ก่อนจะเข้าเรื่องยาคุมฯ เราขอเกริ่นนำเรื่องที่อาจเกี่ยวข้องกับเรื่องยาคุมฯก่อนนะคะ
เมื่อราวๆ 2-3 เดือนก่อน เราฉี่เหลือง เหลืองถึงขั้นผิดปกติ แต่ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเป็นเพียงแค่ฉี่ที่เหลืองเท่านั้น
เราคิดเอาว่าอาจเป็นเพราะเราดื่มน้ำน้อย จึงทำให้ฉี่เหลือง เราจึงปรับการดื่มน้ำของตัวเองใหม่ ให้ดื่มมากขึ้น
แต่เวลาผ่านไป 2 อาทิตย์ ฉี่ก็ยังคงเหลืองเข้มเช่นเดิม และที่มีมาเพิ่มคือ ตาขาวของเราเหลือง!!!!
เรากลัวมากกก กังวลสารพัดชนิด
กลัวเป็นมะเร็งตับ (ทั้งที่ก็ไม่ได้ดื่มเหล้า เบียร์)
กลัวเป็นไวรัสลงตับ
ไหนจะนิ่วในถุงน้ำดี ก็กลัวเป็น..
หาข้อมูลสารพัดทุกอย่างเกี่ยวกับอาการฉี่เหลือง ตาเหลือง แต่ทุกอย่างที่เรากลัวมันไม่เข้าข่ายเลย
เวลาผ่านไป 1 อาทิตย์ เราตัดสินใจไปหาหมอ
หมอก็สั่งเจาะเลือดตรวจดูแล้ว เช็คอาการเบื้องต้นของทุกโรค ก็ไม่เข้าข่ายซักโรค ทั้งหมอทั้งคนไข้ งง!!!
นั่งสอบถามกันพักนึง หมอก็ถามว่ากินยาอะไรบ้างไหม?? เราก็ตอบไปว่า กินยาคุมค่ะ เป็น เมอซิลอน 28 เม็ด
หมอ : กินมานานแค่ไหนแล้ว
เรา : ราวๆ 6 ปีแล้วค่ะ กินมาเรื่อยๆเลย
หมอ : (ทำหน้าฉงนนิดหน่อย) เคยหยุดกินบ้างไหม?
เรา : น่าจะไม่เคยมั้งคะ หรือถ้าเคย ในรอบ 6 ปีนี่ หยุดไป เดือนนึง ประมาณ 2 ครั้ง ไม่เกินนี้
หมอ : กินยาคุม ต้องมีพักกินบ้างนะ (บลาๆๆๆ อธิบายเกี่ยวกับการกินยาคุม)
เรา : อืมมม อ่ออออ ค่ะๆๆ
หมอ : เดี๋ยวเบื้องต้นลองหยุดกินยาคุมก่อนนะ แล้วยาอย่างอื่นก็อย่าเพิ่งกิน ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ
เรา : ค่ะ
หมอ : เดี๋ยวอีกอาทิตย์ มาหาหมออีก ลองดูว่า ค่าตับจะลดลงไหม
จากนั้นก็ให้เราเจาะเลือดเพิ่มก่อนกลับบ้าน แบะมีใบเจาะเลือดอีกใบให้เจาะในวันนัดครั้งถัดไป
เมื่อถึงวันนัด เราก็เจาะเลือดตามใบสั่ง และเมื่อถึงคิวพบหมอ หมอก็แจ้งว่า ค่าตับเราลดลงเกือบเป็นปกติแล้ว
(ค่าตับปกติคนเรา จะอยู่หลักสิบต้นๆ แต่วันแรกที่เราหาหมอ ค่าตับเรา 400+ และในวันนัดครั้งที่2 ลดลงเหลือ 100 กว่าๆๆ)
เมื่อเห็นค่าตับดังนี้แล้ว หมอจึงค่อนข้างชี้ชัดว่าเป็นเพราะ ยาคุมที่กินมานานโดยไม่มีการหยุดกิน
โดยผลเลือดนอกจากจะตรวจพบว่าค่าตับลดลงแล้ว ยังบอกเพิ่มอีกว่าไวรัสตับ เอ และ บี เราไม่ได้เป็น (โล่งใจมากกกก)
แต่ก่อนกลับหมอได้แจ้งให้เราหยุดกินยาคุมไปก่อน และให้ตรวจเลือดก่อนกลับอีกครั้ง เพราะต้องการให้แน่ใจว่าเราเป็นไวรัสตับไหม?
