What's cracking, y'all!?
เป็นไงบ้างครับ ใครได้ไปหา quote คำคมภาษาอังกฤษอ่านเพิ่มจากกระทู้ที่แล้วบ้าง เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยพัฒนาสกิล writing กับ vocab ของเราได้ดีเลยนะ
อยากเก่งภาษาอังกฤษก็ต้องอ่านจากหลาย ๆ ที่ เหมือนที่ผมพยายามเอามุขตลก เอาคำคม เอาซีรี่ส์มาแบ่งปันนั่นแหละครับ
อยากให้เรารู้ว่าทุกอย่างมันก็ให้ความรู้เราได้นะเออ 55555
สู้ ๆ ครับ
กระทู้นี้เหมาะสำหรับคนที่อยากได้แรงบันดาลใจ (พร้อมกับเรียนภาษาอังกฤษไปพร้อมกัน)
ใครสงสัยหรือมีคำถามอะไรก็เข้าไปถามในเพจได้นะครับ
ติดตามกันอัพเดตกระทู้ใหม่ ๆ ได้ในเพจนะครับ:
https://www.facebook.com/MyFathersAnEnglishMan/
1.
It takes 26 muscles to smile, and 62 muscles to frown.
“
เราใช้กล้ามเนื้อ 25 ชิ้นในการยิ้ม และ 62 ชิ้นในการทำหน้าบึ้ง”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เห็นไหมว่าการยิ้มนี่มันไม่ยากเลย แต่ไม่เข้าใจทำไมชอบทำหน้าบึ้งกันจัง
สำหรับผมนะ การยิ้มคนเดียวไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ผมนี่ทั้งยิ้มคนเดียว ทั้งร้องเพลงคนเดียว บางทีนึกประโยคภาษาอังกฤษที่ชอบออกก็พูดออกมาเลย บางทีก็ฝึก tongue twister บ้าง (ทุกอย่างนี้ทำในที่สาธารณะทั้งนั้น โดยเฉพาะ BTS 5555555)
*It takes โดยปกติแล้วมักจะใช้บอกว่าเราต้องใช้อะไรมากแค่ไหนในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
It took me four hours to get here.
ผมต้องใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมงกว่าจะมาถึงนี่
It takes a lot of practice to become that good.
มันต้องฝึกอยากหนักถึงจะเก่งได้เท่านั้น
'To have what it takes' (idiom): to have everything that is needed (to do something)
ถ้าแปลตรง ๆ เลยก็ยังเข้าใจได้นะ Have what it takes = มีสิ่งที่มันต้องใช้
แปลอีกทีว่า ‘มีความสามารถมากพอที่จะทำบางอย่าง’ หรือแปลง่าย ๆ ว่า ‘มีดีพอ’
You’ve got to make sure that you have what it takes.
นายต้องทำให้แน่ใจว่านายมีดีพอ
Believe me, my friend, I have what it takes.
เชื่อฉันสิเพื่อน ฉันมีความสามารถพอ
.................................................................................................................................................................................................
2.
Better to lose count while naming your blessings than to lose your blessings to counting your troubles.
“
ให้เราลืมนับว่ามีสิ่งดี ๆ ที่เข้ามาในชีวิตกี่อย่าง ดีกว่าสูญเสียสิ่งเหล่านั้นไปกับการนับสิ่งร้าย ๆ”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ผมเชื่อว่าทุกคนเคยได้ยินคำว่า “ทำดีร้อยครั้งไม่เคยจำ ทำผิดครั้งเดียวจำจนวันตาย”
ผมว่ามันเข้ากับ quote ข้อที่ 2 นี้เลยนะ
บางทีเรามีช่วงเวลาดี ๆ มาตั้งเยอะ แต่พอมาเจอช่วงเวลาแย่ ๆ ครั้งเดียว เราก็เหมารวมไปแล้วว่าชีวิตมันแย่ ชีวิตมันห่วยแตก ทำไมซวยอย่างงี้นะ เรื่องดี ๆ ทำไมไม่เข้ามาในชีวิตบ้าง ฯลฯ
บางทีก็น่าน้อยใจแทนช่วงเวลาดี ๆ เหล่านั้นที่เคยเกิดขึ้นกับคุณนะ พอเจอเรื่องไม่ดีคุณก็ลืมไปหมดเลยยย
*To name (v.) แปลว่า ‘บอกว่ามีอะไรบ้าง’ หรือแปลว่า ‘say’ เฉย ๆ นี่แหละครับ (อีกความหมายหนึ่งก็คือ ตั้งชื่อ)
ส่วนมากเราจะเจอในประโยค ‘You name it.’ จะแปลว่า ‘พูดมาได้เลย’ หรือ ‘บอกมาได้เลย’
We have anything you want: computers, vehicles, food… you name it.
เรามีทุกสิ่งที่คนต้องการ คอมพิวเตอร์ ยานพาหนะ อาหาร อยากได้อะไรบอกเลย
.................................................................................................................................................................................................
3.
Are you really listening… or are you just waiting for your turn to talk?
