คนว่ายาก (๓) ๕ ส.ค.๕๙

กระทู้สนทนา
เรื่องเล่าของคนวัยทอง

คนว่ายาก (๓)

เมื่อ ๒๙ กรกฎาคม ผมไปกินสังสรรค์กับเพื่อนนักเรียนเก่า ที่ร้านอาหารแถว ซอย ๕ สวนอ้อยข้างบ้านผม อายุเกิน ๘๐ แล้วทั้งนั้น นอกจากลูกชายผมที่เอาไปเป็นล่ามช่วยผมที่หูตึง พอถึงบ่ายผมไม่สบายในท้อง จึงบอกลูกชายว่าผมจะแอบกลับไปเข้าส้วมที่บ้าน ให้เขารับหน้าเพื่อนไว้ แล้วผมก็เดินกลับบ้านคนเดียว

พอจะเข้าไปเปลี่ยนกางเกงในห้องส่วนตัว ก็รู้สึกเวียนหัวมาก เกาะโต๊ะทำงานแล้วก็ทรงตัวไม่ไหว จึงทรุดตัวลงนั่งกับพื้นห้อง แล้วก็ค่อย ๆ หงายหลังลงนอนกับพื้น อาจจะวูบไปครู่หนึ่ง ลืมตาขึ้นรู้ตัวว่านอนกับพื้นหันหัวไปทางประตูแต่ลุกไม่ขึ้น ขยับมือเท้าดูว่ายังบังคับตัวเองได้ จึงลุกขึ้นนั่ง แล้วก็ท้าวพื้นยันตัวถัดไปข้างหลังเพื่อหาที่เหมาะ สำหรับจะฉุดตัวเองให้ลุกขึ้นยืน ก้นลากไปกับพื้นขณะที่ถ่ายหนักเบาออกมาอย่างไม่สามารถกลั้นไว้ได้

ในใจคิดว่า ไฟธาตุแตกแล้วหรือ ถึงคราวของเราแล้วหรือ แต่ก็ไม่ได้ตกใจจนเสียสติ เพราะรู้ตัวมานานแล้วว่า ยังไงก็ต้องถึงวาระนี้เข้าจนได้ตามองที่พื้นเห็นแถบสีแดงเรื่อพาดตลอดเส้นทางที่ถัดมา ก็รู้ว่านี่คือบทอวสานของชีวิตแล้ว เป็นไงเป็นกันไปให้ถึงที่สุด

ผมค่อย ๆ หาทางเกาะขอบโต๊ะและตู้หนังสือโหนตัวลุกขึ้นยืนจนสำเร็จ และก้าวไปนั่งบนเก้าอี้ทำงาน หยิบกระดาษบันทึกมาเขียนสั่งการให้ตามลูกชายกลับมาช่วยพาพ่อไปโรงพยาบาล แล้วก็ตะกายข้างฝา เดินไปถึงห้องคอมพ์ ขึ้นบันได ๒-๓ ขั้นโผล่หน้าไปเรียกแม่บ้าน ที่นอนดูทีวีอยู่ไม่ไกล แล้วส่งบันทึกให้อ่าน เขาพยายามจะถามรายละเอียด แต่ผมโบกมือให้ไปโทรศัพท์ ก็พอดีลูกชายมาถึงด้วยความเป็นห่วง จึงให้เขาพาไปเข้าส้วม ถ่ายออกมาอย่างมากมายเหมือนท้องเสียปกติ แต่เมื่อลุกขึ้นดูปรากฏว่าสีแดงฉานสดใสเกือบเต็มโถ ลูกช่วยเปลี่ยนกางเกงขายาวเป็นขาสั้น แล้วนุ่งแพมเพอร์ดข้างในด้วย และรีบออกไปตามแท็กซี่โดยด่วน

ถึงโรงพยาบาลเอกชนของมูลนิธิแถวยมราช เวลาประมาณ ๑๖.๐๐เศษ เข้าห้องฉุกเฉิน ให้น้ำเกลือและฝังเข็มฉีดยาบนหลังมือทั้งสองข้าง เตรียมให้อะไรต่อไปตามกรรมวิธีของเขา อย่างแรกคือเจาะเลือดไปวิเคราะห์ และซักถามเบื้องต้น ผมบอกว่าผมเป็นคนไข้รักษาโรคสมองและกรดไหลย้อน กับหมอที่นี่เป็นประจำท่านหนึ่ง เขาว่าหมอท่านนั้นกลับไปแล้ว หมอเวรจึงเข้ามาตรวจอาการ และสั่งการรักษาตามลำดับ

ขณะที่นอนรอให้น้ำเกลือค่อย ๆ หยดลงที่ละหยด ผมคิดถึงเพื่อนคนหนึ่ง เมื่อเรียนหลักสูตรชั้นนายร้อยทหารสื่อสาร สมัยเป็นร้อยเอกด้วยกัน เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๙ เขาสอบได้ที่ ๑ และเป็นเพื่อนที่ถูกคอกันที่สุด โดยไม่ได้รู้จักกันมาก่อนเลย เพราะเขาเป็นทหารอยู่ที่กรมสื่อสารทหาร ใน บก.ทหารสูงสุด เรากินเหล้าด้วยกันตลอดหลักสูตรหลายสัปดาห์ และหลังจากจบหลักสูตรแล้ว จนคุ้นเคยกับครอบครัวของเขาดี

จนถึง พ.ศ.๒๕๒๐ เขาเข้าโรงพยาบาลเพราะถ่ายเป็นเลือด ต้องผ่าตัดด่วน แล้วก็ไม่ได้ออกมาให้เห็นหน้ากันอีกเลย ผมจัดการงานศพของเขาอย่างเต็มกำลัง ทั้ง ๆ ที่คบกันมาแค่ปีสองปี ผมทำหนังสือแจกงานศพให้เขาด้วย ผมจึงนึกถึงหนังสืองานศพของผมตั้งแต่บัดนั้น ว่าควรจะทำไว้ให้ตนเองแต่เนิ่น ๆ

จนถึงปัจจุบันผมมีหนังสือสำหรับแจกงานศพ เป็นจำนวน ๕ เล่มรวมเป็นร้อยฉบับ ใครที่สนิทสนมรักใคร่เคารพนับถือ ก็เอาไปแจกหลายคนแล้ว

เมื่อหมอเวรเข้ามาพบ ก็บอกว่าต้องนอนอยู่โรงพยาบาลต่อไปอีก ผมก็ยินดี แล้วเขาก็เข็นเอาไปนอนในห้อง ไอ.ซี.ยู.ลูกชายก็เฝ้าไม่ได้ต้องกลับบ้าน

อาการจะเป็นอย่างไรต่อไป ชอผัดไปเล่าคราวหน้าครับ.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่