ชาวเน็ตแฉสื่อตรวจสอบ"แม่ค้าเฟซบุ๊ก"ชวนคนซื้อทอง"ซื้อ 1 แถม 1" ตำรวจปอศ.ชี้เข้าข่าย"แชร์ลูกโซ่"จ่อเรียกสอบทันที

ชาวเน็ตแฉ "แม่ค้าเฟซบุ๊ก" ชวนคนซื้อทอง "ซื้อ 1 แถม 1" นายกสมาคมค้าทองคำ ระบุเป็นไปไม่ได้ เตือนระวังถูกหลอก



เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2559   ผู้สื่อข่าวประจำสถานีโทรทัศน์ช่องเวิร์คพอยท์ หมายเลข 23 ว่า ได้รับแจ้งพฤติกรรมของผู้ค้ารายหนึ่งที่ประกาศเชิญชวนผู้คนในโลกออนไลน์ ทั้งในทางเฟซบุ๊ก "ดลพร xxxx" และแฟนเพจ "คลังมือถือ xxxxxxxxx" ว่ามีการจัดโปรโมชั่นซื้อทองคำ 1 แถม 1 โดยระบุว่าหากสนใจให้โอนเงินภายในวันที่ 28 กรกฎาคม 2559 และพร้อมส่งสินค้าให้ในวันที่ 30 กันยายน 2559 หรือประมาณอีก 2 เดือน







ตัวอย่างเช่น ซื้อทองน้ำหนัก 1 สลึง ราคา 6,990 บาท แถมฟรีทองอีก 1 สลึง รวมแล้วจะได้รับทอง 2 สลึง มูลค่ารวม 13,980 บาท หรือซื้อทองน้ำหนัก 1 บาท ราคา 22,990 บาท แถมฟรีทองน้ำหนัก 1 บาท รวมเป็นน้ำหนัก 2 บาท เป็นต้น โดยสามารถจองซื้อทองคำได้สูงสุด 6 บาทต่อราย และหากซื้อครบ 50,000 บาท แถมทองคำ 1 สลึง ซื้อครบ 100,000 บาท แถมทองคำ 2 สลึง อีกต่างหาก ซึ่งได้รับความสนใจ จนมีผู้โอนเงินจองซื้อสินค้าเป็นจำนวนมาก

จากการตรวจสอบพบว่า ทางผู้ค้าซึ่งใช้ชื่อว่า "หญิง" (นามสมมติ) ได้โพสต์ข้อมูลและรูปภาพยืนยันการซื้อ-ขายดังกล่าวจริง โดยมีการระบุว่าทองคำดังกล่าวเป็นสินค้าที่ต้องสั่งผลิต ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการรอส่งมอบ ขณะเดียวกันมีการโพสต์รูปภาพของลูกค้าหลายรายที่อ้างว่าได้รับสินค้าตามที่ประกาศไว้แล้ว เพื่อเป็นการยืนยัน

แต่จากการตรวจสอบจากภาพพบว่า ทองคำที่ทางผู้ค้าได้อ้างส่งให้กับลูกค้า เป็นทองคำที่มีตรายี่ห้อร้านทองชื่อดังซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านทองทั่วไป โดยผู้ที่จองซื้อจะต้องรอระยะเวลาที่จะส่งมอบสินค้า ซึ่งหากลูกค้ารายใดทนรอไม่ไหว ต้องการขอเงินคืน ทางผู้ค้าระบุว่าจะคืนเงินให้ในจำนวนเพียงครึ่งหนึ่ง หรือ 50% ของเงินที่ได้ชำระแล้วเท่านั้น



เเละหลังจากแฟนเพจชื่อดังแห่งหนึ่ง ได้นำเสนอเรื่องราวดังกล่าว พร้อมทั้งมีชาวเน็ตจำนวนมากตั้งข้อสงสัยว่า พฤติกรรมการขายทองลักษณะนี้จะเข้าข่าย "แชร์ลูกโซ่" หรือไม่ ? เพราะชักชวนจูงใจให้ผู้อื่นนำเงินมาลงทุนล่วงหน้า ระหว่างที่ยังไม่ส่งของ ผู้ค้าก็สามารถนำเงินลูกค้ามาหมุนใช้ก่อนได้ เมื่อถึงเวลาส่งของก็เปิดรอบจองซื้อใหม่ เพื่อนำเงินจากสมาชิกรายใหม่มาหมุนซื้อของให้กับสมาชิกรายเก่า โดยหมุนเงินเป็นวงรอบไป