“
คุณกำลังตั้งใจฟังจริง ๆ หรือเปล่า หรือแค่กำลังรอคอยเวลาที่จะพูด”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เวลาที่คนมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน และพวกเขากำลังอธิบายว่าทำไมเหตุผลของตนถึงดีกว่า
มีหลายคนที่ลืม ‘ฟัง’
คือได้ยินและรับรู้ แต่ไม่ได้ฟัง ไม่ได้ไตร่ตรองและคิดคำนวณ
เพราะสมองกำลังวุ่นอยู่กับการนึกคำที่จะพูดหลังอีกฝ่ายพูดจบ
อย่าเผลอตัวให้ตัวเองเป็นคนแบบนี้นะ ‘ฟัง’กันบ้าง
*เวลาเราใช้ ‘or’ เพื่อเชื่อมประโยคคำถามสองประโยค ต้องให้ tense ไปด้วยกัน
Are you coming with me… or are you going home? (เป็น present-continuous ทั้งคู่)
ไม่ใช่ Are you coming with me… or do you go home? (ประโยคแรกเป็น present-continuous แต่ประโยคหลังเป็น present simple)
.................................................................................................................................................................................................
4.
People forget how fast you did a job, but they remember how well you did it.
“
ผู้คนจะลืมว่าคุณทำงานเร็วแค่ไหน แต่พวกเขาจะจำได้ว่าคุณทำมันได้ดีแค่ไหน”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ทุกคนว่าจริงมั้ย ผมว่ามันก็ฟังดูมีเหตุผลนะ
แต่บางทีดีแค่ไหนถ้ามันเลยเดดไลน์ไปแล้วอาจารย์ก็ไม่รับนะฮือออ T^T
*Good กับ well ใช้ต่างกันยังไง
'Good' เป็น adj. ใช้ขยาย n.
He is a good person. (ไม่ใช่ he is a well person)
This is a really good job. (ไม่ใช่ This is a really well job)
'Well' เป็น adv. ใช้ขยาย v. (และ adj.)
He speaks English very well. (จริง ๆ แล้ว very good ก็ใช้ได้ และเป็นที่นิยมด้วย แต่อยากฟังดูเหมือนเจ้าของภาษาหน่อยก็ให้ใช้ very well ครับ)
He is a well-known person. (well เป็น adv. ขยาย known แปลว่า เป็นที่รู้จักกันดี หรือ มีชื่อเสียง นั่นแหละครับ)
.................................................................................................................................................................................................
5.
The time spent in trying to impress others could be spent in doing the things by which others would be impressed.
“
เวลาที่หมดไปกับการพยายามทำให้คนอื่นประทับใจควรเป็นเวลาที่ใช้ทำสิ่งต่าง ๆ ที่คนอื่นจะประทับใจ”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เราไม่ต้องคอยทำให้ทุกคนประทับใจตลอดเวลาหรอกครับ
สิ่งที่เราต้องทำคือทำความฝันของเราให้สำเร็จ ทำมันออกมาให้ดีที่สุด
คนอาจจะไม่ได้ประทับใจที่ความฝันคุณมันสุดยอด แต่ผมคนหนึ่งแหละที่ประทับใจคนที่กล้าทำตามความฝันโดยไม่มากังวลว่าคนอื่นจะเห็นดีเห็นงามกับมัน หรือจะชอบมันหรือปล่าว
Just do it!
*V3 หรือ V-ing
The number of people killed in the train station has not yet been revealed.
จำนวนผู้คนที่โดนฆ่าในสถานีรถไฟยังไม่ได้ถูกเปิดเผยออกมา
The robots killing people in the train station has not yet been located.
ยังไม่มีใครทราบตำแหน่งของหุ่นยนต์ที่กำลังฆ่าคนในสถานีรถไฟ
ตัวอย่างอาจจะโหดไปหน่อย
แต่หวังว่าทุกคนคงจะเข้าใจระว่า V3 (past participle) กับ V-ing (present participle) นะว่าต่างกันยังไง
จริง ๆ เคยอธิบายไปนะในกระทู้สักกระทู้ ใครติดตามตลอดน่าจะอ๋อ 55555
.................................................................................................................................................................................................
6.
The great dividing line between success and failure can be expressed in five words: I DID NOT HAVE TIME.
“
เส้นแบ่งระหว่างความสำเร็จและความล้มเหลวคือคำ 5 คำนี้
‘ฉันไม่มีเวลา’”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้บางทีเราก็ปลอบตัวเองว่า ‘เอาน่า ตอนนี้ยังไม่มีเวลา ทำไปก็ทำไม่ได้เต็มที่ ไว้มีเวลากว่านี้ค่อยทำแบบดี ๆ เลยละกัน’
บางทีความขี้เกียจ หรือความชาเฉยของเราก็ทำให้เราไม่รู้จักที่จะจัดตารางเวลาชีวิตของเราให้เป็นระเบียบ
เพราะผมเชื่อว่าทุกคนมีเวลา แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะหาเวลา
*Colon
อ่ะ ๆ ๆ บอกไปแล้วนะวิธีการใช้ colon ลืมกันยัง??? 55555
.................................................................................................................................................................................................
7.
