How's it going, bro?!
หลังจากกระทู้ที่แล้ว ผมก็ได้ไปขุดหาแกรมมาร์ภาษาอังกฤษที่ชวนให้กุมขมับมาให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันเพลิน ๆ อีกครับ 5555555
บางอันก็อาจจะไม่ถึงกับผิด แต่ว่ามันไม่เหมาะสมที่จะใช้ในตอนนั้น
สำหรับใครที่ต้องการจะพัฒนาสกิลการเขียนให้เทพขึ้นก็แนะนำเลยครับ
ใครสงสัยหรือมีคำถามอะไรก็เข้าไปถามในเพจได้นะครับ
ติดตามกันอัพเดตกระทู้ใหม่ ๆ ได้ในเพจนะครับ:
https://www.facebook.com/MyFathersAnEnglishMan/
อย่ารอช้า ไปเริ่มกันเลยครับ!
1.
about /
around
Poor writing: There were
around 50 people in the room.
Good writing: There were
about 50 people in the room.
ทั้งสองคำนี้แปลว่า ‘
ประมาณ’ หรือ ‘
ราว ๆ’
ถ้าเรากำลัง ‘
ประมาณจำนวน’ ของอะไรบางอย่างอยู่ ในใช้คำว่า ‘
about’
ตัวอย่างนะครับ
There were
about 50 people in the room. ไม่ใช่ around 50 people
มีคนอยู่ในห้องประมาณ 50 คน
It was
about 4 p.m. when the meeting ended. ไม่ใช่ around 4 p.m.
การประชุมจบลงที่เวลาประมาณ 4 โมง
แต่ถ้าสิ่งที่เราต้องกำลังประมาณนั้นค่อนข้างกว้าง เราสามารถใช้คำว่า ‘
around’ ได้
The change happened around the middle of the century.
การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในช่วงกลางศตวรรษ
แต่ถ้าไม่แน่ใจว่าจะใช้คำไหนดี แนะนำให้ใช้คำว่า ‘about’ ปลอดภัยที่สุดครับ
.................................................................................................................................................................................................
2.
almost /
nearly
ทั้งสองคำนี้แปลว่า ‘
เกือบ’ หรือ ‘
ใกล้ถึง’ ทำหน้าที่เป็น adverb ทั้งคู่
‘
Nearly’ จะมีความหมายในเชิงระยะทาง แต่ ‘
almost’ จะมีความหมายในเชิงจำนวนหรือปริมาณ
We have driven
almost 50 kilometers, so we are
nearly there.
เราขับรถมาเกือบจะ 50 กิโลแล้ว (ในเชิงจำนวน: กี่กิโลเมตรแล้ว) ดังนั้นเราน่าจะใกล้ถึงแล้ว (ในเชิงระยะทาง: ความใกล้ – ไกล)
.................................................................................................................................................................................................
3.
amount /
number
ทั้งสองคำแปลว่า ‘
จำนวน’ หรือ ‘
ปริมาณ’
ใช้ ‘
amount’ กับสิ่งที่นับไม่ได้ และใช้ ‘
number’ กับสิ่งที่นับได้
The
amount of paper used was limited. (paper นับไม่ได้ ใช้ amount)
จำนวนของกระดาษที่ถูกใช้ถูกจำกัดแล้ว
The
amount of food was inadequate. (food นับไม่ได้ ใช้ amount)
อาหารมีปริมาณไม่เพียงพอ
The
number of pages ran into hundreds. (page นับได้ ใช้ number)
จำนวนของหน้ากระดาษมีถึงหลักร้อย
A large
number of people attended the meeting. (people นับได้ ใช้ number)
มีคนจำนวนมากมาเข้าร่วมการประชุม
.................................................................................................................................................................................................
4.
before /
previous
Poor writing: The trainees had applied in
the year before.
Good writing: The trainees had applied in
the previous year.
‘
Before’ ทำหน้าที่เป็น conjunction (และ preposition) แปลว่า ‘
ก่อนหน้านี้’ หรือ ‘
ก่อน’
‘
Previous’ เป็น adjective ความหมายเดียวกันครับ
Before ต้องตามหลังด้วยคำนามเสมอ ดังนั้นเราจึงไม่ควรเอามันไปเขียนไว้ท้ายประโยค ให้ใช้คำว่า ‘previous’ แทน
The trainees had applied in
the previous year (ไม่ใช่ The trainees had applied
the year before).
