...................................................................
... เขามีรูปกายงดงาม ฝีมือเก่งกาจเหนือใคร อีกทั้งได้รับพลังจากของวิเศษจนมีชีวิตเป็นอมตะ ผู้คนทั่วแผ่นดินกลับเรียกหาเขาเป็นจอมมาร หากชีวิตนับพันปีของเขาช่างไร้ความหมาย จนกระทั่ง..วันหนึ่งประตูมิติเปิดกว้าง ส่งเธอมาหล่นตุ๊บลงตรงหน้า ..
...................................................................
(◕ᴗ◕✿) ตำนานรักท่านจอมมาร (◕ᴗ◕✿)
- P5-
พี่ประมุข
(◡‿◡✿) (◠‿◠✿) (◡‿◡✿) (◠‿◠✿) (◡‿◡✿) (◠‿◠✿)
ในคืนนั้นเด็กทั้งสองถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในตัวเมืองใหญ่ หลี่จื่อเสี่ยะหลับไปสองวันกว่าจะฟื้นตื่นรู้สึกตัว แต่ด้วยสภาพร่างกายที่อิดโรยด้วยพิษไข้อยู่พักรักษาตัวต่ออีกหนึ่งสัปดาห์จนแข็งแรงหายดี แพทย์จึงค่อยอนุญาตให้กลับบ้าน
ทว่าแม้สภาพร่างกายของเขาจะกลับคืนสู่ปกติ หากแต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ไม่เป็นปกติ นั่นคือการพูด
เขาไม่สามารถพูดอะไรได้อีก.. กลับกลายเป็นใบ้ไปชั่วคราว
หรืออาจจะตลอดไป ?
สองสามวันก่อนได้กลับบ้าน คณะแพทย์ได้ทำการตรวจวินิจฉัยให้เขาเพิ่มเติมหลายอย่าง พบว่าหูของเขาสามารถได้ยินเป็นปกติ ไม่มีพยาธิสภาพใดในลำคอหรือกล่องเสียง จึงต่างลงความเห็นอย่างคาดคะเนว่า อาการพูดไม่ได้อาจมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไข้จากป่า จนไปมีผลต่อสมองส่วนการพูดและการใช้ภาษา บางทีอาจต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งเพื่อรอให้มันถูกฟื้นฟูกลับมาดังเดิม
แล้วเนื่องเพราะเด็กชายไม่สามารถพูดอะไรได้ จึงไม่สามารถเล่าให้ทุกคนฟังว่า ที่แท้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
ก่อนออกจากโรงพยาบาล หลี่จื่อเสียะขอแวะไปเยี่ยมอาการของคุณหนูไอดาเลีย เด็กชายยืนแอบมองอยู่ข้างประตูไม่กล้าเข้าไป เด็กหญิงผู้น่ารักคนนั้นยังนอนเป็นเจ้าหญิงนินทราอยู่บนเตียง อาร์เธ่อวางมือบนไหล่เล็กๆ พลางถามเสียงเบา
“ อยากจะเข้าไปไหม ? ”
เด็กชายเงยหน้าขึ้นมองคนถามแล้วสั่นศีรษะแทนคำตอบ แล้วหันกายเดินผละออกมาอย่างเงียบๆ
ริมหน้าต่างชั้นห้าซึ่งเป็นห้องคนไข้พิเศษวีไอพี หลี่หย่งชางยืนมองดูอาร์เธ่อจูงเด็กชายหลี่จื่อเสียะไปส่งที่รถสีดำคันใหญ่ซึ่งจอดรออยู่ ก่อนจะก้มลงสั่งกำชับคนขับรถพาเด็กชายไปส่งให้ถึงมือผู้ปกครอง
“ เราติดหนี้เด็กคนนั้นอยู่ไม่น้อย ” คุณแสงดาวลุกผละจากข้างเตียงบุตรสาว มายืนเกาะแขนผู้เป็นสามี พลางมองภาพรถสีดำซึ่งเคลื่อนตัวออกไปจนลับตา “ เพราะเขา..เราจึงได้ลูกกลับมา อย่าปล่อยเขาไปในสภาพนี้เลยนะคะคุณ ”
“ ฉันรู้ว่าสมควรทำอย่างไร ” ประธานใหญ่แห่ง DTIG ดึงมือเรียวเล็กของภรรยาเข้ามากุมไว้ แล้วตบเบาๆบนหลังมือของเธอ “ เพียงแต่เด็กเขามีพ่อมีแม่ จะดำเนินการอะไรก็คงต้องให้พ่อแม่เขาอนุญาตก่อน แต่วางใจเถอะ..ฉันสั่งอีริคไว้แล้ว เดี๋ยวเขาก็คงจัดการให้เรียบร้อยเอง ”
“ ค่ะ ”
สนทนากันถึงตรงนี้ เสียงเล็กๆหวานใสเสียงหนึ่ง ก็พลันเรียกหาเบาๆ
“ พ่อคะ.. แม่คะ ”
สองสามีภรรยาหันขวับไปที่เตียงคนไข้อย่างตกตะลึง
“ หนูอัยย์ ”
เห็นเด็กหญิงน้อยขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ยกหลังมือทั้งสองขึ้นขยี้ตาตัวเองอย่างงัวเงียราวคนเพิ่งตื่นนอน ทั้งสองจึงรีบผวามายังหน้าเตียง คุณแสงดาวถึงกับน้ำตาไว้ไม่อยู่ ดึงตัวลูกน้อยเข้าไปกอดไว้อย่างดีใจ
“ ลูกแม่..ลูกฟื้นแล้ว ”
“ เช้าแล้วหรือคะ ที่นี่ที่ไหน .. ทำไมหนูมานอนอยู่ที่นี่คะ ? ”
นี่มัน.. เป็นไปได้อย่างไร ?
