คือ...อยากจะถามว่าหนูควรทำตัวอย่างไงดีคะ มีวิธีทำให้ตัวเองใจเย็น เป็นคนนิ่งๆ และเย็นชาบางไหมคะ
ที่ถามไปข้างต้น เพราะหนูกังวนเรื่องนี้ค่ะ คือหนูก็เป็นคนธรรมดาๆนี่แหละค่ะ ธรรมดาในความหมายว่ามีสังคมชีวิตที่สนุกสนานเพราะเป็นวัยเรียน มีเพื่อน มีพ่อแม่พี่น้อง(ครอบครัว)ที่ครบทุกคน ผลการเรียนก็ไม่ได้ย่ำแย่อะไร ฐานะก็ปานกลางถึงแม้ตอนนี้จะย่ำแย่หน่อยก็เถอะค่ะ แหะๆ คือเรื่องมันเกิดตรงนี้แหละค่ะ
ก่อนหน้านี้หนูเคยมีปัญหาเกี่ยวกับโรงเรียนเรื่องการไปโรงเรียนอยู่ครั้งหนึ่ง ซึ่งช่วงนั้นตัวหนูอยู่ชั้นประถม6 กำลังจะจบค่ะ ช่วงนั้นคือไม่ยอมไปโรงเรียนเลย แต่พฤติกรรมหนูไม่ใช่แบบหนีเรียนแบบโดดเรียนค่ะ ไม่ใช่แบบออกจากบ้านบอกจะไปโรงเรียนแต่ดันไปร้านเกมส์แทน แต่พฤติกรรมหนูคืออยู่บ้านค่ะ... ใช่ค่ะ อยู่บ้านไม่ไปไหนเลย ซึ่งอ้างว่าป่วยบ้าง ปวดหัวบ้าง ไม่อยากไปบ้าง วันนี้เรียนน้อยบ้างค่ะ แต่ก็ไม่เคยบอกว่าวันนี้โรงเรียนหยุดนะคะ เพราะส่วนตัว...ไม่กล้าบอกคำนี้ค่ะ ไปมาๆเรื่องนี้ก็จบลงเพราะพ่อของหนูเรียกหนูมาคุยพร้อมไม้เรียวค่ะ ก็นั่นแหละค่ะ คุยเสร็จแม่ก็พาไปหาผู้อำนวยการโรงเรียน และก็คุยกัน ซึ่งต้นเหตุที่หนูไม่ไปเรียนก็เพราะอาจารย์ท่านหนึ่ง เอาเป็นว่าจบอย่างแฮปปี้แอนดิ้งค่ะ
เอาล่ะค่ะที่เกริ่นไปข้างต้นถือว่าหนูระบายนะคะ ปัญหาปัจจุบันคือตอนนี้หนูก็อยู่มัธยม2แล้วค่ะ พฤติกรรมไปโรงเรียนก็ดีขึ้น คือหยุดน้อยลงถึงไม่หยุดค่ะ แต่ปัญหาอยู่กับ...คนรอบข้างค่ะ คือหนูก็มีเพื่อนที่สนิทด้วยกันตั้งแต่ชั้นประถมค่ะ ตอนหนูมีเรื่องช่วงหยุดเรียนบ่อย เขาก็อยู่ด้วยค่ะ สรุปง่ายๆก็เป็นเพื่อนที่สนิทมากคนหนึ่งค่ะ หนูจะเรียกว่าA ละกันค่ะ คือเพื่อนคนนี้เนี่ยเขาก็มาเรียนต่อด้วยกันที่โรงเรียนเดียวกันและก็ห้องเดียวกันค่ะ และหนูก็มีเพื่อนสนิทอีกคนที่เจอกันที่โรงเรียนนี้พร้อมเพื่อนAค่ะ หนูจะเรียกว่าเพื่อนB นะคะ หนูเขาเพื่อนBสนิทกันมาก จนตัวหนูเนี่ยไม่ค่อยได้คุยกับเพื่อนA แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่คุยนะคะ เพราะว่าอยู่ห้องเดียวกัน บ้านใกล้กัน กลับบ้านด้วยกันตลอด ก็มีคุยด้วยกันอยู่แล้ว สรุปง่ายๆช่วงมัธยม1 พวกหนูยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันค่ะ