ต่อมาทางผู้ค้ารายดังกล่าวได้เข้ามาชี้แจงว่า การดำเนินการของตนเองไม่ผิดกฎหมาย เพราะลูกค้าทุกคนนำเงินมาจองซื้อด้วยความสมัครใจ อีกทั้งมีการส่งสินค้าให้จริง และตนเองมีใบอนุญาตขายของเก่า รวมทั้งใบทะเบียนพาณิชย์ จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า นอกจากนี้ยังมีการอ้างว่าได้ปรึกษาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประชาชื่น ซึ่งทางตำรวจได้ยืนยันว่าสิ่งที่ตนทำนั้นไม่เป็นความผิด แต่ต่อมาผู้ค้ารายดังกล่าวได้ลบข้อมูลทั้งหมดในเฟซบุ๊กส่วนตัวไป

มีรายงานว่าผู้สื่อข่าวของทางเวิร์คพอยท์ พยายามติดต่อสอบถามจากผู้ค้ารายนี้ ทั้งทางโทรศัพท์และทางช่องทางติดต่ออื่น ๆ ที่ลงประกาศไว้ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ ทั้งที่ได้เคยระบุว่าพร้อมชี้แจง จากนั้นมีผู้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ผู้ค้ารายนี้เปิดร้านขายโทรศัพท์มือถือทั้งมือหนึ่งและมือสองอยู่ภายในห้างแห่งหนึ่ง เดิมทีเคยใช้โปรโมชั่นแบบนี้กับสินค้าประเภทโทรศัพท์มือถือ แต่ภายหลังได้เปลี่ยนประเภทสินค้าเป็นทองคำ



ด้านนายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ ระบุว่า กรณีขายทองลักษณะซื้อ 1 แถม 1 เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก และไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ในทางการค้า "มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ที่ลงทุนซื้อทองคำแล้วรอแค่ 2-3 เดือน จะได้ผลตอบแทนกำไรถึง 100% คิดดูว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากตอนนี้แค่ 1-2% เท่านั้น ผมว่าอย่าหลงเชื่อดีกว่า ไม่สนใจดีที่สุด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรตรวจสอบ" นายจิตติ กล่าว พร้อมกับบอกว่า ปัจจุบันราคาทองคำในประเทศถูกกำหนดโดยสมาคมค้าทองคำ ซึ่งอิงกับราคาทองคำในตลาดโลก

ด้านนายสุชาติ สินรัตน์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ระบุว่า ปัจจุบันกรมการค้าภายในตรวจสอบร้านทองเฉพาะกรณีเครื่องชั่งน้ำหนักทอง, ปริมาณเนื้อทองคำบริสุทธิ์ และการติดป้ายแสดงราคา ส่วนการขายทองคำยังไม่ต้องขึ้นทะเบียนกับทางกรม อย่างไรก็ตามขอเตือนให้ผู้บริโภคใช้ความระมัดระวังในการซื้อทองทางออนไลน์ โดยเฉพาะการอ้างว่าซื้อทอง 1 บาท แถมฟรี 1 บาท เพราะอาจถูกหลอกได้ คงต้องถามกลับว่า ถ้าเช่นนั้น ผู้ขายเอาทองไปขายในตลาดทองปกติไม่ดีกว่าหรือ ?

ขณะที่ พล.ต.ต. ปิยะพันธ์ ปิงเมือง ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ บก.ปอศ. ระบุว่า เรื่องดังกล่าวหากมีผู้เสียหายไม่ได้รับสินค้า ก็ต้องเข้าแจ้งความเพื่อเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายในข้อหา "ฉ้อโกง" เนื่องจากคดีฉ้อโกงต้องมีผู้เสียหายมาร้องทุกข์ และถ้าหากลงข้อมูลบิดเบือนข้อเท็จจริงในออนไลน์ ก็มีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แต่หากสอบสวนแล้วได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เข้าข่าย "แชร์ลูกโซ่" ทาง บก.ปอศ. ก็พร้อมดำเนินการตามกฎหมายทันทีแต่ทั้งนี้กระบวนการทุกอย่างจะเริ่มต้นได้ ต้องมีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์ก่อน เบื้องต้นจะให้ทางกองกำกับการ 5 บก.ปอศ. ตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวว่า มีรายละเอียดอย่างไร

