เรื่องเล่าการเดินทางของพวกเราในประเทศจอร์แดน กับการท่องเที่ยวแบบ Road trip ครั้งแรก
ในที่ที่เราไม่เคยมีใครไปมาก่อน ทุกอย่างล้วนเกิดจากความพร้อมใจ " ไปจอร์แดนกันมั้ย... "
มาร่วมเดินทางไปพร้อมๆกับพวกเราได้ในภาคแรก Your next station is..." Jordan " กันเลยนะคะ ^^*
เริ่มต้นรู้จักประเทศนี้จาก ‘ทะเลสาบเดดซี’ (Dead Sea) มาตั้งแต่เด็ก พอโตมาหน่อยถึงได้รู้จักเมือง ‘เพทรา’(Petra)
หลังจากนั้น เริ่มอยากไปดู ไปรู้ ไปเห็น ก็เริ่มจะเมื่อทนไม่ไหว เลยมองหาเพื่อนที่คิดว่าน่าจะพร้อมลุยไปด้วยกัน และแล้วก็หลอกล่อได้เหยื่อมา 2 คน ^^* เลยจัดการขอวันหยุดทันที เหมือนฟ้าฝนจะเป็นใจได้วันหยุดมา 6 วัน หลังจากนั้นเราจึงเริ่มวางแผนเที่ยวด้วยการถามเพื่อนรอบตัวที่เคยไปมา ว่าไปที่ไหนในประเทศนี้มาบ้าง พักที่ไหน เดินทางยังไง
เคยได้ยินคำว่า ‘วาดีรัม’ (Wadi Rum) มาจากเพื่อนคนหนึ่ง ไม่เคยรู้จักสถานที่แห่งนี้มาก่อน ตอนเสิร์ชดูรูปยังรู้สึกงงๆ ไม่ถึงกับอินมาก แต่ก็คิดในใจว่าเอาวะ ไหนๆไปทั้งทีก็ไปดูให้หมดไม่รู้ชาตินี้เราจะมีโอกาสได้ไปอีกเมื่อไหร่ เมื่อวางแผนกันคร่าวๆเรียบร้อยแล้ว ได้ข้อสรุปว่าครั้งนี้เราจะเดินทางไปลงเมืองหลวงที่ Amman แล้วต่อไปยัง Dead Sea, Wadi Rum, Petra และกลับขึ้นมายัง Jerash เมืองทางเหนือของจอร์แดน
การเดินทางไปประเทศจอร์แดนนั้นไม่ยาก มีทั้งบินตรงจากกรุงเทพฯ ถึงเมืองอัมมาน หรือจะเป็นแบบต่อเครื่อง ซึ่งสามารถใช้บริการสายการบินตะวันออกกลางได้เกือบทุกสาย ขึ้นอยู่กับราคาและเวลาตามแต่จะสะดวก เราเลือกไปช่วงปลายเดือนมีนาคม เป็นช่วงปลายหนาวก่อนที่จะเข้าสู่ฤดูร้อน ปรากฏว่ามันยังหนาวมากกว่ากรุงเทพฯหน้าหนาวเลย แต่ก็ถือว่าโชคดีมากเพราะ เราไปถึงก่อนพายุจะเข้า เลยได้เที่ยวกันแบบอากาศดีๆตลอดทริปเลย
การขอวีซ่าสามารถขอไปได้จากที่สถาฑูตจอร์แดนประจำประเทศไทย หรือจะไปขอเอาที่นู่นเป็นแบบ Visa on Arrival ราคา 40 JOD หรืออีกหนึ่งทางเลือก คือการซื้อ Jordan Pass ซึ่งมีสามแพกเกจราคา โดยทั้งหมดจะรวมค่า Visa on Arrival ไปด้วยเลย เราตัดสินใจซื้อแบบ 3 วันกันคนละใบ ซึ่งแพกเกจนี้มีราคา 80 JOD เมื่อถึงด่านตรวจคนเข้าเมือง ก็ทำให้เราไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม แค่คิดถึงค่าเข้าเพทรา 2 วัน และค่าวีซ่าก็เกินราคาแล้ว แถมไม่ต้องไปทะเลาะกับเจ้าหน้าที่เรื่องเงินทอนอีก แต่วิธีนี้เราต้องซื้อล่วงหน้าผ่านทางอินเตอร์เน็ต เสร็จแล้วสามารถเปิดมือถือเผื่อแสกน QR codeสำหรับด่านเก็บตั๋วทุกที่ได้เลย
