วิเชนซ่า Vicenza
Vicenza Italy ---- เมืองนี้อาจจะไม่ค่อยมีคนพูดถึงมากนัก แต่สำหรับเราเหมือนบ้านที่คุ้นเคย ดังนั้นเราเลยเขียนแนะนำเมืองนี้ให้คนรู้จักกันบ้างค่ะ ที่จริงเมืองนี้มีอะไรที่เก่าแก่น่าสนใจหลายอย่าง และเส้นทางการเดินทางก็ไม่ยากลำบาก อยู่ใกล้ๆกันกับเมืองเวโรน่า เมืองแห่งโรมิโอกับจูเลียต และใกล้กับเวนิสด้วย นั่งรถไฟไม่นานก็ถึงกันค่ะ
เมืองวิเชนซ่า มีที่น่าเที่ยวหลายอย่างตั้งแต่ภายในตัวเมืองซึ่งมีสถาปัตยกรรมสวยงาม รวมไปถึงจตุรัสที่มีร้านรวงน่ารักน่าชม ที่เที่ยวในเมืองก็มีหลายที่ นอกเมืองก็เป็นยุคกลางแท้ๆแบบฟินมากหากใครชอบ และแถมด้วยที่ๆชาวเมืองชอบไป hangout กันกับจุดชมวิวที่โบสถ์บนเขาแบบ พานอรามา ตามมาชมกันค่ะ
เริ่มต้นจากในเมืองก่อน เราใช้เวลาเที่ยวในวิเชนซ่ามาหลายครั้ง ค่อยๆรวบรวมกันไว้ไม่ได้เที่ยวในวันเดียวค่ะ แต่ว่าหากใครอยากมาเช้าเย็นกลับก็ได้ หรือจะค้างสักคืนสองคืน โรงแรมที่นี่ราคาก็น่ารักมาก ด้วยไม่ใช่เมืองที่มีนักท่องเที่ยวเยอะ ราคาจึงไม่แพง
วันนี้เริ่มจากในเมืองวิเชนซ่า ที่
Piazza dei Signori หรือจตุรัสซินญอริ ที่จตุรัสนี้รายล้อมด้วยสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น ร้านรวงที่สวยงาม มี café ร้านกาแฟให้นั่งชมบรรยากาศรอบๆค่ะ สถาปัตยกรรมที่สำคัญก็คือ 1.
Clock tower ( หอนาฬิกา ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม Torre Bissara หรือหอสูงของเมือง ) และ 2.
loggia of the Basilica Palladiana, เป็นตึกที่ทำการรัฐ มีระเบียงรอบๆเป็น shop ต่างๆ ตึกหลังคาโค้งสีเขียวนี้เป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามมาก กระทั่งหลังคาโค้งและด้านในระเบียง ก็สวยลงตัวด้วยฝีมือสถาปนิกดังแห่ง Venetian ชื่อ Andrea Palladio นั่นเองค่ะ ชมภาพกันค่ะ
จากจุดนี้เดินเล่นช้อปปิ้งกันสบายๆ เราชอบร้านเจลาโต้และร้านเสื้อผ้าเวลาลดราคา ของดีๆสวยๆมาลดกันด้วยเป็นแบรนด์ท้องถิ่นของอิตาลี่เอง คุณภาพดีราคาเยาว์ ใช้คุ้มเลยค่ะ
จาก จตุรัส เดินขึ้นไปทางตะวันออกเฉียงเหนือสักพักไม่ถึง 10 นาที ก็จะพบกับ
Teatro Olimpico ("Olympic Theatre") เป็นโรงละครเก่าแก่ของเมือง Vicenza เขาละค่ะ ที่นี่ไม่ธรรมดานะคะ เพราะเป็น
Unesco World Heritage site เป็นโรงละคร 1 ใน 3 แห่งสมัยเรเนอซองค์ที่ยังมีการใช้แสดงจริงอยู่ค่ะ ภายในต้องเข้าชมให้ได้นะคะเพราะสวยงามมาก หลังคาเป็นท้องฟ้า ส่วนฉากที่ใช้ในการแสดงก็สร้างด้วยไม้ สลักเสลา มีมิติเหมือนจริง มาชมกันค่ะ
ออกจากที่นี่หากพอมีเวลาก็สามารถขึ้นรถไปชมวิวบนเขาต่อ ที่
