ส่วนตัวต้องบอกก่อนว่าตัวเองมีอาชีพเป็นพยาบาลห้องผ่าตัดค่ะ ส่วนตัวไม่มีปัญหากับคนไข้นะค่ะ เพราะส่วนใหญ่คนไข้ต้องมีการดมยาสลบหรือการ block หลัง จริง ๆ ถ้าไม่เกี่ยวกับตัวเรา ส่วนใหญ่เราไม่สนใจค่ะ แต่เผอิญเพื่อนเอากระทู้เรื่อง
หมอและเจ้าหน้าที่ รพ. นอนหลับระหว่างการขึ้นปฏิบัติงานได้ด้วยเหรอ ?? เอามาให้อ่านค่ะ
เราเลยอยากแชร์ประสบการณ์ของพยาบาล(รุ่นพี่หลายๆ ท่าน ค่ะ) เอามาให้ฟังกันค่ะ
เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริงในรพ.รัฐแห่งหนึ่งค่ะ
ต้องบอกไว้ก่อนนะค่ะ โรงพยาบาลรัฐมีเวลาทำการคือ 8.00-16.00 ส่วนหลังจากนั้นคือนอกเวลาทำการ โรงพยาบาลปิด แต่พยาบาลไม่ได้หยุดตามเวลานะค่ะ เพราะยังไม่มีคนไข้อีกหลายรายที่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล เพราะฉะนั้นพยาบาลต้องทำงานตลอด 24 ชม.ค่ะ ที่รพ. จะแบ่งเป็น 3 กะ เช้า8-16 บ่าย16-24 ดึก24-8
ฮั่นแน่บางคนอาจคิดว่าพยาบาลทำงานแบบออฟฟิศ 8 ชม. เป๊ะ ๆ ละซิ จะบอกว่า NO เราต้องรับเวรก่อนเวลาครึ่งชม.ค่ะ และลงเวรช้ากว่าเวลาครึ่งชม.ค่ะ บางแผนกที่ส่งเวรกันช้าจะยิ่งกลับได้กลับช้า อ่ะเริ่มงง สมมติให้ฟังนะค่ะ เวรเช้าควรมา 7.30 ค่ะ มารอฟังเวรดึกเขาส่งเวร(อัพเดตความเป็นไปของคนไข้ค่ะ หมอมาดูแผลหรือยัง อาการดีขึ้นไหม? ฝากเวรต่อไปทำนี่ด้วยนะ บลาๆๆ อัพเดตไปค่ะ คนไข้มีกี่รายอัพให้ครบทุกคนค่ะ) หลังจากนั้นก็ทำงานค่ะ เมื่อถึงเวลาพยาบาลเวรบ่ายจะมารับเวรกับหัวหน้าเวรเช้าค่ะ แต่พยาบาลเวรเช้าคนอื่นยังลงไม่ได้นะค่ะ เพราะอะไรน้า~ ไม่ใช่เหตุผลเกรงใจพี่ยังไม่ลง เราจะไม่ลงนะค่ะ สาเหตุแท้จริงที่เวรเช้ายังลงไม่ได้เพราะว่า พยาบาลเวรบ่ายเค้าจะไม่เริ่มงานจนกว่ารับเวรเสร็จค่ะ เพราะฉะนั้นระหว่างการส่งเวรลูกทีมเวรเช้าจะต้องทำต่อจนกว่าการส่งเวรจะเสร็จสิ้นค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเสร็จประมาณ สี่โมงกว่า สี่โมงครึ่ง หรือบางวันข้อมูลที่ต้องส่งเยอะห้าโมงกลับก็มีค่ะ เพราะฉะนั้นดีไปเลยค่ะ 9 ชม. (ยกเว้นแผนกผู้ป่วยนอกที่เปิดแค่เวลาทำการค่ะ)