ผู้ฝึกงานทำการสมัครเมื่อปีที่ผ่านมา
.................................................................................................................................................................................................
5.
beside /
besides
Incorrect: The man I am looking for is standing
besides my father.
Correct: The man I am looking for is standing
beside my father.
‘
Beside’ เป็น preposition แปลว่า ‘
ข้าง ๆ’
ส่วน ‘
besides’ เป็น adverb แปลว่า ‘
ยิ่งไปกว่านั้น’ หรือ ‘
นอกจากนี้’
She stood
beside her father.
เธอยืนอยู่ข้าง ๆ พ่อของเธอ
Besides the printed edition, they also created an e-book.
นอกจากจะตีพิมพ์เป็นเวอร์ชั่นหนังสือแล้ว พวกเขายังทำแบบอีบุคด้วย
.................................................................................................................................................................................................
6.
Colon
Colon แบ่งออกเป็น 2 หน้าที่คือ
1.
แบ่งไอเดียออกจากกัน
I wanted only one thing: happiness.
ผมต้องการแค่อย่างเดียว ความสุข
(หลายคนอาจจะงงว่าแบ่งไอเดียยังไง ก็ไอเดียแรกคือ ต้องการเพียงแค่อย่างเดียว และไอเดียที่สองคือ อย่างเดียวที่ต้องการก็คือความสุข)
2.
ใช้ลิสต์สิ่งต่าง ๆ / ใช้เขียนรายการ (ไม่ใช่รายการโทรทัศน์นะ หมายถึงรายการอาหารอะไรแบบนี้อ่ะครับ) บอกสิ่งต่าง ๆ
There are three things I want: money, friend, and good health.
.................................................................................................................................................................................................
7.
comprise /
compose /
consist
ทั้งสามคำนี้มีความหมายคล้ายกัน คือ ‘ประกอบด้วย’
‘
Comprise’ หมายความว่า ‘
is composed of’ (ซึ่งประกอบด้วย) ดังนั้นเวลาใช้ comprise ก็ไม่ต้องใส่ of อีก
‘
Consist’ ต้องตามหลังด้วย ‘
of’ เสมอ ห้ามใช้ ‘in’
The group
was composed of artists and copywriters.
The group
comprised artists and copywriters.
The group
consisted of artists and copywriters.
ทั้งหมดแปลว่า ‘กลุ่มนั้นประกอบด้วยศิลปินและนักเขียนโฆษณา’
ส่วนจะใช้คำไหนนั้น ก็แล้วแต่เราเลยครับ แต่เวลาใช้ก็ใช้ให้ถูกนะ
.................................................................................................................................................................................................
8.
farther /
further
‘
Farther’ แปลว่า ‘
ไกลออกไปอีก’ มักจะถูกพูดถึงบอกระยะทางในเชิงภูมิศาสตร์เท่านั้น
ส่วน ‘
further’ นอกจากความหมายแบบ farther แล้ว ยังแปลว่า ‘
ที่เพิ่มเข้ามา’ หรือ ‘
มากขึ้น’ ได้อีกด้วย
แต่ถ้าเราสงสัยว่าจะใช้คำไหนดี ให้เลือกใช้ ‘further’ ดีที่สุดครับ
ตัวอย่างนะครับ
She had
a further request.
เธอมีคำขอเข้ามาเพิ่ม
Do we need to
talk any further?
นี่เรายังต้องคุยอะไรไปมากกว่านี้อีก?
It’s
further to London than to Manchester หรือ It’s farter to London than to Manchester.
ระยะทางไปลอนดอนนั้นไกลกว่าไปแมนเชสเตอร์
.................................................................................................................................................................................................
9.
following /
next
Poor writing: The book will be launched
the following week.
Good writing: The book will be launched
next week
ทั้งสองคำนี้แปลว่า ‘
ต่อไป’
‘
following’ จะใช้กับประโยคในรูปอดีต (past - tense) และ ‘
next’ จะใช้กับประโยคปัจจุบันและอนาคต
The book
will be launched
next week.
