หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[CR] เล่าเรื่องเมืองประทับใจในฝรั่งเศส: Albi สาวสวยแก้มสีส้มอมชมพู
กระทู้รีวิว
ประเทศฝรั่งเศส
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวต่างประเทศ
Backpack
อัลบี (Albi) เมืองสีแดงส้มอมชมพู
ล้อมรอบด้วยแม่น้ำสายใหญ่ และสะพานข้ามน้ำที่เก่าแก่พอๆกับเมือง
สวยสง่าอย่างไม่น่าเชื่อสายตาตัวเอง สวยไม่เกรงใจเมืองรอบข้าง
ร่างกายอ่อนเพลียจากการเชียร์ฟุตบอลยูโรดึกๆดื่นๆ กว่าจะออกเดินทางจาก Toulouse มุ่งหน้า Albi ได้ ก็สายโด่ง
แต่อากาศเช้านี้ค่อนข้างเย็นสบาย ขับรถจาก Toulouse มาทางตะวันออกเฉียงเหนือ 85 กิโลเมตร ขับรถซักประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึง Albi แล้วค่ะ
ก่อนเข้าที่จอดรถ เราก็เห็นมหาวิหารอัลบี (Cathédrale d'Albi) ไซส์ใหญ่สีแดงส้มตั้งตระหง่าน ปะทะสายตา มหาวิหารอัลบี ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก เมื่อปีค.ศ. 2010 เป็นข้อยืนยันว่า สวยสง่าคุ้มค่าแก่การมาเยือน แต่เราจะเก็บไฮไลท์นี้ไว้ทีหลัง
ขับผ่านโบสถ์ไปจะมีที่จอดรถทางด้านหลัง เดินไม่ไกลมาก ทะลุซอยเล็กซอยน้อยเข้ามาก็จะถึงใจกลางเมือง
ซอยเล็กซอยน้อยที่เมืองนี้ ทำให้รู้สึกเหมือนเดินในนิทาน เหล่าอาคารบ้านเรือน วิหาร และสิ่งก่อสร้างส่วนใหญ่มักสร้างขึ้นจากอิฐท้องถิ่นซึ่งมีทั้งสีแดงและส้ม ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของเมืองนี้ ทำให้สีเมืองเป็นสีเดียวกัน สวยเชียวค่ะ แต่วันนี้แทบไม่มีคน เพราะเป็นวันอาทิตย์ ที่สำคัญใกล้จะเที่ยงแล้ว คนก็เริ่มเสาะหาที่นั่งตามร้านอาหาร
เราเดินผ่านเข้ามาในตรอกเล็กน่ารักมาก มีร้านอาหารตั้งโต๊ะเรียงรายอยู่ 3 ร้าน ลูกค้าหนาแน่นพอตัว แต่ก็ยังมีโต๊ะว่างให้เราจับจองกันได้
เดินเมียงมองไปถ่ายรูปไป ตาดูรายการอาหารไปด้วย ถึงแม้ข้าวเช้าจะไม่ได้ทานกัน แต่ความจริงก็ไม่หิวเท่าไหร่ ถกเถียงว่าจะกินร้านไหนอยู่พักนึง ก่อนจะเลือกร้านได้
อนิจจา....เราอยู่ที่ฝรั่งเศส
ไม่ใช่ทุกร้านที่จะบริการลูกค้าแบบดีเยี่ยม เวลาแขกเยอะๆยิ่งแล้วใหญ่ แค่เสริฟก็มือเป็นระวิง เลยไม่มีเวลามาสนใจลูกค้าใหม่หรือแม้แต่จะชำเลืองตามอง
เราสองคนยืนอยู่หน้าร้านพักใหญ่ เห็นท่าว่าไม่มีมีวี่แววที่พนักงานจะสนอกสนใจ หรือออกมารับแล้วพาไปนั่งโต๊ะ (คนที่นี่จะต้องรอให้พนักงานพาไป จะเดินไปนั่งโต๊ะเลยสุ่มสี่สุ่มห้า ท่าจะไม่ดี)
