คุณพ่อท่านนึงได้เตือนสติลูกสาวของเขาว่า..
คนบางคน..เหมาะสมกับลูก
แต่เขาไม่รักลูก
คนบางคน..รักลูก
แต่เขาไม่เหมาะสม
หากอยากจะรู้ว่า..เขารักลูกหรือเปล่า ?
อย่าใช้หูฟัง
แต่ให้ใช้ตามอง
ดูว่าเขา..ทุ่มเทต่อลูกสักเพียงใด
หากอยากรู้ว่า..เหมาะสมกันหรือเปล่า ?
อย่าตัดสิน..ว่าเขามีอะไร
แต่จงตัดสินจากรอยยิ้มของลูก
และนํ้าตา
ที่ต้องหลั่งไปเพราะเขา
คนที่ทำให้ลูกร้องไห้อยู่เสมอ
ต่อให้เพียบพร้อมสักแค่ไหน
ก็อย่าเลือกฝากชีวิตไว้
คนที่ทำให้ลูกยิ้มได้
ต่อให้ฐานะยากจนเพียงใด
ก็คุ้มค่าที่จะฝากชีวิตไว้
จงเลือกเหนื่อย เพราะหัวเราะ
อย่าเลือกสบาย แต่ต้องร้องไห้ทุกวัน
เลือกคนที่กล้าเก็บรูปเธอ
ไว้ในกระเป๋าสตางค์
เลือกคนที่กล้าลงรูปเธอ
ไว้หน้าไทม์ไลน์ของเขา
เลือกคนที่กล้าให้เธอรู้
ความเคลื่อนไหวของเขา
เลือกคนที่เขากล้าทุ่มเทความรักให้กับเธอ
Cr.จากเพจใดสักเพจหนึ่งจำไม่ได้แล้วเพราะเราคัดลอกมาเก็บไว้นานมากแล้ว
🏽🏽สิ่งสำคัญ🏽🏽
ทำยังไงให้รักของเรายังคงหวานเหมือนวันแรกที่คบกันและมากขึ้นเรื่อยๆไม่เคยรู้สึกว่าได้รับความรักน้อยลงไปจากเดิมหรือรู้สึกเบื่อ ซึ่ง ความรัก ความ ซื่อสัตย์ ความ จริงใจ ที่มีให้กันเสมอมา ยังคงมีให้กันเหมือนเดิมเสมอไป เคยได้ยินคนกล่าวไว้ไหมว่า คนที่เรารักและคนนั้นที่เขารักเราไม่จำเป็นต้องรวยล้นฟ้า ขอแค่ ให้เค้ารักเรา ให้เกียรติเรา ซื่อสัตย์ต่อเรา และสามรถดูแลเราได้เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับคนรักกัน เท่านี้แหละที่มนุษย์เราต้องการ
สำหรับชีวิตคู่เพราะเงินทองนั้นเป็นของนอกกายที่เราจะช่วยกันหามาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่โอกาสที่เราาจะเจอคนแบบนี้ก็ไม่มีมากนัก ดังนั้นหากตอนนี้คุณมีคนรักที่ดีอยู่ข้างๆแล้วอย่าปล่อยมือเขาไปเด็ดขาดเพราะคุณจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต
เหมือนคำโบราณที่เคยกล่าวไว้ว่า มีผัวผิดคิดจนตัวตาย มันก็จริงอย่างที่เค้าว่านะ
อันนี้เรื่องราวคสามรักของเราที่อยากฝากเป็นแง่คิดให้สาวๆ
