ยาวหน่อยนะคะ ต้องขอโทษด้วย และถ้าผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยค่ะ กระทู้นี้กระทู้แรก
เรื่องมีอยู่ว่า วันนั้นมีงานไหว้ศาลปู่ตาประจำอำเภอค่ะ (เหตุการณ์อยู่ที่จังหวัดหนึ่งในภาคอีสาน) งานเริ่มตั้งแต่ 5 โมงเย็นค่ะ พี่ชายของ จขกท. กับภรรยาก็ไปด้วยค่ะ (ต่อไปนี้ จขกท.ขอเรียกตัวเองว่า ปอ นะคะ) งานเลิกประมาณ 1 ทุ่มเนื่องจากมีกลุ่มวัยรุ่นยกพวกตีกัน พี่ชายของปอและภรรยากำลังจะกลับ แล้วเพื่อนพี่ชายที่เคยเป็นทหารเกณฑ์ด้วยกันเดินมาจากไหนไม่รู้ค่ะ บอกว่าช่วยไปส่งหน่อย เพราะตอนคนตีกันมันวุ่นวายแล้วเพื่อนเขาหนีกลับกันหมดก่อน ตอนนี้เค้าไม่มีรถกลับบ้านเลย พี่ชายก็ไปส่งค่ะ โดยนั่งรถมอเตอร์ไซค์คันเดียวซ้อน 3 คน (ภรรยาพี่ชายนั่งหน้า พี่ชายขับ แล้วก็เพื่อนพี่ชายนั่งซ้อนข้างหลังค่ะ) ขณะขี่รถมอไซค์ออกจากงานด้วยความเร็วประมาณ 40 มาจนเริ่มจะออกจากโซนอำเภอแล้วค่ะ จู่ๆ มีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งนั่งมากัน 2 คน ใส่ชุดสีดำใส่แมสปิดปาก คนข้างหลังใส่หมวกกันน็อค ขี่แซงซ้ายมาประกบแล้วคนข้างหลังชักปืนยิงใส่พี่ชายปอ 4 นัด ภรรยาของพี่ชาย(ต่อไปจะเรียกว่า เคท นะคะ) บอกว่าพี่ชายฟุบตั้งแต่นัดแรกแล้วค่ะ เพราะฟุบตรงหลังเคท เคทหนักมาก ไม่รู้ว่าพี่ชายปอถูกยิงก็พยายามบอกว่าพี่แบงค์ๆ(พี่ชาย จขกท. ต่อไปจะเรียกพี่แบงค์ นะคะ) เอาหัวขึ้นหน่อยเคทหนัก แล้วรถก็เซออกอีกเลนหนึ่งแล้วไถลล้มข้างทางเลยค่ะ เคทกับเพื่อนพี่ชายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่พี่แบงค์ตายคาที่!!
หลังจากที่มีคนนำผู้บาดเจ็บทั้ง 3 มาส่งที่โรงพยาบาลก็ไม่สามารถช่วยชีวิตพี่แบงค์ได้ ทางตำรวจและแพทย์อนุญาตให้นำศพกลับบ้านได้ จึงนำศพมาที่บ้านเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาค่ะ ขณะนำศพมาที่บ้านก็มีคนที่ทราบข่าวมาที่บ้านเยอะค่ะ คนเยอะมาก เพราะพี่แบงค์เป็นคนมีเพื่อน มีพี่ มีน้อง มีเพื่อนฝูงเยอะ หนึ่งในนั้นเป็นเด็กมัธยมคนหนึ่งค่ะ บอกกับน้องกิ๊ฟ (หลานของปูเองค่ะ ) ว่ารู้นะว่าใครเป็นคนทำ น้องกิ๊ฟรู้ ก็ยังไม่ได้เล่าให้ใครฟังค่ะ วันถัดมาเคทก็รู้มาจากเพื่อนของเพื่อนอีกทีค่ะว่าใครเป็นคนทำ แล้วก่อนวันเผา1วัน(พิธีศพมี 3 วันค่ะ) ผู้มีอิทธิพลคนนั้นก็ส่งคนมาคุยกับแม่ของปอค่ะ ว่าจะช่วยค่าทำศพ 100,000 บาท บอกว่าช่วยได้แค่นี้แล้วก็ขอให้เรื่องมันจบๆ กันไป อย่าเอาเรื่องลูกเขาเลย เขารักลูกมาก อีกอย่าง ไหนๆ คนก็ตายไปแล้ว คนที่มาเจรจาเขาว่าแบบนี้ค่ะ แต่แม่ไม่คุย แม่ไม่ยอมค่ะ ลูกแม่ทั้งคนจะให้นิ่งเฉยได้ยังไง ลูกแม่ต้องไม่ตายฟรี หลังจากที่แม่รู้แล้วว่าใครเป็นคนทำ แม่ก็เอาพวงหรีดที่ผู้มีอิทธิพลคนนั้นให้มาไปซ่อนไว้ด้านหลังโลงศพค่ะ พอใครถามก็บอกว่าเห็นมันปลิวบ่อย เลยเอาไปแอบไว้ข้างหลังก่อน สุดท้ายทั้งน้องกิ๊ฟทั้งเคทก็เล่าให้แม่ฟังค่ะ ว่าได้ข้อมูลมาว่าคนร้ายคือนายเอซึ่งเป็นลูกชายของผู้มีอิทธิพลคนนั้นจริงๆ
เมื่อพิธีเผาเสร็จเรียบร้อย ก็มีคณะตำรวจจากภาคที่4 เข้ามาถามเรื่องราวเหตุการณ์ทั้งหมดค่ะ ตอนนั้นตำรวจท้องถิ่นจับกุมคนร้ายที่เป็นแพะได้ค่ะ ไม่มีหลักฐาน ไม่มีพยาน บุกไปจับพี่คนนั้นถึงบ้าน แต่ไม่สำเร็จค่ะ เพราะพี่คนนั้นเขามีพยานรู้เห็นว่าตอนเกิดเหตุพี่เขาทำอะไรอยู่ที่ไหน ซึ่งไม่ใช่คนร้ายแน่นอน ทางคณะตำรวจภาคที่ 4 จึงแจ้งว่าเข้ามาตรวจสอบสถานการณ์ แล้วก็บอกว่าไม่ต้องกลัว ภาคที่ 4 ไว้ใจได้แน่นอน แม่กับเคทเลยเล่าทุกอย่างให้ตำรวจฟังค่ะ ภาค4 บอกว่ามีอะไรให้ช่วยก็บอก แล้วก็ยินดีเป็นที่ปรึกษาให้ค่ะ แต่พวกเขาไม่มีอำนาจจัดการให้เพราะตำรวจท้องที่เป็นเจ้าของคดีอยู่
หลังจากวันเผาศพประมาณ 1 สัปดาห์ นายเอก็โพสต์รูปเอกสารราชการฉบับหนึ่ง เป็นเอกสารหมายเรียกพยานค่ะ ใจความเอกสารคือ ชื่อแม่เป็นผู้กล่าวหา และชื่อนายเอเป็นผู้ที่ถูกหมายเรียกให้มาสอบปากคำค่ะ พร้อมแคปชั่นว่า "อยากเป็นผู้กล่าวหาบ้างจัง..จากใจคนขี้ขลาดคนกระจอกคนนี้ วนเวียนอยู่ในคุกมาหลายปี มีคดีนี้แหละกูไม่เคยพบเคยเห็น...ไม่โกรธตำรวจ แต่เกลียดคนแจ้งความ" แล้วก็มีอีกหลายๆ โพสต์ค่ะ แต่ละโพสต์ก็จะมีกลุ่มแก๊งค์เพื่อนๆ ลูกน้องเขานั่นแหละค่ะ เข้ามาคอมเม้นท์เป็นรูปปืนบ้างบอกว่า ใครทำเพื่อนกูมันต้องเจอ (รูปปืน) แล้วนายเอก็บอกว่า ผู้หญิง เฒ่าแล้ว ช่วยไปลงแขกให้หน่อย แล้วเพื่อนๆมันก็คอมเม้นท์สนุกสนานว่า แก่ขนาดนั้นจะรอดจากคนแรกหรือเปล่า (ลืมบอกว่านายเอ เคยติดคุกคดีรุมข่มขืนผู้หญิงด้วยค่ะ อ้อ แล้วก็คดีทำร้ายผู้อื่นโดยเจตนาด้วยค่ะ) ครอบครัวเรากังวลมาก เราเลยไปปรึกษาพี่ๆตำรวจภาคที่4 