Monte Berico ค่ะ เดินกลับออกมาทางประตูเมืองและเรียกรถแท็กซี่ หรือนั่งรถบัสแถวๆสถานีรถไฟ ระยะทางประมาณ 4 กม.ค่ะ ที่นี่มีทั้งโบสถ์สวยๆที่เป็นโบสถ์พระแม่ Basilica di S.Maria di Monte Berico สไตล์ Baroque ที่สวยงามแบบที่ไม่มากเกินไป
ด้านหน้าเป็นจัตุรัสกว้าง
Piazza della Vittoria ที่เป็นสถานที่ดูวิวแบบพานอรามาของเมืองวิเชนซ่าทั้งเมือง สิ่งก่อสร้างต่างๆทั้งเมืองมองจากด้านบน ล้วนกลมกลืนกัน เป็นภาพที่มองแล้วสบายตาสบายใจจริงๆ
******************************************************************************************************************************
วันนี้เที่ยวมาทั้งวันแล้ว แต่ยังไม่หมด ยังมีที่น่าสนใจอีก ติดตามชมกันวันที่ 2 นะคะ**********************
วันที่สอง เราจะไปชมสถานที่ที่อยู่บนเนินเขาอันสวยงามกันอีก 3 ที่นะคะ คือ
Bassano del Grappa , Marostica และอีกที่อยู่ในเขตเมือง Padova ใกล้ๆกับเขตเมืองวิเชนซ่าค่ะ คือ
Citta Della เป็นเมืองยุคกลางในเขตกำแพงเมืองที่สมบูรณ์สวยงาม
เราเริ่มจากเมือง
Bassano del Grappa กันก่อน เมืองนี้เป็นเมืองที่สวยงามแบบหวานๆและสงบงามค่ะ อยู่ใกล้กับหุบเขาและมีแม่น้ำ Branta ผ่านกลางเมือง ที่นี่มีชื่อเสียงด้าน
Grappa แกรปปาเป็นเครื่องดื่มอัลกอฮอล์ผลผลิตที่เหลือจากการหมักไวน์ และมีดีกรีแรงทีเดียวค่ะ ตั้งแต่ 35 – 60 % อัลกอฮอล์ ใครอยากชิมจากถิ่นเดิมแท้ๆขงแกรปปาในภาคเหนือ ต้องไปที่นี่เลยค่ะส่วนเราได้แต่ดูเพราะไม่ไหวจริงๆ แรงไปมั้ย อิอิ
นอกจากชิมแกรปปา ที่นี่มีร้านไวน์นั่งชิมเป็นแก้วแบบสบายๆ เราลองแบบนี้ดีกว่า ส่วนร้านอาหารก็มีร้านอร่อยหลายร้านแถวนี้เป็นที่ hangout ของคนที่นี่ มีที่ช้อปปิ้ง เดินชมของสวยงามน่ารัก ร้านเจลาโต้ หรือไอศครีมอิตาลี่ ก็เยอะ ร้านขายสินค้าแฮนด์เมดน่าชม ที่นี่มีหมด รวมถึงโบสถ์สวยๆ เราได้แวะชมด้วย ตามมาชมกันค่ะ
ต่อจากนั้นเราขับรถไป
Marostica กันต่อ...ไม่ไกลจาก Bassano มากนักขับรถแค่ 10 นาทีเท่านั้น ... มารอสติก้าเป็นเมืองเล็กๆในเขตวิเชนซ่า ที่มีป้อมปราการเก่าแก่สมัยยุคกลางอยู่บนเขา ที่นี่มีชื่อเสียงด้าน Cherry ตอนเดือนพฤษภาคมแชรี่จะออกขายอยู่ริมทางจากสวนแถวๆนั้นเลย สดกรอบอร่อย เดือนมิถุนายนก็จะมีมากและราคาไม่แพง 3 – 5 ยูโรแล้วแต่ขนาด แถมแถวนี้ยังมีหน่อไม้ฝรั่งสีขาวขายด้วย เอามาทำข้าวริซอตโต้อร่อยดีค่ะ
ที่ Marostica นี้ มีเมืองด้านล่างและด้านบน
Lower Town – Upper Town เสียดายช่วงที่เราไปจัตุรัสด้านล่างปิดปรับปรุง แต่เรามีภาพจากเว็บไซท์ของ Marostica มาให้ชมกันค่ะที่นี่มีการเล่นหมากรุกคนด้วย ในเดือนกันยายนของทุกปี วันนั้นเราได้เพียงเดินเล่นในปราสาท และดูร้านต่างๆในเมือง ชมกำแพงด้านนอก แล้วขึ้นไปชมวิวบน Upper town
