เบื้องหลังย่านจิโยดะ (3) : ระบบข้าราชการญี่ปุ่น
สวัสดีครับ ในตอนนี้จะเป็นการต่อจาก 2 ตอนแรกคือ ญี่ปุ่นเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ และ ระบบสามเหลี่ยมเหล็กครับ วันนี้จะกล่าวถึงระบบข้าราชการญี่ปุ่นครับ ว่าเหตุใดข้าราชการญี่ปุ่นถึง 70-75 เปอร์เซ็นต์ จึงสวามิภักดิ์ต่อพรรค LDP อย่างเต็มใจ ระบบข้าราชการญี่ปุ่นมีบทบาทอะไรในระบบการเมืองญี่ปุ่นหรือไม่ รวมถึงมีบทบาทใดกับกลุ่มธุรกิจต่างๆในญี่ปุ่น เราจะมาเริ่มกันนะครับ
.
การสอบข้าราชการญี่ปุ่น : คนนอกไม่มีสิทธิ์ฝัน
ในการสอบเข้าเป็นข้าราชการนั้น ไม่ว่าที่ใด เรื่องลูกท่านหลานเธอ ก็มักจะมีเกิดขึ้นเสมอ แต่ในญี่ปุ่นมันร้ายแรงกว่านั้นครับ นั่นคือ การกีดกันโดยเชื้อชาติ กับกระทรวงบางกระทรวงเช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงต่างประเทศ หรือ กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และ อุตสาหกรรม ซึ่งถึงขั้นเป็นที่รู้กันว่า
“คนที่ไม่ใช่นิปป้ง (คนญี่ปุ่นแท้) ไม่มีสิทธิ์เข้ากระทรวงพวกนี้”
ทำไมหรือครับ ? ง่ายๆเลยครับ กระทรวงพวกนี้ตั้งมาตั้งแต่ยุคเมจิ และพวกเขามีภาคภูมิใจในตัวเองสูงมาก ซึ่งแน่นอนว่า มันทำให้เกิดการเหยียดเชื้อชาติได้ง่าย ฮาฟุ หรือ ลูกครึ่ง ไม่มีสิทธิ์เข้าเป็นข้าราชการกระทรวงพวกนี้เลย ถึงแม้ว่าจะเก่งแค่ไหนก็ตาม เพราะ เขาจะคัดใบสมัครของพวกฮาฟุออกครับตั้งแต่รอบแรกเลย เนื่องจากข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของกระทรวงเหล่านี้ถือว่า บุคคลที่จะปกป้องผลประโยชน์ของญี่ปุ่นได้ดีที่สุด คือ นิปป้ง (คนที่มีเลือดญี่ปุ่นแท้) เท่านั้น ซึ่งเป็นความคิดที่แสดงความเป็นพวกขวาจัดอย่างชัดเจนมากครับ ซึ่งการที่พวกลูกครึ่งไม่มีสิทธิ์เป็นข้าราชการนี้ จริงๆแล้วในต่างประเทศก็โวยวายเรื่องนี้ออกบ่อยครับ แต่ญี่ปุ่นทำหูทวนลมทุกครั้งไป และปัญหาต่อมาก็คือ เมื่อข้าราชการส่วนใหญ่กว่า 95 เปอร์เซ็นต์เป็นคนญี่ปุ่นแท้ ปัญหาอมตะที่ต้องเกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออก นั่นก็คือ การแบ่งฝักแบ่งฝ่ายครับ ซึ่งข้าราชการก็มีการแบ่งกลุ่มที่เราเรียกว่า zoku ครับ ซึ่ง zoku ที่ใหญ่ที่สุดคือ Fujiwara Zoku ที่มีข้าราชการในสังกัดหลายพันคน ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากตระกูล Fujiwara นั่นเอง ซึ่งการตั้ง zoku แบบนี้ ทำให้ข้าราชการระดับสูงสามารถเจรจากับ Keiretsu ต่างๆ ในการออกกฎหมาย subsidy ตามที่กลุ่มธุรกิจต้องการโดยข้าราชการอาวุโสก็รวยกันไป