ต่อมาผู้สื่อข่าวสอบ ถาม พล.ต.ท. สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เจ้าของฉายา "มือปราบแชร์ลูกโซ่ยูฟัน" ระบุว่า พฤติกรรมดังกล่าวมีความชัดเจนว่าเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ และมีการกระทำผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงิน อันเป็นการฉ้อโกงประชาชน เพราะมีการประกาศต่อประชาชนหรือบุคคลตั้งแต่สิบคนขึ้นไปว่า จะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินกำหนด แม้จะอ้างว่าเป็นของแถม แต่การเก็บเงินล่วงหน้าโดยยังไม่ส่งมอบสินค้า (ทองคำ) ให้ ก็เป็นลักษณะนำเงินผู้อื่นมาใช้ก่อน เข้าข่ายกู้ยืมเงิน โดยมีสิ่งจูงใจคือผลตอบแทนจากการแถมทองคำให้อีก 1 เท่าตัว ดังนั้นผลตอบแทนดังกล่าวก็มีลักษณะคล้ายดอกเบี้ย การให้ทองคำฟรี 1 เท่า ก็เท่ากับการเสนอดอกเบี้ยอัตรา 100% สูงกว่าอัตราเพดานที่กฎหมายกำหนด คือไม่เกิน 15% จึงถือว่าผิดตาม พ.ร.ก. นี้ ทางตำรวจสามารถเรียกตัวมาสอบปากคำได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีผู้เสียหาย ซึ่งตามมาตรา 12 พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.  2527 มีโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่ ซึ่งตรงส่วนนี้ถือเป็นคดีทางเศรษฐกิจที่ทางตำรวจกองบังคับการปรามปราม อาชญากรรมเกี่ยวกับการกระทำผิดทางเศรษฐกิจสามารถดำเนินการได้ทันที





พล.ต.ท. สุวิระ ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการเอาผิดในคดีฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญานั้น จะต้องปรากฏก่อนว่าทางผู้ค้าไม่มีการส่งมอบสินค้าให้กับผู้ซื้อ และมีผู้เสียหายมาแจ้งความดำเนินคดี ซึ่ง ณ ขณะนี้ ยังไม่ปรากฏว่ามีผู้เสียหายแต่อย่างใด เพราะการจัดส่งสินค้าในรอบต่อไปกำหนดที่สิ้นเดือนกันยายน 2559 แต่เชื่อว่าอีกไม่นานคงจะมีผู้เสียหายออกมาแสดงตัวให้เห็นบ้าง


"ทีมข่าวเวิร์คพอยท์" ยื่นหลักฐานตรวจสอบคนขายทองจัดโปรซื้อ 1 แถม 1 ตำรวจปอศ.จ่อเรียกตัวสอบ"แชร์ลูกโซ่"

วันที่ 1 ส.ค.59 เวลา 13.00 น. นายบรรจง ชีวมงคลกานต์ รองผอ.ฝ่ายข่าวช่องเวิร์คพ้อยท์ หมายเลข 23 เดินทางไปที่กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ เพื่อนำหลักฐานที่ชาวเน็ตร้องเรียนพฤติกรรมการประกาศขายทองคำโปรซื้อ 1 แถม 1 แต่ต้องรอ 2 เดือนได้สินค้า อันเป็นการระดมเงินจูงใจให้ผลตอบแทน 100% อาจเข้าข่ายผิดพรก.กู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน มอบให้พันตำรวจเอกทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผกก.5 บก.ปอศ.





เบื้องต้น พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ เปิดเผยว่าจะดำเนินการออกหมายเรียกเจ้าของเฟซบุ๊คในชื่อ"ดลพร"มาสอบสวน เพราะสามารถใช้อำนาจตามมาตรา 7 พรก.กู้ยืมฯ ได้ทันที ไม่จำเป็นต้องมีผู้เสียหาย และหากตรวจสอบพบว่ามีใครหรือสมาชิกรายใดมีส่วนเกี่ยวข้องก็จะถูกดำเนินคดีด้วย ซึ่งหากออกหมายเรียกแล้วไม่มาจะทำการออกหมายจับต่อไป และหากประชาชนท่านใดตกเป็นผู้เสียหายในคดีนี้ให้รีบติดต่อแจ้งความที่กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ถ.สาธร ได้ทันที

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ขอบคุณรายการข่าวมื้อเช้าช่องเวิร์คพอยท์  กดหมายเลข23
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่