สมัยเรียนมัธยม เพื่อนๆต่างก็มีแฟนกันหมด เหลือแต่เราที่หน้าตาไม่เอาไหนเลยไม่มีใครมอง ตัวเองก็รู้สึกเหมือนเป็นจุดด้อยของกลุ่ม ซึ่งคุณเข้าใจไหมว่าอารมณ์วัยรุ่นนั้นชอบตามเพื่อนมากและมีวุฒิภาวะในการไตร่ตรองที่ไม่รอบคอบ ถ้วนถี่ หรือเรียกง่ายๆว่า กิเลศ หรือ ความอยากในภาษาบ้านๆ ซึ่งเราเชื่อว่าคุณเองก็เคยมีความอยาก ที่เวลาเห็นใครมีอะไรก็อยากมีแบบเขามั่ง เห็นใครทำอะไรก็อยากทำแบบนั้นมั่ง เห็นใครกินอะไรก็อยากกินแบบนั้นมั่ง นี่แหละคือความอยากของมนุษย์ และความอยากนี่เองจะเป็นตัวชักนำเรา ให้เข้าไปอยู่ในความปกครองของมัน หากเราเองไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจของตนเอง
เราเองก็เป็นคนหนึ่งที่ที่เคยผ่านช่วงวัยรุ่นมาเคยมีเเฟนช่วงวัยเรียน แม้พ่อแม่และครูที่ปรึกษาคอยว่ากล่าวตักเตือนก็ไม่เคยสนใจเพราะความรักมันทำให้คนตาบอดจริงๆ กลับกลายเป็นไม่พอใจที่พ่อแม่และครูมายุ่งวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัวของตนมากเกินไป และเกลียดที่จะพบปะพูดคุยกับคนที่คอยจะมาว่ากล่าว ตักเตือนสั่งสอน ซึ่งตอนนั้นเราไม่เข้าใจว่าพ่อแม่และครูนั้นหวังดีต่อเรามากแค่ไหน เขาจึงได้ห้ามจึงได้เตือน แต่เรากลับมองว่าจู้จี้น่ารำคาญ เคยได้ยินคำนี้ไหมคะเพื่อนๆ ที่เขาได้กล่าวไว้ว่า ความรักในวัยเรียนเหมือนจุดเทียนกลางสายฝน ซึ่งคำกล่าวนี้มันตรง และอธิบายถึงรักในวัยเรียนเองได้ดีมาก
เราไม่รู้ว่าอนาคตของเรานั้นจะเป็นไปในทางใด น้อยคู่นักที่มีรักในวัยเรียนแล้วจะประคองรักฝ่าฟันสายฝนจนเรียนจบไปถึงการทำงานและแต่งงานอยู่ร่วมกันได้ เพราะส่วนใหญ่ที่เราเคยเห็นจากประสบการณ์ตัวเองนั้นมีอยู่ 2อย่าง อย่างแรก คือรักกันในวัยเรียนต่างคนต่างไม่ประคองเรื่องเรียนไปด้วยเอาเเต่เรื่องรักเป็นใหญ่สุดท้ายก็ไปไม่ถึงฝั่งเทียนก็ดับไปเช่นผู้หญิงต้องทิ้งการเรียนออกไปเพราะตั้งครรภ์ ส่วนผู้ชายต้องทิ้งเรียนไปเพื่อทำงานหาเลี้ยงเพราะทำหญิงท้อง ซึ่งจากปัญหานี้เกิดในวัยรุ่นมากที่สุดเพราะการป้องกันของวัยรุ่นนั้นน้อยมากถึงไม่มีเลย หากมีก็อาจจะป้องกันแบบไม่ถูกวิธีจนทำให้พลาดพลั้งได้ ส่วนอย่างที่สอง คือคู่รักในวัยเรียนครองรักกันไปได้จนเรียนจบแต่พอเข้าสู่วัยทำงานต่างคนต่างมีหน้าที่การงานและภาระหน้าที่ ที่ต้องร้บผิดชอบต่างกันไป ทำให้ความห่างเหิน เป็นตัวที่ทำให้ความรักของทั้งคู่บั่นทอนได้หากว่าทั้งคู่ไม่ซื่อสัตย์ต่อคนรักของตนเอง เพราะในการทำงานนั้นคุณเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และต้องได้พบปะสังสรรค์หรือร่วมงานกับผู้คนมากหน้าหลายตา หากสายใยรักของทั้งคู่ไม่แข็งแกร่งพอที่จะยึดหรือผูกมัดความรักของทั้งสองไว้ด้วยกันได้ ช่วงเวลานี้ก็เป็นอีกช่วงหนึ่งที่คู่รักของคุณอาจเกิดความหวั่นไหวต่อคนใหม่ที่ได้ใกล้ชิด ทำงานร่วมกันตลอดเวลาได้ นี่คืออนิจจังที่มักเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
