สมดุลย์อำนาจโลกกำลังจะเปลี่ยน (รึเปล่า)

นับตั้งแต่การล่มสลายของโซเวียตเป็นต้นมา ทุนนิยมอเมริกาขยายอำนาจไปทั่วโลก ในช่วงยุคต้นปีของศตวรรษที่ 21 สถานการณ์รอบโลกดูเหมือนจะเข้าข้างเอนเอียงไปทางอเมริกากับชาติพันธมิตร มากกว่าจะหันมาทางตะวันออก แต่เมื่อศตวรรษนี้ขึ้นเลข 10 สถานการณ์รอบโลกดูเหมือนกำลังจะแปรผันเป็นตรงกันข้ามกับช่วงต้นของศตวรรษจนวันนี้จากที่เคยบอบช้ำจากการล่มสลายของสหภาพตอนนี้รัสเซียฟื้นตัวเเล้ว และได้เริ่มทวงคืนอิทธิพลเก่าสมัยยังเป็นสหภาพกลับคืนมาทีละน้อย ในขณะที่อีกชาติ 1 ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านกันกำลังขยายกองทัพด้วยจำนวนทั้งกำลังคนและทรัพยากรที่มากมายมหาศาล ตอนนี้จากขี้โรคแห่งเอเชียได้ขึ้นผงาดเป็นมหาอำนาจอันดับ 1 ของเอเชียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ยุโรปกำลังหวาดกลัวต่อภัยก่อการร้าย ซ้ำยังต้องรับมือกับการทวงคืนอำนาจของรัสเซียใหม่ นั่นหมายถึงการใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลไปกับนาโต้ ซ้ำร้ายยิ่งกว่านั้นการถอนตัวออกไปจากสมาชิกระดับแกนนำอียูยิ่งทำให้เสถียรภาพด้านความมั่นคงดูเสื่อมคลายลงไปอีกถึงแม้ว่าจะยังคงมีความน่าเชื่อถืออยู่ก็ตามแต่สหภาพยุโรปกำลังอ่อนแอลง พวกเขาจะทำอะไรได้แค่รัสเซียระงับการส่งก๊าซธรรมชาติให้ก็ทำให้เศรษฐกิจเกือบจะพังกันหมดแล้ว อีกไม่นานหลังจากนี้อำนาจต่อรองของรัสเซียน่าจะมากกว่าของอเมริกา แม้แต่อเมริกาเองหรือแม้กระทั่งสหภาพยุโรปยังคงส่งเสริมและตั้งการลงทุนในประเทศจีนอย่างมหาศาลยิ่งทำให้จีนนั้นแข็งแกร่งขึ้น มีอำนาจต่อรองมากยิ่งขึ้น จนอีกไม่นานจีนจะมีอำนาจมากกว่าชาติตะวันตกชั้นนำบางชาติสะอีก แต่นี่จะยังคงไม่ใช่ชนวนเหตุของสงครามโลกครั้งที่สองไปสงครามโลกครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อทรัพยากรเหลือน้อยลง ยิ่งเป็นชนวนเหตุเพิ่มความขัดแย้งมากกว่าศาสนาเสียอีกนะ ระหว่างบทสวดมนต์กับของที่ต้องกินต้องใช้อะไรมีความสำคัญมากกว่ากัน เว้นเสียแต่ว่ามนุษย์จะสามารถหาแหล่งพลังงานใหม่ที่มีมากมายมหาศาลหรือไม่ก็สามารถสร้างพลังงานขึ้นอย่างไม่มีขีดจำกัดได้นั่นแหละจะเป็นปาฏิหาริย์ในการหยุดสงครามโลกครั้งที่ 3 แต่เอาเป็นว่าตอนนี้สิ่งที่ข้าพเจ้ากำลังมองเห็นและรับรู้อยู่ทุกวันนั่นก็คืออำนาจนั้นไม่มีอะไรที่เป็นที่แน่นอนหรือแน่ชัดมันสามารถย้ายไปอยู่กับคนที่มีโอกาสมากกว่าและมีกลยุทธ์ในการรักษามันไว้ได้มากกว่า ตอนนี้ขอให้ทุกท่านอย่าเพิ่งมองไปถึงสงครามโลกครั้งใหม่แต่ขอให้มองไปถึงแค่ว่าต่อไปใครจะมีอำนาจต่อรองมากกว่าใครแค่นั้นก่อน