ค่ะ เขาบอกว่าให้นิ่งไว้ก่อน นั่นมันเป็นแค่หมายเรียกพยานเฉยๆ แต่เราบอกว่าตำรวจจะทำแบบนั้นได้ยังไงเพราะแม่เราไม่เคยเล่าให้ตำรวจท้องที่ฟังเลยว่ารู้ตัวคนร้ายแล้ว แม่บอกตำรวจท้องที่เสมอว่าไม่รู้เลยว่าใครทำ และไม่รู้ว่าพวกเขาทำแบบนั้นทำไม(ต้องบอกว่าไม่รู้ไปก่อนค่ะ เพราะผู้กำกับฯเป็นเพื่อนก้บพ่อนายเอ) แล้วตำรวจท้องที่ก็บอกกับพวกเราว่ายังไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำเหมือนกัน ไม่มีข่าวจากสายสืบ และไม่มีพยานหลักฐานเลยค่ะ การที่ส่งเอกสารแบบนั้นไปให้นายเอที่บ้าน เรามองว่าเป็นวิธีส่งข่าวหรือเปล่าว่าทางเรากำลังสงสัยนายเอ เพราะในเอกสารบอกว่าแม่เป็นผู้กล่าวหานายเอค่ะ ซึ่งแม่เรายังไม่ได้กล่าวหานายเอเลย
เดี๋ยวมาต่อนะคะ
ทำอย่างไร เมื่อถูกคุกคามโดยลูกผู้มีอิทธิพล
เรื่องมีอยู่ว่า วันนั้นมีงานไหว้ศาลปู่ตาประจำอำเภอค่ะ (เหตุการณ์อยู่ที่จังหวัดหนึ่งในภาคอีสาน) งานเริ่มตั้งแต่ 5 โมงเย็นค่ะ พี่ชายของ จขกท. กับภรรยาก็ไปด้วยค่ะ (ต่อไปนี้ จขกท.ขอเรียกตัวเองว่า ปอ นะคะ) งานเลิกประมาณ 1 ทุ่มเนื่องจากมีกลุ่มวัยรุ่นยกพวกตีกัน พี่ชายของปอและภรรยากำลังจะกลับ แล้วเพื่อนพี่ชายที่เคยเป็นทหารเกณฑ์ด้วยกันเดินมาจากไหนไม่รู้ค่ะ บอกว่าช่วยไปส่งหน่อย เพราะตอนคนตีกันมันวุ่นวายแล้วเพื่อนเขาหนีกลับกันหมดก่อน ตอนนี้เค้าไม่มีรถกลับบ้านเลย พี่ชายก็ไปส่งค่ะ โดยนั่งรถมอเตอร์ไซค์คันเดียวซ้อน 3 คน (ภรรยาพี่ชายนั่งหน้า พี่ชายขับ แล้วก็เพื่อนพี่ชายนั่งซ้อนข้างหลังค่ะ) ขณะขี่รถมอไซค์ออกจากงานด้วยความเร็วประมาณ 40 มาจนเริ่มจะออกจากโซนอำเภอแล้วค่ะ จู่ๆ มีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งนั่งมากัน 2 คน ใส่ชุดสีดำใส่แมสปิดปาก คนข้างหลังใส่หมวกกันน็อค ขี่แซงซ้ายมาประกบแล้วคนข้างหลังชักปืนยิงใส่พี่ชายปอ 4 นัด ภรรยาของพี่ชาย(ต่อไปจะเรียกว่า เคท นะคะ) บอกว่าพี่ชายฟุบตั้งแต่นัดแรกแล้วค่ะ เพราะฟุบตรงหลังเคท เคทหนักมาก ไม่รู้ว่าพี่ชายปอถูกยิงก็พยายามบอกว่าพี่แบงค์ๆ(พี่ชาย จขกท. ต่อไปจะเรียกพี่แบงค์ นะคะ) เอาหัวขึ้นหน่อยเคทหนัก แล้วรถก็เซออกอีกเลนหนึ่งแล้วไถลล้มข้างทางเลยค่ะ เคทกับเพื่อนพี่ชายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่พี่แบงค์ตายคาที่!!
