ทุ่งดอกกระเจียว หมอกไหล ผากว้าง สะดวกสบาย - อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม - ชัยภูมิ



เด็กไปได้ ผู้ใหญ่ไปดี วัยรุ่นชอบ มีความสุขไปกับสวนหย่อมขนาดใหญ่ที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม








สารบัญ



*** รำลึกจุดหมายของการเดินทางครั้งแรก
*** เป้าหมายในวันนี้
*** หลงรถติดในกรุงเทพ
*** ความคึกคักของฤดูท่องเที่ยวที่ป่าหินงาม
*** การเช่าเต็นท์อุทยานแห่งชาติ
*** ความสะดวกที่ทำให้อุทยานแห่งชาติป่าหินงามคือสวนหย่อมแบบอลังการ
*** ช่วงไหนที่ควรมาเที่ยวที่นี่
*** การเตรียมตัว และคำแนะนำในการเที่ยวที่นี่
*** สรุปค่าใช้จ่ายของผม


ดอกกระเจียว คือพืชล้มลุกประเภทมีหัว อยู่ในวงศ์ขิง ข่า และขมิ้น บานแข่งกันในช่วงฤดูฝน



รำลึกจุดหมายของการเดินทางครั้งแรก



เขาว่ากันว่า ครั้งแรกจะเป็นสิ่งที่จดจำได้ง่าย ลืมยาก น่าจะจริงเมื่อย้อนถึงการเดินทางครั้งแรกของผม ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเกือบปีที่แล้ว ช่วงท้ายฤดูฝน กับชัยภูมิ ทุ่งดอกกระเจียวของอุทยานแห่งชาติไทรทอง ที่ไม่ได้เห็นดอกกระเจียวแม้แต่ก้านของมัน


เจ้า YAMAHA Spark 115i รูปเมื่อสมัยที่ยังพึ่งให้มันพาเราไปทั่ว ปัจจุบันประจำการอยู่กับน้องสาว

ในครั้งอดีต เดินทางครั้งแรก ผิดแผน และก็มีความกังวลเต็มไปหมดในช่วงวันแรก รถก็วิ่งช้า จะแซงรถบรรทุกแต่ละที คิดแล้วคิดอีก ไม่แซงก็ไม่ได้ ตามหลังพี่ใหญ่ไปนาน ๆ เหมือนจะน่ากลัว ใช้เวลาเดินทางก็นาน ถึงที่หมายก็ฟ้ามืด กางเต็นท์ก็ไม่เป็น เจ้าหน้าที่ไม่มีซักคน ที่สำคัญนักท่องเที่ยวก็ไม่มี ทุกอย่างดูวุ่นวายไปหมดในวันแรกที่เดินทาง แถมไม่ได้ชมดอกกระเจียวด้วย เพราะมันช่วงท้ายของฤดูท่องเที่ยวแล้ว ผลคือต้องกลับบ้านในวันถัดมา แต่ตอนเช้า ขี่รถ YAMAHA Spark 115i อย่างช้า ๆ กลับกรุงเทพ ความสดชื่นตรงนั้น เพียงแค่นั้น แค่นั้นจริง ๆ เป็นตัวผลักดันให้ผมออกเดินทางอย่างถี่ขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน ‘ผมชอบเหลือเกินกับการเดินทางอยู่นอกกรุงเทพในตอนเช้า ๆ โดยเฉพาะในป่า ในเขา’

การเดินทางครั้งนี้ค่อนข้างรีบเร่ง ไม่แน่ใจว่าต้องพักกี่คืน (แต่สรุปแล้วอยู่แค่คืนเดียว) และเล็งไว้ว่าจะเขียนบทความเกี่ยวกับ 2 อุทยานแห่งชาติที่เด่นเรื่องทุ่งดอกกระเจียวเหมือนกัน คือ ป่าหินงาม กับไทรทอง

แต่สุดท้ายก็อยู่พักแค่คืนเดียว และตัดสินใจทำรีวิวเฉพาะในส่วนของอุทยานแห่งชาติป่าหินงามอย่างเดียวก่อน เพราะวันที่ 12 - 14 จะมีทริปเดินทางไปห้วยขาแข้งอีก จึงต้องรีบกลับมาเตรียมตัว



