เจอดี
โดย...ล. วิลิศมาหรา
หัวค่ำวันนี้ผมเกร่รอเพื่อนร่วมแก๊งค์อยู่ตรงป้ายรอรถประจำทางหน้าคอนโดมิเนียมที่พวกเราหมายตา นั่งยืนรอพวกมันจนรู้สึกเบื่อ ก้มดูนาฬิกาข้อมือพบว่าอีกไม่นานก็จะถึงเวลานัด แต่ที่ผมมาก่อนเพราะอยากมาดูลาดเลา เวลาพวกเราต้องลุยกับคู่อริต่างสถาบัน ไอ้วิทย์กับไอ้เดชเป็นขาลุยกำลังสำคัญที่ขาดไม่ได้ เพราะมันสองคนมีปืน!
หลายวันแล้วที่ไอ้เด็กเมื่อวานซืนมันหยามศักดิ์ศรี ขี่มอเตอร์ไซค์ซ้อนสามเข้ามาวนเวียน ทั้งที่รู้อยู่ว่าแถวนี้ถิ่นผมแต่มันยังกล้ามาเหยียบ สงสัยคงอยากทำเก่งอวดสาว ก็แม่สาวพานิชย์หุ่นอึ๋มคนที่พักอยู่คอนโดมิเนียมนี้คนนั้นนั่นแหละ
นั่น...กำลังนึกถึงอยู่ทีเดียวเธอก็เดินมา สวยหวานราวตุ๊กตาน่ารักน่าเอ็นดู แต่ทรวงอกอิ่มกับสะโพกผายงอนงามใต้ชุดนักศึกษาตามสมัยนิยมนั้นมันช่างน่า...
เธอเดินผ่านหน้า เฉียดใกล้จนผมได้กลิ่นหอมจากตัวเธอ แถมชายตาแลนิดหนึ่งเสียด้วย...เธอให้ท่า
ผมล้วงควานหายาเลิฟหลายเม็ดที่ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงอย่างลืมตัว ของมันเคยชิน นี่ถ้าจัดการเจ้าเด็กแว้นสองสามคนนั่นให้พ้นทางไป ผมจะเข้าตีสนิท รูปร่างหน้าตาแบดบอยอย่างที่หญิงชอบ แถมคารมดีแบบผมไม่น่าจะยาก สาว ๆ ขี้เหงาเสมอ
ไอ้ลูกน้องบ้าสองคนนั้นยังไม่มา พวกมันมาช้า หรือบางทีอาจเพราะวันนี้ผมจะมีลาภ ไม่เป็นไร ภารกิจสั่งสอนนักเลงอ่อนหัดงดเอาไว้ก่อน จัดการไอ้เด็กเวรพวกนั้นวันหลังก็ได้ วันนี้อารมณ์หื่นดันเกิดกะทันหันจากเรือนร่างเย้ายวนตาร่างนั้น
เร็วเท่าความคิด ละจากที่นั่งรอรถโดยสารก้าวเท้าตามเธอไปทันใด
แม่สาวพานิชย์ไม่แคร์ที่ผมเดินตาม เธอนำหน้าลิ่วไปที่ประตูลิฟต์แล้วกดลิฟต์เปิด สาวสวยก้าวเข้าไปผมรีบก้าวตาม แค่ให้ได้ทักทายเซย์ไฮกันก่อนก็ยังดี เธอชำเลืองมองอีก แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร มือขาวกดที่เลขหก อ้อ เธอพักอยู่ชั้นหก สมองเร่งเก็บข้อมูลทันควัน ผมยืนเก๊กทำท่าหล่ออยู่ต่อหน้าเธอแต่ยังไม่เซย์ฮัลโหล รอดูท่าทีเธออีกสักนิด ถ้าไม่มีวี่แววค่อยรุกหน้าในแผนต่อไป
อากาศอบอ้าวคงทำให้เธออึดอัด เพราะเสื้อนักศึกษาของเธอรัดติ้ว สาวพานิชย์จึงปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนหนึ่งเม็ด หน้าอกหน้าใจล้นปลิ้น บระเจ้า! หรือเธอก็กำลังต้องการ เธอทำเป็นมองแล้วเมิน คงเห็นแล้วว่าผมสูดลมหายใจฟืดฟาด กลืนน้ำลายฝืดคอแต่หาแคร์ไม่ ช่างใจถึงแท้ ๆ แม่คุณเอ๋ย สนุกละสิได้ยั่วผู้ชาย
ประตูลิฟต์เปิด...เธอก้าวออกไป มีผมก้าวตามติดเว้นระยะห่างเล็กน้อย แน่ะ...ไม่ว่าอะไรตามเคย อย่างนี้มีได้มีเสีย สารกำหนัดในตัวผมหลั่งทะลัก...ซึ่งมันทำให้ผมหน้ามืด!