ปัจจุบันเรายังไม่นับอีกนะค่ะว่าพยาบาลยังไม่เพียงพอ ทำให้มีเกิดวงจรอุบาทว์อย่างเช่น ทำงานเช้า ดึก บ่าย เช้า = ทำงาน 8-16 ต่อ 24-8 ต่อ 16-24 ต่อ 8-16 ขอบอกเลยนะค่ะว่าวงจรอุบาทว์นี่พยาบาลแผนกผู้ป่วยในเจอกันทุกคนค่ะ ถ้าถามว่าได้เงินพิเศษไหม ตอบว่าได้ค่ะ(ในกรณีที่เราทำงานเกินกว่า22 เวรค่ะ ค่า 22 มาจากไหน คิดตามนะค่ะเดือนส่วนใหญ่มี 30 วัน = ประมาณ 4 สัปดาห์ เป็นเสาร์-อาทิตย์สัก 8 วัน 30-8= 22) ถ้าถามว่าจะบ่นทำไม ตอบเพราะมันเลือกไม่ได้ไงค่ะ คือบางทีคนเราก็อยากได้เวรน้อย เงินน้อยเบี้ยเวรน้อยก็ได้ค่ะ แต่หัวหน้าแผนกถามว่าแล้วจะเหลือใครทำงานค่ะ คนไม่พอ ทำงานแบบนี้ได้ตังค์แต่เสียสุขภาพค่ะ(ไม่ไหวมั้ง)
ขอโทษนะค่ะที่บทนำยาวไปหน่อยคืออยากให้เข้าใจพยาบาลรัฐบาลบ้างอ่ะค่ะ (พยาบาลรัฐก็เสียภาษีเหมือนกันนะค่ะ)
เรื่องที่ 1 ที่ ER (ห้องฉุกเฉิน) (ขอใช้คำว่า เคส = case = ความหมายประมาณว่า...กรณีความเจ็บป่วยของคนไข้)
เป็นห้องนี้เป็นห้องหน้าด่านค่ะ คอยรับเคสสากกระบือยันเรือรบ คือ มีตั้งแต่ เบา ๆ เล็กน้อย เป็นลม เป็นไข้ ท้องเสีย อาเจียน เป็นแผล หมากัด แมวข่วน ยันเคสหัวแตก นิ้วขาด รถชน ชัก ตกตึก ไส้ติ่งอักเสบ ถูกยิง ปืนลั่น โดนระเบิด ไฟคลอก ปวดท้องคลอด แท้ง ฯลฯ นานาเคสกันเลยทีเดียว
ในวัน ๆ หนึ่งของพี่พยาบาล ER เกิดเหตุมีคนไข้รายหนึ่งถูกไฟคลอกหายใจเองไม่ได้ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ ต้องให้ออกซิเจนด้วยเครื่อง ส่วนอีกรายเป็นคนไข้รู้สึกตัว คาดว่าน่าจะเมาเหล้ามีบาดแผลตีกัน ร้องโวยวายบ่นปวด ทั้งสองนอนเตึยงข้าง ๆ กัน และทันใดนั้นเกิดเหตุไม่ได้ฝันขึ้น คือ....
ไฟดับ!!! พระเจ้าช่วย กล้วยทอด คนไข้ที่โดนไฟคลอกผู้ซึ่งไม่สามารถหายใจได้เอง ต้องอาศัยเครื่องในการหายใจแล้วเครื่องก็ต้องอาศัยไฟฟ้า! สรุปคือเครื่องนั้นไม่สามารถทำงานได้ ณ สถานการณ์นั้นพี่พยาบาลท่านนั้นต้องยืนใช้เครื่องช่วยหายใจที่ใช้มือบีบ(ambu bag ที่ต่อกับแท็งก์ออกซิเจน)ตลอดเวลาแทนเครื่องค่ะ ไม่สามารถดูแลคนไข้รายอื่นได้ ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพยาบาลท่านอื่นไป ขณะนั้นเองที่คนไข้เตี้ยงข้างยังคงทำการโวยวายและด่าพยาบาลที่ไม่สนใจตนต่อไป สร้างความขุ่นเคืองให้พี่ท่านั้นพอสมควรที่เีดียว
คำถาม พยาบาล เลือกรักษาคนไข้ได้หรือไม่
ตอบ ไม่ได้ค่ะเพราะเรามีคำว่า จรรยาบรรณวิชชีพอยู่ค่ะ แต่บางครั้งการที่ให้การรักษาท่านไม่ได้อาจเป็นเพราะเราติดให้การรักษาท่านอื่นอยู่ค่ะ หรือจำเป็นต้องให้การรักษาในรายที่ได้จำเป็นกว่าค่ะ(หากพบพยาบาลท่านใด ไม่มีจรรยาบรรณ รายงานหัวหน้าพยาบาลเพื่อดำเนินการต่อไปได้ค่ะ หรือเขียนใบร้องเรียนแต่ขอว่าจำชื่อด้วยนะค่ะ จะได้ว่าถูกตัว ไม่ใช่โดนด่ากันทั้งแผนก ถ้าจะให้ถึงขั้นไล่ออกนี่น่าจะยาก ปัจจุบันยังขาดคนทำงานอยู่เลย TT__TT)