หนังสือจะวางขายในสัปดาห์หน้า
In
the following week, they launch
ed the book. (ไม่ใช่ In the next week, they launched the book)
ในสัปดาห์ต่อมา พวกเขาก็วางขายหนังสือ (ทั้งหมดเกิดขึ้นแล้วในอดีต)
ตรงนี้ดู ๆ ไปกคล้าย ๆ กับการใช้คำว่า ต่อไป กับ ต่อมา ในบ้านเรา (ในความคิดของผมนะ)
เวลาเราพูดถึงเหตุการณ์ในอดีต เราใช้คำว่า ต่อมา
ต่อมาเขาก็ได้ไปเข้าเฝ้าพระมหากษัตริย์
แต่เวลาเราพูดถึงปัจจุบัน หรือนาคต เราใช้ ต่อไป
ต่อไปเขาจะไปเข้าเฝ้าพระมหากษัตริย์
ทุกคนว่ามั้ย หรือผมคิดไปเองอ่ะ 555555
.................................................................................................................................................................................................
10.
if /
whether
Poor writing: I don't know
whether he wants a dog.
Good writing: I don't know
whether he wants a dog
or a cat.
ก่อนอีกต้องบอกว่าเราไม่สามารถใช้ if กับ whether แทนกันได้นะ
ความหมายมันอาจจะคล้ายกัน แต่เวลาเอาไปใช้งานไม่เหมือนกันครับ
ใช้ ‘
if’ ถ้าเราไม่ได้เสนอตัวเลือกอื่นให้ผู้ฟัง
แต่ใช้ ‘
whether’ ถ้าเรามีตัวเลือกให้
ตัวอย่างนะครับ
Let me know
if you want to drive (ไมใช่ Let me know whether you want to drive).
ถ้าอยากขับก็บอกนะ (ไม่มีทางเลือกอื่นให้นอกจากขับรถ)
Let me know
whether you want to drive
or walk (ไม่ใช่ Let me know if you want to drive or walk).
อยากขับรถหรืออยากเดินไปก็บอกนะ (มีทางเลือกอื่นมาเพิ่มคือการเดินเลยต้องใช้ whether)
.................................................................................................................................................................................................
ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้นะครับ บอกได้เดี๋ยวจะแก้ให้ ฝากแชร์ไปให้เพื่อน ๆ ด้วยนะะ
ส่วนใครมีปัญหาไม่เข้าใจ หรืออยากสอบถามปัญหาอะไรก็ได้เกี่ยวกับภาษาอังกฤษ เข้าไปคุยกันในเพจได้เลยครับ
FB PAGE:
https://www.facebook.com/MyFathersAnEnglishMan/
Stay tuned.
JGC
แกรมมาร์ภาษาอังกฤษที่ทำให้คุณต้องกุมขมับ'หนักกว่าเดิม!' (part 2)
หลังจากกระทู้ที่แล้ว ผมก็ได้ไปขุดหาแกรมมาร์ภาษาอังกฤษที่ชวนให้กุมขมับมาให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันเพลิน ๆ อีกครับ 5555555
บางอันก็อาจจะไม่ถึงกับผิด แต่ว่ามันไม่เหมาะสมที่จะใช้ในตอนนั้น
สำหรับใครที่ต้องการจะพัฒนาสกิลการเขียนให้เทพขึ้นก็แนะนำเลยครับ
ใครสงสัยหรือมีคำถามอะไรก็เข้าไปถามในเพจได้นะครับ
ติดตามกันอัพเดตกระทู้ใหม่ ๆ ได้ในเพจนะครับ: https://www.facebook.com/MyFathersAnEnglishMan/
อย่ารอช้า ไปเริ่มกันเลยครับ!
1. about / around
Poor writing: There were around 50 people in the room.
Good writing: There were about 50 people in the room.
ทั้งสองคำนี้แปลว่า ‘ประมาณ’ หรือ ‘ราว ๆ’
ถ้าเรากำลัง ‘ประมาณจำนวน’ ของอะไรบางอย่างอยู่ ในใช้คำว่า ‘about’
ตัวอย่างนะครับ
There were about 50 people in the room. ไม่ใช่ around 50 people
มีคนอยู่ในห้องประมาณ 50 คน
It was about 4 p.m. when the meeting ended. ไม่ใช่ around 4 p.m.
การประชุมจบลงที่เวลาประมาณ 4 โมง
แต่ถ้าสิ่งที่เราต้องกำลังประมาณนั้นค่อนข้างกว้าง เราสามารถใช้คำว่า ‘around’ ได้
The change happened around the middle of the century.
การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในช่วงกลางศตวรรษ
แต่ถ้าไม่แน่ใจว่าจะใช้คำไหนดี แนะนำให้ใช้คำว่า ‘about’ ปลอดภัยที่สุดครับ
.................................................................................................................................................................................................