อารมณ์คุกรุ่นเลยก่อตัวขึ้นมาทีละนิด
ไม่ใช่เพราะความหิว แต่เพราะความไม่ค่อยพึงใจกับงานบริการหลายส่วนของบ้านเมืองนี้ (อยู่บ้านเรา ไม่ว่าจะงานบริการชนิดไหน ร้านจะเล็กจะใหญ่ ส่วนใหญ่เจ้าของร้านหรือพนักงานมักจะต้อนรับดีเสมอ ลูกค้าใหม่ไม่ต้องยืนรอนานจนขาแข็ง ยกเว้นจะมีบัตรคิวซึ่งเราคำนวนเวลาได้)
มาเจอวิถีการบริการที่ฝรั่งเศส หลายครั้งทำอารมณ์ขุ่นมัว ณ ตอนนั้นเลยไม่อยากกินขึ้นมาดื้อๆ (อันนี้ต้องขออภัยนะคะ เพราะเป็นอารมณ์ส่วนตัวล้วนๆ เก็บเป็นเรื่องค้างใจ มาตั้งแต่ได้มาทำความรู้จักประเทศนี้ครั้งแรกเมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว)
คุณผู้ชายเลยเสนอให้เดินไปดูร้านอื่น ที่อยู่นอกตรอกสวยๆนี้แทน ร้านอาหารอีกร้านใหญ่พอกัน ถึงแม้ความชิคจะน้อยกว่าร้านเดิมมาก แต่ผู้ให้บริการออกมาต้อนรับขับสู้ สุดท้ายเลยตกลงปลงใจเลยเลือกร้านนี้ ทานอาหารง่ายๆ พออิ่ม นั่งพักห้าหายโมโห แล้วก็ออกเดินชมเมืองกัน
วันอาทิตย์ เสมือนเป็นวันหยุดราชการ ทุกกิจกรรมทุกงานบริการต้องหยุดกันหมด ยกเว้นไว้ให้เมืองใหญ่ๆหรือเมืองท่องเที่ยวที่พอมีให้บริการบ้าง
ไปเที่ยวครั้งแรกๆ เกิด Culture Shock เพราะหลังเที่ยงไปแล้ว ร้านรวงปิดเหมือนบ้านร้าง หาของกินแทบไม่ได้ โชคดีที่ติดมาม่าแล้วอาหารบางส่วนไปจากเมืองไทย พอประทังชีวิตในวันอาทิตย์
ตอนหลังเรียนรู้จากประสบการณ์ ถ้ารู้ล่วงหน้าว่าจะเดินทางมาถึงฝรั่งเศสในวันอาทิตย์ ต้องเตรียมอาหารแห้งมาเผื่อซัก1 อย่าง ชีวิตก็จะวุ่นวายน้อยลง โทรขอน้ำร้อนจากพนักงงานโรงแรมได้ ถือว่าจบมื้อ
หรือต้องกะเวลาว่า จะวิ่งไปซุปเปอร์มาเก็ตให้ทันก่อนจะปิด ส่วนใหญ่จะเปิดถึงแค่ 12:30 (เที่ยงครึ่ง) ซื้อแซนวิช ขนมนมเนย ผลไม้สด สำหรับมื้อเที่ยงและมื้อเย็นอีกมื้อ
หลังๆบางเมืองเค้ามีร้านdelivery หรือร้านอาหาร fast-food ก็สามารถหากินได้ในวันอาทิตย์ ชีวิตดีนักท่องเที่ยวแบบเราดีขึ้นเยอะเลย
เล่าไปซะไกลเลย.........กลับมาที่ Albi กันต่อดีกว่าค่ะ
บอกไว้แล้วว่าเราจะเก็บมหาวิหารไว้ชมหลังสุด เพราะเป็นทางเดินกลับไปที่รถ
ดังนั้นจากหน้าวิหาร เลยมุ่งหน้าเดินเข้าไปด้านในตัวเมือง ผ่านทางเดินแปลกๆแล้วทะลุเข้าไปกลางสวนโดยไม่รู้ตัว