แต่เราอยากให้ท่านมองเราเป็นคนเหมือนกันค่ะ ขอเวลากินข้าวบ้าง ขอเวลาพักบ้างค่ะ เราไม่สามารถทำให้ถูกใจทุกคนได้ค่ะ พยาบาลมีทั้งดีทั้งเลวค่ะ เหมือนกันทุกอาชีพไม่ได้ต่างนะค่ะ อยากให้มองเป็นรายบุคคล มากกว่าเหมารวมค่ะ
เรื่องที่ 2 เป็นที่แผนกผู้ป่วยในค่ะ
ณ ห้องพิเศษ (ห้องพิเศษเวลาให้การพยาบาลเราต้องให้เข้าไปในห้องพักผู้ป่วย บางครั้งอาจไม่มีใครเฝ้าเคาน์เตอร์พยาบาล แม้แต่พนักงานของเราก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ไปเอาเลือด เดินไปเบิกของ เก็บห้องเตรียมห้อง ฯลฯ)
ขณะที่พี่พยาบาลท่านหนึ่งกำลังเจาะเลือดคนไข้เพื่อการส่งตรวจในห้อง A อยู่นั้น จู่ ๆ ปรากฎมีญาติผู้ป่วยห้อง B เป็นหญิงไทยไม่ทราบชื่อ(ไร้ซึ่งมารยาท!:อันนี้พี่เขาไม่ได้กล่าวค่ะ จขกท.ด่าเองค่ะ) เดินมาหน้าประตูห้อง A ที่เปิดค้างไว้แล้วด่าพยาบาล ณ ตรงนั้น อ้างไม่มีใครไปดูญาติตน กดตั้งนานแล้ว(คนไข้ห้องB ไม่ได้อาการหนักใกล้ตายเสียเมื่อไร)
อันนี้จขกท.คิดว่าไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มนะค่ะ
=_=" สุดท้ายคืออยากจะบอกว่า บางทีการที่คนเราเอาเรื่องมาลงในเน็ต ขอให้ทุกคนอ่านอย่างพิจารณาค่ะ ไม่แน่ถ้าเป็นญาติของเรื่องที่ 2 มาพิมพ์เค้าอาจจะเล่าเป็นหนังคนล่ะม้วนกับจขกท.เลยก็ได้ค่ะ การพิมพ์ข้อความทางเน็ตเป็นการเล่าผ่านมุมมองเพียงฝ่ายเดียว โดยที่เราลืมมองอีกฝ่ายหนึ่งไปหรือป่าวค่ะ ขอให้ทุกคนอ่านอย่างพิจารณาค่ะ จากพยาบาลห้องผ่าตัดรัฐแห่งหนึงในไทย
ป.ล. พยาบาลไม่ใช่ขี้ข้า แล้วก็หมอไม่ใช่พระเจ้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้พยาบาลคือผู้ที่ให้การรักษา ดูแล Care บางที ญาติคนไข้คงลืมไป อะไรทีช่วยกันได้ก็ควรช่วย ยกตัวอย่างคนไข้ที่เคลื่อนไหวไม่ได้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ อะไรบ้างอย่างที่ญาติช่วยได้ก็ควรช่วย การเช็ดปัสสาวะ อุจจาระ บางอย่าง พ่อแม่ตัวเองแท้ ๆ กลับทำให้ไม่ได้ ต้องรอให้คนอื่นทำตัวเองชี้นิ้วสั่งมันก็คงไม่ใช่ ถ้าญาติคนเดียวไม่ไหว ก็เรียกพยาบาลได้อยู่แล้ว ถ้าว่างพยาบาลเองก็ไปทำให้หมดด้วยซ้ำ คือบางอย่างไม่จำเป็นต้องรอพยาบาลทำหรือเปล่าค่ะ: คหสต.ของจขกท.
