เขาเหงา แต่ก็รักเรามากกว่านะ เราเป็นคนขอเลิกแต่เขาไม่ยอมเราเลยตัดสายทิ้งและปิดเครื่อง เรารู้สึกเสียใจมาก ทั้งๆที่เรายอมมทำให้เขาทุกอย่าง ยอมนอนดึกเพราะรอปลุกเขาให้ตื่นทันตอนตี4 ยอมนอนดึกเพียงเพราะเขาไปเที่ยวแล้วบอกจะโทรหาหลังกลับห้องแต่ก็ไม่โทร เรายอมถักผ้าพันคอให้ในหน้าหนาวทั้งๆที่เราไม่เคยทำของพวกนี้เลย
หลังจากเลิกกัน เราลบเบอร์ ลบข้อความ ลบรูป ทุกๆอย่างที่เกี่ยวกับเขาทิ้งหมด 3เดือนผ่านไป เขาโทรกลับมา เราจำเบอร์ได้ ใจจริงไม่อยากรับ แต่เพราะกลัวเขาจะมีเรื่องอะไร เลยรับ เขาโทรมาพูดคุยเหมือน3เดือนที่แล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราพยายามตัดใจแต่ทำไม่ได้เลย เพราะรู้สึกรักเขามาก เขาง้ออาทิตย์เดียวเราก็กลับไปคบกันอีก แต่กลับมาครั้งนี้เรารู้สึกไม่เหมือนเดิม ไม่มีความเชื่อใจให้เขาอีกต่อไป และแล้วมันก็เกิดเรื่องเหมือนเดิม ครั้งนี้เราสุดจะทน เราขอเลิกและจะไม่ขอเจอกันอีก แต่ก็ทำใจไม่ได้ พอวันเกิดเขาเราส่งข้อความไปอวยพรวันเกิด วันต่อมาเขาก็โทรกลับมาบอกว่ารถล้ม เรารู้สึกเป็นห่วงมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะอยู่ในฐานะเพื่อนเท่านั้น เขาบอกว่าพรุ่งนี้มีสอบโทรมาปลุกหน่อยได้ไหม กลัวตื่นไม่ทันเพราะต้องกินยาแก้ปวดก่อนนอน
เช้ามาเราโทรหาเป็น100สายได้ แต่ไม่รับ รู้สึกเป็นหว่งมาก เลยส่งข้อความไป "ตื่นรึยัง เป็นห่วงนะ อย่าลืมทานยาละ" ทั้งวันเขาก็ไม่โทรกลับมา แต่เราก็ไม่กล้าโทรไปเพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกับเขาแล้ว
หลังจากนั้น 2 วัน เขาโทรมาตอนเที่ยงคืน เรารับสายเขา เขาบอกว่าแฟนเขาอยู่ในสายด้วย ช่วยบอกแฟนเขาหน่อยว่าเราไม่ได้มีไรกันแล้ว เราเป็นคนโทรหาเขาเอง นาทีนั้นเรารู้สึกเจ็บมาก เจ็บกว่าการบอกเลิก ใจวูบลงไปที่เท้า เสียงเราสั่นมาก ได้แต่พูดว่า รักกันดีๆนะ และวางสาย
ตอนนั้นรู้สึกเจ็บปวดมากและสัญญากับตัวเองว่าจะไม่มีแล้วความรัก
หลายเดือนผ่านไป ช่วงปิดเทอมเดือนตุลาคม เรามีโอกาสได้ไปออกค่ายอาสาของชมรม ซึ่งจะรวมทุกคณะ มีการจับบัดดี้ค่าย แล้วแต่ใครจะได้สาขาไหน คณะไหน เราจับได้เพื่อนคนหนึ่ง เขาเรียนช่างกลโรงงาน หน้าตาหล่อเลยก็ว่าได้ แต่เราไม่ได้คิดอะไรกับเขา เพราะเราไม่กล้าใกล้ผู้ชายเท่าไหร่ หน้าที่บัดดี้คือดูแลบัดดี้ที่เราจับได้อย่างดี แต่ต้องไม่ให้เขารู้ว่าคือใคร แต่ก็อย่างว่าเราเป็นตุ๊ด การจับได้ชายหนุ่มเป็นบัดดี้ย่อมเป็นที่อิจฉาของเพื่อนสาวอยู่แล้ว