2. almost / nearly
ทั้งสองคำนี้แปลว่า ‘เกือบ’ หรือ ‘ใกล้ถึง’ ทำหน้าที่เป็น adverb ทั้งคู่
‘Nearly’ จะมีความหมายในเชิงระยะทาง แต่ ‘almost’ จะมีความหมายในเชิงจำนวนหรือปริมาณ
We have driven almost 50 kilometers, so we are nearly there.
เราขับรถมาเกือบจะ 50 กิโลแล้ว (ในเชิงจำนวน: กี่กิโลเมตรแล้ว) ดังนั้นเราน่าจะใกล้ถึงแล้ว (ในเชิงระยะทาง: ความใกล้ – ไกล)
.................................................................................................................................................................................................
3. amount / number
ทั้งสองคำแปลว่า ‘จำนวน’ หรือ ‘ปริมาณ’
ใช้ ‘amount’ กับสิ่งที่นับไม่ได้ และใช้ ‘number’ กับสิ่งที่นับได้
The amount of paper used was limited. (paper นับไม่ได้ ใช้ amount)
จำนวนของกระดาษที่ถูกใช้ถูกจำกัดแล้ว
The amount of food was inadequate. (food นับไม่ได้ ใช้ amount)
อาหารมีปริมาณไม่เพียงพอ
The number of pages ran into hundreds. (page นับได้ ใช้ number)
จำนวนของหน้ากระดาษมีถึงหลักร้อย
A large number of people attended the meeting. (people นับได้ ใช้ number)
มีคนจำนวนมากมาเข้าร่วมการประชุม
.................................................................................................................................................................................................
4. before / previous
Poor writing: The trainees had applied in the year before.
Good writing: The trainees had applied in the previous year.
‘Before’ ทำหน้าที่เป็น conjunction (และ preposition) แปลว่า ‘ก่อนหน้านี้’ หรือ ‘ก่อน’
‘Previous’ เป็น adjective ความหมายเดียวกันครับ
Before ต้องตามหลังด้วยคำนามเสมอ ดังนั้นเราจึงไม่ควรเอามันไปเขียนไว้ท้ายประโยค ให้ใช้คำว่า ‘previous’ แทน
The trainees had applied in the previous year (ไม่ใช่ The trainees had applied the year before).
ผู้ฝึกงานทำการสมัครเมื่อปีที่ผ่านมา
.................................................................................................................................................................................................
5. beside / besides
Incorrect: The man I am looking for is standing besides my father.
Correct: The man I am looking for is standing beside my father.
‘Beside’ เป็น preposition แปลว่า ‘ข้าง ๆ’
ส่วน ‘besides’ เป็น adverb แปลว่า ‘ยิ่งไปกว่านั้น’ หรือ ‘นอกจากนี้’
She stood beside her father.
เธอยืนอยู่ข้าง ๆ พ่อของเธอ
Besides the printed edition, they also created an e-book.
นอกจากจะตีพิมพ์เป็นเวอร์ชั่นหนังสือแล้ว พวกเขายังทำแบบอีบุคด้วย
.................................................................................................................................................................................................
6. Colon
Colon แบ่งออกเป็น 2 หน้าที่คือ
1. แบ่งไอเดียออกจากกัน
I wanted only one thing: happiness.
ผมต้องการแค่อย่างเดียว ความสุข
(หลายคนอาจจะงงว่าแบ่งไอเดียยังไง ก็ไอเดียแรกคือ ต้องการเพียงแค่อย่างเดียว และไอเดียที่สองคือ อย่างเดียวที่ต้องการก็คือความสุข)
2. ใช้ลิสต์สิ่งต่าง ๆ / ใช้เขียนรายการ (ไม่ใช่รายการโทรทัศน์นะ หมายถึงรายการอาหารอะไรแบบนี้อ่ะครับ) บอกสิ่งต่าง ๆ
There are three things I want: money, friend, and good health.
.................................................................................................................................................................................................
7. comprise / compose / consist
ทั้งสามคำนี้มีความหมายคล้ายกัน คือ ‘ประกอบด้วย’
‘Comprise’ หมายความว่า ‘is composed of’ (ซึ่งประกอบด้วย) ดังนั้นเวลาใช้ comprise ก็ไม่ต้องใส่ of อีก
‘Consist’ ต้องตามหลังด้วย ‘of’ เสมอ ห้ามใช้ ‘in’
The group was composed of artists and copywriters.