หลี่หย่งชางมองดวงหน้าน่ารักไร้เดียงสานั้นอย่างงุนงง รู้สึกขอบตาร้อนผ่าว น้ำตาคลอเบ้าตาด้วยความปลื้มปิติ
ไม่อยากเชื่อทั้งหูและสายตาของตนเอง บุตรน้อยที่หมดสติไปเกือบสิบวัน ไม่เพียงฟื้นตื่นขึ้นมา อีกทั้งยังสามารถคุยจ้อติดต่อกันได้หลายประโยคอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน
“ หนูอัยย์.. เจ้าหญิงน้อยของพ่อ ในที่สุด..หนูก็กลับมาแล้ว..”
หลี่หย่งชางนั่งลงบนเตียงดึงร่างภรรยาและลูกน้อยมาโอบกอด ไม่มีของขวัญใดในโลกจะยิ่งใหญ่ไปกว่าสิ่งที่กำลังอยู่ในอ้อมกอดของเขานี้อีกแล้ว และช่วงเวลาที่มีค่าที่สุดคือการได้อยู่ร่วมกันกับบุคคลอันเป็นที่รัก ทั้งสองกอดลูกน้อยไว้นิ่ง ราวกับอยากหยุดช่วงเวลาตรงนั้นไว้ให้เนิ่นนานที่สุด
หากแต่เด็กหญิงตัวน้อยกลับค่อยๆใช้มือดันผลักพ่อกับแม่เบาๆ เพื่อมุดตัวออกมาจากอ้อมกอดนั้น พลางหันหน้าไปมากวาดตามองสำรวจไปทั้งห้อง ราวกับจะค้นหาใครบางคน
“ แล้วพี่ประมุขล่ะคะ.. พี่ประมุขไปไหน ? ”
“ พี่ประมุข ?”
สองสามีภรรยามองหน้ากันอย่างงุนงง
“ พี่ประมุข..ใครรึลูก ? ”
เด็กหญิงพูดเสียงเจื้อยแจ้วคำว่า “พี่ประมุข” ซ้ำๆกันไปมาอีกหลายเที่ยวอย่างขัดใจ ราวกับยามกะทันหันนึกหาคำพูดอธิบายออกมาไม่ถูก ว่าพี่ประมุขคืออะไร
จนกระทั่งพวกอีริค เจสันและอาร์เธ่อทั้งสามพากันเดินเข้ามา โค้งคำนับให้กับหลี่เย่งชาง ไอดาเลียจึงค่อยชี้นิ้วเล็กๆไปที่ผู้เป็นบิดา ส่งเสียงร้องบอกอย่างดีใจ
“ พี่ประมุขแบบนี้แบบนี้ ท่านลุงท่านอาเหล่านั้น ก้มๆให้พี่ประมุขแบบนี้เลย..”