แต่พอขึ้นมัธยม2มา.... วันแรกที่หนูมาโรงเรียน หนูก็เจอเพื่อนA และเพื่อนB คุยกันสนุกสนาน เพราะเห็นอย่างนั้น หนูก็เข้าไปร่วมคุยด้วย แต่ว่า...พวกเขากลับหันมามองเฉยๆมีการกล่าวเอ่ยทักทายบ้างเล็กๆน้อยๆด่อนจะหันไปคุยกันเหมือนเดิม พอเห็นแบบนี้ หนูเลยได้แต่เงียบค่ะก็คิดว่า อืม...อาจจะเป็นเหมือนช่วงมัธยม1ก็ได้ ที่เพื่อนB ไม่คุยกับเราเพราะว่าถูกท้าว่าต้องไม่คุยกับเพื่อนที่สนิทมากที่สุด1วัน ตอนนั้นที่หนูรู้ก็แอบเสียใจค่ะ แต่ความดีใจมันมากกว่าก็เลย...ไม่คิดมาก และครั้งนี้ก็เหมือนกัน จนไปๆมาๆก็ผ่านไปถึง2-3วันมั้งคะ ในช่วงเวลาที่เพื่อนAและเพื่อนBคุยกันอย่างสนิทสนม หนูก็เงียบเดินเป็นเงานามพวกเขาแหละค่ะ เพราะในห้องหนูก็สนิทแค่พวกเขา...จนเพื่อนในห้องสงสัย และก็ถามค่ะว่าเกิดอะไรขึ้นไม่ทำตัว'เกาะ'เพื่อนB เหมือนปกติ ซึ่งพอโดนถามแบบนั้นหนูก็เลยหันไปถามเพื่อนB ทันทีว่าโกรธอะไรเรา ซึ่งเพื่อนB ก็บอกไม่ได้โกรธ แต่แจง(ชื่อหนู)ไม่ได้คุยกับเรานิ เพราะถึงตอนนั้นคือ ส่วนตัวเกิดความรู้เสียใจค่ะ มันรู้สึกเหมือนกับแบยจะร้องไห้ แต่ก็นะคะหนูเป็นคนเข้มแข็งและร้องไห้ยาก ตอนนั้นหนูเกือบร้องไห้แล้ว รู้แค่ว่าน้ำตาเกือบไหลค่ะ และก็บอกไปว่าเราคิดว่าแกเล่นเกมส์เหมือนตอนม.1ซะอีก...ค่ะ หลังจากนั้นก็มีคุยกันค่ะ...คุยในตอนที่เพื่อนA ไม่อยู่ หรือตอนที่มีงานหรือการบ้าน....ค่ะ ส่วนเพื่อนA ถึงแม้ว่าจะคุยกันแต่ส่วนตัวหนูคิดว่าเพื่อนA เปลี่ยนไปค่ะ
เขาจะพูดกับเพื่อนBบ่อยมากเหมือนไม่เห็นหนู เวลาเดินไปเรียน เมื่อก่อนหนูจะเดินกับเขาบ้าง แต่เดี๋ยวนี้เขาจะเดินไปพร้อมเพื่อนB ค่ะ เดินกันไป...ไม่รอเลยค่ะ ระหว่างเดินก็คุยกัน หนูเห็นพวกเบาอย่างนั้นก็ไม่กล้าไปคุยแทรก...ไม่รู้จะคุยแทรกอย่างไรค่ะ ^^ ก็เลยปล่อยเลยตามเลย เดี๋ยวนี้เพื่อนAเวลาคุยกับหนูก็คือช่วงที่เพื่อนB ไม่อยู่หรือไม่คุยด้วย หรือจะคุยก็ช่วงกลับบ้านกับถามการบ้านค่ะ เวลาหนูถามเพื่อนA ว่าอย่างนู่นคืออะไร อย่างนี้คืออะไร เขาก็...ไม่ค่อยตอบค่ะ หนูรู้ดีว่าเขาเมินคำถามหนู ถามว่ารู้ได้ยังไง ก็เพราะเวลาเพื่อนคนอื่นเรียกเพื่อนA ตอนหนูถามเขา เพื่อนA เขาจะหันไปหาคนที่เรียกค่ะและก็วิ่งไปคุยด้วย ทั้งที่หนูนั่งอยู่ข้างๆแต่เขากลับไม่ได้ยิน มันไม่ใช่แค่ครั้งเดียว...แต่มันเป็นประจำค่ะ เป็นหลายครั้งมาก จนหนูไม่ค่อยอยากจะถามเขาเท่าไหร่แล้ว
เดี๋ยวนี้หนูก็พยายามพึ่งตัวเองค่ะ คือเวลาเดินแม้หนูจะเดินในดลุ่มเพื่อนที่สนิทศึ่งมีเพื่อนA และเพื่อนB หนูจะไม่เดินตามหลังเขา แต่หนูจะไปอยู่หลังสุดของกลุ่มเองค่ะ เวลาว่างหรือช่วงพักกินข้าว คนในกลุ่มคุยกันเพื่อนA และเพื่อนB คุยกันมนเรื่องที่หนูคุยแทรกไม่ได้ หนูก็จะเงียบค่ะ หนูก็ไม่รู้ว่าวิธีที่หนํทำมันผิดไหม แต่มันก็ทำให้ความรู้สึกของหนูนิ่งๆเหมือนเคยชินค่ะ
แต่เคยชินอย่างไร หนูก็เริ่มอยากที่จะเย็นชาซะแล้วค่ะ ที่อยากเป็นเพราะแม้หนูจะมีความรู้สึกที่นิ่งแล้ว แต่อย่างไงมันก็กลับ...หัวเราะได้เหมือนเดิมค่ะ ช่วงที่หนูนิ่ง หนูจะพยายามมองไปรอบข้าง พอเพื่อนในกลุ่มถามว่าเป็นอะไร หนูก็จะหันไปบอกว่าเปล่า เพื่อนA...เขาก็จะพูดแหย่...พูดแหย่ที่ทำให้ความรู้สึกหนูแย่มาก คือพอเขาพูดแหย่คนในกลุ่มเขาก็จะหัวเราะ ซึ่งไม่รู้ทำไม...หนูถึงหัวเราะตาม ไม่พอค่ะ หนูรู้ว่าส่วนตัวเป็นคนที่พูดเร็ว พอพูดเร็วมันก็จะมีคำพูดที่ออกเสียงไม่ชัด ซึ่งเพื่อนAก็ดีมากเลยค่ะ เอามาพูดในกลุ่มทั้งๆที่หนูนั่งอยู่ด้วย ไม่พูดครั้งเดียว หลายครั้งและหลายกลุ่ม คือแบบครั้งนี้พูด1 พอพูดเสร็จวันต่อมาก็พูดกับกลุ่มที่2 ชั่วโมงต่อมาก็คุยกับกลุ่มที่3 แบบนี้อะค่ะ คือมันแย่มาก คุณอยากให้คนอื่นเขารู้เรื่องแย่ๆหรือเรื่องที่น่าอายของเราไหมละคะ?