ถึงหน้าประตู เธอพักอยู่ห้อง 601 ผมจ้องด้านหลังเธอเขม็ง เดี๋ยวเถอะ...
ทันทีที่เธอเปิดบานประตูผมผลักเธอเต็มแรง...พลั่ก
เป็นผมเองที่กระเด็นออกมา ร่างยักษ์ถือตะบองขนาดใหญ่ยืนตระหง่านขวางอยู่ตรงหน้า ทันใดนั้นผมรู้สึกตัว โอ ท่านท้าวเวสสุวรรณ ผู้เป็นเจ้าแห่งอสูร รากษสและภูตผีปีศาจทั้งปวง ข้าน้อยขอคารวะ
ท่านยกมือชี้หน้าตวาดก้อง
"ไอ้ผีสกปรก สัมภเวสีอย่างมุงลงไปอยู่ในที่ของมุงเดี๋ยวนี้ ได้เวลาชดใช้เวรกรรมเอาอกรับลูกกระสุนที่พวกมุงยกพวกตีกันแล้ว จนกว่าจะหมดเวรหมดกรรม ไสหัวไปให้พ้น"
ผมลนลานลุกขึ้นวิ่งหนี ต้องรีบลงไปให้ทัน ผมพึ่งนึกได้ว่าถึงเวลาตายของผมอีกครั้งหนึ่งแล้ว
จบบริบูรณ์
เชิงอรรถ
ประวัติท่านท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวเวสสุวัณ)
ประวัติท้าวเวสสุวรรณ ตำนานท้าวเวสสุวัณ มีกำเนิดจากหลายตำนานรูปร่างหน้าตาของท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวเวสสุวัณ) จะเป็นที่คุ้นเคยในบ้านเราเป็นอย่างดี คือ เป็นรูปยักษ์ถือตะบองขนาดใหญ่ ด้วยท่านเป็นเจ้าแห่งอสูร รากษสและภูตผีปีศาจ
ท้าวเวสสุวรรณคือใคร ถ้าหากจะพูดถึง “เจ้า” หรือ “นาย”แห่งภูตผีปีศาจทั้งหลายแล้ว เรามักจะเอ่ยนาม “ท้าวเวสสุวัณ” หรือที่พราหมณ์เรียกกันว่า “ท้าวกุเวร” และทางพุทธเรียก “ท้าวไพสพ” ซึ่งสถิตอยู่ในสวรรค์ชั้นล่างสุดของฉกามาพจร ชื่อสวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกาภูมิ
รูปร่างหน้าตาของ ท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวเวสสุวัณ) จะเป็นที่คุ้นเคยในบ้านเราเป็นอย่างดี คือ เป็นรูปยักษ์ถือตะบองขนาดใหญ่ ด้วยท่านเป็นเจ้าแห่งอสูร รากษส และภูตผีปีศาจ คนโบราณจึง มักทำ รูปท้าวเวสสุวรรณ แขวนไว้เหนือเปลเด็กอ่อน เพื่อป้องกันไม่ให้ภูตผีปีศาจมารบกวนเด็กเล็ก และนิยมทำ ผ้ายันต์รูปท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวเวสสุวัณ) หรือจำหลักเป็นด้ามของมีดหมอที่สัปเหร่อใช้กำราบวิญญาณ เนื่องจากสมัยก่อนเวลาเผาศพก็ยกขึ้นกองฟอนแล้วใส่ไฟเผา พอร้อนเข้าเส้นเอ็นก็ยึดถึงขนาดลุกขึ้นนั่ง สัปเหร่อเลยต้องใช้มีดกรีดตามเส้นเอ็นก่อน ทีนี้พอยกขึ้นเผาศพก็จะไม่กระดุกกระดิก เลยเป็นความเชื่อว่ามีดหมอจำหลักรูปท้าวเวสสุวัณสามารถปราบผีได้
ขอขอบคุณคอลัมน์ พันธุ์แท้พระเครื่อง :โดย ราม วัชรประดิษฐ์
เรื่องสั้นวันหยุด
โดย...ล. วิลิศมาหรา
หัวค่ำวันนี้ผมเกร่รอเพื่อนร่วมแก๊งค์อยู่ตรงป้ายรอรถประจำทางหน้าคอนโดมิเนียมที่พวกเราหมายตา นั่งยืนรอพวกมันจนรู้สึกเบื่อ ก้มดูนาฬิกาข้อมือพบว่าอีกไม่นานก็จะถึงเวลานัด แต่ที่ผมมาก่อนเพราะอยากมาดูลาดเลา เวลาพวกเราต้องลุยกับคู่อริต่างสถาบัน ไอ้วิทย์กับไอ้เดชเป็นขาลุยกำลังสำคัญที่ขาดไม่ได้ เพราะมันสองคนมีปืน!