สำหรับการเดินทางครั้งนี้ เราเลือกที่จะเช่ารถขับกันค่ะ เพื่อความยืดหยุ่นของเวลาและสถานที่ที่ไป บวกกับได้ยินมาเยอะมาก เรื่องคนขับแท็กซี่ที่ชอบโกงเงินทอน เราก็ไม่อยากวุ่นวาย แต่ก็ไม่วายเกิดเรื่อง เงินๆทองๆ ไว้เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังค่ะ... ที่นี่ขับรถง่ายไม่ยาก แต่เป็นพวงมาลัยซ้าย สามารถใช้ใบขับขี่สากลได้ และมีรถยนต์แทบทุกยี่ห้อให้เลือกค่ะ หลังจากเราผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองมากันแล้ว ก็จะเจอเคาท์เตอร์บริษัทให้เช่ารถเรียงรายอยู่ทางเข้าออกสนามบินเลย แต่...ทำไมหาของเราไม่มี 555+ เพราะเราดันไปเลือกบริษัทที่เพื่อนแนะนำมาซึ่งเป็นบริษัทของประเทศจอร์แดนเอง เลยต้องเดินไปถามเจ้าหน้าที่ เขาจิ้มโทรศัพท์โทรไปคุยให้เลย ได้ข้อสรุปคือเดี๋ยวเขาส่งคนมารับเราที่สนามบิน และจุดรับรถของเค้าอยู่ข้างนอกค่ะ
Your next station is..." Jordan " จอร์แดนประมาณแขนประมาณขา Ep.1
ในที่ที่เราไม่เคยมีใครไปมาก่อน ทุกอย่างล้วนเกิดจากความพร้อมใจ " ไปจอร์แดนกันมั้ย... "
มาร่วมเดินทางไปพร้อมๆกับพวกเราได้ในภาคแรก Your next station is..." Jordan " กันเลยนะคะ ^^*
เริ่มต้นรู้จักประเทศนี้จาก ‘ทะเลสาบเดดซี’ (Dead Sea) มาตั้งแต่เด็ก พอโตมาหน่อยถึงได้รู้จักเมือง ‘เพทรา’(Petra)
หลังจากนั้น เริ่มอยากไปดู ไปรู้ ไปเห็น ก็เริ่มจะเมื่อทนไม่ไหว เลยมองหาเพื่อนที่คิดว่าน่าจะพร้อมลุยไปด้วยกัน และแล้วก็หลอกล่อได้เหยื่อมา 2 คน ^^* เลยจัดการขอวันหยุดทันที เหมือนฟ้าฝนจะเป็นใจได้วันหยุดมา 6 วัน หลังจากนั้นเราจึงเริ่มวางแผนเที่ยวด้วยการถามเพื่อนรอบตัวที่เคยไปมา ว่าไปที่ไหนในประเทศนี้มาบ้าง พักที่ไหน เดินทางยังไง
เคยได้ยินคำว่า ‘วาดีรัม’ (Wadi Rum) มาจากเพื่อนคนหนึ่ง ไม่เคยรู้จักสถานที่แห่งนี้มาก่อน ตอนเสิร์ชดูรูปยังรู้สึกงงๆ ไม่ถึงกับอินมาก แต่ก็คิดในใจว่าเอาวะ ไหนๆไปทั้งทีก็ไปดูให้หมดไม่รู้ชาตินี้เราจะมีโอกาสได้ไปอีกเมื่อไหร่ เมื่อวางแผนกันคร่าวๆเรียบร้อยแล้ว ได้ข้อสรุปว่าครั้งนี้เราจะเดินทางไปลงเมืองหลวงที่ Amman แล้วต่อไปยัง Dead Sea, Wadi Rum, Petra และกลับขึ้นมายัง Jerash เมืองทางเหนือของจอร์แดน