แค่นั้นไม่พอค่ะ ออกเสียงพูดไม่ชัด ก็วีรกรรมของตอนประถมค่ะ...เขาเล่าให้คนอื่นฟัง แล้วเข้าใจไหมคะ พอเพื่อนAเล่าให้เพื่อนคนหนึ่งฟัง คนที่ฟังเนี้ยก็จะหันมาถามหนูว่าจริงหรอ แล้วเข้าใจไหมคะ ในเมื่อมันเป็นเรื่องจริงๆและคนที่เล่าก็เป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์จริงๆ ถ้าปฏิเสธไปมันก็ใช่เรื่อง หนูเลยก็ต้องยอมรับไป...พร้อมกับหัวเราะ ใช่ค่ะหนูหัวเราะ พอกลับมานั่งคิด หนูก็รู้สึกแย่มาก...หนูไม่อยากหัวเราะเลย
และเดี๋ยวนี้...คนในห้อง เขาก็มักจะชอบบอกว่าหนูเด็กเก่ง พอคุยกันก็คุยกันในเรื่องที่หนูไม่รู้เรื่อง พอมาถามหนู หนูจะตอบได้ไหมคะ? ซึ่งพอตอบว่าไม่รู้พวกเขาก็หัวเราะ แล้วก็บอกว่าหนูเต็มป่ะ? บอกว่าหนูเอ๋อว่ะ คือ...มันแย่มากค่ะ แย่ๆจริง ถึงแม้ว่าหนูจะโดนไปแบบนั้น...แต่หนูก็หัวเราะไปตามพวกเขา คือ...มันหยุดไม่ได้ที่จะหัวเราะตัวเอง...
รวมถึงที่บ้านอีก มีเรื่องกับพี่ชายตลอด ไม่ว่าจะเรื่องงานบ้าน เรื่องการแบ่งปัน เรื่องพวกนี้เรามีปัญหากันตั้งแต่สมัยเด็กๆแล้วค่ะ แต่ก็นะคะ หนูมันก็เป็นพวกอารมณ์ร้อนค่ะ(กับพี่คนเดียว) กลายเป็นว่ามีปากเสียงกัน และก็จบลงโดยการหนูโดนต่อยไปที ไม่ก็ของในห้องเละเทะ ไม่ก็โดนด่าเฉยๆ....
หนูควรทำอย่างไรดีคะ มีวิธีทำให้ตัวเองเย็นชาไม่หัวเราะบ้างไหมคะ แบบ...อารมณ์นิ่งๆหนูจะได้ไม่ต้องเป็นแบบนี้อีกค่ะ...
ควรทำอย่างไรดีคะ?
ที่ถามไปข้างต้น เพราะหนูกังวนเรื่องนี้ค่ะ คือหนูก็เป็นคนธรรมดาๆนี่แหละค่ะ ธรรมดาในความหมายว่ามีสังคมชีวิตที่สนุกสนานเพราะเป็นวัยเรียน มีเพื่อน มีพ่อแม่พี่น้อง(ครอบครัว)ที่ครบทุกคน ผลการเรียนก็ไม่ได้ย่ำแย่อะไร ฐานะก็ปานกลางถึงแม้ตอนนี้จะย่ำแย่หน่อยก็เถอะค่ะ แหะๆ คือเรื่องมันเกิดตรงนี้แหละค่ะ
ก่อนหน้านี้หนูเคยมีปัญหาเกี่ยวกับโรงเรียนเรื่องการไปโรงเรียนอยู่ครั้งหนึ่ง ซึ่งช่วงนั้นตัวหนูอยู่ชั้นประถม6 กำลังจะจบค่ะ ช่วงนั้นคือไม่ยอมไปโรงเรียนเลย แต่พฤติกรรมหนูไม่ใช่แบบหนีเรียนแบบโดดเรียนค่ะ ไม่ใช่แบบออกจากบ้านบอกจะไปโรงเรียนแต่ดันไปร้านเกมส์แทน แต่พฤติกรรมหนูคืออยู่บ้านค่ะ... ใช่ค่ะ อยู่บ้านไม่ไปไหนเลย ซึ่งอ้างว่าป่วยบ้าง ปวดหัวบ้าง ไม่อยากไปบ้าง วันนี้เรียนน้อยบ้างค่ะ แต่ก็ไม่เคยบอกว่าวันนี้โรงเรียนหยุดนะคะ เพราะส่วนตัว...