กระทรวงต่างๆในญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นมีกระทรวงทั้งสิ้น 11 กระทรวงดังนี้
1. กระทรวงการคลัง
2. กระทรวงบัญชาการภายในและการสื่อสาร
3. กระทรวงยุติธรรม
4. กระทรวงการต่างประเทศ
5. กระทรวงศึกษา วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยี
6. กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และ สวัสดิการ
7. กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และ อุตสาหกรรม (Meti)
8. กกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และ การประมง
9. กระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และ การท่องเที่ยว
10. กระทรวงกลาโหม
11. สำนักนายกรัฐมนตรี
กระทรวงทั้ง 11 นี้ทำงานเป็นอิสระต่อกันครับ ซึ่งมันจะเกิดปัญหาขึ้นตอนแผ่นดินไหวใหญ่ที่ กินกิ ปี 1995 แต่ละกระทรวงเกี่ยงกันทำงานเสียอย่างนั้นล่ะครับ ทำให้คนตายเป็นหลายหมื่นคนที่โกเบ และ โอซาก้า
กระทรวงที่ใหญ่ที่สุดและข้าราชการทรงพลังอำนาจมากที่สุด คือ กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และ อุตสาหกรรม หรือ Meti เนื่องจากเป็นผู้กุมชะตาเศรษฐกิจญี่ปุ่นไว้มากที่สุด ซึ่งเมื่อก่อนชื่อว่า MITI ซึ่งเป็นที่หวาดกลัวของสหรัฐอเมริกามากในเรื่องการต่อรองการค้า
การควบคุมข้าราชการของพรรค LDP
อย่างที่ทราบกัน หากรัฐบาลต้องการบริหารให้ประสบความสำเร็จ คุณต้องควบคุมระบบข้าราชการให้ได้ ตลอด 38 ปีแรกในการเป็นรัฐบาล (1955-1993) สิ่งที่ LDP ทำคือ วิธีการง่ายๆคือ การสับเปลี่ยนโยกย้ายข้าราชการ โดยข้าราชการที่ไม่ใช่พวกของ LDP ก็ต้องโดนเตะโด่งไปอยู่ วักกะไน หรือ เกาะห่างไกลในแปซิฟิก ซึ่งเป็นที่กันดารและห่างไกลสุดๆ และย้ายคนของตัวมาทำงานในเมือง หรือ ตำแหน่งสำคัญๆ ซึ่งก็ทำอย่างนี้มาตลอด อย่างที่เราสามารถเห็นได้กับการโยกย้ายผู้พิพากษาของญี่ปุ่น ซึ่งใครไม่ใช่พวกก็ไม่ได้เป็นผู้พิพากษา ซึ่งภายในเวลา 30 ปี ข้าราชการกว่า 70 เปอร์เซ็นต์จึงสวามิภักดิ์ต่อพรรค LDP อย่างเหนียวแน่น ดังจะเห็นได้จากเมื่อพรรค DPJ ครองอำนาจในปี 2009-2012 ข้าราชการญี่ปุ่นเกือบทั้งหมดใส่เกียร์ว่างครับ ทำให้การทำงานของพรรค DPJ เต็มไปด้วยความลำบากอย่างยิ่ง