ตอนดีกๆ เราจำได้ว่าวันนั้นเราอยากดูคนอวดผี เลยไปขอพี่เขาดู พี่เขาบอกไปห้องกรรมการเลย เราเดินขึ้นชั้น2 ไปที่ห้องก็พบบัดดี้ของเรา อยู่กับกลุ่มเพื่อนกำลังสังสรรค์กันเลย บัดดี้เราเรียกให้ไปนั่งข้างๆ เราก็นั่งข้างๆและดูรายการคนอวดผีจนจบ เลยขอตัวไปนอน
เช้าวันต่อมาเราไปช่วยแม่ครัวทำอาหาร เพราะเราเป็นคนชอบทำอาหาร บัดดี้และเพื่อนเขาเดินมาในครัวถามเราให้ช่วยไหม เราเลยบอกไม่ต้องใกล้เสร้จแล้ว เราอยู่ค่ายมาจนถึงวันที่2 เราได้คุยกับเพื่อนของบัดดี้เรา เราเองก็ไม่รู้ว่าเราตกหลุมรักเขาตอนไหน
เขาถามเราว่าทำถึงอยากมาค่าย ทั้งๆที่มันลำบาก เราเลยบอกเขาไปว่าเราเป้นคนชอบช่วยเหลือและทำบุญอยู่แล้ว และการออกค่ายนั้นเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่อยากทำในชีวิต และที่สำคัญการมาออกค่ายในครั้งนี้เรามาเพื่อลืมความรักที่ผิดหวัง เขาก็ถามว่าเกิดไรขึ้น เราเล่าให้เขาฟังทุกอย่างที่เกิดขึ้น
หลังจากนั้นเราเริ่มคุยกันมากขึ้น สนิทกันมากขึ้น จนเพื่อนที่อยู่ในค่ายแซวว่าเรา2คน ทำเหมือนอยู่กนัแค่2คน
เราลืมบอกว่าเขามีแฟนแล้วเป็นผู้หญิง เพราะมีวันหนึ่งแฟนเขาโทรมา เราเลยงอลทั้งวัน เขามาง้อเรา ว่าทำไมไม่คุยกับเขา
เราเริ่มรู้สึกรักเขา เพราะเป้นผู้ชายในอุดมคติของเรา เขาเป็นผู้ชายที่ดีมาก มีความรับผิดชอบ ทำงานเก่ง
หลังจากกลับจากค่าย เขาโพสหน้าวอล์ เฟคบุ๊คว่า สับสนกับหัวใจตัวเอง ซึ่งตอนแรกเราไม่รู้ มีเพื่อนมาบอกถึงเข้าไปอ่าน
เราเริ่มสนิทกันมากขึ้น จากการที่เรานัดสังสรรค์กันอาทิตย์ละ1วัน ทุกครั้งเขาจะอาสาไปส่งเราที่บ้าน และท่าทีเขาเหมือนมีใจให้เรา
เรากับเขาเหมือนเลยเถิดความสัมพันธ์มากกว่าเพื่อน ซึ่งเราไม่อยากทำบาปเพราเขามีแฟนอยู่แล้ว
เราปรึกษาเพื่อน และขอความเห็น เพื่อนเราบอกให้ถอยห่างออกมา สงสารผู้หญิง เราจึงตัดใจยอมถอยห่างจากเขา
เรายอมทำเป็นไม่รู้จัก ไม่เห็น เวลาเข้าอยู่ในมอ เราเดินผ่านหรือไม่ก็เลี่ยงในหารพบเจอ เรารู้สึกเจ็บมากกว่าการเลิกกับแฟนในครั้งนั้น
ทุกครั้งเราอยู่ในสายตาเขาตลอด แต่เรากลับทำเป็นมองไม่เห็นเขา มันเจ็บมาก หลังจากนั้นไม่กี่เดือนเขาก็เลิกกับแฟน
1ปี เราแทบไม่ได้คุยกันเลย จนถึงวันวาเลนไทน์ รุ่นพี่ที่ชมรมบวช และจัดตั้งกองผ้าป่า เราทั้ง2คน ถึงได้กลับมาคุยกันอีกครั้ง
ไม่อยากเนอะกลับการที่ต้องคุยกับคนที่เรารักในสถานะเพื่อน ทุกวันนี้เราเรียนจบแล้ว แต่ก็ยังได้เจอเขาในสนามบอล ทีมที่เราและเขาเชียร์อยู่
เราได้แต่กลับมาคิดว่า ถ้าวันนั้นเราสานต่อความสัมพันธ์ เรากับเขาคงรักกันมาก แต่เพราะเราไม่เกิดมาเป็นผู้หญิง เราเลยไม่คู่ควรกับเขา
เพราะว่ารักจึงทำให้รู้จักคำว่า เสียสละ การที่เห็นคนที่เรารักมีความสุข แค่นี้ก็สุขใจแล้ว