ไม่กล้าบอกคำนี้ค่ะ ไปมาๆเรื่องนี้ก็จบลงเพราะพ่อของหนูเรียกหนูมาคุยพร้อมไม้เรียวค่ะ ก็นั่นแหละค่ะ คุยเสร็จแม่ก็พาไปหาผู้อำนวยการโรงเรียน และก็คุยกัน ซึ่งต้นเหตุที่หนูไม่ไปเรียนก็เพราะอาจารย์ท่านหนึ่ง เอาเป็นว่าจบอย่างแฮปปี้แอนดิ้งค่ะ
เอาล่ะค่ะที่เกริ่นไปข้างต้นถือว่าหนูระบายนะคะ ปัญหาปัจจุบันคือตอนนี้หนูก็อยู่มัธยม2แล้วค่ะ พฤติกรรมไปโรงเรียนก็ดีขึ้น คือหยุดน้อยลงถึงไม่หยุดค่ะ แต่ปัญหาอยู่กับ...คนรอบข้างค่ะ คือหนูก็มีเพื่อนที่สนิทด้วยกันตั้งแต่ชั้นประถมค่ะ ตอนหนูมีเรื่องช่วงหยุดเรียนบ่อย เขาก็อยู่ด้วยค่ะ สรุปง่ายๆก็เป็นเพื่อนที่สนิทมากคนหนึ่งค่ะ หนูจะเรียกว่าA ละกันค่ะ คือเพื่อนคนนี้เนี่ยเขาก็มาเรียนต่อด้วยกันที่โรงเรียนเดียวกันและก็ห้องเดียวกันค่ะ และหนูก็มีเพื่อนสนิทอีกคนที่เจอกันที่โรงเรียนนี้พร้อมเพื่อนAค่ะ หนูจะเรียกว่าเพื่อนB นะคะ หนูเขาเพื่อนBสนิทกันมาก จนตัวหนูเนี่ยไม่ค่อยได้คุยกับเพื่อนA แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่คุยนะคะ เพราะว่าอยู่ห้องเดียวกัน บ้านใกล้กัน กลับบ้านด้วยกันตลอด ก็มีคุยด้วยกันอยู่แล้ว สรุปง่ายๆช่วงมัธยม1 พวกหนูยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันค่ะ
แต่พอขึ้นมัธยม2มา.... วันแรกที่หนูมาโรงเรียน หนูก็เจอเพื่อนA และเพื่อนB คุยกันสนุกสนาน เพราะเห็นอย่างนั้น หนูก็เข้าไปร่วมคุยด้วย แต่ว่า...พวกเขากลับหันมามองเฉยๆมีการกล่าวเอ่ยทักทายบ้างเล็กๆน้อยๆด่อนจะหันไปคุยกันเหมือนเดิม พอเห็นแบบนี้ หนูเลยได้แต่เงียบค่ะก็คิดว่า อืม...อาจจะเป็นเหมือนช่วงมัธยม1ก็ได้ ที่เพื่อนB ไม่คุยกับเราเพราะว่าถูกท้าว่าต้องไม่คุยกับเพื่อนที่สนิทมากที่สุด1วัน ตอนนั้นที่หนูรู้ก็แอบเสียใจค่ะ แต่ความดีใจมันมากกว่าก็เลย...ไม่คิดมาก และครั้งนี้ก็เหมือนกัน จนไปๆมาๆก็ผ่านไปถึง2-3วันมั้งคะ ในช่วงเวลาที่เพื่อนAและเพื่อนBคุยกันอย่างสนิทสนม หนูก็เงียบเดินเป็นเงานามพวกเขาแหละค่ะ เพราะในห้องหนูก็สนิทแค่พวกเขา...