บนนี้เราต้องจอดรถแล้วเดินขึ้นไปอีกหน่อย ระหว่างทางก็มีดอกไม้สวยๆให้ชมกัน เดินประมาณ 300 เมตรก็ถึงด้านบน ตัวปราสาทเก่าแก่สวยงามแบบนิยายยุคกลาง แต่ที่สวยกว่าคือทิวทัศน์ที่เรามองจากตรงนั้นลงมายังเมืองด้านล่าง เห็นสีเขียวของธรรมชาติและหลังคาบ้านสีเดียวกันไกลสุดตา เราชอบบ้านเมืองที่นี่ตรงที่เขาจัดเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม สีสันสัมพันธ์กันกับธรรมชาติและสภาพแวดล้อมรอบๆค่ะ
หลังจากเริ่มฟินจากเมืองยุคกลางที่เหมือนนิยายสมัยอัศวินแล้ว เราก็ฟินต่อกับเมือง
Citta Della กันเมืองนี้มีกำแพงล้มรอบแบบสวยงาม เข้าไปแล้วเหมือนกับว่าเราย้อนยุคไปสมัยนั้น มีโบสถ์สวยงามให้เข้าไปสงบใจและชมงานศิลปะ ถ้าเอาชุดไปแต่งให้เข้ากับบรรยากาศนี่ได้คงดีไม่น้อยเลยละค่ะ มาชมภาพกันนะคะ
วันนั้นกลับบ้านไปอย่างอิ่มเอม เพราะเราชอบประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมยุคเก่าแบบนี้ ใครชอบและได้เดินทางไปอิตาลี่ แวะไปเมืองนี้กันค่ะ นั่งรถไฟจากเวโรน่า หรือเวนิส ไม่ไกลเลย เมืองนี้อยู่ระหว่างเวโรน่าและ เวนิสค่ะ สามารถนั่งรถไฟมาแวะลงก่อนไปเมืองเหล่านี้ได้ โรงแรมก็ราคาไม่แพงเลยค่ะ และได้บรรยากาศเมืองน่ารักแบบที่ไม่ต้องฝ่าฟันฝูงชนนักท่องเที่ยวมากมาย ได้ชื่นชมวิถีชีวิตผู้คนแบบสบายๆค่ะ
[CR] ท่องไปในอิตาลี่ ตอน VICENZA
Vicenza Italy ---- เมืองนี้อาจจะไม่ค่อยมีคนพูดถึงมากนัก แต่สำหรับเราเหมือนบ้านที่คุ้นเคย ดังนั้นเราเลยเขียนแนะนำเมืองนี้ให้คนรู้จักกันบ้างค่ะ ที่จริงเมืองนี้มีอะไรที่เก่าแก่น่าสนใจหลายอย่าง และเส้นทางการเดินทางก็ไม่ยากลำบาก อยู่ใกล้ๆกันกับเมืองเวโรน่า เมืองแห่งโรมิโอกับจูเลียต และใกล้กับเวนิสด้วย นั่งรถไฟไม่นานก็ถึงกันค่ะ
เมืองวิเชนซ่า มีที่น่าเที่ยวหลายอย่างตั้งแต่ภายในตัวเมืองซึ่งมีสถาปัตยกรรมสวยงาม รวมไปถึงจตุรัสที่มีร้านรวงน่ารักน่าชม ที่เที่ยวในเมืองก็มีหลายที่ นอกเมืองก็เป็นยุคกลางแท้ๆแบบฟินมากหากใครชอบ และแถมด้วยที่ๆชาวเมืองชอบไป hangout กันกับจุดชมวิวที่โบสถ์บนเขาแบบ พานอรามา ตามมาชมกันค่ะ
เริ่มต้นจากในเมืองก่อน เราใช้เวลาเที่ยวในวิเชนซ่ามาหลายครั้ง ค่อยๆรวบรวมกันไว้ไม่ได้เที่ยวในวันเดียวค่ะ แต่ว่าหากใครอยากมาเช้าเย็นกลับก็ได้ หรือจะค้างสักคืนสองคืน โรงแรมที่นี่ราคาก็น่ารักมาก ด้วยไม่ใช่เมืองที่มีนักท่องเที่ยวเยอะ ราคาจึงไม่แพง
