รอบวิกฤตอาจจะไม่เกิดขี้นแล้ว ถ้าตลาดหุ้นยังขี้นแบบกล้าๆกลัวๆไปตลอด คุณคิดว่าคำพูดนี้จริงไหมครับ
โดยคำว่ากล้าๆกลัวๆนี่สะท้อนจาก คนเล่นหุ้น ที่เริ่มเบื่อจากการ sideway มานานๆ จนหันไปทำอย่างอื่นกันหมด
ที่เหลือก็มีพวกลงทุนยาวที่ไม่กะขายเท่าไหร่ และก็พวกลงทุนสั้นก็เน้นแบบ ตอดๆ เพราะไม่กล้าลงทุนในสภาวะ
set ที่อยู่แถว 1500-1600 เท่าไหร่
ฉะนั้นด้วยความกล้าๆกลัวๆนี่แหละ มันอาจจะไปได้ไกลกว่าที่คิด และต่างชาติที่ซื้อต่อเนื่องทั้งหุ้น
ทั้งฟิวเจอร์ จุดที่จะเอาผลตอบแทนให้คุ้มค่าคงไปอีกหลายร้อยจุด ณ จุดนั้นซึ่งอาจจะเป็น set ที่ 1800, 2000
หรือมากกว่านั้น คงไปว่ากันที่เศรษฐกิจโลกจริงๆ ถ้าต่างประเทศ usa, eu ไม่ได้ทรุดไปกว่านี้ และเริ่มขยับฟื้นได้
รวมทั้งไทยด้วย ก็อาจจะไม่มีปรับฐานหนักๆ เหมือนตอนต้มยำกุ้ง หรือ ซับไพร์ม
ยิ่งกลัวจะเกิดวิกฤต ยิ่งมีข่าวออกมาบ่อยๆ ความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤตมันจะยิ่งลดลงนะ
เพราะว่าวิกฤตจะมาตอนที่ทุกคนไม่ได้ตั้งตัว หุ้นขี้นทุกวัน ซื้อทิ้งไว้ไม่กี่วันก็ขายได้กำไรหลาย %
ทุกๆ 10 ปีจะเกิดวิกฤตหนักๆ 1 รอบ ก็จะรอดูว่าปี 2560-61 จะเกิดเหตุการณ์นั้นไหม
แล้วคุณคิดว่าอย่างไร
รอบวิกฤตอาจจะไม่เกิดขี้นแล้ว ถ้าตลาดหุ้นยังขี้นแบบกล้าๆกลัวๆไปตลอด คิดเห็นอย่างไรครับ
โดยคำว่ากล้าๆกลัวๆนี่สะท้อนจาก คนเล่นหุ้น ที่เริ่มเบื่อจากการ sideway มานานๆ จนหันไปทำอย่างอื่นกันหมด
ที่เหลือก็มีพวกลงทุนยาวที่ไม่กะขายเท่าไหร่ และก็พวกลงทุนสั้นก็เน้นแบบ ตอดๆ เพราะไม่กล้าลงทุนในสภาวะ
set ที่อยู่แถว 1500-1600 เท่าไหร่
ฉะนั้นด้วยความกล้าๆกลัวๆนี่แหละ มันอาจจะไปได้ไกลกว่าที่คิด และต่างชาติที่ซื้อต่อเนื่องทั้งหุ้น
ทั้งฟิวเจอร์ จุดที่จะเอาผลตอบแทนให้คุ้มค่าคงไปอีกหลายร้อยจุด ณ จุดนั้นซึ่งอาจจะเป็น set ที่ 1800, 2000
หรือมากกว่านั้น คงไปว่ากันที่เศรษฐกิจโลกจริงๆ ถ้าต่างประเทศ usa, eu ไม่ได้ทรุดไปกว่านี้ และเริ่มขยับฟื้นได้
รวมทั้งไทยด้วย ก็อาจจะไม่มีปรับฐานหนักๆ เหมือนตอนต้มยำกุ้ง หรือ ซับไพร์ม
ยิ่งกลัวจะเกิดวิกฤต ยิ่งมีข่าวออกมาบ่อยๆ ความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤตมันจะยิ่งลดลงนะ
เพราะว่าวิกฤตจะมาตอนที่ทุกคนไม่ได้ตั้งตัว หุ้นขี้นทุกวัน ซื้อทิ้งไว้ไม่กี่วันก็ขายได้กำไรหลาย %
ทุกๆ 10 ปีจะเกิดวิกฤตหนักๆ 1 รอบ ก็จะรอดูว่าปี 2560-61 จะเกิดเหตุการณ์นั้นไหม
แล้วคุณคิดว่าอย่างไร