หลังจากที่มีคนนำผู้บาดเจ็บทั้ง 3 มาส่งที่โรงพยาบาลก็ไม่สามารถช่วยชีวิตพี่แบงค์ได้ ทางตำรวจและแพทย์อนุญาตให้นำศพกลับบ้านได้ จึงนำศพมาที่บ้านเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาค่ะ ขณะนำศพมาที่บ้านก็มีคนที่ทราบข่าวมาที่บ้านเยอะค่ะ คนเยอะมาก เพราะพี่แบงค์เป็นคนมีเพื่อน มีพี่ มีน้อง มีเพื่อนฝูงเยอะ หนึ่งในนั้นเป็นเด็กมัธยมคนหนึ่งค่ะ บอกกับน้องกิ๊ฟ (หลานของปูเองค่ะ ) ว่ารู้นะว่าใครเป็นคนทำ น้องกิ๊ฟรู้ ก็ยังไม่ได้เล่าให้ใครฟังค่ะ วันถัดมาเคทก็รู้มาจากเพื่อนของเพื่อนอีกทีค่ะว่าใครเป็นคนทำ แล้วก่อนวันเผา1วัน(พิธีศพมี 3 วันค่ะ) ผู้มีอิทธิพลคนนั้นก็ส่งคนมาคุยกับแม่ของปอค่ะ ว่าจะช่วยค่าทำศพ 100,000 บาท บอกว่าช่วยได้แค่นี้แล้วก็ขอให้เรื่องมันจบๆ กันไป อย่าเอาเรื่องลูกเขาเลย เขารักลูกมาก อีกอย่าง ไหนๆ คนก็ตายไปแล้ว คนที่มาเจรจาเขาว่าแบบนี้ค่ะ แต่แม่ไม่คุย แม่ไม่ยอมค่ะ ลูกแม่ทั้งคนจะให้นิ่งเฉยได้ยังไง ลูกแม่ต้องไม่ตายฟรี หลังจากที่แม่รู้แล้วว่าใครเป็นคนทำ แม่ก็เอาพวงหรีดที่ผู้มีอิทธิพลคนนั้นให้มาไปซ่อนไว้ด้านหลังโลงศพค่ะ พอใครถามก็บอกว่าเห็นมันปลิวบ่อย เลยเอาไปแอบไว้ข้างหลังก่อน สุดท้ายทั้งน้องกิ๊ฟทั้งเคทก็เล่าให้แม่ฟังค่ะ ว่าได้ข้อมูลมาว่าคนร้ายคือนายเอซึ่งเป็นลูกชายของผู้มีอิทธิพลคนนั้นจริงๆ
เมื่อพิธีเผาเสร็จเรียบร้อย ก็มีคณะตำรวจจากภาคที่4 เข้ามาถามเรื่องราวเหตุการณ์ทั้งหมดค่ะ ตอนนั้นตำรวจท้องถิ่นจับกุมคนร้ายที่เป็นแพะได้ค่ะ ไม่มีหลักฐาน ไม่มีพยาน บุกไปจับพี่คนนั้นถึงบ้าน แต่ไม่สำเร็จค่ะ เพราะพี่คนนั้นเขามีพยานรู้เห็นว่าตอนเกิดเหตุพี่เขาทำอะไรอยู่ที่ไหน ซึ่งไม่ใช่คนร้ายแน่นอน ทางคณะตำรวจภาคที่ 4 จึงแจ้งว่าเข้ามาตรวจสอบสถานการณ์ แล้วก็บอกว่าไม่ต้องกลัว ภาคที่ 4 ไว้ใจได้แน่นอน แม่กับเคทเลยเล่าทุกอย่างให้ตำรวจฟังค่ะ ภาค4 บอกว่ามีอะไรให้ช่วยก็บอก แล้วก็ยินดีเป็นที่ปรึกษาให้ค่ะ แต่พวกเขาไม่มีอำนาจจัดการให้เพราะตำรวจท้องที่เป็นเจ้าของคดีอยู่