หมอก็ไม่ใช่พระเจ้า เวลาคนไข้มีอะไรสงสัยก็ถามได้ค่ะ ถามได้ไม่ใช่หมอให้ทำอะไรก็ทำ เป็นสิทธิของตัวเองนะค่ะ (เห็นบางคนกลับมาถามพยาบาล ตอนหมออยูไม่ถามค่ะ พยาบาลตอบได้แค่ในวิชาชีพตัวเองค่ะ ตอบเหมือนหมอเป๊ะคงไม่ได้) แล้วก็หมอก็คนค่ะ ไม่สามารถรักษาให้คนไข้หายได้ 100% หรอกค่ะ ไม่เชื่อลองถามหมอสิค่ะอยากรักษาคนไข้ให้หาย 100% หรือไม่ เชื่อค่ะว่าทุกคนอยากให้คนไข้ของตัวเองหาย แต่ชีวิตไม่ได้ง่ายอย่างนั้น ถ้าไม่แน่ใจการรักษาคนไข้มีสิทธิ์เปลี่ยนหมอได้ค่ะ แต่หาเจอคุณหมอระดับเทพเจ้าคงไม่มี เผื่อใจไว้บ้างค่ะ หมอดีก็มีค่ะ หมอไม่ดีก็มีเหมือนกันก็คนนิค่ะ 
คนไข้มีสิทธิ์เลือกหมอเลือกพยาบาล ส่วนหมอหรือพยาบาลไม่มีสิทธิ์เลือกคนไข้!!
เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริงในรพ.รัฐแห่งหนึ่งค่ะ
ต้องบอกไว้ก่อนนะค่ะ โรงพยาบาลรัฐมีเวลาทำการคือ 8.00-16.00 ส่วนหลังจากนั้นคือนอกเวลาทำการ โรงพยาบาลปิด แต่พยาบาลไม่ได้หยุดตามเวลานะค่ะ เพราะยังไม่มีคนไข้อีกหลายรายที่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล เพราะฉะนั้นพยาบาลต้องทำงานตลอด 24 ชม.ค่ะ ที่รพ. จะแบ่งเป็น 3 กะ เช้า8-16 บ่าย16-24 ดึก24-8
ฮั่นแน่บางคนอาจคิดว่าพยาบาลทำงานแบบออฟฟิศ 8 ชม. เป๊ะ ๆ ละซิ จะบอกว่า NO เราต้องรับเวรก่อนเวลาครึ่งชม.ค่ะ และลงเวรช้ากว่าเวลาครึ่งชม.ค่ะ บางแผนกที่ส่งเวรกันช้าจะยิ่งกลับได้กลับช้า อ่ะเริ่มงง สมมติให้ฟังนะค่ะ เวรเช้าควรมา 7.30 ค่ะ มารอฟังเวรดึกเขาส่งเวร(อัพเดตความเป็นไปของคนไข้ค่ะ หมอมาดูแผลหรือยัง อาการดีขึ้นไหม? ฝากเวรต่อไปทำนี่ด้วยนะ บลาๆๆ อัพเดตไปค่ะ คนไข้มีกี่รายอัพให้ครบทุกคนค่ะ) หลังจากนั้นก็ทำงานค่ะ เมื่อถึงเวลาพยาบาลเวรบ่ายจะมารับเวรกับหัวหน้าเวรเช้าค่ะ แต่พยาบาลเวรเช้าคนอื่นยังลงไม่ได้นะค่ะ เพราะอะไรน้า~ ไม่ใช่เหตุผลเกรงใจพี่ยังไม่ลง เราจะไม่ลงนะค่ะ สาเหตุแท้จริงที่เวรเช้ายังลงไม่ได้เพราะว่า พยาบาลเวรบ่ายเค้าจะไม่เริ่มงานจนกว่ารับเวรเสร็จค่ะ เพราะฉะนั้นระหว่างการส่งเวรลูกทีมเวรเช้าจะต้องทำต่อจนกว่าการส่งเวรจะเสร็จสิ้นค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเสร็จประมาณ สี่โมงกว่า สี่โมงครึ่ง หรือบางวันข้อมูลที่ต้องส่งเยอะห้าโมงกลับก็มีค่ะ เพราะฉะนั้นดีไปเลยค่ะ 9 ชม. (ยกเว้นแผนกผู้ป่วยนอกที่เปิดแค่เวลาทำการค่ะ)