ตึกใหญ่หลายตึกขนาบสวนรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตรัส กลางสวนมีดอกไม้นานาพันธ์ คุณลุงคนหนึ่งยืนชี้บรรยายให้นักท่องเที่ยวฟัง เดาว่าถ้าไม่ใช่เจ้าของที่ ก็คงเป็นคนดูแลที่นี่ เพราะบรรยายอย่างออกรส ส่วนคนมาชม ก็ชมแบบตั้งอกตั้งใจมากเช่นกัน
ส่วนพวกเรา ถ่ายรูปเสร็จก็ลัดเลาะออกไปตามทาง
ออกเดินตามทางเล็กๆ แล้วทะลุไปถึงจัตุรัสกลางเมือง มีร้านกาแฟเรียงรายอยู่ตามมุม ตรงกลางจะเป็นน้ำพุใหญ่ เราเดินมาตามทางนี้เพื่อหาร้านไอศครีมชื่อดัง Sorbet d'amour ที่ได้ลิ้มลองกันที่ Toulouse เมื่อวันก่อน รสชาติไอศครีมบอกเลยว่า อร่อยไม่แพ้ไอศครีมอิลาเลียนเลยทีเดียว
เดินตามgoogle map ก็บอกว่าอยู่แถวๆนี้ แต่ทำไมหาไม่เจอ ถามทางคนแถวนั้นก็บอกว่าไม่รู้จัก สุดท้ายต้องลองเปิดรูปร้านดู เลยถึงบางอ้อว่า ที่ตั้งร้านตำแหน่งเดียวกันตอนนี้กลายมาเป็นร้านขายเสื้อผ้าไปแล้ว แต่ข้อมูลในอินเตอร์เน็ตยังไม่อัพเดทนั่นเอง
เสียอกเสียใจที่ไม่ได้กินไอติม เดินคอตกกลับไปตามทางเดิม
คราวนี้ตัดใจจากไอศครีมได้ เลยออกไปถ่ายรูปวิวริมน้ำดีกว่า
ที่ Albi นี่ คนชอบมาถ่ายวิวริมน้ำ เพราะจะได้มุมมหาวิหารอัลบี (Cathédrale d'Albi) กับริมแม่น้ำTarn แม่น้ำมีความสำคัญทางด้านการค้าและการคมนาคมในสมัยโบราณ และสะพานข้ามแม่น้ำเก่าแก่เก๋ไก๋ชื่อว่า Pont Vieux หรือสะพานเก่า สะพานนี้สร้างตั้งแต่ค.ศ. 1035 ถึงตอนนี้ก็อายุเกือบพันปีแล้ว ปัจจุบันสะพานแห่งนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่มีความสำคัญทางประวัติ ศาสตร์ของเมืองอัลบี และถือเป็นมุมยอดนิยมของนักท่องเที่ยวเลยค่ะ
และเพราะเป็นวิวมหาชน เลยต้องใช้เวลาชมนานหน่อย มุมเดิมๆ ก็ถ่ายภาพอยู่หลายสิบภาพ ทั้งมือถือทั้งกล้องถ่ายรูป เดินตากแดดร้อนๆก็ไม่หวั่น
แต่สุดท้าย เวลาก็ไม่คอยท่า เรามีลิมิตเดินเล่นได้แค่ก่อนบ่าย 3 โมงตรงเท่านั้น ไม่ใช่เพราะรีบกลับ หรือเมืองเค้าปิด แต่ต้องรีบหาที่นั่งเชียร์ฟุตบอลกัน วันนี้เป็นแมตช์ยูโรรอบ 16 ทีม ฝรั่งเศสเจ้าภาพแข่งกับไอร์แลนด์ คุณผู้ชายบอกว่าต้องดูแมตช์นี้ให้ได้ รีบวิ่งกันเถอะ
นี่ไง! ความลำบากของการเที่ยวทริปนี้ คือต้องวิ่งหาผับที่เปิดวันอาทิตย์ ซึ่งหายากมากกว่าร้านอาหารทั่วไป
เราต้องหาร้านไหนที่เปิด ที่มีทีวีจอใหญ่ แล้วทีวีต้องถ่ายทอดฟุตบอลด้วย
วิ่งๆเดินๆอยู่นาน ก็ได้ยินเสียงเพลง เสียงเฮของเหล่านักเชียร์บอล วิ่งตามเสียงไปก็เจอผับขนาดกลาง เปิดให้บริการ แต่คนล้นออกมานอกร้าน ด้านหน้ามีจอprojector ใหญ่หน่อยให้ชมกันด้วย