สามบอดี้การ์ดในสูทสีดำก็ต่างล้วนสีหน้าผนึกค้าง มองเด็กหญิงตัวน้อยบนเตียงอย่างตื่นเต้นยินดีระคนสงสัย
หลี่หย่งชางสบตากับภรรยาอย่างรู้สึกไม่สบายใจ ความปิติที่ลูกน้อยพูดได้เหมือนเจือจางลงอย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเขาพบว่าหลังการหมดสติไปอย่างยาวนานของอีกฝ่าย หรือจะเกิดความผิดปกติใดขึ้นในสมองของเธอรึเปล่าหนอ
“ เจสัน..ไปตามหมอ ! ”
(◕ᴗ◕✿) (◕◡◕✿) (◕ᴗ◕✿) (◕◡◕✿) (◕ᴗ◕✿) (◕◡◕✿) (◕ᴗ◕✿) (◕◡◕✿)
(◕ᴗ◕✿) ตำนานรักท่านจอมมาร (P5-พี่ประมุข) (◕ᴗ◕✿)
... เขามีรูปกายงดงาม ฝีมือเก่งกาจเหนือใคร อีกทั้งได้รับพลังจากของวิเศษจนมีชีวิตเป็นอมตะ ผู้คนทั่วแผ่นดินกลับเรียกหาเขาเป็นจอมมาร หากชีวิตนับพันปีของเขาช่างไร้ความหมาย จนกระทั่ง..วันหนึ่งประตูมิติเปิดกว้าง ส่งเธอมาหล่นตุ๊บลงตรงหน้า ..
...................................................................
ในคืนนั้นเด็กทั้งสองถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในตัวเมืองใหญ่ หลี่จื่อเสี่ยะหลับไปสองวันกว่าจะฟื้นตื่นรู้สึกตัว แต่ด้วยสภาพร่างกายที่อิดโรยด้วยพิษไข้อยู่พักรักษาตัวต่ออีกหนึ่งสัปดาห์จนแข็งแรงหายดี แพทย์จึงค่อยอนุญาตให้กลับบ้าน
ทว่าแม้สภาพร่างกายของเขาจะกลับคืนสู่ปกติ หากแต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ไม่เป็นปกติ นั่นคือการพูด
เขาไม่สามารถพูดอะไรได้อีก.. กลับกลายเป็นใบ้ไปชั่วคราว
หรืออาจจะตลอดไป ?
สองสามวันก่อนได้กลับบ้าน คณะแพทย์ได้ทำการตรวจวินิจฉัยให้เขาเพิ่มเติมหลายอย่าง พบว่าหูของเขาสามารถได้ยินเป็นปกติ ไม่มีพยาธิสภาพใดในลำคอหรือกล่องเสียง จึงต่างลงความเห็นอย่างคาดคะเนว่า อาการพูดไม่ได้อาจมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไข้จากป่า จนไปมีผลต่อสมองส่วนการพูดและการใช้ภาษา บางทีอาจต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งเพื่อรอให้มันถูกฟื้นฟูกลับมาดังเดิม
แล้วเนื่องเพราะเด็กชายไม่สามารถพูดอะไรได้ จึงไม่สามารถเล่าให้ทุกคนฟังว่า ที่แท้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
ก่อนออกจากโรงพยาบาล หลี่จื่อเสียะขอแวะไปเยี่ยมอาการของคุณหนูไอดาเลีย เด็กชายยืนแอบมองอยู่ข้างประตูไม่กล้าเข้าไป เด็กหญิงผู้น่ารักคนนั้นยังนอนเป็นเจ้าหญิงนินทราอยู่บนเตียง อาร์เธ่อวางมือบนไหล่เล็กๆ พลางถามเสียงเบา
“ อยากจะเข้าไปไหม ? ”
เด็กชายเงยหน้าขึ้นมองคนถามแล้วสั่นศีรษะแทนคำตอบ แล้วหันกายเดินผละออกมาอย่างเงียบๆ
ริมหน้าต่างชั้นห้าซึ่งเป็นห้องคนไข้พิเศษวีไอพี หลี่หย่งชางยืนมองดูอาร์เธ่อจูงเด็กชายหลี่จื่อเสียะไปส่งที่รถสีดำคันใหญ่ซึ่งจอดรออยู่ ก่อนจะก้มลงสั่งกำชับคนขับรถพาเด็กชายไปส่งให้ถึงมือผู้ปกครอง
“ เราติดหนี้เด็กคนนั้นอยู่ไม่น้อย ” คุณแสงดาวลุกผละจากข้างเตียงบุตรสาว มายืนเกาะแขนผู้เป็นสามี พลางมองภาพรถสีดำซึ่งเคลื่อนตัวออกไปจนลับตา “ เพราะเขา..เราจึงได้ลูกกลับมา อย่าปล่อยเขาไปในสภาพนี้เลยนะคะคุณ ”
“ ฉันรู้ว่าสมควรทำอย่างไร ” ประธานใหญ่แห่ง DTIG ดึงมือเรียวเล็กของภรรยาเข้ามากุมไว้ แล้วตบเบาๆบนหลังมือของเธอ “ เพียงแต่เด็กเขามีพ่อมีแม่ จะดำเนินการอะไรก็คงต้องให้พ่อแม่เขาอนุญาตก่อน แต่วางใจเถอะ..ฉันสั่งอีริคไว้แล้ว เดี๋ยวเขาก็คงจัดการให้เรียบร้อยเอง ”
“ ค่ะ ”
สนทนากันถึงตรงนี้ เสียงเล็กๆหวานใสเสียงหนึ่ง ก็พลันเรียกหาเบาๆ
“ พ่อคะ.. แม่คะ ”
สองสามีภรรยาหันขวับไปที่เตียงคนไข้อย่างตกตะลึง
“ หนูอัยย์ ”
เห็นเด็กหญิงน้อยขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ยกหลังมือทั้งสองขึ้นขยี้ตาตัวเองอย่างงัวเงียราวคนเพิ่งตื่นนอน ทั้งสองจึงรีบผวามายังหน้าเตียง คุณแสงดาวถึงกับน้ำตาไว้ไม่อยู่ ดึงตัวลูกน้อยเข้าไปกอดไว้อย่างดีใจ
“ ลูกแม่..ลูกฟื้นแล้ว ”
“ เช้าแล้วหรือคะ ที่นี่ที่ไหน .. ทำไมหนูมานอนอยู่ที่นี่คะ ? ”
นี่มัน.. เป็นไปได้อย่างไร ?