ปัจจุบันเรายังไม่นับอีกนะค่ะว่าพยาบาลยังไม่เพียงพอ ทำให้มีเกิดวงจรอุบาทว์อย่างเช่น ทำงานเช้า ดึก บ่าย เช้า = ทำงาน 8-16 ต่อ 24-8 ต่อ 16-24 ต่อ 8-16 ขอบอกเลยนะค่ะว่าวงจรอุบาทว์นี่พยาบาลแผนกผู้ป่วยในเจอกันทุกคนค่ะ ถ้าถามว่าได้เงินพิเศษไหม ตอบว่าได้ค่ะ(ในกรณีที่เราทำงานเกินกว่า22 เวรค่ะ ค่า 22 มาจากไหน คิดตามนะค่ะเดือนส่วนใหญ่มี 30 วัน = ประมาณ 4 สัปดาห์ เป็นเสาร์-อาทิตย์สัก 8 วัน 30-8= 22) ถ้าถามว่าจะบ่นทำไม ตอบเพราะมันเลือกไม่ได้ไงค่ะ คือบางทีคนเราก็อยากได้เวรน้อย เงินน้อยเบี้ยเวรน้อยก็ได้ค่ะ แต่หัวหน้าแผนกถามว่าแล้วจะเหลือใครทำงานค่ะ คนไม่พอ ทำงานแบบนี้ได้ตังค์แต่เสียสุขภาพค่ะ(ไม่ไหวมั้ง)
ขอโทษนะค่ะที่บทนำยาวไปหน่อยคืออยากให้เข้าใจพยาบาลรัฐบาลบ้างอ่ะค่ะ (พยาบาลรัฐก็เสียภาษีเหมือนกันนะค่ะ)
เรื่องที่ 1 ที่ ER (ห้องฉุกเฉิน) (ขอใช้คำว่า เคส = case = ความหมายประมาณว่า...กรณีความเจ็บป่วยของคนไข้)
เป็นห้องนี้เป็นห้องหน้าด่านค่ะ คอยรับเคสสากกระบือยันเรือรบ คือ มีตั้งแต่ เบา ๆ เล็กน้อย เป็นลม เป็นไข้ ท้องเสีย อาเจียน เป็นแผล หมากัด แมวข่วน ยันเคสหัวแตก นิ้วขาด รถชน ชัก ตกตึก ไส้ติ่งอักเสบ ถูกยิง ปืนลั่น โดนระเบิด ไฟคลอก ปวดท้องคลอด แท้ง ฯลฯ นานาเคสกันเลยทีเดียว
ในวัน ๆ หนึ่งของพี่พยาบาล ER เกิดเหตุมีคนไข้รายหนึ่งถูกไฟคลอกหายใจเองไม่ได้ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ ต้องให้ออกซิเจนด้วยเครื่อง ส่วนอีกรายเป็นคนไข้รู้สึกตัว คาดว่าน่าจะเมาเหล้ามีบาดแผลตีกัน ร้องโวยวายบ่นปวด ทั้งสองนอนเตึยงข้าง ๆ กัน และทันใดนั้นเกิดเหตุไม่ได้ฝันขึ้น คือ....ไฟดับ!!! พระเจ้าช่วย กล้วยทอด คนไข้ที่โดนไฟคลอกผู้ซึ่งไม่สามารถหายใจได้เอง ต้องอาศัยเครื่องในการหายใจแล้วเครื่องก็ต้องอาศัยไฟฟ้า! สรุปคือเครื่องนั้นไม่สามารถทำงานได้ ณ สถานการณ์นั้นพี่พยาบาลท่านนั้นต้องยืนใช้เครื่องช่วยหายใจที่ใช้มือบีบ(ambu bag ที่ต่อกับแท็งก์ออกซิเจน)ตลอดเวลาแทนเครื่องค่ะ ไม่สามารถดูแลคนไข้รายอื่นได้ ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพยาบาลท่านอื่นไป ขณะนั้นเองที่คนไข้เตี้ยงข้างยังคงทำการโวยวายและด่าพยาบาลที่ไม่สนใจตนต่อไป สร้างความขุ่นเคืองให้พี่ท่านั้นพอสมควรที่เีดียว
