หลังจากเคยโพสต์ตำหนิสามี เรื่องพาผู้หญิงไปเที่ยว ซื้อนู่นซื้อนี่ให้ ตอนช่วงที่เราท้อง และมีภาวะแท้งคุกคาม
รวมถึงความขี้สงสารของตัวเอง ที่เห็นใจผู้หญิงคนนั้น สุดท้ายเรื่องราวก็กลับมา
ทำให้ตัวเองเจ็บ เหมือนกับการตบหน้าตัวเอง ต้องเรียกว่า กระทืบตัวเองให้จมพื้นเอง
ต้องบอกเลยว่า ผู้หญิงบางคน (ย้ำบางคน) ไม่ได้น่าสงสารอะไรเลยด้วยซ้ำ
เราขอเล่าเหตุการณ์หลังจากนั้น ที่เราคิดว่าน้องเค้าไม่ทราบ ก็สงสาร และคิดว่าตัวเองอาจทำเค้าเดือดร้อน
สรุปนะค่ะ ว่าทั้งสามี และน้องเค้ายังแอบคบกันอยู่ โดยเราบังเอิญไปเห็นข้อความที่น้องเค้าส่งหาสามีเราบ่อยๆ
รวมทั้งของใช้บางอย่างที่น้องเค้าใส่อยู่ ว่าเป็นของสามีเรา การไปเช็คอินตามร้านอาหาร โรงแรม
รวมไปถึงการถ่ายรูปอยู่บนรถสามีเรา ว่าพากันไปไหน (อันนี้เรามีหลักฐานที่ไม่ได้กล่าวลอยๆ)
แต่ที่พีคที่สุดของเราคือ เราไปเจอคนทั้งคู่ที่โรงแรม โดยอ้างว่า น้องยอมขึ้นไปเพราะ คิดว่าแค่นอนคุยเล่นกันเฉยๆ
(คือเค้าก็เคยมีอะไรกันมาแล้ว แต่อ้างว่า หลังจากที่กลับมาคุยกันไม่ได้มีอะไรกันอีก แต่การพากันขึ้นโรงแรมคือมาคุยกัน)
แต่สุดท้ายทะเลาะกัน มีเรื่องกัน แต่ขอโทษนะค่ะ ทะเลาะ แต่ก็นั่งรอจนเราอย่างมาถึง เพื่อมาเจออะไรแบบนี้
ตอนที่เจอเรา น้องไม่แม้แต่จะขอโทษเราเลย แถมยังทำหน้าไม่ค่อยพอใจ ส่วนเราก็ได้แต่อึ้ง
แถมสามีเราก็ ขอเดินไปส่งน้องเค้ากลับ ไปร่ำลากัน เป็น 10 นาที คือ ถ้าเป็นใครก็คิดว่า สามีเราคงทั้งรัก ทั้งหลงเค้ามาก
แต่ไม่มันไม่จบแค่นั้น หลังจากนั้นก็ยังแอบคบกันต่อมาเรื่อยๆ ซึ่งเราเองก็ตัดสินใจแล้วละ
ว่า ถึงเราจะทำเพื่อลูกแค่ไหน อยากให้ลูกมีพ่อแค่ไหน มันคงเป็นไปไม่ได้แล้ว
เราพูดกับสามีมาตลอดให้เลิกกับเราเสีย จะได้มองหน้ากันในอนาคตได้
แต่สามีเราก็พยายามดึงไว้ แต่ก็ทำแบบนี้กับเรามาตลอด โดยขอความเห็นใจจากเราว่า เค้ามีปัญหา
เราเป็นคนที่เข้มแข็งกว่า อดทนได้มากกว่า และอีกอย่างเรื่องที่เค้าแย่ ก็เรื่องเดิมๆ (คือจะบอกว่านะจะชินได้แล้ว)
และสุดท้าย ก็โยนความผิดให้เราว่า ถ้าเรายอมปิดตา ครอบครัวก็ไม่มีปัญหาแบบนี้
และบอกว่าเรารุกล้ำสิทธิของเค้ามากเกินไป การที่เค้าจะไปกับใคร แต่ 2-3 ทุ่มก็กลับบ้านตลอด เค้าไม่ได้ทำผิด
เราขออธิบาย เพื่อคนที่จะคิดว่าสามีเราคงทำงานเลิกดึกดื่น ไม่ใช่นะ
ไปทำงาน ออกจากบริษัท 10 โมง ทุกวัน ไปสิงตามร้านอาหาร สปาหรู ร้านจิบน้ำชา ร้านกาแฟ ต่างๆ