ฉันพยายามมองหาที่แซกตัวเข้าไปนั่งข้างในร้านให้ได้ เพราะการยืน 90 นาทีคงไม่สนุกแน่ๆ
โชคเข้าข้าง เพราะมีโต๊ะว่างหนึ่งตัวพอดิบพอดี มีที่นั่งเชียรบอลเป็นกิจลักษณะแบบนี้ คุณผู้ชายก็เป็นปลื้ม ลืมเรื่องเที่ยวกันไปชั่วขณะ
เฮ๊ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ฝรั่งเศสนำไปก่อนแล้ว 1 ลูก เป็นสัญญานว่าคนเชียร์เริ่มสบายใจ เราเลยตัดสินใจออกจากร้าน เดินทางกลับบ้านดีกว่า ไว้ไปฟังวิทยุเชียร์ระหว่างทาง
ชื่อสินค้า:
Albi, France
คะแนน:
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
บิดไปเรื่อย เหนื่อยก็พัก : ไทรโยค-ปิล็อก กับทริปฉายเดี่ยวที่ไกลที่สุดของผมในเวลานี้
สวัสดีครับทุกท่าน ผมพฤตเอง ไม่กี่วันมานี้ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวกาญจนบุรีมา เป็นทริปที่วิ่งรถไกลที่สุดเท่าที่เคยออกฉายเดี่ยวมา และยังเป็นทริปที่เปิดโลกของผมมาก ๆ เลยด้วย ทริปนี้จะเป็นยังไง จะสนุกมันส์ขนา
Thanapuk
ฝรั่งเศส: ระหว่าง Nimes กับ Albi เลือกเมืองไหนดีครับ คือมีเวลาว่างไปได้แค่หนึ่งเมือง
ถ้า Nimes จะเป็น day trip จาก Montpellier ส่วน Albi จะเป็น day trip จาก Toulouse ผมชอบตึกเก่าๆ งานศิลปะ จากสองเมืองนี้ Nimes กับ Albi เมืองไหนจะน่าสนใจกว่ากันครับ ขอบคุณครับ
สมาชิกหมายเลข 1000500
เล่าเรื่องเมืองประทับใจในฝรั่งเศส: Toulouse, La Ville Rose นครสีกุหลาบ | A REMARKABLE JOURNEY
ก่อนนั้นเคยคิดกันเล่นๆ ว่าถ้าได้มาอยู่ที่ฝรั่งเศส อยากจะอยู่เมืองไหน ครั้งแรกๆของการเดินทาง มาทำงานในเมืองเล็กๆเงียบๆ ก็กลัวจะเหงา น่าเบื่อ ไม่มีอะไรทำ พอเดินทางเยอะขึ้น ได้ไปเจอหลายๆเมืองเข้า ก็พบว่า
Julieta Ay
เที่ยวฝรั่งเศส นอกปารีส ถ้ามีเวลาว่าง 3 วันติดต่อกัน ไปเมืองไหนดีครับ
ควรไปเที่ยวเมืองไหนดีครับ อยากได้แบบไปนอนค้างคืนทั้ง 3 คืนเลย ไปคนเดียว เดินทางโดยรถไฟครับ ขอไม่เอาเมืองต่อไปนี้นะครับ เพราะเคยไปมาแล้ว : Strasbourg, Colmar, Riquewihr, Chartres, Provins, Montpellier
สมาชิกหมายเลข 1000500
EP2 เที่ยวไปคนเดียว - ตอน เที่ยวเมืองธนบุรี สมัยรัตนโกสิน
วันนี้ เราเดินทางท่องเที่ยวในกรุงเทพ ฝั่งธนบุรี โดยใช้ MRT ลงที่สถานีอิสรภาพ แล้วเดินลัดเลาะ ( แต่ความจริงแล้ว เราเตรียมมา city Run สถานีอิสรภาพ ไปจนถึง สึลม สถานที่จะไปก็เป็นศาสนสถาน 4 ศาสนา เริ่มจ