รักต้อง...เสียสละ
เราตุ๊ด แต่ไม่ได้แสดงอาการวี๊ดว๊าดเท่าไหร่นัก เพราะเราไม่ค่อยชอบกิริยาท่าทางการออกสาวหรือมากจนเกินไป เราไม่ชอบการแต่งตัวเหมือนผู้หญิง
ถ้าดูเผินๆก็เหมือนผู้ชายทั่วไป เราจะมีการตุ้งติ้งก็ต่อเมื่ออยู่กับเพื่อนสนิทหรือคนรู้จักเท่านั้น บางทีถ้าเราทำตัวเงียบๆ ก็มีหญิงเขามาทักบ้าง
เพราะเราคิดว่า หน้าตาพอดูได้บ้าง เลยทำให้มีหญิงมาชอบบ้าง
ขอเข้าเรื่องเลยแล้วกัน เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เราได้รู้จักกับผู้ชายคนหนึ่ง เขาเรียนศึกษาศาสตร์ เอกพละ ผ่านช่องทาง msn เราคุยกันได้ประมาณ 6 เดือน หลังจากนั้นก็ตกลงเป็นแฟนกัน แรกๆเราไม่คิดว่าเราจะชอบอะไรในตัวผู้ชายคนนี้ เพราะเขาไม่ได้มีสเปคตรงตามที่เราเคยฝันไว้ แต่เพราะคุยกันมานานเลยทำให้เราตกหลุมรักเขาจนโงหัวไม่ขึ้น หลังจาเริ่มคบกัน เขาดีกับเรามาก เขาเป็นคนต่างจังหวัด ไม่รู้เส้นทางในตัวจังหวัดของเรานัก เวลาซื้อข้าวมาให้กินก็ต้องถามทางมาทั้งๆที่เราอยู่ไกลแต่เขาก็มา เพราะอยากมากินข้าวกับเรา เรากับเขาคบกันจนเข้าเดือนที่ 6 ทุกอย่างค่อยๆเปลี่ยนไป โทรหาไม่ค่อยติดหรือไม่ก็สายไม่ว่าง จนบางทีเราแอบน้อยใจ เราลืมบอกไปว่าก่อนคบกันเราคุยกับเขาว่า (ก่อนคบกันเป็นยังไง ขอให้เป็นแบบนั้น) กรณีนี้หมายถึง คุณเคยไปกับเพื่อนยังไงก็ไป เราจะไม่ห้ามกันเพราะทุกคนควรมีเวลาให้เพื่อนด้วย หลังจากที่เราโทรหาไม่ค่อยติดประมาณ 3 วันได้ เราเริ่มรู้สึกไม่ดีแล้วไปหาที่ห้องก็ไม่ค่อยเจอ รูมเมทก็บอกว่าไปติวหนังสือ เราก็พยายามเข้าใจไม่โทรไปรบกวน จนสัปดาห์หนึ่งผ่านไปเข้าโทรมาหาเรา เราถามว่าหายไปไหนมา เขาก็ตอบแค่ว่าติวหนังสือเหนื่อยเลยไม่อยากรบกวน เราก็ได้แค่เงียบเพราะไม่อยากชวนทะเลาะ ผ่านไป2-3อาทิตย์ก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม จนเราเริ่มระแวง เลยลองเซริส์เมลล์เขาในเฟคบุ๊ค ซึ่งตอนนั้นยังไม่ฮิตมากเหมือนตอนนี้ หลังจากที่เราเข้าไปดูแทบช็อค เมื่อเห็นรูปเขากับคนอื่น ตลอดเวลาที่เขาหายไปเขาไปอยู่กับคนอื่น เราได้แต่เก็บไว้ข้างใน ตอนดึกๆเราโทรหาเขา เขารับสาย เราเริ่มคุยเรื่องนี้ เราบอกให้เขาพูดกับเราตรงๆได้ไหม หากมีใครใหม่ก็ให้บอกมาเราจะถอยให้เราไม่อยากเป็นคนโง่ เขาก็บอกว่าไม่มี มีแค่เราคนเดียว มีแต่เพื่อนเท่านั้นอย่าคิดมาก เราก็ได้แต่เงียบเพราะรักเขา รักเขามาก
ในระยะเวลา2เดือนต่อมาเราเข้าไปดูเฟคบุ๊คคนที่แฟนเราอยู่ด้วย เขา2คนโพสหน้าวอล์หากันตลอด วันนี้เราหมดความอดทนแล้ว จึงโทรไปขอเลิกเขา
เราถามว่าทำไมต้องมีคนอื่น คบซ้อนทำไม เขาตอบมาว่า เขาเหงา แต่ก็รักเรามากกว่านะ เราเป็นคนขอเลิกแต่เขาไม่ยอมเราเลยตัดสายทิ้งและปิดเครื่อง เรารู้สึกเสียใจมาก ทั้งๆที่เรายอมมทำให้เขาทุกอย่าง ยอมนอนดึกเพราะรอปลุกเขาให้ตื่นทันตอนตี4 ยอมนอนดึกเพียงเพราะเขาไปเที่ยวแล้วบอกจะโทรหาหลังกลับห้องแต่ก็ไม่โทร เรายอมถักผ้าพันคอให้ในหน้าหนาวทั้งๆที่เราไม่เคยทำของพวกนี้เลย
หลังจากเลิกกัน เราลบเบอร์ ลบข้อความ ลบรูป ทุกๆอย่างที่เกี่ยวกับเขาทิ้งหมด 3เดือนผ่านไป เขาโทรกลับมา เราจำเบอร์ได้ ใจจริงไม่อยากรับ แต่เพราะกลัวเขาจะมีเรื่องอะไร เลยรับ เขาโทรมาพูดคุยเหมือน3เดือนที่แล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราพยายามตัดใจแต่ทำไม่ได้เลย เพราะรู้สึกรักเขามาก เขาง้ออาทิตย์เดียวเราก็กลับไปคบกันอีก แต่กลับมาครั้งนี้เรารู้สึกไม่เหมือนเดิม ไม่มีความเชื่อใจให้เขาอีกต่อไป และแล้วมันก็เกิดเรื่องเหมือนเดิม ครั้งนี้เราสุดจะทน เราขอเลิกและจะไม่ขอเจอกันอีก แต่ก็ทำใจไม่ได้ พอวันเกิดเขาเราส่งข้อความไปอวยพรวันเกิด วันต่อมาเขาก็โทรกลับมาบอกว่ารถล้ม เรารู้สึกเป็นห่วงมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะอยู่ในฐานะเพื่อนเท่านั้น เขาบอกว่าพรุ่งนี้มีสอบโทรมาปลุกหน่อยได้ไหม กลัวตื่นไม่ทันเพราะต้องกินยาแก้ปวดก่อนนอน
เช้ามาเราโทรหาเป็น100สายได้ แต่ไม่รับ รู้สึกเป็นหว่งมาก เลยส่งข้อความไป "ตื่นรึยัง เป็นห่วงนะ อย่าลืมทานยาละ" ทั้งวันเขาก็ไม่โทรกลับมา แต่เราก็ไม่กล้าโทรไปเพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกับเขาแล้ว
หลังจากนั้น 2 วัน เขาโทรมาตอนเที่ยงคืน เรารับสายเขา เขาบอกว่าแฟนเขาอยู่ในสายด้วย ช่วยบอกแฟนเขาหน่อยว่าเราไม่ได้มีไรกันแล้ว เราเป็นคนโทรหาเขาเอง นาทีนั้นเรารู้สึกเจ็บมาก เจ็บกว่าการบอกเลิก ใจวูบลงไปที่เท้า เสียงเราสั่นมาก ได้แต่พูดว่า รักกันดีๆนะ และวางสาย
ตอนนั้นรู้สึกเจ็บปวดมากและสัญญากับตัวเองว่าจะไม่มีแล้วความรัก
หลายเดือนผ่านไป ช่วงปิดเทอมเดือนตุลาคม เรามีโอกาสได้ไปออกค่ายอาสาของชมรม ซึ่งจะรวมทุกคณะ มีการจับบัดดี้ค่าย แล้วแต่ใครจะได้สาขาไหน คณะไหน เราจับได้เพื่อนคนหนึ่ง เขาเรียนช่างกลโรงงาน หน้าตาหล่อเลยก็ว่าได้ แต่เราไม่ได้คิดอะไรกับเขา เพราะเราไม่กล้าใกล้ผู้ชายเท่าไหร่ หน้าที่บัดดี้คือดูแลบัดดี้ที่เราจับได้อย่างดี แต่ต้องไม่ให้เขารู้ว่าคือใคร แต่ก็อย่างว่าเราเป็นตุ๊ด การจับได้ชายหนุ่มเป็นบัดดี้ย่อมเป็นที่อิจฉาของเพื่อนสาวอยู่แล้ว