ส่วนตัวปุ้ยเองนั้นรัก+เรียนจนจบมาได้ มานึกถึงตอนนี้รู้สึกผิดกับพ่อเเม่ ครูอาจารย์ที่คอยสอนสั่งเรามากเพิ่งมาเข้าใจและรู้ซึ้งถึงรสคำสอนก็วันนี้เอง ที่ท่านห้าม ท่านตักเตือน สั่งสอน เพราะเขาเหล่านั้นรักเราอยากให้เรามีอนาคตที่ดีในวันข้างหน้า และอีกอย่างท่านก็อาบน้ำร้อนมาก่อนเราแล้วจึงรู้ว่าเราควรจะปฏิบัติตัวอย่างไรเพื่อจะไปสู่อนาคตที่ดีได้ เพราะตั้งแต่เรียนมัธยมปลายจนถึงเรียนจนจบปริญญาตรีมาคบหากันกับเเฟนเป็นระยะเวลา7ปี ส่วนตัวของเราเองคิดว่าผู้ชายคนนี้แหละคือคนที่เราจะรักและใช้ชีวิตร่วมกันตลอดไป เราเองเป็นคนที่ซื่อสัตย์และมั่นคงกับคนรักมาก หากคนรักของเราซื่อสัตย์ต่อความรักของเราที่มีให้เขาทุกวันนี้เราคงจะยังใช้ชีวิตร่วมกันอยู่ แต่เพราะอย่างว่าความซื่อสัตย์ซึ่งกันและกันมันไม่มีเหลืออยู่แล้วฝืนอยู่กันต่อไปก็ช้ำใจเปล่าๆ จากวันนั้นตัดใจเดินออกมา แล้วรอคนที่ใช่เข้ามาแทนที่ คนที่เขารักและซื่อสัตย์ต่อความรักที่เรามีให้ดีกว่า มาวันนี้ตนเองคิดว่าเจอชายในฝันคนนั้นแล้ว😊😘และเราก็ได้แต่งงานอยู่กินกันมา แม้จะเป็นช่วงเวลาสามปีกว่าแต่ทุกวินาทีเขาทำให้เราสัมผัสได้ถึงความรักและความจริงใจที่เขามีให้เรา รู้สึกว่าทุกๆวันคือรักแรกพบของกันและกัน คือเคยรัก เคยดูแลอย่างไรในวันแรกที่พบกันจนวันนี้ก็ยังเหมือนเดิม และมากขึ้นเรื่อยๆ และหวังว่าเราจะเป็นแบบนี้ตลอดไปนะ
กลับไปเยี่ยมบ้านคราวหน้าอยากกลับไปขอขมาพ่อแม่ ครูอาจารย์ที่เราเคยล่วงเกินไป และอยากฝากน้องๆที่มีรักในวัยเรียนรู้จักป้องกันและเอาเรื่องเรียนาก่อนเพราะเรื่องรักนั้นเราจบมามีงานทำก็ยังไม่สาย อีกอย่างต้องหันหน้าคุยกับพ่อแม่ ครูอาจารย์ทุกครั้งเมื่อตนมีปัญหาเพราะการหนีปัญหาไม่ใช่ทางออกที่ดีเสมอไป
😘👍👍✉📖🌊
http://ruamsara.com/2016/06/22/about-me/
อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดของคุณในคำว่าชีวิตคู💑
คนบางคน..เหมาะสมกับลูก
แต่เขาไม่รักลูก
คนบางคน..รักลูก
แต่เขาไม่เหมาะสม
หากอยากจะรู้ว่า..เขารักลูกหรือเปล่า ?
