บันทึกการเดินทาง :: บ้านกกกอด กาญจนบุรี (*ผู้หญิงคนเดียวใครว่าเที่ยวไม่ได้)

**เพราะการเดินทางคือการเรียนรู้ ระหว่างทางจึงต้องมีบททดสอบ



สวัสดีค่ะทุกคน กระทู้นี้เราอยากจะแชร์ประสบการณ์การเดินทางไปที่บ้านกดกอด จ.กาญจนบุรีค่ะ ไม่อยากให้เป็นกระทู้รีวิวเพราะรายละเอียดต่างๆ เราไม่ค่อยเยอะ เน้นเพ้อไปเรื่อย 555

ก่อนจะเริ่ม อยากให้ทุกคนเปิดเพลงนี้ฟังวนไปเลยค่ะ เพราะตลอดเวลาที่ จขกท อยูjตรงนั้น มีแต่เพลงนี้ลอยเข้ามาในหัว ^^
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

พร้อมแล้วก็มาเริ่มกันเลยค่ะ

บททดสอบแรกเริ่มขึ้นเพียงแค่ 1 วันก่อนออกเดินทาง เมื่อเพื่อนโทรมาบอกว่าไม่สบาย ไปด้วยไม่ได้จริงๆ เอาแล้วไง

ก่อนหน้านี้เราเคยไปเที่ยวต่างจังหวัดคนเดียว 3 ครั้ง วันเดย์ทริป 2 ค้างคืนอีก 1 ไม่รวมในกรุงเทพฯ ที่ส่วนใหญ่จะไปคนเดียว
บางคนอาจมองเราว่าเห้ย อินดี้ว่ะ ติสว่ะ จริงๆ แล้วเราเป็นคนที่ไปกับเพื่อนก็ดี อยู่คนเดียวก็ได้ จริงๆ ก็ไม่ได้อยากไปไหนมาไหนคนเดียวหรอก (มันก็มีบางอารมณ์แหละที่เราอยากอยู่กับตัวเอง) แต่พอเราอยากไปเที่ยว แล้วเพื่อนไม่ว่าง เราก็ไม่อยากให้ช่วงเวลานั้นผ่านไปเฉยๆ รอให้ว่างตรงกันก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ไปคนเดียวนี่แหละง่ายดี ไว้ว่างตรงกับเพื่อนค่อยจัดทริปกัน
ออกทะเลไปไกลละ กลับมาๆ 55

หลังจากเพื่อนบอกเราก็โอเค ไปคนเดียวได้ มันชินจนเผลอๆ จะกลายเป็นความชอบไปแล้วแหละ 55 ความคิดตอนนั้นแบ่งเป็น 2 ฝั่ง แน่นอนว่ามีฝั่งที่บอกให้ไป และบอกว่าอย่า บ้านกกกอดเป็นที่ๆ เราเห็นรีวิวแล้วปักหมุดไว้เลยว่าต้องไปให้ได้ อีกอย่างจ่ายค่าที่พักไปแล้ว จะปล่อยทิ้งไปก็เสียดายแย่ และที่สำคัญถ้าไม่ไปแล้วหยุดสามวันจะทำอะไร ส่วนความคิดอีกฝั่งหลักๆ เลยคือความกลัวที่จะออกไปพบเจอกับสิ่งแวดล้อมและสถานการณ์ที่แปลกและแตกต่างจากชีวิตเดิมๆ ของเรา แน่นอนว่าความกลัวพ่ายแพ้ให้กับความอยากรู้อยากเห็น อยากไปสัมผัสบรรยากาศที่ใครๆ ก็บอกว่าต้องไปสัมผัสด้วยตัวเองให้ได้

เราจึงตัดสินใจออกเดินทางอีกครั้ง...

คืนก่อนเดินทางกว่าจะได้นอนก็ตี 1 กว่า ได้แต่บอกกับตัวเองว่าคิดทำการใหญ่ใจต้องหนักแน่น 55 เพราะใจมันจะวอกแวกยอมแพ้ไม่ไปอยู่เรื่อย เข้านอนทั้งที่กระเป๋ายังไม่ได้จัด ไม่มีความเตรียมพร้อมเอาซะเลย แล้วเราก็หลับไปพร้อมกับความคิดที่ว่า คิดใหม่อีกรอบซิ ไปแน่เหรอ คนเดียวอ่ะนะ ?