หลี่หย่งชางมองดวงหน้าน่ารักไร้เดียงสานั้นอย่างงุนงง รู้สึกขอบตาร้อนผ่าว น้ำตาคลอเบ้าตาด้วยความปลื้มปิติ
ไม่อยากเชื่อทั้งหูและสายตาของตนเอง บุตรน้อยที่หมดสติไปเกือบสิบวัน ไม่เพียงฟื้นตื่นขึ้นมา อีกทั้งยังสามารถคุยจ้อติดต่อกันได้หลายประโยคอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน
“ หนูอัยย์.. เจ้าหญิงน้อยของพ่อ ในที่สุด..หนูก็กลับมาแล้ว..”
หลี่หย่งชางนั่งลงบนเตียงดึงร่างภรรยาและลูกน้อยมาโอบกอด ไม่มีของขวัญใดในโลกจะยิ่งใหญ่ไปกว่าสิ่งที่กำลังอยู่ในอ้อมกอดของเขานี้อีกแล้ว และช่วงเวลาที่มีค่าที่สุดคือการได้อยู่ร่วมกันกับบุคคลอันเป็นที่รัก ทั้งสองกอดลูกน้อยไว้นิ่ง ราวกับอยากหยุดช่วงเวลาตรงนั้นไว้ให้เนิ่นนานที่สุด
หากแต่เด็กหญิงตัวน้อยกลับค่อยๆใช้มือดันผลักพ่อกับแม่เบาๆ เพื่อมุดตัวออกมาจากอ้อมกอดนั้น พลางหันหน้าไปมากวาดตามองสำรวจไปทั้งห้อง ราวกับจะค้นหาใครบางคน
“ แล้วพี่ประมุขล่ะคะ.. พี่ประมุขไปไหน ? ”
“ พี่ประมุข ?”
สองสามีภรรยามองหน้ากันอย่างงุนงง
“ พี่ประมุข..ใครรึลูก ? ”
เด็กหญิงพูดเสียงเจื้อยแจ้วคำว่า “พี่ประมุข” ซ้ำๆกันไปมาอีกหลายเที่ยวอย่างขัดใจ ราวกับยามกะทันหันนึกหาคำพูดอธิบายออกมาไม่ถูก ว่าพี่ประมุขคืออะไร
จนกระทั่งพวกอีริค เจสันและอาร์เธ่อทั้งสามพากันเดินเข้ามา โค้งคำนับให้กับหลี่เย่งชาง ไอดาเลียจึงค่อยชี้นิ้วเล็กๆไปที่ผู้เป็นบิดา ส่งเสียงร้องบอกอย่างดีใจ
“ พี่ประมุขแบบนี้แบบนี้ ท่านลุงท่านอาเหล่านั้น ก้มๆให้พี่ประมุขแบบนี้เลย..”
สามบอดี้การ์ดในสูทสีดำก็ต่างล้วนสีหน้าผนึกค้าง มองเด็กหญิงตัวน้อยบนเตียงอย่างตื่นเต้นยินดีระคนสงสัย
หลี่หย่งชางสบตากับภรรยาอย่างรู้สึกไม่สบายใจ ความปิติที่ลูกน้อยพูดได้เหมือนเจือจางลงอย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเขาพบว่าหลังการหมดสติไปอย่างยาวนานของอีกฝ่าย หรือจะเกิดความผิดปกติใดขึ้นในสมองของเธอรึเปล่าหนอ
“ เจสัน..ไปตามหมอ ! ”