บทบาทของข้าราชการในญี่ปุ่น
บทบาทของข้าราชการในญี่ปุ่นมีอิทธิพลมาก เพราะหน้าที่สำคัญของข้าราชการ (โดยเฉพาะข้าราชการช้นผู้ใหญ่) คือ
1. อำนาจในการกำหนดกฎเกณฑ์ ที่เรียกว่า กฎกระทรวง การออกใบอนุญาต การออกสัมปทาน การออกประกาศนียบัตรเพื่ออนุมติการก่อสร้าง Mega Project ต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่า ก็ต้องออกให้พวกตัวเองอยู่แล้ว
2. อำนาจในการปกป้อง ช่วยเหลือกิจการใดๆที่เกี่ยวกบผลประโยชน์ของเอกชน และกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ เช่นการออกกฎเกณฑ์อุดหนุน (subsidy) ซึ่งเห็นได้ในช่วง Miracle era ที่มีการออก subsidy เพื่อสนับสนุนนโยบาย Industrial policy
3. การออกกฎหมาย อย่างที่อธิบายในตอนที่ 2 แล้วว่า รัฐมนตรีไม่มีความรู้ในกระทรวงที่ตัวเองดูแล ดังนั้นหน้าที่ในการกำกับกระทรวงหรือออกกฎหมายก็กลายเป็นอยู่ในมือข้าราชการอาวุโส
เอกชน กับ ข้าราชการ
ความสัมพันธ์นอกจากในระบบสามเหลี่ยมเหล็กแล้ว เอกชนยังมีการใช้วิธีหนึ่งในการสร้างความสัมพันธ์คือ Amakudari (บัญญัติจากสววรค์) นั่นก็คือ การที่บริษัทเอกชนสัญญาว่า หากข้าราชการที่ช่วยเหลือตนในการจัดซื้อจัดจ้างต้องการ Early retire ก็ชักชวนไปทำงานที่บริษัทเอกชน โดยทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา และทำให้การจดซื้อจดจ้างยังคงดำเนินการโดยมีประสิทธิภาพ ซึ่ง amakudari นี่ ได้เลิกไปในปี 1994 ครับ โดยกฎหมายข้าราชการพลเรือน 1994 นั่นเองครับ
สรุป
ข้าราชการญี่ปุ่นมีอำนาจมาก แถมมีความเป็นอนุรักษ์นิยมสูงมาก แต่ยังถูกควบคุมโดยรัฐบาลอย่างแน่นหนา รวมไปถึงประเพณีญี่ปุ่นที่ควบคุมพวกเขาอยู่ด้วย ตราบใดที่ญี่ปุ่นยังคงปกครองด้วยพรรค LDP อยู่ ข้าราชการยังคงจงรักภักดีต่อ LDP ต่อไปอย่างไม่เสื่อมคลาย
เบื้องหลังย่านจิโยดะ (3) : ระบบข้าราชการญี่ปุ่น
สวัสดีครับ ในตอนนี้จะเป็นการต่อจาก 2 ตอนแรกคือ ญี่ปุ่นเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ และ ระบบสามเหลี่ยมเหล็กครับ วันนี้จะกล่าวถึงระบบข้าราชการญี่ปุ่นครับ ว่าเหตุใดข้าราชการญี่ปุ่นถึง 70-75 เปอร์เซ็นต์ จึงสวามิภักดิ์ต่อพรรค LDP อย่างเต็มใจ ระบบข้าราชการญี่ปุ่นมีบทบาทอะไรในระบบการเมืองญี่ปุ่นหรือไม่ รวมถึงมีบทบาทใดกับกลุ่มธุรกิจต่างๆในญี่ปุ่น เราจะมาเริ่มกันนะครับ
.