ตื่นสาย!!! กด snooze ไปเกือบสิบรอบ ด้วยใจมันไม่หนักแน่นอยู่แล้วทำให้ไม่ยอมลุกจากเตียง แต่พอคิดถึงเงิน 1,300 ที่จ่ายไป ก็ต้องฝืนใจตัวเองลุกไปอาบน้ำ ยัดของใส่เป้อย่างรวดเร็ว

มาถึงอนุสาวรีย์ตอน 9.00 พอดี รีบมุ่งหน้าไปท่ารถตู้ตรง victory point จากการหาข้อมูลมาก่อนหน้านี้สักสิบนาทีได้ พบว่าท่ารถที่นี้วิ่งเส้นทางที่ถึงกาญเร็วที่สุด (ในเว็บว่างั้นหนูก็ว่าตามนะคะ 55) มาถึงไม่พูดพร่ำทำอะไร พุ่งไปที่เคาน์เตอร์ขายตั๋ว พนง.ชี้บอกไปที่รถเลยน้อง ไอ้เราก็รีบวิ่งนึกว่าคนเต็มรถจะออกแล้ว ที่ไหนได้พอจ่ายตังค์เสร็จ (บอกลงบขส.กาญ ค่าเสียหาย 120 บาท) ขึ้นรถตู้ปุ๊บ เจอกับความว่างเปล่า คือทั้งคันมีเราเป็นผู้โดยสารคนเดียว ยังดีนะที่รถออกตรงเวลา 55 อะไรจะวีไอพีขนาดนั้น คือเราก็แอบกลัวนะ ทั้งคันมีเราซึ่งเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ >< คนเดียว แต่มันกลับตัวก็ไม่ได้ คงต้องไปให้ถึงแล้วแหละ 55  ทำใจดีสู้เสือ สะกดจิตตัวเองว่า อย่าหลับ! อย่าหลับ! อย่าหลับ! ห้ามหลั...zZ
รู้สึกตัวตื่นมาอีกทีมีเพื่อนร่วมทางเพิ่ม 2-3 คน โอเคหลับต่อได้ 5555

มาถึงบขส.กาญ ประมาณ 11.10 ด้วยความง่วงที่ยังเหลืออยู่ เดินวนหารถอยู่ 2 รอบ ไหนวะ!!! ไม่เห็นมี เอ๊ะหรือเราจะมาผิดที่ =*= มัวแต่คิดไปเองอยู่เนี่ย ถามสิถามมมมม สรุปคุณลุงแทบจะเดินจูงมือมาที่โต๊ะขายตั๋วกันเลยทีเดียว อะไรมันจะมองผ่านขนาดน้านนน 55
ได้ตั๋วมาแล้ว ตอนซื้อตั๋วให้บอกกับคนขายตั๋วว่าลงแยกโป่งปัดนะคะ จะได้ตั๋วในราคา 40 บาท (ถ้าไปลงน้ำตกเอราวัณ 50) พี่เขาบอกรถออก 11.50 มองไปบนรถยังไม่มีคนนั่งเลย งั้นไปหาไรกินก่อนดีกว่า อย่างแรกเลยคือเติมคาเฟอีนให้ร่างกายซะหน่อย แล้วก็แวะกินเกาเหลาเลือดหมู 1 ชาม 30 บาท อร่อยดี




ท้องอิ่มแล้ว พร้อมออกเดินทา... เห้ย!! ทำไมคนเยอะแบบนี้ รีบหาที่นั่งโดยไว โชคดีได้ที่นั่งติดหน้าต่าง เราชอบที่นั่งติดหน้าต่าง ชอบมองวิวข้างทางไปเรื่อยๆ แต่รถเป็นรถบัสไม่ปรับอากาศนะคะ ใครจะมาเตรียมร่างกายมาให้พร้อม สำหรับเราอากาศแค่นี้จิ๊บๆ เรามันสายลุยอยู่แล้ว 55 ผู้โดยสารส่วนใหญ่ก็เป็นนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและฝรั่ง คาดว่าคงไปลงน้ำตกเอราวัณกันหมด
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่