หลายวันแล้วที่ไอ้เด็กเมื่อวานซืนมันหยามศักดิ์ศรี ขี่มอเตอร์ไซค์ซ้อนสามเข้ามาวนเวียน ทั้งที่รู้อยู่ว่าแถวนี้ถิ่นผมแต่มันยังกล้ามาเหยียบ สงสัยคงอยากทำเก่งอวดสาว ก็แม่สาวพานิชย์หุ่นอึ๋มคนที่พักอยู่คอนโดมิเนียมนี้คนนั้นนั่นแหละ
นั่น...กำลังนึกถึงอยู่ทีเดียวเธอก็เดินมา สวยหวานราวตุ๊กตาน่ารักน่าเอ็นดู แต่ทรวงอกอิ่มกับสะโพกผายงอนงามใต้ชุดนักศึกษาตามสมัยนิยมนั้นมันช่างน่า...
เธอเดินผ่านหน้า เฉียดใกล้จนผมได้กลิ่นหอมจากตัวเธอ แถมชายตาแลนิดหนึ่งเสียด้วย...เธอให้ท่า
ผมล้วงควานหายาเลิฟหลายเม็ดที่ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงอย่างลืมตัว ของมันเคยชิน นี่ถ้าจัดการเจ้าเด็กแว้นสองสามคนนั่นให้พ้นทางไป ผมจะเข้าตีสนิท รูปร่างหน้าตาแบดบอยอย่างที่หญิงชอบ แถมคารมดีแบบผมไม่น่าจะยาก สาว ๆ ขี้เหงาเสมอ
ไอ้ลูกน้องบ้าสองคนนั้นยังไม่มา พวกมันมาช้า หรือบางทีอาจเพราะวันนี้ผมจะมีลาภ ไม่เป็นไร ภารกิจสั่งสอนนักเลงอ่อนหัดงดเอาไว้ก่อน จัดการไอ้เด็กเวรพวกนั้นวันหลังก็ได้ วันนี้อารมณ์หื่นดันเกิดกะทันหันจากเรือนร่างเย้ายวนตาร่างนั้น
เร็วเท่าความคิด ละจากที่นั่งรอรถโดยสารก้าวเท้าตามเธอไปทันใด
แม่สาวพานิชย์ไม่แคร์ที่ผมเดินตาม เธอนำหน้าลิ่วไปที่ประตูลิฟต์แล้วกดลิฟต์เปิด สาวสวยก้าวเข้าไปผมรีบก้าวตาม แค่ให้ได้ทักทายเซย์ไฮกันก่อนก็ยังดี เธอชำเลืองมองอีก แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร มือขาวกดที่เลขหก อ้อ เธอพักอยู่ชั้นหก สมองเร่งเก็บข้อมูลทันควัน ผมยืนเก๊กทำท่าหล่ออยู่ต่อหน้าเธอแต่ยังไม่เซย์ฮัลโหล รอดูท่าทีเธออีกสักนิด ถ้าไม่มีวี่แววค่อยรุกหน้าในแผนต่อไป
อากาศอบอ้าวคงทำให้เธออึดอัด เพราะเสื้อนักศึกษาของเธอรัดติ้ว สาวพานิชย์จึงปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนหนึ่งเม็ด หน้าอกหน้าใจล้นปลิ้น บระเจ้า! หรือเธอก็กำลังต้องการ เธอทำเป็นมองแล้วเมิน คงเห็นแล้วว่าผมสูดลมหายใจฟืดฟาด กลืนน้ำลายฝืดคอแต่หาแคร์ไม่ ช่างใจถึงแท้ ๆ แม่คุณเอ๋ย สนุกละสิได้ยั่วผู้ชาย
ประตูลิฟต์เปิด...เธอก้าวออกไป มีผมก้าวตามติดเว้นระยะห่างเล็กน้อย แน่ะ...ไม่ว่าอะไรตามเคย อย่างนี้มีได้มีเสีย สารกำหนัดในตัวผมหลั่งทะลัก...ซึ่งมันทำให้ผมหน้ามืด!