วันนี้เริ่มจากในเมืองวิเชนซ่า ที่ Piazza dei Signori หรือจตุรัสซินญอริ ที่จตุรัสนี้รายล้อมด้วยสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น ร้านรวงที่สวยงาม มี café ร้านกาแฟให้นั่งชมบรรยากาศรอบๆค่ะ สถาปัตยกรรมที่สำคัญก็คือ 1. Clock tower ( หอนาฬิกา ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม Torre Bissara หรือหอสูงของเมือง ) และ 2. loggia of the Basilica Palladiana, เป็นตึกที่ทำการรัฐ มีระเบียงรอบๆเป็น shop ต่างๆ ตึกหลังคาโค้งสีเขียวนี้เป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามมาก กระทั่งหลังคาโค้งและด้านในระเบียง ก็สวยลงตัวด้วยฝีมือสถาปนิกดังแห่ง Venetian ชื่อ Andrea Palladio นั่นเองค่ะ ชมภาพกันค่ะ
จากจุดนี้เดินเล่นช้อปปิ้งกันสบายๆ เราชอบร้านเจลาโต้และร้านเสื้อผ้าเวลาลดราคา ของดีๆสวยๆมาลดกันด้วยเป็นแบรนด์ท้องถิ่นของอิตาลี่เอง คุณภาพดีราคาเยาว์ ใช้คุ้มเลยค่ะ
จาก จตุรัส เดินขึ้นไปทางตะวันออกเฉียงเหนือสักพักไม่ถึง 10 นาที ก็จะพบกับ Teatro Olimpico ("Olympic Theatre") เป็นโรงละครเก่าแก่ของเมือง Vicenza เขาละค่ะ ที่นี่ไม่ธรรมดานะคะ เพราะเป็น Unesco World Heritage site เป็นโรงละคร 1 ใน 3 แห่งสมัยเรเนอซองค์ที่ยังมีการใช้แสดงจริงอยู่ค่ะ ภายในต้องเข้าชมให้ได้นะคะเพราะสวยงามมาก หลังคาเป็นท้องฟ้า ส่วนฉากที่ใช้ในการแสดงก็สร้างด้วยไม้ สลักเสลา มีมิติเหมือนจริง มาชมกันค่ะ
ออกจากที่นี่หากพอมีเวลาก็สามารถขึ้นรถไปชมวิวบนเขาต่อ ที่ Monte Berico ค่ะ เดินกลับออกมาทางประตูเมืองและเรียกรถแท็กซี่ หรือนั่งรถบัสแถวๆสถานีรถไฟ ระยะทางประมาณ 4 กม.ค่ะ ที่นี่มีทั้งโบสถ์สวยๆที่เป็นโบสถ์พระแม่ Basilica di S.Maria di Monte Berico สไตล์ Baroque ที่สวยงามแบบที่ไม่มากเกินไป
ด้านหน้าเป็นจัตุรัสกว้าง Piazza della Vittoria ที่เป็นสถานที่ดูวิวแบบพานอรามาของเมืองวิเชนซ่าทั้งเมือง สิ่งก่อสร้างต่างๆทั้งเมืองมองจากด้านบน ล้วนกลมกลืนกัน เป็นภาพที่มองแล้วสบายตาสบายใจจริงๆ
******************************************************************************************************************************วันนี้เที่ยวมาทั้งวันแล้ว แต่ยังไม่หมด ยังมีที่น่าสนใจอีก ติดตามชมกันวันที่ 2 นะคะ**********************
วันที่สอง เราจะไปชมสถานที่ที่อยู่บนเนินเขาอันสวยงามกันอีก 3 ที่นะคะ คือ Bassano del Grappa , Marostica และอีกที่อยู่ในเขตเมือง Padova ใกล้ๆกับเขตเมืองวิเชนซ่าค่ะ คือ Citta Della เป็นเมืองยุคกลางในเขตกำแพงเมืองที่สมบูรณ์สวยงาม
เราเริ่มจากเมือง Bassano del Grappa กันก่อน เมืองนี้เป็นเมืองที่สวยงามแบบหวานๆและสงบงามค่ะ อยู่ใกล้กับหุบเขาและมีแม่น้ำ Branta ผ่านกลางเมือง ที่นี่มีชื่อเสียงด้าน Grappa แกรปปาเป็นเครื่องดื่มอัลกอฮอล์ผลผลิตที่เหลือจากการหมักไวน์ และมีดีกรีแรงทีเดียวค่ะ ตั้งแต่ 35 – 60 % อัลกอฮอล์ ใครอยากชิมจากถิ่นเดิมแท้ๆขงแกรปปาในภาคเหนือ ต้องไปที่นี่เลยค่ะส่วนเราได้แต่ดูเพราะไม่ไหวจริงๆ แรงไปมั้ย อิอิ