การสอบข้าราชการญี่ปุ่น : คนนอกไม่มีสิทธิ์ฝัน
ในการสอบเข้าเป็นข้าราชการนั้น ไม่ว่าที่ใด เรื่องลูกท่านหลานเธอ ก็มักจะมีเกิดขึ้นเสมอ แต่ในญี่ปุ่นมันร้ายแรงกว่านั้นครับ นั่นคือ การกีดกันโดยเชื้อชาติ กับกระทรวงบางกระทรวงเช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงต่างประเทศ หรือ กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และ อุตสาหกรรม ซึ่งถึงขั้นเป็นที่รู้กันว่า
“คนที่ไม่ใช่นิปป้ง (คนญี่ปุ่นแท้) ไม่มีสิทธิ์เข้ากระทรวงพวกนี้”
ทำไมหรือครับ ? ง่ายๆเลยครับ กระทรวงพวกนี้ตั้งมาตั้งแต่ยุคเมจิ และพวกเขามีภาคภูมิใจในตัวเองสูงมาก ซึ่งแน่นอนว่า มันทำให้เกิดการเหยียดเชื้อชาติได้ง่าย ฮาฟุ หรือ ลูกครึ่ง ไม่มีสิทธิ์เข้าเป็นข้าราชการกระทรวงพวกนี้เลย ถึงแม้ว่าจะเก่งแค่ไหนก็ตาม เพราะ เขาจะคัดใบสมัครของพวกฮาฟุออกครับตั้งแต่รอบแรกเลย เนื่องจากข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของกระทรวงเหล่านี้ถือว่า บุคคลที่จะปกป้องผลประโยชน์ของญี่ปุ่นได้ดีที่สุด คือ นิปป้ง (คนที่มีเลือดญี่ปุ่นแท้) เท่านั้น ซึ่งเป็นความคิดที่แสดงความเป็นพวกขวาจัดอย่างชัดเจนมากครับ ซึ่งการที่พวกลูกครึ่งไม่มีสิทธิ์เป็นข้าราชการนี้ จริงๆแล้วในต่างประเทศก็โวยวายเรื่องนี้ออกบ่อยครับ แต่ญี่ปุ่นทำหูทวนลมทุกครั้งไป และปัญหาต่อมาก็คือ เมื่อข้าราชการส่วนใหญ่กว่า 95 เปอร์เซ็นต์เป็นคนญี่ปุ่นแท้ ปัญหาอมตะที่ต้องเกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออก นั่นก็คือ การแบ่งฝักแบ่งฝ่ายครับ ซึ่งข้าราชการก็มีการแบ่งกลุ่มที่เราเรียกว่า zoku ครับ ซึ่ง zoku ที่ใหญ่ที่สุดคือ Fujiwara Zoku ที่มีข้าราชการในสังกัดหลายพันคน ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากตระกูล Fujiwara นั่นเอง ซึ่งการตั้ง zoku แบบนี้ ทำให้ข้าราชการระดับสูงสามารถเจรจากับ Keiretsu ต่างๆ ในการออกกฎหมาย subsidy ตามที่กลุ่มธุรกิจต้องการโดยข้าราชการอาวุโสก็รวยกันไป
กระทรวงต่างๆในญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นมีกระทรวงทั้งสิ้น 11 กระทรวงดังนี้
1. กระทรวงการคลัง
2. กระทรวงบัญชาการภายในและการสื่อสาร
3. กระทรวงยุติธรรม
4. กระทรวงการต่างประเทศ
5. กระทรวงศึกษา วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยี
6. กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และ สวัสดิการ
7. กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และ อุตสาหกรรม (Meti)
8. กกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และ การประมง
9. กระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และ การท่องเที่ยว
10. กระทรวงกลาโหม
11. สำนักนายกรัฐมนตรี
กระทรวงทั้ง 11 นี้ทำงานเป็นอิสระต่อกันครับ ซึ่งมันจะเกิดปัญหาขึ้นตอนแผ่นดินไหวใหญ่ที่ กินกิ ปี 1995 แต่ละกระทรวงเกี่ยงกันทำงานเสียอย่างนั้นล่ะครับ ทำให้คนตายเป็นหลายหมื่นคนที่โกเบ และ โอซาก้า