ถึงหน้าประตู เธอพักอยู่ห้อง 601 ผมจ้องด้านหลังเธอเขม็ง เดี๋ยวเถอะ...
ทันทีที่เธอเปิดบานประตูผมผลักเธอเต็มแรง...พลั่ก
เป็นผมเองที่กระเด็นออกมา ร่างยักษ์ถือตะบองขนาดใหญ่ยืนตระหง่านขวางอยู่ตรงหน้า ทันใดนั้นผมรู้สึกตัว โอ ท่านท้าวเวสสุวรรณ ผู้เป็นเจ้าแห่งอสูร รากษสและภูตผีปีศาจทั้งปวง ข้าน้อยขอคารวะ
ท่านยกมือชี้หน้าตวาดก้อง
"ไอ้ผีสกปรก สัมภเวสีอย่างมุงลงไปอยู่ในที่ของมุงเดี๋ยวนี้ ได้เวลาชดใช้เวรกรรมเอาอกรับลูกกระสุนที่พวกมุงยกพวกตีกันแล้ว จนกว่าจะหมดเวรหมดกรรม ไสหัวไปให้พ้น"
ผมลนลานลุกขึ้นวิ่งหนี ต้องรีบลงไปให้ทัน ผมพึ่งนึกได้ว่าถึงเวลาตายของผมอีกครั้งหนึ่งแล้ว
ประวัติท่านท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวเวสสุวัณ)
ประวัติท้าวเวสสุวรรณ ตำนานท้าวเวสสุวัณ มีกำเนิดจากหลายตำนานรูปร่างหน้าตาของท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวเวสสุวัณ) จะเป็นที่คุ้นเคยในบ้านเราเป็นอย่างดี คือ เป็นรูปยักษ์ถือตะบองขนาดใหญ่ ด้วยท่านเป็นเจ้าแห่งอสูร รากษสและภูตผีปีศาจ
ท้าวเวสสุวรรณคือใคร ถ้าหากจะพูดถึง “เจ้า” หรือ “นาย”แห่งภูตผีปีศาจทั้งหลายแล้ว เรามักจะเอ่ยนาม “ท้าวเวสสุวัณ” หรือที่พราหมณ์เรียกกันว่า “ท้าวกุเวร” และทางพุทธเรียก “ท้าวไพสพ” ซึ่งสถิตอยู่ในสวรรค์ชั้นล่างสุดของฉกามาพจร ชื่อสวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกาภูมิ
รูปร่างหน้าตาของ ท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวเวสสุวัณ) จะเป็นที่คุ้นเคยในบ้านเราเป็นอย่างดี คือ เป็นรูปยักษ์ถือตะบองขนาดใหญ่ ด้วยท่านเป็นเจ้าแห่งอสูร รากษส และภูตผีปีศาจ คนโบราณจึง มักทำ รูปท้าวเวสสุวรรณ แขวนไว้เหนือเปลเด็กอ่อน เพื่อป้องกันไม่ให้ภูตผีปีศาจมารบกวนเด็กเล็ก และนิยมทำ ผ้ายันต์รูปท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวเวสสุวัณ) หรือจำหลักเป็นด้ามของมีดหมอที่สัปเหร่อใช้กำราบวิญญาณ เนื่องจากสมัยก่อนเวลาเผาศพก็ยกขึ้นกองฟอนแล้วใส่ไฟเผา พอร้อนเข้าเส้นเอ็นก็ยึดถึงขนาดลุกขึ้นนั่ง สัปเหร่อเลยต้องใช้มีดกรีดตามเส้นเอ็นก่อน ทีนี้พอยกขึ้นเผาศพก็จะไม่กระดุกกระดิก เลยเป็นความเชื่อว่ามีดหมอจำหลักรูปท้าวเวสสุวัณสามารถปราบผีได้
ขอขอบคุณคอลัมน์ พันธุ์แท้พระเครื่อง :โดย ราม วัชรประดิษฐ์