ตอนดีกๆ เราจำได้ว่าวันนั้นเราอยากดูคนอวดผี เลยไปขอพี่เขาดู พี่เขาบอกไปห้องกรรมการเลย เราเดินขึ้นชั้น2 ไปที่ห้องก็พบบัดดี้ของเรา อยู่กับกลุ่มเพื่อนกำลังสังสรรค์กันเลย บัดดี้เราเรียกให้ไปนั่งข้างๆ เราก็นั่งข้างๆและดูรายการคนอวดผีจนจบ เลยขอตัวไปนอน
เช้าวันต่อมาเราไปช่วยแม่ครัวทำอาหาร เพราะเราเป็นคนชอบทำอาหาร บัดดี้และเพื่อนเขาเดินมาในครัวถามเราให้ช่วยไหม เราเลยบอกไม่ต้องใกล้เสร้จแล้ว เราอยู่ค่ายมาจนถึงวันที่2 เราได้คุยกับเพื่อนของบัดดี้เรา เราเองก็ไม่รู้ว่าเราตกหลุมรักเขาตอนไหน
เขาถามเราว่าทำถึงอยากมาค่าย ทั้งๆที่มันลำบาก เราเลยบอกเขาไปว่าเราเป้นคนชอบช่วยเหลือและทำบุญอยู่แล้ว และการออกค่ายนั้นเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่อยากทำในชีวิต และที่สำคัญการมาออกค่ายในครั้งนี้เรามาเพื่อลืมความรักที่ผิดหวัง เขาก็ถามว่าเกิดไรขึ้น เราเล่าให้เขาฟังทุกอย่างที่เกิดขึ้น
หลังจากนั้นเราเริ่มคุยกันมากขึ้น สนิทกันมากขึ้น จนเพื่อนที่อยู่ในค่ายแซวว่าเรา2คน ทำเหมือนอยู่กนัแค่2คน
เราลืมบอกว่าเขามีแฟนแล้วเป็นผู้หญิง เพราะมีวันหนึ่งแฟนเขาโทรมา เราเลยงอลทั้งวัน เขามาง้อเรา ว่าทำไมไม่คุยกับเขา
เราเริ่มรู้สึกรักเขา เพราะเป้นผู้ชายในอุดมคติของเรา เขาเป็นผู้ชายที่ดีมาก มีความรับผิดชอบ ทำงานเก่ง
หลังจากกลับจากค่าย เขาโพสหน้าวอล์ เฟคบุ๊คว่า สับสนกับหัวใจตัวเอง ซึ่งตอนแรกเราไม่รู้ มีเพื่อนมาบอกถึงเข้าไปอ่าน
เราเริ่มสนิทกันมากขึ้น จากการที่เรานัดสังสรรค์กันอาทิตย์ละ1วัน ทุกครั้งเขาจะอาสาไปส่งเราที่บ้าน และท่าทีเขาเหมือนมีใจให้เรา
เรากับเขาเหมือนเลยเถิดความสัมพันธ์มากกว่าเพื่อน ซึ่งเราไม่อยากทำบาปเพราเขามีแฟนอยู่แล้ว
เราปรึกษาเพื่อน และขอความเห็น เพื่อนเราบอกให้ถอยห่างออกมา สงสารผู้หญิง เราจึงตัดใจยอมถอยห่างจากเขา
เรายอมทำเป็นไม่รู้จัก ไม่เห็น เวลาเข้าอยู่ในมอ เราเดินผ่านหรือไม่ก็เลี่ยงในหารพบเจอ เรารู้สึกเจ็บมากกว่าการเลิกกับแฟนในครั้งนั้น
ทุกครั้งเราอยู่ในสายตาเขาตลอด แต่เรากลับทำเป็นมองไม่เห็นเขา มันเจ็บมาก หลังจากนั้นไม่กี่เดือนเขาก็เลิกกับแฟน
1ปี เราแทบไม่ได้คุยกันเลย จนถึงวันวาเลนไทน์ รุ่นพี่ที่ชมรมบวช และจัดตั้งกองผ้าป่า เราทั้ง2คน ถึงได้กลับมาคุยกันอีกครั้ง
ไม่อยากเนอะกลับการที่ต้องคุยกับคนที่เรารักในสถานะเพื่อน ทุกวันนี้เราเรียนจบแล้ว แต่ก็ยังได้เจอเขาในสนามบอล ทีมที่เราและเขาเชียร์อยู่
เราได้แต่กลับมาคิดว่า ถ้าวันนั้นเราสานต่อความสัมพันธ์ เรากับเขาคงรักกันมาก แต่เพราะเราไม่เกิดมาเป็นผู้หญิง เราเลยไม่คู่ควรกับเขา
เพราะว่ารักจึงทำให้รู้จักคำว่า เสียสละ การที่เห็นคนที่เรารักมีความสุข แค่นี้ก็สุขใจแล้ว