ถ้าคำตอบคือ "ภาษาไทย" ก็จบ..!!
คงไม่ต้องตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา
ความจริงที่ปรากฎให้เห็นในปัจจุบันคือ คนไทยมีการใช้...
+ภาษาไทยที่หลากหลายสำเนียง (สำเนียงเหนือจะช้าๆ เนิบๆ, สำเนียงใต้จะเร็วๆ สั้นๆ กระชับฯ)
+ภาษาท่าทาง (ภาษากาย..แทนการพูด/การเขียน เช่นการยิ้ม หัวเราะ พยักหน้า โบกมือ ฯ)
+ภาษาต่างประเทศ (อังกฤษ, จีน, ฝรั่งเศส, ญี่ปุ่น, เกาหลี, ...)
+ภาษาต่างดาว (เข้าใจกันเฉพาะ แค่คนที่รู้ใจเท่านั้น)
แต่ทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้เป็นข้อจำกัด ที่ทำให้คนไทย "ไม่เข้าใจกัน" หรือพูดคุยกัน "ไม่รู้เรื่อง"
แล้วอะไร...??? คือข้อจำกัดที่ทำให้คนไทยไม่เข้าใจกัน...???
ทำอย่างไรให้คนไทย สื่อสารกันด้วยใจ
[[การพูด]]
ต้องมีสติในการแยกแยะ และมีศิลปะในการเลือกใช้ถ้อยคำ
เมื่อสื่อออกไปแล้ว...สารนั้นต้องเข้าไปถึงใจของผู้ฟัง ทำให้ผู้ฟังรู้สึกพึงพอใจ
พูดบนพื้นฐานความเข้าใจความเป็นเพื่อนมนุษย์ซึ่งกันและกัน
คำนึงถึงความรู้สึกของผู้ฟัง เอาใจเรา..ไปใส่ใจเขา --> แล้วเอาใจเขา..มาใส่ใจเรา
...!! บ่อยครั้งที่ผู้พูดเองก็มีเจตนาดี แต่พอพูดออกไปแล้ว ผู้ฟังไม่ได้รู้สึกดี กลับโกรธกันไปเลยก็มี..
พูดดีมาเป็น 100 เป็น 1,000 ครั้ง (หรือพูดดีมาทั้งชีวิต) แต่พูดพลาดเพียงครั้งเดียว ผลที่ออกมาคือ..
โกรธเคืองกันเป็นเดือน เป็นปี เป็นสิบๆ ปี หรือโกรธกันไปทั้งชีวิตเลยก็มี !!
[[การฟัง]]
ก็ต้องมีสติในการแยกแยะ และมีศิลปะในการรับฟังเช่นเดียวกับการพูด
ทำอย่างไรให้เราเป็นผู้ฟัง ที่มีความตั้งใจฟังจริงๆ
ไม่ใช่ฟังเพื่อหาจังหวะที่จะแทรก..แล้วพูดโต้กลับไปทันทีที่มีโอกาส
จะต้องฟังด้วยสติเพื่อจับประเด็นของผู้พูดให้ได้ว่า...
จริงๆ แล้วเขาต้องการจะแบ่งปันมุมมองบางอย่าง ให้เราได้เห็นมุมนั้นของเขาบ้าง
[[ภาษาใจ]]
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่การสื่อสารให้ผู้ฟังตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป..ได้ฟังไปพร้อมๆ กัน
เมื่อเขาได้ฟัง..ได้อ่าน..ได้สังเกตท่าทางของเราแล้ว
ผู้ฟังทั้งหลายเหล่านั้น จะเข้าใจและเข้าถึง [[ภาพในใจ]] ของผู้พูดที่พยายามสื่อสารออกไป
ให้รับสารนั้นได้ตรงตามความเป็นจริง..ตามที่ปรากฎอยู่ในใจของผู้พูด (ผู้ส่งสาร) ได้มากน้อยสักแค่ไหน?