นอกจากชิมแกรปปา ที่นี่มีร้านไวน์นั่งชิมเป็นแก้วแบบสบายๆ เราลองแบบนี้ดีกว่า ส่วนร้านอาหารก็มีร้านอร่อยหลายร้านแถวนี้เป็นที่ hangout ของคนที่นี่ มีที่ช้อปปิ้ง เดินชมของสวยงามน่ารัก ร้านเจลาโต้ หรือไอศครีมอิตาลี่ ก็เยอะ ร้านขายสินค้าแฮนด์เมดน่าชม ที่นี่มีหมด รวมถึงโบสถ์สวยๆ เราได้แวะชมด้วย ตามมาชมกันค่ะ
ต่อจากนั้นเราขับรถไป Marostica กันต่อ...ไม่ไกลจาก Bassano มากนักขับรถแค่ 10 นาทีเท่านั้น ... มารอสติก้าเป็นเมืองเล็กๆในเขตวิเชนซ่า ที่มีป้อมปราการเก่าแก่สมัยยุคกลางอยู่บนเขา ที่นี่มีชื่อเสียงด้าน Cherry ตอนเดือนพฤษภาคมแชรี่จะออกขายอยู่ริมทางจากสวนแถวๆนั้นเลย สดกรอบอร่อย เดือนมิถุนายนก็จะมีมากและราคาไม่แพง 3 – 5 ยูโรแล้วแต่ขนาด แถมแถวนี้ยังมีหน่อไม้ฝรั่งสีขาวขายด้วย เอามาทำข้าวริซอตโต้อร่อยดีค่ะ
ที่ Marostica นี้ มีเมืองด้านล่างและด้านบน Lower Town – Upper Town เสียดายช่วงที่เราไปจัตุรัสด้านล่างปิดปรับปรุง แต่เรามีภาพจากเว็บไซท์ของ Marostica มาให้ชมกันค่ะที่นี่มีการเล่นหมากรุกคนด้วย ในเดือนกันยายนของทุกปี วันนั้นเราได้เพียงเดินเล่นในปราสาท และดูร้านต่างๆในเมือง ชมกำแพงด้านนอก แล้วขึ้นไปชมวิวบน Upper town
บนนี้เราต้องจอดรถแล้วเดินขึ้นไปอีกหน่อย ระหว่างทางก็มีดอกไม้สวยๆให้ชมกัน เดินประมาณ 300 เมตรก็ถึงด้านบน ตัวปราสาทเก่าแก่สวยงามแบบนิยายยุคกลาง แต่ที่สวยกว่าคือทิวทัศน์ที่เรามองจากตรงนั้นลงมายังเมืองด้านล่าง เห็นสีเขียวของธรรมชาติและหลังคาบ้านสีเดียวกันไกลสุดตา เราชอบบ้านเมืองที่นี่ตรงที่เขาจัดเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม สีสันสัมพันธ์กันกับธรรมชาติและสภาพแวดล้อมรอบๆค่ะ
หลังจากเริ่มฟินจากเมืองยุคกลางที่เหมือนนิยายสมัยอัศวินแล้ว เราก็ฟินต่อกับเมือง Citta Della กันเมืองนี้มีกำแพงล้มรอบแบบสวยงาม เข้าไปแล้วเหมือนกับว่าเราย้อนยุคไปสมัยนั้น มีโบสถ์สวยงามให้เข้าไปสงบใจและชมงานศิลปะ ถ้าเอาชุดไปแต่งให้เข้ากับบรรยากาศนี่ได้คงดีไม่น้อยเลยละค่ะ มาชมภาพกันนะคะ
วันนั้นกลับบ้านไปอย่างอิ่มเอม เพราะเราชอบประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมยุคเก่าแบบนี้ ใครชอบและได้เดินทางไปอิตาลี่ แวะไปเมืองนี้กันค่ะ นั่งรถไฟจากเวโรน่า หรือเวนิส ไม่ไกลเลย เมืองนี้อยู่ระหว่างเวโรน่าและ เวนิสค่ะ สามารถนั่งรถไฟมาแวะลงก่อนไปเมืองเหล่านี้ได้ โรงแรมก็ราคาไม่แพงเลยค่ะ และได้บรรยากาศเมืองน่ารักแบบที่ไม่ต้องฝ่าฟันฝูงชนนักท่องเที่ยวมากมาย ได้ชื่นชมวิถีชีวิตผู้คนแบบสบายๆค่ะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น