สมาชิกหมายเลข 3128390
ฉะเชิงเทรา (01-02/10/2568)
สวัสดีครับ ทริปนี้เกิดจากคุณภรรยา เห็นวัดสวยตามสื่อออนไลน์ ในจ.ฉะเชิงเทรา หาข้อมูลที่เที่ยว ร้านอาหาร ที่พัก แผนการเดินทาง 2 วัน 1 คืน วันที่ 01-02/10/68 ฉะเชิงเทรา(แปดริ้ว) ไม่ไกลจาก กทม. มีที่เที่
AUN_SAP
Summer Grand Tour Italy-France เต็มอิ่มกับ 2 เดือนที่อิตาลีและฝรั่งเศส แบบฉบับ Backpacker ตอนที่ 30 Toulouse
สวัสดีชาวพินทิปกันอีกครั้งครับ สำหรับวันนี้ถึงคิวของเมืองมหาวิทยาลัยอย่างเมือง Toulouse ที่มีความโดดเด่นของสีสันของสถาปัตยกรรมจนได้ชื่อว่าเป็น La Ville Rose หรือเมืองสีชมพู มีแม่น้ำ Garonne และคลอง Ca
IamASoloTraveller
โรดทริป อีสาน (31/08 -05/09/2568) EP.1 กทม. - นครราชสีมา - ชัยภูมิ
สวัสดีครับ ทริปนี้เป็นการเดินทางกันโดยรถยนต์ส่วนตัว ท่องเที่ยวอีสานครั้งที่ 2 ครั้งแรก เมื่อ 2 ปีก่อน ติดตามชมกระทู้ ได้ตาม Link ด้านล่างนี้ เลาะริมโขง จาก เลย ถึง บึงกาฬ (27/10-1/11/2566) ตอน 1 พระ
AUN_SAP
100 สถานที่คุณควรไป 1. ห้องน้ำสาธารณะ 2. ห้องน้ำในห้าง 3. ห้องน้ำสนามกีฬา 4. ห้องน้ำสวนสาธารณะ 5. ห้องน้ำดาดฟ้
100 สถานที่คุณควรไป 1. ห้องน้ำสาธารณะ 2. ห้องน้ำในห้าง 3. ห้องน้ำสนามกีฬา 4. ห้องน้ำสวนสาธารณะ 5. ห้องน้ำดาดฟ้าอาคาร 6. ห้องน้ำร้านกาแฟ 7. ห้องน้ำโรงแรม 8. ห้องน้ำมหาวิทยาลัย 9. ห้อง
สมาชิกหมายเลข 802627
พาเที่ยวเมือง Strasbourg ประเทศฝรั้งเศส
ด้วยทริปนี้เราไปเที่ยวเยอรมัน และเมืองของฝรั่งเศสที่ติดเยอรมันที่มีชื่อเสียงมาก นั่นก็คือ เมือง Strasbourg ซึ่งมีวัฒนธรรมและสิ่งก่อสร้างคล้ายของฝั่งเยอรมัน ครั้นจะข้ามเมื
สมาชิกหมายเลข 7834982
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
ประเทศฝรั่งเศส
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวต่างประเทศ
Backpack
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 7
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[CR] เล่าเรื่องเมืองประทับใจในฝรั่งเศส: Albi สาวสวยแก้มสีส้มอมชมพู
ล้อมรอบด้วยแม่น้ำสายใหญ่ และสะพานข้ามน้ำที่เก่าแก่พอๆกับเมือง
สวยสง่าอย่างไม่น่าเชื่อสายตาตัวเอง สวยไม่เกรงใจเมืองรอบข้าง
ร่างกายอ่อนเพลียจากการเชียร์ฟุตบอลยูโรดึกๆดื่นๆ กว่าจะออกเดินทางจาก Toulouse มุ่งหน้า Albi ได้ ก็สายโด่ง