ผู้ฟัง (ผู้รับสาร) จะมีข้อจำกัดในการรับรู้ มีความสามารถในการแปลความ การตีความหมาย
ไปตามพื้นเดิมของความคิด พื้นฐานชีวิตจากสิ่งแวดล้อมที่ตนเคยรับรู้มาตั้งแต่เด็กๆ
นี่คือข้อจำกัดที่ทำให้เกิดความแตกต่างในการรับสาร การตีความหมาย
ความเข้าใจผิด (มโนไปเอง) จึงมีโอกาสเกิดขึ้นทุกครั้งที่มีการสื่อสารกัน
*** สติ + ความตั้งใจ = ภาษาใจแห่งการสื่อสาร ***
ลองใช้เนื้อหาต่อจากนี้ด้วย "สติและความตั้งใจ" มองเข้าไปในชีวิตของคุณ
ที่บ้านของคุณ : คุณอาจจะใช้ภาษาเงียบในบางครา เพราะคุณไม่อยากจะคุยกับคนบางคนในครอบครัวสักเท่าไหร่
ในที่ทำงาน : คุณอาจจะใช้ภาษาที่ใส่ความรู้สึกสุภาพให้กับเจ้านายของคุณ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเจ้านาย,
กับเพื่อนร่วมงาน : คุณอาจจะใช้ภาษาที่เป็นกันเอง, กับลูกน้อง : คุณอาจจะใช้ความมั่นใจ+ความน่าเกรงขาม,
กับโลกออนไลน์ : คุณอาจจะใช้เป็นที่ระบายความรู้สึกต่างๆ ที่คุณอยากจะส่งออกไปให้มากที่สุด เผื่อใครคนนั้นจะได้รับรู้.
สิ่งเหล่านี้..จึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะตอบว่า...จริงๆ แล้ว "เราคนไทยกำลังใช้ภาษาอะไร" ?
วันนี้คือ... "วันลงประชามติ ของประชาชนชาวไทย"
ขอความสงบสุข ความศิวิไลซ์ จงสถิตสถาพรอยู่ใน
"การร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปีพุทธศักราช 2559"
CR.ชายชราในความสงบ
7 สิงหาคม 2559
20:45 น.
คนไทย..ใช้ภาษาอะไรกันแน่..?
คงไม่ต้องตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา
ความจริงที่ปรากฎให้เห็นในปัจจุบันคือ คนไทยมีการใช้...
+ภาษาไทยที่หลากหลายสำเนียง (สำเนียงเหนือจะช้าๆ เนิบๆ, สำเนียงใต้จะเร็วๆ สั้นๆ กระชับฯ)
+ภาษาท่าทาง (ภาษากาย..แทนการพูด/การเขียน เช่นการยิ้ม หัวเราะ พยักหน้า โบกมือ ฯ)
+ภาษาต่างประเทศ (อังกฤษ, จีน, ฝรั่งเศส, ญี่ปุ่น, เกาหลี, ...)
+ภาษาต่างดาว (เข้าใจกันเฉพาะ แค่คนที่รู้ใจเท่านั้น)
แต่ทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้เป็นข้อจำกัด ที่ทำให้คนไทย "ไม่เข้าใจกัน" หรือพูดคุยกัน "ไม่รู้เรื่อง"
แล้วอะไร...??? คือข้อจำกัดที่ทำให้คนไทยไม่เข้าใจกัน...???
ทำอย่างไรให้คนไทย สื่อสารกันด้วยใจ
[[การพูด]]
ต้องมีสติในการแยกแยะ และมีศิลปะในการเลือกใช้ถ้อยคำ
เมื่อสื่อออกไปแล้ว...สารนั้นต้องเข้าไปถึงใจของผู้ฟัง ทำให้ผู้ฟังรู้สึกพึงพอใจ
พูดบนพื้นฐานความเข้าใจความเป็นเพื่อนมนุษย์ซึ่งกันและกัน
คำนึงถึงความรู้สึกของผู้ฟัง เอาใจเรา..ไปใส่ใจเขา --> แล้วเอาใจเขา..มาใส่ใจเรา
...!! บ่อยครั้งที่ผู้พูดเองก็มีเจตนาดี แต่พอพูดออกไปแล้ว ผู้ฟังไม่ได้รู้สึกดี กลับโกรธกันไปเลยก็มี..