(ไวรัสตับอีกชนิด ที่คนไม่ค่อยเป็นกัน)
พอถึงวันนัด หมอแจ้งว่า เราไม่เป็นไวรัสตับชนิดใดเลย และผลเลือดบ่งบอกว่าเราไม่มีภูมิคุ้มกัน หมอจึงแนะนำให้เราฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับ
และแจ้งว่า ถ้าหยุดกินยาคุมครบ 1 เดือนแล้ว ต้องการกินยาคุมต่อ ให้เลือกกินยาคุมที่เป็นชนิดฮอร์โมนต่ำ หมอแนะนำ ยาสมิน
เราจึงอยากถามว่า..
ตอนนี้เราต้องการกลับมากินยาคุมอีกครั้ง เราจึงหาข้อมูลว่ามีตัวไหนบ้างที่ฮอร์โมนต่ำ
แน่นอน.. ว่า ยาสมินก็ถือว่าฮอร์โมนต่ำ แต่ที่แปลกใจคือ.. เมอซิลอน ที่เรากินมาตลอด จากที่หาข้อมูลมา มันก็ฮอร์โมนต่ำเช่นกัน!!!!!
แถมมีคนให้ข้อมูลว่า เมอซิลอน ฮอร์โมนต่ำกว่า ยาสมิน อีกกกกกกกกกก!!!!!!
เราเลยกังวลว่า ถ้าเรากินยาคุม ค่าตับเราจะเพิ่มอีกไหม?? ถึงแม้จะเปลี่ยนไปกิน ยาสมิน ตามคำแนะนำของหมอ
แต่อย่างที่บอก ว่าเมอซิลอน ก็ฮอร์โมนต่ำ!!!
หรือ.. ข้อมูลที่ว่า เมอซิลอน ฮอร์โมนต่ำ มันจะผิด
หรือ.. ถ้าเป็นจริง คือ กินได้ แต่ควรพักเว้นการกินบ้าง เช่น กิน 1 ปี ควรพักกินซัก 1 เดือน???
เลยอยากสอบถามผู้รู้ หรือถ้ามีคุณหมอเข้ามาพบกระทู้นี้ขอคำแนะนำด้วยค่ะ
ขอบคุณค่ะ..
เรื่องยาคุมกำเนิดค่ะ..
เมื่อราวๆ 2-3 เดือนก่อน เราฉี่เหลือง เหลืองถึงขั้นผิดปกติ แต่ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเป็นเพียงแค่ฉี่ที่เหลืองเท่านั้น
เราคิดเอาว่าอาจเป็นเพราะเราดื่มน้ำน้อย จึงทำให้ฉี่เหลือง เราจึงปรับการดื่มน้ำของตัวเองใหม่ ให้ดื่มมากขึ้น
แต่เวลาผ่านไป 2 อาทิตย์ ฉี่ก็ยังคงเหลืองเข้มเช่นเดิม และที่มีมาเพิ่มคือ ตาขาวของเราเหลือง!!!!
เรากลัวมากกก กังวลสารพัดชนิด
กลัวเป็นมะเร็งตับ (ทั้งที่ก็ไม่ได้ดื่มเหล้า เบียร์)
กลัวเป็นไวรัสลงตับ
ไหนจะนิ่วในถุงน้ำดี ก็กลัวเป็น..
หาข้อมูลสารพัดทุกอย่างเกี่ยวกับอาการฉี่เหลือง ตาเหลือง แต่ทุกอย่างที่เรากลัวมันไม่เข้าข่ายเลย
เวลาผ่านไป 1 อาทิตย์ เราตัดสินใจไปหาหมอ
หมอก็สั่งเจาะเลือดตรวจดูแล้ว เช็คอาการเบื้องต้นของทุกโรค ก็ไม่เข้าข่ายซักโรค ทั้งหมอทั้งคนไข้ งง!!!
นั่งสอบถามกันพักนึง หมอก็ถามว่ากินยาอะไรบ้างไหม?? เราก็ตอบไปว่า กินยาคุมค่ะ เป็น เมอซิลอน 28 เม็ด
หมอ : กินมานานแค่ไหนแล้ว
เรา : ราวๆ 6 ปีแล้วค่ะ กินมาเรื่อยๆเลย
หมอ : (ทำหน้าฉงนนิดหน่อย) เคยหยุดกินบ้างไหม?