จนเพื่อนในห้องสงสัย และก็ถามค่ะว่าเกิดอะไรขึ้นไม่ทำตัว'เกาะ'เพื่อนB เหมือนปกติ ซึ่งพอโดนถามแบบนั้นหนูก็เลยหันไปถามเพื่อนB ทันทีว่าโกรธอะไรเรา ซึ่งเพื่อนB ก็บอกไม่ได้โกรธ แต่แจง(ชื่อหนู)ไม่ได้คุยกับเรานิ เพราะถึงตอนนั้นคือ ส่วนตัวเกิดความรู้เสียใจค่ะ มันรู้สึกเหมือนกับแบยจะร้องไห้ แต่ก็นะคะหนูเป็นคนเข้มแข็งและร้องไห้ยาก ตอนนั้นหนูเกือบร้องไห้แล้ว รู้แค่ว่าน้ำตาเกือบไหลค่ะ และก็บอกไปว่าเราคิดว่าแกเล่นเกมส์เหมือนตอนม.1ซะอีก...ค่ะ หลังจากนั้นก็มีคุยกันค่ะ...คุยในตอนที่เพื่อนA ไม่อยู่ หรือตอนที่มีงานหรือการบ้าน....ค่ะ ส่วนเพื่อนA ถึงแม้ว่าจะคุยกันแต่ส่วนตัวหนูคิดว่าเพื่อนA เปลี่ยนไปค่ะ
เขาจะพูดกับเพื่อนBบ่อยมากเหมือนไม่เห็นหนู เวลาเดินไปเรียน เมื่อก่อนหนูจะเดินกับเขาบ้าง แต่เดี๋ยวนี้เขาจะเดินไปพร้อมเพื่อนB ค่ะ เดินกันไป...ไม่รอเลยค่ะ ระหว่างเดินก็คุยกัน หนูเห็นพวกเบาอย่างนั้นก็ไม่กล้าไปคุยแทรก...ไม่รู้จะคุยแทรกอย่างไรค่ะ ^^ ก็เลยปล่อยเลยตามเลย เดี๋ยวนี้เพื่อนAเวลาคุยกับหนูก็คือช่วงที่เพื่อนB ไม่อยู่หรือไม่คุยด้วย หรือจะคุยก็ช่วงกลับบ้านกับถามการบ้านค่ะ เวลาหนูถามเพื่อนA ว่าอย่างนู่นคืออะไร อย่างนี้คืออะไร เขาก็...ไม่ค่อยตอบค่ะ หนูรู้ดีว่าเขาเมินคำถามหนู ถามว่ารู้ได้ยังไง ก็เพราะเวลาเพื่อนคนอื่นเรียกเพื่อนA ตอนหนูถามเขา เพื่อนA เขาจะหันไปหาคนที่เรียกค่ะและก็วิ่งไปคุยด้วย ทั้งที่หนูนั่งอยู่ข้างๆแต่เขากลับไม่ได้ยิน มันไม่ใช่แค่ครั้งเดียว...แต่มันเป็นประจำค่ะ เป็นหลายครั้งมาก จนหนูไม่ค่อยอยากจะถามเขาเท่าไหร่แล้ว
เดี๋ยวนี้หนูก็พยายามพึ่งตัวเองค่ะ คือเวลาเดินแม้หนูจะเดินในดลุ่มเพื่อนที่สนิทศึ่งมีเพื่อนA และเพื่อนB หนูจะไม่เดินตามหลังเขา แต่หนูจะไปอยู่หลังสุดของกลุ่มเองค่ะ เวลาว่างหรือช่วงพักกินข้าว คนในกลุ่มคุยกันเพื่อนA และเพื่อนB คุยกันมนเรื่องที่หนูคุยแทรกไม่ได้ หนูก็จะเงียบค่ะ หนูก็ไม่รู้ว่าวิธีที่หนํทำมันผิดไหม แต่มันก็ทำให้ความรู้สึกของหนูนิ่งๆเหมือนเคยชินค่ะ