กระทรวงที่ใหญ่ที่สุดและข้าราชการทรงพลังอำนาจมากที่สุด คือ กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และ อุตสาหกรรม หรือ Meti เนื่องจากเป็นผู้กุมชะตาเศรษฐกิจญี่ปุ่นไว้มากที่สุด ซึ่งเมื่อก่อนชื่อว่า MITI ซึ่งเป็นที่หวาดกลัวของสหรัฐอเมริกามากในเรื่องการต่อรองการค้า
การควบคุมข้าราชการของพรรค LDP
อย่างที่ทราบกัน หากรัฐบาลต้องการบริหารให้ประสบความสำเร็จ คุณต้องควบคุมระบบข้าราชการให้ได้ ตลอด 38 ปีแรกในการเป็นรัฐบาล (1955-1993) สิ่งที่ LDP ทำคือ วิธีการง่ายๆคือ การสับเปลี่ยนโยกย้ายข้าราชการ โดยข้าราชการที่ไม่ใช่พวกของ LDP ก็ต้องโดนเตะโด่งไปอยู่ วักกะไน หรือ เกาะห่างไกลในแปซิฟิก ซึ่งเป็นที่กันดารและห่างไกลสุดๆ และย้ายคนของตัวมาทำงานในเมือง หรือ ตำแหน่งสำคัญๆ ซึ่งก็ทำอย่างนี้มาตลอด อย่างที่เราสามารถเห็นได้กับการโยกย้ายผู้พิพากษาของญี่ปุ่น ซึ่งใครไม่ใช่พวกก็ไม่ได้เป็นผู้พิพากษา ซึ่งภายในเวลา 30 ปี ข้าราชการกว่า 70 เปอร์เซ็นต์จึงสวามิภักดิ์ต่อพรรค LDP อย่างเหนียวแน่น ดังจะเห็นได้จากเมื่อพรรค DPJ ครองอำนาจในปี 2009-2012 ข้าราชการญี่ปุ่นเกือบทั้งหมดใส่เกียร์ว่างครับ ทำให้การทำงานของพรรค DPJ เต็มไปด้วยความลำบากอย่างยิ่ง
บทบาทของข้าราชการในญี่ปุ่น
บทบาทของข้าราชการในญี่ปุ่นมีอิทธิพลมาก เพราะหน้าที่สำคัญของข้าราชการ (โดยเฉพาะข้าราชการช้นผู้ใหญ่) คือ
1. อำนาจในการกำหนดกฎเกณฑ์ ที่เรียกว่า กฎกระทรวง การออกใบอนุญาต การออกสัมปทาน การออกประกาศนียบัตรเพื่ออนุมติการก่อสร้าง Mega Project ต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่า ก็ต้องออกให้พวกตัวเองอยู่แล้ว
2. อำนาจในการปกป้อง ช่วยเหลือกิจการใดๆที่เกี่ยวกบผลประโยชน์ของเอกชน และกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ เช่นการออกกฎเกณฑ์อุดหนุน (subsidy) ซึ่งเห็นได้ในช่วง Miracle era ที่มีการออก subsidy เพื่อสนับสนุนนโยบาย Industrial policy
3. การออกกฎหมาย อย่างที่อธิบายในตอนที่ 2 แล้วว่า รัฐมนตรีไม่มีความรู้ในกระทรวงที่ตัวเองดูแล ดังนั้นหน้าที่ในการกำกับกระทรวงหรือออกกฎหมายก็กลายเป็นอยู่ในมือข้าราชการอาวุโส
เอกชน กับ ข้าราชการ
ความสัมพันธ์นอกจากในระบบสามเหลี่ยมเหล็กแล้ว เอกชนยังมีการใช้วิธีหนึ่งในการสร้างความสัมพันธ์คือ Amakudari (บัญญัติจากสววรค์) นั่นก็คือ การที่บริษัทเอกชนสัญญาว่า หากข้าราชการที่ช่วยเหลือตนในการจัดซื้อจัดจ้างต้องการ Early retire ก็ชักชวนไปทำงานที่บริษัทเอกชน โดยทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา และทำให้การจดซื้อจดจ้างยังคงดำเนินการโดยมีประสิทธิภาพ ซึ่ง amakudari นี่ ได้เลิกไปในปี 1994 ครับ โดยกฎหมายข้าราชการพลเรือน 1994 นั่นเองครับ
สรุป
ข้าราชการญี่ปุ่นมีอำนาจมาก แถมมีความเป็นอนุรักษ์นิยมสูงมาก แต่ยังถูกควบคุมโดยรัฐบาลอย่างแน่นหนา รวมไปถึงประเพณีญี่ปุ่นที่ควบคุมพวกเขาอยู่ด้วย ตราบใดที่ญี่ปุ่นยังคงปกครองด้วยพรรค LDP อยู่ ข้าราชการยังคงจงรักภักดีต่อ LDP ต่อไปอย่างไม่เสื่อมคลาย