การเดินทางไปประเทศจอร์แดนนั้นไม่ยาก มีทั้งบินตรงจากกรุงเทพฯ ถึงเมืองอัมมาน หรือจะเป็นแบบต่อเครื่อง ซึ่งสามารถใช้บริการสายการบินตะวันออกกลางได้เกือบทุกสาย ขึ้นอยู่กับราคาและเวลาตามแต่จะสะดวก เราเลือกไปช่วงปลายเดือนมีนาคม เป็นช่วงปลายหนาวก่อนที่จะเข้าสู่ฤดูร้อน ปรากฏว่ามันยังหนาวมากกว่ากรุงเทพฯหน้าหนาวเลย แต่ก็ถือว่าโชคดีมากเพราะ เราไปถึงก่อนพายุจะเข้า เลยได้เที่ยวกันแบบอากาศดีๆตลอดทริปเลย
การขอวีซ่าสามารถขอไปได้จากที่สถาฑูตจอร์แดนประจำประเทศไทย หรือจะไปขอเอาที่นู่นเป็นแบบ Visa on Arrival ราคา 40 JOD หรืออีกหนึ่งทางเลือก คือการซื้อ Jordan Pass ซึ่งมีสามแพกเกจราคา โดยทั้งหมดจะรวมค่า Visa on Arrival ไปด้วยเลย เราตัดสินใจซื้อแบบ 3 วันกันคนละใบ ซึ่งแพกเกจนี้มีราคา 80 JOD เมื่อถึงด่านตรวจคนเข้าเมือง ก็ทำให้เราไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม แค่คิดถึงค่าเข้าเพทรา 2 วัน และค่าวีซ่าก็เกินราคาแล้ว แถมไม่ต้องไปทะเลาะกับเจ้าหน้าที่เรื่องเงินทอนอีก แต่วิธีนี้เราต้องซื้อล่วงหน้าผ่านทางอินเตอร์เน็ต เสร็จแล้วสามารถเปิดมือถือเผื่อแสกน QR codeสำหรับด่านเก็บตั๋วทุกที่ได้เลย
สำหรับการเดินทางครั้งนี้ เราเลือกที่จะเช่ารถขับกันค่ะ เพื่อความยืดหยุ่นของเวลาและสถานที่ที่ไป บวกกับได้ยินมาเยอะมาก เรื่องคนขับแท็กซี่ที่ชอบโกงเงินทอน เราก็ไม่อยากวุ่นวาย แต่ก็ไม่วายเกิดเรื่อง เงินๆทองๆ ไว้เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังค่ะ... ที่นี่ขับรถง่ายไม่ยาก แต่เป็นพวงมาลัยซ้าย สามารถใช้ใบขับขี่สากลได้ และมีรถยนต์แทบทุกยี่ห้อให้เลือกค่ะ หลังจากเราผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองมากันแล้ว ก็จะเจอเคาท์เตอร์บริษัทให้เช่ารถเรียงรายอยู่ทางเข้าออกสนามบินเลย แต่...ทำไมหาของเราไม่มี 555+ เพราะเราดันไปเลือกบริษัทที่เพื่อนแนะนำมาซึ่งเป็นบริษัทของประเทศจอร์แดนเอง เลยต้องเดินไปถามเจ้าหน้าที่ เขาจิ้มโทรศัพท์โทรไปคุยให้เลย ได้ข้อสรุปคือเดี๋ยวเขาส่งคนมารับเราที่สนามบิน และจุดรับรถของเค้าอยู่ข้างนอกค่ะ