แต่อากาศเช้านี้ค่อนข้างเย็นสบาย ขับรถจาก Toulouse มาทางตะวันออกเฉียงเหนือ 85 กิโลเมตร ขับรถซักประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึง Albi แล้วค่ะ
ก่อนเข้าที่จอดรถ เราก็เห็นมหาวิหารอัลบี (Cathédrale d'Albi) ไซส์ใหญ่สีแดงส้มตั้งตระหง่าน ปะทะสายตา มหาวิหารอัลบี ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก เมื่อปีค.ศ. 2010 เป็นข้อยืนยันว่า สวยสง่าคุ้มค่าแก่การมาเยือน แต่เราจะเก็บไฮไลท์นี้ไว้ทีหลัง
ขับผ่านโบสถ์ไปจะมีที่จอดรถทางด้านหลัง เดินไม่ไกลมาก ทะลุซอยเล็กซอยน้อยเข้ามาก็จะถึงใจกลางเมือง
ซอยเล็กซอยน้อยที่เมืองนี้ ทำให้รู้สึกเหมือนเดินในนิทาน เหล่าอาคารบ้านเรือน วิหาร และสิ่งก่อสร้างส่วนใหญ่มักสร้างขึ้นจากอิฐท้องถิ่นซึ่งมีทั้งสีแดงและส้ม ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของเมืองนี้ ทำให้สีเมืองเป็นสีเดียวกัน สวยเชียวค่ะ แต่วันนี้แทบไม่มีคน เพราะเป็นวันอาทิตย์ ที่สำคัญใกล้จะเที่ยงแล้ว คนก็เริ่มเสาะหาที่นั่งตามร้านอาหาร
เราเดินผ่านเข้ามาในตรอกเล็กน่ารักมาก มีร้านอาหารตั้งโต๊ะเรียงรายอยู่ 3 ร้าน ลูกค้าหนาแน่นพอตัว แต่ก็ยังมีโต๊ะว่างให้เราจับจองกันได้
เดินเมียงมองไปถ่ายรูปไป ตาดูรายการอาหารไปด้วย ถึงแม้ข้าวเช้าจะไม่ได้ทานกัน แต่ความจริงก็ไม่หิวเท่าไหร่ ถกเถียงว่าจะกินร้านไหนอยู่พักนึง ก่อนจะเลือกร้านได้
อนิจจา....เราอยู่ที่ฝรั่งเศส
ไม่ใช่ทุกร้านที่จะบริการลูกค้าแบบดีเยี่ยม เวลาแขกเยอะๆยิ่งแล้วใหญ่ แค่เสริฟก็มือเป็นระวิง เลยไม่มีเวลามาสนใจลูกค้าใหม่หรือแม้แต่จะชำเลืองตามอง
เราสองคนยืนอยู่หน้าร้านพักใหญ่ เห็นท่าว่าไม่มีมีวี่แววที่พนักงานจะสนอกสนใจ หรือออกมารับแล้วพาไปนั่งโต๊ะ (คนที่นี่จะต้องรอให้พนักงานพาไป จะเดินไปนั่งโต๊ะเลยสุ่มสี่สุ่มห้า ท่าจะไม่ดี)
อารมณ์คุกรุ่นเลยก่อตัวขึ้นมาทีละนิด
ไม่ใช่เพราะความหิว แต่เพราะความไม่ค่อยพึงใจกับงานบริการหลายส่วนของบ้านเมืองนี้ (อยู่บ้านเรา ไม่ว่าจะงานบริการชนิดไหน ร้านจะเล็กจะใหญ่ ส่วนใหญ่เจ้าของร้านหรือพนักงานมักจะต้อนรับดีเสมอ ลูกค้าใหม่ไม่ต้องยืนรอนานจนขาแข็ง ยกเว้นจะมีบัตรคิวซึ่งเราคำนวนเวลาได้)
มาเจอวิถีการบริการที่ฝรั่งเศส หลายครั้งทำอารมณ์ขุ่นมัว ณ ตอนนั้นเลยไม่อยากกินขึ้นมาดื้อๆ (อันนี้ต้องขออภัยนะคะ เพราะเป็นอารมณ์ส่วนตัวล้วนๆ เก็บเป็นเรื่องค้างใจ มาตั้งแต่ได้มาทำความรู้จักประเทศนี้ครั้งแรกเมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว)