หลังจากวันเผาศพประมาณ 1 สัปดาห์ นายเอก็โพสต์รูปเอกสารราชการฉบับหนึ่ง เป็นเอกสารหมายเรียกพยานค่ะ ใจความเอกสารคือ ชื่อแม่เป็นผู้กล่าวหา และชื่อนายเอเป็นผู้ที่ถูกหมายเรียกให้มาสอบปากคำค่ะ พร้อมแคปชั่นว่า "อยากเป็นผู้กล่าวหาบ้างจัง..จากใจคนขี้ขลาดคนกระจอกคนนี้ วนเวียนอยู่ในคุกมาหลายปี มีคดีนี้แหละกูไม่เคยพบเคยเห็น...ไม่โกรธตำรวจ แต่เกลียดคนแจ้งความ" แล้วก็มีอีกหลายๆ โพสต์ค่ะ แต่ละโพสต์ก็จะมีกลุ่มแก๊งค์เพื่อนๆ ลูกน้องเขานั่นแหละค่ะ เข้ามาคอมเม้นท์เป็นรูปปืนบ้างบอกว่า ใครทำเพื่อนกูมันต้องเจอ (รูปปืน) แล้วนายเอก็บอกว่า ผู้หญิง เฒ่าแล้ว ช่วยไปลงแขกให้หน่อย แล้วเพื่อนๆมันก็คอมเม้นท์สนุกสนานว่า แก่ขนาดนั้นจะรอดจากคนแรกหรือเปล่า (ลืมบอกว่านายเอ เคยติดคุกคดีรุมข่มขืนผู้หญิงด้วยค่ะ อ้อ แล้วก็คดีทำร้ายผู้อื่นโดยเจตนาด้วยค่ะ) ครอบครัวเรากังวลมาก เราเลยไปปรึกษาพี่ๆตำรวจภาคที่4 ค่ะ เขาบอกว่าให้นิ่งไว้ก่อน นั่นมันเป็นแค่หมายเรียกพยานเฉยๆ แต่เราบอกว่าตำรวจจะทำแบบนั้นได้ยังไงเพราะแม่เราไม่เคยเล่าให้ตำรวจท้องที่ฟังเลยว่ารู้ตัวคนร้ายแล้ว แม่บอกตำรวจท้องที่เสมอว่าไม่รู้เลยว่าใครทำ และไม่รู้ว่าพวกเขาทำแบบนั้นทำไม(ต้องบอกว่าไม่รู้ไปก่อนค่ะ เพราะผู้กำกับฯเป็นเพื่อนก้บพ่อนายเอ) แล้วตำรวจท้องที่ก็บอกกับพวกเราว่ายังไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำเหมือนกัน ไม่มีข่าวจากสายสืบ และไม่มีพยานหลักฐานเลยค่ะ การที่ส่งเอกสารแบบนั้นไปให้นายเอที่บ้าน เรามองว่าเป็นวิธีส่งข่าวหรือเปล่าว่าทางเรากำลังสงสัยนายเอ เพราะในเอกสารบอกว่าแม่เป็นผู้กล่าวหานายเอค่ะ ซึ่งแม่เรายังไม่ได้กล่าวหานายเอเลย
เดี๋ยวมาต่อนะคะ