The group comprised artists and copywriters.
The group consisted of artists and copywriters.
ทั้งหมดแปลว่า ‘กลุ่มนั้นประกอบด้วยศิลปินและนักเขียนโฆษณา’
ส่วนจะใช้คำไหนนั้น ก็แล้วแต่เราเลยครับ แต่เวลาใช้ก็ใช้ให้ถูกนะ
.................................................................................................................................................................................................
8. farther / further
‘Farther’ แปลว่า ‘ไกลออกไปอีก’ มักจะถูกพูดถึงบอกระยะทางในเชิงภูมิศาสตร์เท่านั้น
ส่วน ‘further’ นอกจากความหมายแบบ farther แล้ว ยังแปลว่า ‘ที่เพิ่มเข้ามา’ หรือ ‘มากขึ้น’ ได้อีกด้วย
แต่ถ้าเราสงสัยว่าจะใช้คำไหนดี ให้เลือกใช้ ‘further’ ดีที่สุดครับ
ตัวอย่างนะครับ
She had a further request.
เธอมีคำขอเข้ามาเพิ่ม
Do we need to talk any further?
นี่เรายังต้องคุยอะไรไปมากกว่านี้อีก?
It’s further to London than to Manchester หรือ It’s farter to London than to Manchester.
ระยะทางไปลอนดอนนั้นไกลกว่าไปแมนเชสเตอร์
.................................................................................................................................................................................................
9. following / next
Poor writing: The book will be launched the following week.
Good writing: The book will be launched next week
ทั้งสองคำนี้แปลว่า ‘ต่อไป’
‘following’ จะใช้กับประโยคในรูปอดีต (past - tense) และ ‘next’ จะใช้กับประโยคปัจจุบันและอนาคต
The book will be launched next week.
หนังสือจะวางขายในสัปดาห์หน้า
In the following week, they launched the book. (ไม่ใช่ In the next week, they launched the book)
ในสัปดาห์ต่อมา พวกเขาก็วางขายหนังสือ (ทั้งหมดเกิดขึ้นแล้วในอดีต)
ตรงนี้ดู ๆ ไปกคล้าย ๆ กับการใช้คำว่า ต่อไป กับ ต่อมา ในบ้านเรา (ในความคิดของผมนะ)
เวลาเราพูดถึงเหตุการณ์ในอดีต เราใช้คำว่า ต่อมา
ต่อมาเขาก็ได้ไปเข้าเฝ้าพระมหากษัตริย์
แต่เวลาเราพูดถึงปัจจุบัน หรือนาคต เราใช้ ต่อไป
ต่อไปเขาจะไปเข้าเฝ้าพระมหากษัตริย์
ทุกคนว่ามั้ย หรือผมคิดไปเองอ่ะ 555555
.................................................................................................................................................................................................
10. if / whether
Poor writing: I don't know whether he wants a dog.
Good writing: I don't know whether he wants a dog or a cat.
ก่อนอีกต้องบอกว่าเราไม่สามารถใช้ if กับ whether แทนกันได้นะ
ความหมายมันอาจจะคล้ายกัน แต่เวลาเอาไปใช้งานไม่เหมือนกันครับ
ใช้ ‘if’ ถ้าเราไม่ได้เสนอตัวเลือกอื่นให้ผู้ฟัง
แต่ใช้ ‘whether’ ถ้าเรามีตัวเลือกให้
ตัวอย่างนะครับ
Let me know if you want to drive (ไมใช่ Let me know whether you want to drive).
ถ้าอยากขับก็บอกนะ (ไม่มีทางเลือกอื่นให้นอกจากขับรถ)
Let me know whether you want to drive or walk (ไม่ใช่ Let me know if you want to drive or walk).
อยากขับรถหรืออยากเดินไปก็บอกนะ (มีทางเลือกอื่นมาเพิ่มคือการเดินเลยต้องใช้ whether)
.................................................................................................................................................................................................
ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้นะครับ บอกได้เดี๋ยวจะแก้ให้ ฝากแชร์ไปให้เพื่อน ๆ ด้วยนะะ
ส่วนใครมีปัญหาไม่เข้าใจ หรืออยากสอบถามปัญหาอะไรก็ได้เกี่ยวกับภาษาอังกฤษ เข้าไปคุยกันในเพจได้เลยครับ
FB PAGE:https://www.facebook.com/MyFathersAnEnglishMan/
Stay tuned.
JGC