คุณผู้ชายเลยเสนอให้เดินไปดูร้านอื่น ที่อยู่นอกตรอกสวยๆนี้แทน ร้านอาหารอีกร้านใหญ่พอกัน ถึงแม้ความชิคจะน้อยกว่าร้านเดิมมาก แต่ผู้ให้บริการออกมาต้อนรับขับสู้ สุดท้ายเลยตกลงปลงใจเลยเลือกร้านนี้ ทานอาหารง่ายๆ พออิ่ม นั่งพักห้าหายโมโห แล้วก็ออกเดินชมเมืองกัน
วันอาทิตย์ เสมือนเป็นวันหยุดราชการ ทุกกิจกรรมทุกงานบริการต้องหยุดกันหมด ยกเว้นไว้ให้เมืองใหญ่ๆหรือเมืองท่องเที่ยวที่พอมีให้บริการบ้าง
ไปเที่ยวครั้งแรกๆ เกิด Culture Shock เพราะหลังเที่ยงไปแล้ว ร้านรวงปิดเหมือนบ้านร้าง หาของกินแทบไม่ได้ โชคดีที่ติดมาม่าแล้วอาหารบางส่วนไปจากเมืองไทย พอประทังชีวิตในวันอาทิตย์
ตอนหลังเรียนรู้จากประสบการณ์ ถ้ารู้ล่วงหน้าว่าจะเดินทางมาถึงฝรั่งเศสในวันอาทิตย์ ต้องเตรียมอาหารแห้งมาเผื่อซัก1 อย่าง ชีวิตก็จะวุ่นวายน้อยลง โทรขอน้ำร้อนจากพนักงงานโรงแรมได้ ถือว่าจบมื้อ
หรือต้องกะเวลาว่า จะวิ่งไปซุปเปอร์มาเก็ตให้ทันก่อนจะปิด ส่วนใหญ่จะเปิดถึงแค่ 12:30 (เที่ยงครึ่ง) ซื้อแซนวิช ขนมนมเนย ผลไม้สด สำหรับมื้อเที่ยงและมื้อเย็นอีกมื้อ
หลังๆบางเมืองเค้ามีร้านdelivery หรือร้านอาหาร fast-food ก็สามารถหากินได้ในวันอาทิตย์ ชีวิตดีนักท่องเที่ยวแบบเราดีขึ้นเยอะเลย
เล่าไปซะไกลเลย.........กลับมาที่ Albi กันต่อดีกว่าค่ะ
บอกไว้แล้วว่าเราจะเก็บมหาวิหารไว้ชมหลังสุด เพราะเป็นทางเดินกลับไปที่รถ
ดังนั้นจากหน้าวิหาร เลยมุ่งหน้าเดินเข้าไปด้านในตัวเมือง ผ่านทางเดินแปลกๆแล้วทะลุเข้าไปกลางสวนโดยไม่รู้ตัว
ตึกใหญ่หลายตึกขนาบสวนรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตรัส กลางสวนมีดอกไม้นานาพันธ์ คุณลุงคนหนึ่งยืนชี้บรรยายให้นักท่องเที่ยวฟัง เดาว่าถ้าไม่ใช่เจ้าของที่ ก็คงเป็นคนดูแลที่นี่ เพราะบรรยายอย่างออกรส ส่วนคนมาชม ก็ชมแบบตั้งอกตั้งใจมากเช่นกัน
ส่วนพวกเรา ถ่ายรูปเสร็จก็ลัดเลาะออกไปตามทาง
ออกเดินตามทางเล็กๆ แล้วทะลุไปถึงจัตุรัสกลางเมือง มีร้านกาแฟเรียงรายอยู่ตามมุม ตรงกลางจะเป็นน้ำพุใหญ่ เราเดินมาตามทางนี้เพื่อหาร้านไอศครีมชื่อดัง Sorbet d'amour ที่ได้ลิ้มลองกันที่ Toulouse เมื่อวันก่อน รสชาติไอศครีมบอกเลยว่า อร่อยไม่แพ้ไอศครีมอิลาเลียนเลยทีเดียว