เรา : น่าจะไม่เคยมั้งคะ หรือถ้าเคย ในรอบ 6 ปีนี่ หยุดไป เดือนนึง ประมาณ 2 ครั้ง ไม่เกินนี้
หมอ : กินยาคุม ต้องมีพักกินบ้างนะ (บลาๆๆๆ อธิบายเกี่ยวกับการกินยาคุม)
เรา : อืมมม อ่ออออ ค่ะๆๆ
หมอ : เดี๋ยวเบื้องต้นลองหยุดกินยาคุมก่อนนะ แล้วยาอย่างอื่นก็อย่าเพิ่งกิน ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ
เรา : ค่ะ
หมอ : เดี๋ยวอีกอาทิตย์ มาหาหมออีก ลองดูว่า ค่าตับจะลดลงไหม
จากนั้นก็ให้เราเจาะเลือดเพิ่มก่อนกลับบ้าน แบะมีใบเจาะเลือดอีกใบให้เจาะในวันนัดครั้งถัดไป
เมื่อถึงวันนัด เราก็เจาะเลือดตามใบสั่ง และเมื่อถึงคิวพบหมอ หมอก็แจ้งว่า ค่าตับเราลดลงเกือบเป็นปกติแล้ว
(ค่าตับปกติคนเรา จะอยู่หลักสิบต้นๆ แต่วันแรกที่เราหาหมอ ค่าตับเรา 400+ และในวันนัดครั้งที่2 ลดลงเหลือ 100 กว่าๆๆ)
เมื่อเห็นค่าตับดังนี้แล้ว หมอจึงค่อนข้างชี้ชัดว่าเป็นเพราะ ยาคุมที่กินมานานโดยไม่มีการหยุดกิน
โดยผลเลือดนอกจากจะตรวจพบว่าค่าตับลดลงแล้ว ยังบอกเพิ่มอีกว่าไวรัสตับ เอ และ บี เราไม่ได้เป็น (โล่งใจมากกกก)
แต่ก่อนกลับหมอได้แจ้งให้เราหยุดกินยาคุมไปก่อน และให้ตรวจเลือดก่อนกลับอีกครั้ง เพราะต้องการให้แน่ใจว่าเราเป็นไวรัสตับไหม?
(ไวรัสตับอีกชนิด ที่คนไม่ค่อยเป็นกัน)
พอถึงวันนัด หมอแจ้งว่า เราไม่เป็นไวรัสตับชนิดใดเลย และผลเลือดบ่งบอกว่าเราไม่มีภูมิคุ้มกัน หมอจึงแนะนำให้เราฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับ
และแจ้งว่า ถ้าหยุดกินยาคุมครบ 1 เดือนแล้ว ต้องการกินยาคุมต่อ ให้เลือกกินยาคุมที่เป็นชนิดฮอร์โมนต่ำ หมอแนะนำ ยาสมิน
เราจึงอยากถามว่า..
ตอนนี้เราต้องการกลับมากินยาคุมอีกครั้ง เราจึงหาข้อมูลว่ามีตัวไหนบ้างที่ฮอร์โมนต่ำ
แน่นอน.. ว่า ยาสมินก็ถือว่าฮอร์โมนต่ำ แต่ที่แปลกใจคือ.. เมอซิลอน ที่เรากินมาตลอด จากที่หาข้อมูลมา มันก็ฮอร์โมนต่ำเช่นกัน!!!!!
แถมมีคนให้ข้อมูลว่า เมอซิลอน ฮอร์โมนต่ำกว่า ยาสมิน อีกกกกกกกกกก!!!!!!
เราเลยกังวลว่า ถ้าเรากินยาคุม ค่าตับเราจะเพิ่มอีกไหม?? ถึงแม้จะเปลี่ยนไปกิน ยาสมิน ตามคำแนะนำของหมอ
แต่อย่างที่บอก ว่าเมอซิลอน ก็ฮอร์โมนต่ำ!!!
หรือ.. ข้อมูลที่ว่า เมอซิลอน ฮอร์โมนต่ำ มันจะผิด
หรือ.. ถ้าเป็นจริง คือ กินได้ แต่ควรพักเว้นการกินบ้าง เช่น กิน 1 ปี ควรพักกินซัก 1 เดือน???
เลยอยากสอบถามผู้รู้ หรือถ้ามีคุณหมอเข้ามาพบกระทู้นี้ขอคำแนะนำด้วยค่ะ
ขอบคุณค่ะ..