พูดดีมาเป็น 100 เป็น 1,000 ครั้ง (หรือพูดดีมาทั้งชีวิต) แต่พูดพลาดเพียงครั้งเดียว ผลที่ออกมาคือ..
โกรธเคืองกันเป็นเดือน เป็นปี เป็นสิบๆ ปี หรือโกรธกันไปทั้งชีวิตเลยก็มี !!
[[การฟัง]]
ก็ต้องมีสติในการแยกแยะ และมีศิลปะในการรับฟังเช่นเดียวกับการพูด
ทำอย่างไรให้เราเป็นผู้ฟัง ที่มีความตั้งใจฟังจริงๆ
ไม่ใช่ฟังเพื่อหาจังหวะที่จะแทรก..แล้วพูดโต้กลับไปทันทีที่มีโอกาส
จะต้องฟังด้วยสติเพื่อจับประเด็นของผู้พูดให้ได้ว่า...
จริงๆ แล้วเขาต้องการจะแบ่งปันมุมมองบางอย่าง ให้เราได้เห็นมุมนั้นของเขาบ้าง
[[ภาษาใจ]]
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่การสื่อสารให้ผู้ฟังตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป..ได้ฟังไปพร้อมๆ กัน
เมื่อเขาได้ฟัง..ได้อ่าน..ได้สังเกตท่าทางของเราแล้ว
ผู้ฟังทั้งหลายเหล่านั้น จะเข้าใจและเข้าถึง [[ภาพในใจ]] ของผู้พูดที่พยายามสื่อสารออกไป
ให้รับสารนั้นได้ตรงตามความเป็นจริง..ตามที่ปรากฎอยู่ในใจของผู้พูด (ผู้ส่งสาร) ได้มากน้อยสักแค่ไหน?
ผู้ฟัง (ผู้รับสาร) จะมีข้อจำกัดในการรับรู้ มีความสามารถในการแปลความ การตีความหมาย
ไปตามพื้นเดิมของความคิด พื้นฐานชีวิตจากสิ่งแวดล้อมที่ตนเคยรับรู้มาตั้งแต่เด็กๆ
นี่คือข้อจำกัดที่ทำให้เกิดความแตกต่างในการรับสาร การตีความหมาย
ความเข้าใจผิด (มโนไปเอง) จึงมีโอกาสเกิดขึ้นทุกครั้งที่มีการสื่อสารกัน
*** สติ + ความตั้งใจ = ภาษาใจแห่งการสื่อสาร ***
ลองใช้เนื้อหาต่อจากนี้ด้วย "สติและความตั้งใจ" มองเข้าไปในชีวิตของคุณ
ที่บ้านของคุณ : คุณอาจจะใช้ภาษาเงียบในบางครา เพราะคุณไม่อยากจะคุยกับคนบางคนในครอบครัวสักเท่าไหร่
ในที่ทำงาน : คุณอาจจะใช้ภาษาที่ใส่ความรู้สึกสุภาพให้กับเจ้านายของคุณ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเจ้านาย,
กับเพื่อนร่วมงาน : คุณอาจจะใช้ภาษาที่เป็นกันเอง, กับลูกน้อง : คุณอาจจะใช้ความมั่นใจ+ความน่าเกรงขาม,
กับโลกออนไลน์ : คุณอาจจะใช้เป็นที่ระบายความรู้สึกต่างๆ ที่คุณอยากจะส่งออกไปให้มากที่สุด เผื่อใครคนนั้นจะได้รับรู้.
สิ่งเหล่านี้..จึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะตอบว่า...จริงๆ แล้ว "เราคนไทยกำลังใช้ภาษาอะไร" ?
วันนี้คือ... "วันลงประชามติ ของประชาชนชาวไทย"
ขอความสงบสุข ความศิวิไลซ์ จงสถิตสถาพรอยู่ใน
"การร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปีพุทธศักราช 2559"
CR.ชายชราในความสงบ
7 สิงหาคม 2559
20:45 น.