เดินตามgoogle map ก็บอกว่าอยู่แถวๆนี้ แต่ทำไมหาไม่เจอ ถามทางคนแถวนั้นก็บอกว่าไม่รู้จัก สุดท้ายต้องลองเปิดรูปร้านดู เลยถึงบางอ้อว่า ที่ตั้งร้านตำแหน่งเดียวกันตอนนี้กลายมาเป็นร้านขายเสื้อผ้าไปแล้ว แต่ข้อมูลในอินเตอร์เน็ตยังไม่อัพเดทนั่นเอง
เสียอกเสียใจที่ไม่ได้กินไอติม เดินคอตกกลับไปตามทางเดิม
คราวนี้ตัดใจจากไอศครีมได้ เลยออกไปถ่ายรูปวิวริมน้ำดีกว่า
ที่ Albi นี่ คนชอบมาถ่ายวิวริมน้ำ เพราะจะได้มุมมหาวิหารอัลบี (Cathédrale d'Albi) กับริมแม่น้ำTarn แม่น้ำมีความสำคัญทางด้านการค้าและการคมนาคมในสมัยโบราณ และสะพานข้ามแม่น้ำเก่าแก่เก๋ไก๋ชื่อว่า Pont Vieux หรือสะพานเก่า สะพานนี้สร้างตั้งแต่ค.ศ. 1035 ถึงตอนนี้ก็อายุเกือบพันปีแล้ว ปัจจุบันสะพานแห่งนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่มีความสำคัญทางประวัติ ศาสตร์ของเมืองอัลบี และถือเป็นมุมยอดนิยมของนักท่องเที่ยวเลยค่ะ
และเพราะเป็นวิวมหาชน เลยต้องใช้เวลาชมนานหน่อย มุมเดิมๆ ก็ถ่ายภาพอยู่หลายสิบภาพ ทั้งมือถือทั้งกล้องถ่ายรูป เดินตากแดดร้อนๆก็ไม่หวั่น
แต่สุดท้าย เวลาก็ไม่คอยท่า เรามีลิมิตเดินเล่นได้แค่ก่อนบ่าย 3 โมงตรงเท่านั้น ไม่ใช่เพราะรีบกลับ หรือเมืองเค้าปิด แต่ต้องรีบหาที่นั่งเชียร์ฟุตบอลกัน วันนี้เป็นแมตช์ยูโรรอบ 16 ทีม ฝรั่งเศสเจ้าภาพแข่งกับไอร์แลนด์ คุณผู้ชายบอกว่าต้องดูแมตช์นี้ให้ได้ รีบวิ่งกันเถอะ
นี่ไง! ความลำบากของการเที่ยวทริปนี้ คือต้องวิ่งหาผับที่เปิดวันอาทิตย์ ซึ่งหายากมากกว่าร้านอาหารทั่วไป
เราต้องหาร้านไหนที่เปิด ที่มีทีวีจอใหญ่ แล้วทีวีต้องถ่ายทอดฟุตบอลด้วย
วิ่งๆเดินๆอยู่นาน ก็ได้ยินเสียงเพลง เสียงเฮของเหล่านักเชียร์บอล วิ่งตามเสียงไปก็เจอผับขนาดกลาง เปิดให้บริการ แต่คนล้นออกมานอกร้าน ด้านหน้ามีจอprojector ใหญ่หน่อยให้ชมกันด้วย
ฉันพยายามมองหาที่แซกตัวเข้าไปนั่งข้างในร้านให้ได้ เพราะการยืน 90 นาทีคงไม่สนุกแน่ๆ
โชคเข้าข้าง เพราะมีโต๊ะว่างหนึ่งตัวพอดิบพอดี มีที่นั่งเชียรบอลเป็นกิจลักษณะแบบนี้ คุณผู้ชายก็เป็นปลื้ม ลืมเรื่องเที่ยวกันไปชั่วขณะ
เฮ๊ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ฝรั่งเศสนำไปก่อนแล้ว 1 ลูก เป็นสัญญานว่าคนเชียร์เริ่มสบายใจ เราเลยตัดสินใจออกจากร้าน เดินทางกลับบ้านดีกว่า ไว้ไปฟังวิทยุเชียร์ระหว่างทาง
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น