อย่าใช้หูฟัง
แต่ให้ใช้ตามอง
ดูว่าเขา..ทุ่มเทต่อลูกสักเพียงใด
หากอยากรู้ว่า..เหมาะสมกันหรือเปล่า ?
อย่าตัดสิน..ว่าเขามีอะไร
แต่จงตัดสินจากรอยยิ้มของลูก
และนํ้าตา
ที่ต้องหลั่งไปเพราะเขา
คนที่ทำให้ลูกร้องไห้อยู่เสมอ
ต่อให้เพียบพร้อมสักแค่ไหน
ก็อย่าเลือกฝากชีวิตไว้
คนที่ทำให้ลูกยิ้มได้
ต่อให้ฐานะยากจนเพียงใด
ก็คุ้มค่าที่จะฝากชีวิตไว้
จงเลือกเหนื่อย เพราะหัวเราะ
อย่าเลือกสบาย แต่ต้องร้องไห้ทุกวัน
เลือกคนที่กล้าเก็บรูปเธอ
ไว้ในกระเป๋าสตางค์
เลือกคนที่กล้าลงรูปเธอ
ไว้หน้าไทม์ไลน์ของเขา
เลือกคนที่กล้าให้เธอรู้
ความเคลื่อนไหวของเขา
เลือกคนที่เขากล้าทุ่มเทความรักให้กับเธอ
Cr.จากเพจใดสักเพจหนึ่งจำไม่ได้แล้วเพราะเราคัดลอกมาเก็บไว้นานมากแล้ว
🏽🏽สิ่งสำคัญ🏽🏽
ทำยังไงให้รักของเรายังคงหวานเหมือนวันแรกที่คบกันและมากขึ้นเรื่อยๆไม่เคยรู้สึกว่าได้รับความรักน้อยลงไปจากเดิมหรือรู้สึกเบื่อ ซึ่ง ความรัก ความ ซื่อสัตย์ ความ จริงใจ ที่มีให้กันเสมอมา ยังคงมีให้กันเหมือนเดิมเสมอไป เคยได้ยินคนกล่าวไว้ไหมว่า คนที่เรารักและคนนั้นที่เขารักเราไม่จำเป็นต้องรวยล้นฟ้า ขอแค่ ให้เค้ารักเรา ให้เกียรติเรา ซื่อสัตย์ต่อเรา และสามรถดูแลเราได้เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับคนรักกัน เท่านี้แหละที่มนุษย์เราต้องการ
สำหรับชีวิตคู่เพราะเงินทองนั้นเป็นของนอกกายที่เราจะช่วยกันหามาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่โอกาสที่เราาจะเจอคนแบบนี้ก็ไม่มีมากนัก ดังนั้นหากตอนนี้คุณมีคนรักที่ดีอยู่ข้างๆแล้วอย่าปล่อยมือเขาไปเด็ดขาดเพราะคุณจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต
เหมือนคำโบราณที่เคยกล่าวไว้ว่า มีผัวผิดคิดจนตัวตาย มันก็จริงอย่างที่เค้าว่านะ
อันนี้เรื่องราวคสามรักของเราที่อยากฝากเป็นแง่คิดให้สาวๆ
สมัยเรียนมัธยม เพื่อนๆต่างก็มีแฟนกันหมด เหลือแต่เราที่หน้าตาไม่เอาไหนเลยไม่มีใครมอง ตัวเองก็รู้สึกเหมือนเป็นจุดด้อยของกลุ่ม ซึ่งคุณเข้าใจไหมว่าอารมณ์วัยรุ่นนั้นชอบตามเพื่อนมากและมีวุฒิภาวะในการไตร่ตรองที่ไม่รอบคอบ ถ้วนถี่ หรือเรียกง่ายๆว่า กิเลศ หรือ ความอยากในภาษาบ้านๆ ซึ่งเราเชื่อว่าคุณเองก็เคยมีความอยาก ที่เวลาเห็นใครมีอะไรก็อยากมีแบบเขามั่ง เห็นใครทำอะไรก็อยากทำแบบนั้นมั่ง เห็นใครกินอะไรก็อยากกินแบบนั้นมั่ง นี่แหละคือความอยากของมนุษย์ และความอยากนี่เองจะเป็นตัวชักนำเรา ให้เข้าไปอยู่ในความปกครองของมัน หากเราเองไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจของตนเอง
เราเองก็เป็นคนหนึ่งที่ที่เคยผ่านช่วงวัยรุ่นมาเคยมีเเฟนช่วงวัยเรียน แม้พ่อแม่และครูที่ปรึกษาคอยว่ากล่าวตักเตือนก็ไม่เคยสนใจเพราะความรักมันทำให้คนตาบอดจริงๆ กลับกลายเป็นไม่พอใจที่พ่อแม่และครูมายุ่งวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัวของตนมากเกินไป และเกลียดที่จะพบปะพูดคุยกับคนที่คอยจะมาว่ากล่าว ตักเตือนสั่งสอน ซึ่งตอนนั้นเราไม่เข้าใจว่าพ่อแม่และครูนั้นหวังดีต่อเรามากแค่ไหน เขาจึงได้ห้ามจึงได้เตือน แต่เรากลับมองว่าจู้จี้น่ารำคาญ เคยได้ยินคำนี้ไหมคะเพื่อนๆ ที่เขาได้กล่าวไว้ว่า ความรักในวัยเรียนเหมือนจุดเทียนกลางสายฝน ซึ่งคำกล่าวนี้มันตรง และอธิบายถึงรักในวัยเรียนเองได้ดีมาก
เราไม่รู้ว่าอนาคตของเรานั้นจะเป็นไปในทางใด น้อยคู่นักที่มีรักในวัยเรียนแล้วจะประคองรักฝ่าฟันสายฝนจนเรียนจบไปถึงการทำงานและแต่งงานอยู่ร่วมกันได้ เพราะส่วนใหญ่ที่เราเคยเห็นจากประสบการณ์ตัวเองนั้นมีอยู่ 2อย่าง อย่างแรก คือรักกันในวัยเรียนต่างคนต่างไม่ประคองเรื่องเรียนไปด้วยเอาเเต่เรื่องรักเป็นใหญ่สุดท้ายก็ไปไม่ถึงฝั่งเทียนก็ดับไปเช่นผู้หญิงต้องทิ้งการเรียนออกไปเพราะตั้งครรภ์ ส่วนผู้ชายต้องทิ้งเรียนไปเพื่อทำงานหาเลี้ยงเพราะทำหญิงท้อง ซึ่งจากปัญหานี้เกิดในวัยรุ่นมากที่สุดเพราะการป้องกันของวัยรุ่นนั้นน้อยมากถึงไม่มีเลย หากมีก็อาจจะป้องกันแบบไม่ถูกวิธีจนทำให้พลาดพลั้งได้ ส่วนอย่างที่สอง คือคู่รักในวัยเรียนครองรักกันไปได้จนเรียนจบแต่พอเข้าสู่วัยทำงานต่างคนต่างมีหน้าที่การงานและภาระหน้าที่ ที่ต้องร้บผิดชอบต่างกันไป ทำให้ความห่างเหิน เป็นตัวที่ทำให้ความรักของทั้งคู่บั่นทอนได้หากว่าทั้งคู่ไม่ซื่อสัตย์ต่อคนรักของตนเอง เพราะในการทำงานนั้นคุณเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และต้องได้พบปะสังสรรค์หรือร่วมงานกับผู้คนมากหน้าหลายตา