Winners never quit, quitters never win. But those who neither quit nor win are idiots.
“
ผู้ชนะไม่เคยถอดใจ ผู้ที่ถอดใจไม่เคยชนะ แต่คนที่ไม่ถอดใจแต่ก็ไม่ชนะเนี่ยคือคนโง่”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เอานักบอลมาแข่งบาส
เอานักร้องมาต่อยมวย
เอาคนถนัดวิชาภาษาอังกฤษไปแข่งสอบคณิตศาสตร์
หรือไปรอรถไฟที่สนามบิน
เอ๊ะนี่ผมกำลังพูดอะไร 5555555
คือแค่อยากจะบอกว่าก่อนจะสู้แบบไม่ถอดใจเนี่ย ต้องดูสนามแข่งก่อนว่าเราอยู่ถูกสนามมั้ย มันใช่สังเวียนสำหรับคนอย่างเราหรือเปล่า หากประเมินสถานการณ์แล้วน่าจะเสียมากกว่าได้ ก็ยอมแพ้ดีกว่า แล้วไปหาสนามแข่งใหม่ที่มันเหมาะกับเรา
ไม่ใช่ว่าฝืนดันทุรังเพื่อที่จะไปแพ้ข้างหน้าเหมือนเดิมอยู่ดี
*Win แปลว่า 'ชนะ' เติม -er เข้าไปก็แปลว่า 'ผู้ชนะ'
มี verb หลายตัวที่เวลาเติม -er ต่อท้ายก็จะกลายเป็นคน
แต่บางตัวก็อาจจะต้องเติม -or
อย่าลืมเช็คตลอดนะครับ
.................................................................................................................................................................................................
ต่อในเมนท์นะ
คำคมบาดจิต แกรมมาร์บาดใจ! เรียนภาษาอังกฤษจาก 'Quote'!! (part 2)
เป็นไงบ้างครับ ใครได้ไปหา quote คำคมภาษาอังกฤษอ่านเพิ่มจากกระทู้ที่แล้วบ้าง เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยพัฒนาสกิล writing กับ vocab ของเราได้ดีเลยนะ
อยากเก่งภาษาอังกฤษก็ต้องอ่านจากหลาย ๆ ที่ เหมือนที่ผมพยายามเอามุขตลก เอาคำคม เอาซีรี่ส์มาแบ่งปันนั่นแหละครับ
อยากให้เรารู้ว่าทุกอย่างมันก็ให้ความรู้เราได้นะเออ 55555
สู้ ๆ ครับ
กระทู้นี้เหมาะสำหรับคนที่อยากได้แรงบันดาลใจ (พร้อมกับเรียนภาษาอังกฤษไปพร้อมกัน)
ใครสงสัยหรือมีคำถามอะไรก็เข้าไปถามในเพจได้นะครับ
ติดตามกันอัพเดตกระทู้ใหม่ ๆ ได้ในเพจนะครับ: https://www.facebook.com/MyFathersAnEnglishMan/
1. It takes 26 muscles to smile, and 62 muscles to frown.
“เราใช้กล้ามเนื้อ 25 ชิ้นในการยิ้ม และ 62 ชิ้นในการทำหน้าบึ้ง”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
.................................................................................................................................................................................................
2. Better to lose count while naming your blessings than to lose your blessings to counting your troubles.
“ให้เราลืมนับว่ามีสิ่งดี ๆ ที่เข้ามาในชีวิตกี่อย่าง ดีกว่าสูญเสียสิ่งเหล่านั้นไปกับการนับสิ่งร้าย ๆ”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
.................................................................................................................................................................................................
3. Are you really listening… or are you just waiting for your turn to talk?
“คุณกำลังตั้งใจฟังจริง ๆ หรือเปล่า หรือแค่กำลังรอคอยเวลาที่จะพูด”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
.................................................................................................................................................................................................
4. People forget how fast you did a job, but they remember how well you did it.
“ผู้คนจะลืมว่าคุณทำงานเร็วแค่ไหน แต่พวกเขาจะจำได้ว่าคุณทำมันได้ดีแค่ไหน”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
.................................................................................................................................................................................................
5. The time spent in trying to impress others could be spent in doing the things by which others would be impressed.
“เวลาที่หมดไปกับการพยายามทำให้คนอื่นประทับใจควรเป็นเวลาที่ใช้ทำสิ่งต่าง ๆ ที่คนอื่นจะประทับใจ”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
.................................................................................................................................................................................................
6. The great dividing line between success and failure can be expressed in five words: I DID NOT HAVE TIME.
“เส้นแบ่งระหว่างความสำเร็จและความล้มเหลวคือคำ 5 คำนี้
‘ฉันไม่มีเวลา’”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
.................................................................................................................................................................................................
7. Winners never quit, quitters never win. But those who neither quit nor win are idiots.
“ผู้ชนะไม่เคยถอดใจ ผู้ที่ถอดใจไม่เคยชนะ แต่คนที่ไม่ถอดใจแต่ก็ไม่ชนะเนี่ยคือคนโง่”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
.................................................................................................................................................................................................
ต่อในเมนท์นะ