คำถาม พยาบาล เลือกรักษาคนไข้ได้หรือไม่
ตอบ ไม่ได้ค่ะเพราะเรามีคำว่า จรรยาบรรณวิชชีพอยู่ค่ะ แต่บางครั้งการที่ให้การรักษาท่านไม่ได้อาจเป็นเพราะเราติดให้การรักษาท่านอื่นอยู่ค่ะ หรือจำเป็นต้องให้การรักษาในรายที่ได้จำเป็นกว่าค่ะ(หากพบพยาบาลท่านใด ไม่มีจรรยาบรรณ รายงานหัวหน้าพยาบาลเพื่อดำเนินการต่อไปได้ค่ะ หรือเขียนใบร้องเรียนแต่ขอว่าจำชื่อด้วยนะค่ะ จะได้ว่าถูกตัว ไม่ใช่โดนด่ากันทั้งแผนก ถ้าจะให้ถึงขั้นไล่ออกนี่น่าจะยาก ปัจจุบันยังขาดคนทำงานอยู่เลย TT__TT)
แต่เราอยากให้ท่านมองเราเป็นคนเหมือนกันค่ะ ขอเวลากินข้าวบ้าง ขอเวลาพักบ้างค่ะ เราไม่สามารถทำให้ถูกใจทุกคนได้ค่ะ พยาบาลมีทั้งดีทั้งเลวค่ะ เหมือนกันทุกอาชีพไม่ได้ต่างนะค่ะ อยากให้มองเป็นรายบุคคล มากกว่าเหมารวมค่ะ
เรื่องที่ 2 เป็นที่แผนกผู้ป่วยในค่ะ
ณ ห้องพิเศษ (ห้องพิเศษเวลาให้การพยาบาลเราต้องให้เข้าไปในห้องพักผู้ป่วย บางครั้งอาจไม่มีใครเฝ้าเคาน์เตอร์พยาบาล แม้แต่พนักงานของเราก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ไปเอาเลือด เดินไปเบิกของ เก็บห้องเตรียมห้อง ฯลฯ)
ขณะที่พี่พยาบาลท่านหนึ่งกำลังเจาะเลือดคนไข้เพื่อการส่งตรวจในห้อง A อยู่นั้น จู่ ๆ ปรากฎมีญาติผู้ป่วยห้อง B เป็นหญิงไทยไม่ทราบชื่อ(ไร้ซึ่งมารยาท!:อันนี้พี่เขาไม่ได้กล่าวค่ะ จขกท.ด่าเองค่ะ) เดินมาหน้าประตูห้อง A ที่เปิดค้างไว้แล้วด่าพยาบาล ณ ตรงนั้น อ้างไม่มีใครไปดูญาติตน กดตั้งนานแล้ว(คนไข้ห้องB ไม่ได้อาการหนักใกล้ตายเสียเมื่อไร)
อันนี้จขกท.คิดว่าไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มนะค่ะ
=_=" สุดท้ายคืออยากจะบอกว่า บางทีการที่คนเราเอาเรื่องมาลงในเน็ต ขอให้ทุกคนอ่านอย่างพิจารณาค่ะ ไม่แน่ถ้าเป็นญาติของเรื่องที่ 2 มาพิมพ์เค้าอาจจะเล่าเป็นหนังคนล่ะม้วนกับจขกท.เลยก็ได้ค่ะ การพิมพ์ข้อความทางเน็ตเป็นการเล่าผ่านมุมมองเพียงฝ่ายเดียว โดยที่เราลืมมองอีกฝ่ายหนึ่งไปหรือป่าวค่ะ ขอให้ทุกคนอ่านอย่างพิจารณาค่ะ จากพยาบาลห้องผ่าตัดรัฐแห่งหนึงในไทย
ป.ล. พยาบาลไม่ใช่ขี้ข้า แล้วก็หมอไม่ใช่พระเจ้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้