แต่เคยชินอย่างไร หนูก็เริ่มอยากที่จะเย็นชาซะแล้วค่ะ ที่อยากเป็นเพราะแม้หนูจะมีความรู้สึกที่นิ่งแล้ว แต่อย่างไงมันก็กลับ...หัวเราะได้เหมือนเดิมค่ะ ช่วงที่หนูนิ่ง หนูจะพยายามมองไปรอบข้าง พอเพื่อนในกลุ่มถามว่าเป็นอะไร หนูก็จะหันไปบอกว่าเปล่า เพื่อนA...เขาก็จะพูดแหย่...พูดแหย่ที่ทำให้ความรู้สึกหนูแย่มาก คือพอเขาพูดแหย่คนในกลุ่มเขาก็จะหัวเราะ ซึ่งไม่รู้ทำไม...หนูถึงหัวเราะตาม ไม่พอค่ะ หนูรู้ว่าส่วนตัวเป็นคนที่พูดเร็ว พอพูดเร็วมันก็จะมีคำพูดที่ออกเสียงไม่ชัด ซึ่งเพื่อนAก็ดีมากเลยค่ะ เอามาพูดในกลุ่มทั้งๆที่หนูนั่งอยู่ด้วย ไม่พูดครั้งเดียว หลายครั้งและหลายกลุ่ม คือแบบครั้งนี้พูด1 พอพูดเสร็จวันต่อมาก็พูดกับกลุ่มที่2 ชั่วโมงต่อมาก็คุยกับกลุ่มที่3 แบบนี้อะค่ะ คือมันแย่มาก คุณอยากให้คนอื่นเขารู้เรื่องแย่ๆหรือเรื่องที่น่าอายของเราไหมละคะ?
แค่นั้นไม่พอค่ะ ออกเสียงพูดไม่ชัด ก็วีรกรรมของตอนประถมค่ะ...เขาเล่าให้คนอื่นฟัง แล้วเข้าใจไหมคะ พอเพื่อนAเล่าให้เพื่อนคนหนึ่งฟัง คนที่ฟังเนี้ยก็จะหันมาถามหนูว่าจริงหรอ แล้วเข้าใจไหมคะ ในเมื่อมันเป็นเรื่องจริงๆและคนที่เล่าก็เป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์จริงๆ ถ้าปฏิเสธไปมันก็ใช่เรื่อง หนูเลยก็ต้องยอมรับไป...พร้อมกับหัวเราะ ใช่ค่ะหนูหัวเราะ พอกลับมานั่งคิด หนูก็รู้สึกแย่มาก...หนูไม่อยากหัวเราะเลย
และเดี๋ยวนี้...คนในห้อง เขาก็มักจะชอบบอกว่าหนูเด็กเก่ง พอคุยกันก็คุยกันในเรื่องที่หนูไม่รู้เรื่อง พอมาถามหนู หนูจะตอบได้ไหมคะ? ซึ่งพอตอบว่าไม่รู้พวกเขาก็หัวเราะ แล้วก็บอกว่าหนูเต็มป่ะ? บอกว่าหนูเอ๋อว่ะ คือ...มันแย่มากค่ะ แย่ๆจริง ถึงแม้ว่าหนูจะโดนไปแบบนั้น...แต่หนูก็หัวเราะไปตามพวกเขา คือ...มันหยุดไม่ได้ที่จะหัวเราะตัวเอง...
รวมถึงที่บ้านอีก มีเรื่องกับพี่ชายตลอด ไม่ว่าจะเรื่องงานบ้าน เรื่องการแบ่งปัน เรื่องพวกนี้เรามีปัญหากันตั้งแต่สมัยเด็กๆแล้วค่ะ แต่ก็นะคะ หนูมันก็เป็นพวกอารมณ์ร้อนค่ะ(กับพี่คนเดียว) กลายเป็นว่ามีปากเสียงกัน และก็จบลงโดยการหนูโดนต่อยไปที ไม่ก็ของในห้องเละเทะ ไม่ก็โดนด่าเฉยๆ....
หนูควรทำอย่างไรดีคะ มีวิธีทำให้ตัวเองเย็นชาไม่หัวเราะบ้างไหมคะ แบบ...อารมณ์นิ่งๆหนูจะได้ไม่ต้องเป็นแบบนี้อีกค่ะ...