หากสายใยรักของทั้งคู่ไม่แข็งแกร่งพอที่จะยึดหรือผูกมัดความรักของทั้งสองไว้ด้วยกันได้ ช่วงเวลานี้ก็เป็นอีกช่วงหนึ่งที่คู่รักของคุณอาจเกิดความหวั่นไหวต่อคนใหม่ที่ได้ใกล้ชิด ทำงานร่วมกันตลอดเวลาได้ นี่คืออนิจจังที่มักเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
ส่วนตัวปุ้ยเองนั้นรัก+เรียนจนจบมาได้ มานึกถึงตอนนี้รู้สึกผิดกับพ่อเเม่ ครูอาจารย์ที่คอยสอนสั่งเรามากเพิ่งมาเข้าใจและรู้ซึ้งถึงรสคำสอนก็วันนี้เอง ที่ท่านห้าม ท่านตักเตือน สั่งสอน เพราะเขาเหล่านั้นรักเราอยากให้เรามีอนาคตที่ดีในวันข้างหน้า และอีกอย่างท่านก็อาบน้ำร้อนมาก่อนเราแล้วจึงรู้ว่าเราควรจะปฏิบัติตัวอย่างไรเพื่อจะไปสู่อนาคตที่ดีได้ เพราะตั้งแต่เรียนมัธยมปลายจนถึงเรียนจนจบปริญญาตรีมาคบหากันกับเเฟนเป็นระยะเวลา7ปี ส่วนตัวของเราเองคิดว่าผู้ชายคนนี้แหละคือคนที่เราจะรักและใช้ชีวิตร่วมกันตลอดไป เราเองเป็นคนที่ซื่อสัตย์และมั่นคงกับคนรักมาก หากคนรักของเราซื่อสัตย์ต่อความรักของเราที่มีให้เขาทุกวันนี้เราคงจะยังใช้ชีวิตร่วมกันอยู่ แต่เพราะอย่างว่าความซื่อสัตย์ซึ่งกันและกันมันไม่มีเหลืออยู่แล้วฝืนอยู่กันต่อไปก็ช้ำใจเปล่าๆ จากวันนั้นตัดใจเดินออกมา แล้วรอคนที่ใช่เข้ามาแทนที่ คนที่เขารักและซื่อสัตย์ต่อความรักที่เรามีให้ดีกว่า มาวันนี้ตนเองคิดว่าเจอชายในฝันคนนั้นแล้ว😊😘และเราก็ได้แต่งงานอยู่กินกันมา แม้จะเป็นช่วงเวลาสามปีกว่าแต่ทุกวินาทีเขาทำให้เราสัมผัสได้ถึงความรักและความจริงใจที่เขามีให้เรา รู้สึกว่าทุกๆวันคือรักแรกพบของกันและกัน คือเคยรัก เคยดูแลอย่างไรในวันแรกที่พบกันจนวันนี้ก็ยังเหมือนเดิม และมากขึ้นเรื่อยๆ และหวังว่าเราจะเป็นแบบนี้ตลอดไปนะ
กลับไปเยี่ยมบ้านคราวหน้าอยากกลับไปขอขมาพ่อแม่ ครูอาจารย์ที่เราเคยล่วงเกินไป และอยากฝากน้องๆที่มีรักในวัยเรียนรู้จักป้องกันและเอาเรื่องเรียนาก่อนเพราะเรื่องรักนั้นเราจบมามีงานทำก็ยังไม่สาย อีกอย่างต้องหันหน้าคุยกับพ่อแม่ ครูอาจารย์ทุกครั้งเมื่อตนมีปัญหาเพราะการหนีปัญหาไม่ใช่ทางออกที่ดีเสมอไป
😘👍👍✉📖🌊http://ruamsara.com/2016/06/22/about-me/