เป้าหมายในวันนี้



ถึงจะเปลี่ยนจากไทรทอง มาป่าหินงามที่ดูจะสะดวกกว่าด้วยเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ทำทางไว้อย่างดี เดินสะดวก ไม่ลื่น ไม่เละ มีรถรับ-ส่งนักท่องเที่ยวจำนวนมาก (ที่ไทรทองก็ได้ข่าวว่ามี แต่ครั้งที่ผมไปนั้นเงียบเหงาไร้ผู้คน เพราะเป็นช่วงหมดฤดูท่องเที่ยวพอดี) และครั้งนี้มากับ YAMAHA เช่นเคย แต่เป็น M-Slaz ที่เพิ่ม cc. เข้ามาอีกนิด ตัวใหญ่ขึ้นมาอีกมากหน่อย หนักมากขึ้น แต่ไม่มีปัญหากับเส้นทางจากกรุงเทพสู่อุทยานแห่งชาติป่าหินงามเลย เพราะถนนลาดยางมาตลอดจนถึงอุทยาน ความสะดวกอีกอย่างคือการที่เราไม่ต้องเปิดเบาะเติมน้ำมันเหมือนครั้งใช้ Spark 115i ที่แพ็คของไว้ตรงเบาะหลังรถเยอะมาก แล้วต้องมานั่งขนขึ้น ขนลงตอนเติมน้ำมัน อีกทั้งถังน้ำมันก็เลิกกว่า M-Slaz มาก ทำให้ต้องเติมน้ำมันบ่อย พร้อมกับพกถังน้ำมันสำรองไว้ตลอดเวลา แต่หลังจากใช้ M-Slaz ผมไม่เคยต้องใช้ถังน้ำมันสำรองอีกเลย ยิ่งถ้าวิ่งไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คุณอาจจะแปลกใจที่ M-Slaz ประหยัดน้ำมันได้ถึงประมาณ 50 กิโลต่อลิตรได้เลยในการขี่เรื่อย ๆ ออกต่างจังหวัด


เจ้า M-Slaz ครั้งเมื่อไปภูลมโล ตอนนั้นแบกเต็นท์ เครื่องนอน แบกอุปกรณ์ทำครัวเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปด้วย แล้วก็อุปกรณ์ถ่ายภาพ หนักแบบนี้ แต่ตอนกลับยังเปรี้ยวขี่หนัก ๆ วิ่งไปภูขี้เถ้า ซึ่งทางวิบากเอาเรื่อง และชันเป็นจุด ๆ



หลงรถติดในกรุงเทพ



ผมออกจากกรุงเทพโดยการแวะไปหาน้องสาวแถวรามคำแหงก่อน จนถึงเที่ยงก็ออกเดินทาง โดยให้ GPS นำทาง แต่ไม่ได้เช็คเส้นทางให้ดีก่อน รถติดเป็นเรื่องที่ทำใจไว้ส่วนหนึ่งแล้ว แต่ตอนวิ่งไปรู้สึกกังวล เพราะถึงผมจะเกิดกรุงเทพ แต่แทบไม่จำเส้นทางในกรุงเทพเท่าไหร่เลย ใช้มือถือนำทางมาตลอด พอวิ่งออกจากราม GPS ก็พาไปถนนหมายเลข 9 ดูแล้วเหมือนจะมีค่าผ่านทาง และผมไม่ได้มาแถวนี้บ่อย ไม่แน่ใจว่ามีถนนเลียบทางไปด้วยไหม จึงวกเข้าเมือง วนไปวนมา หลงไปกับรถติด กว่าจะออกมาได้ก็ปาไปบ่ายโมงถึงจะเริ่มพ้นเขตกรุงเทพ


M-Slaz กับทริปนี้ ขนของน้อยลงเพราะไม่ได้เอาเต็นท์กับเครื่องนอน รวมถึงเครื่องครัวก็ไม่ได้เอาไป แต่อุปกรณ์กล้องมีเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ยัด ๆ ลงไปในกล่องหลังได้เกือบหมด แต่ก็ค่อนข้างแออัด แต่สำหรับตัวกล้องจะสะพายติดตัวไว้ตลอดเวลากับเลนส์ระยะ 24-70 mm.

จากนั้นก็วิ่งยาว ๆ โดยใช้ถนนเส้นหลักอย่างถนนหมายเลข 1 ต่อด้วยถนนหมายเลข 21 จนถึงลพบุรีถึงเริ่มออกเข้าสู่ถนนเส้นย่อย ๆ ซึ่งถนนก็อยู่ในสภาพที่ดี ใช้เวลาไม่เกิน 4 ชั่วโมง รวมเวลาพักระหว่างทางอย่างไงก็น่าจะถึงแน่นอนครับ บางคนอาจจะใช้เวลาแค่ 3 ชั่วโมงด้วยซ้ำกับระยะทางประมาณเกือบ 300 กิโลเมตร

มีจุดอยากแวะถ่ายรูปอยู่บ้างระหว่างทาง แต่ก็ตัดสินใจไม่แวะวิ่งยาวตลอด เพราะคำนวนแล้วน่าจะถึงอุทยานแห่งชาติในช่วงบ่ายแก่ ๆ กลัวว่าจะไม่มีเวลาสำรวจ และถ่ายแสงเย็นได้ เพราะถ้าถ่ายแสงเย็นได้ เก็บข้อมูลช่วงเย็นได้พอใจ อาจจะได้กลับบ้านเร็วเพื่อมาเตรียมตัวสำหรับทริปถัดไปได้

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่