แต่กลับบ้าน 2-3 ทุ่ม ถ้าไปเรียน กลับบ้าน 4ทุ่ม-เที่ยงคืน
แต่สำหรับคนท้องอย่างเรา สามีเราไม่เคยจำได้เลยว่า วันไหนหมอนัด บอกแล้วบอกอีก
สามีไม่เคยมีความพยายามอะไรเลยเรื่องลูก อะไรดีกับลูก นอกจากต้นหาร้านอาหารดังหรู ที่ไหนอิน เอาท์ เพื่อจะผู้หญิงไปเที่ยว
ขนาดตอนหลังเราอยากให้เค้าไปดูอัลตราเซาน์ หรือคุยกับหมอด้วยกัน เค้ายังไม่มีความอยากจะทำ
ตอนหลังมีพาไปหาหมอบ้าง แต่อ้างว่าติดเรียนบ้าง พูดให้รู้สึกผิดว่า ถ้าอยากให้โดดเรียนก็จะโดดให้
มันคือภาพหลอกลวง เพราะไม่มีเรียนวันที่หมอนัดเลย ทุ่มเทให้กับผู้หญิงอื่นมากมาย พาเค้าขับรถไปส่งนั่นนี่ได้ตลอด
สำหรับเรา เราว่าเค้าคงรักและหลงคนนี้มาก แต่เค้าก็ไม่ยอมรับ เค้าห่วงความรู้สึกของผู้หญิงคนนั้นมาก
เราจึงตัดสินใจว่า คงจะต้องเดินออกมาเอง พร้อมกับลูกของเราในท้องนี่แหละ
เราเองก็มีความเครียดหลายอย่าง แต่ติดแล้วว่า คงไปต่อไม่ไหว และไม่อยากสนใจอะไรที่เกี่ยวกับสามีอีก
แต่จะให้ใจกว้าง ปิดตา 2 ข้างแบบนี้ก็ไม่ไหว
เราอยากถามว่า
1. การเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ทั้งเรื่องเอกสาร หรือเรื่องที่ควรจัดการ
2. มีวิธีการเลี้ยงลูกอย่างไรบ้าง ให้ลูกไม่รู้สึกขาดความอบอุ่น
3. สิทธิในการเลี้ยงลูก จะมีปัญหาอะไรไหม ความเตรียมความพร้อมอะไร (จดทะเบียนสมรส)
4. เพิ่มความเข้มแข็งให้กับจิตใจอย่างไรบ้าง
ขอบคุณค่ะ
อยากรู้ว่า การเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ต้องเตรียมตัวอย่างไร และมีวิธีบอกลูกที่จะเกิดมาอย่างไร
รวมถึงความขี้สงสารของตัวเอง ที่เห็นใจผู้หญิงคนนั้น สุดท้ายเรื่องราวก็กลับมา
ทำให้ตัวเองเจ็บ เหมือนกับการตบหน้าตัวเอง ต้องเรียกว่า กระทืบตัวเองให้จมพื้นเอง
ต้องบอกเลยว่า ผู้หญิงบางคน (ย้ำบางคน) ไม่ได้น่าสงสารอะไรเลยด้วยซ้ำ
เราขอเล่าเหตุการณ์หลังจากนั้น ที่เราคิดว่าน้องเค้าไม่ทราบ ก็สงสาร และคิดว่าตัวเองอาจทำเค้าเดือดร้อน
สรุปนะค่ะ ว่าทั้งสามี และน้องเค้ายังแอบคบกันอยู่ โดยเราบังเอิญไปเห็นข้อความที่น้องเค้าส่งหาสามีเราบ่อยๆ
รวมทั้งของใช้บางอย่างที่น้องเค้าใส่อยู่ ว่าเป็นของสามีเรา การไปเช็คอินตามร้านอาหาร โรงแรม
รวมไปถึงการถ่ายรูปอยู่บนรถสามีเรา ว่าพากันไปไหน (อันนี้เรามีหลักฐานที่ไม่ได้กล่าวลอยๆ)
แต่ที่พีคที่สุดของเราคือ เราไปเจอคนทั้งคู่ที่โรงแรม โดยอ้างว่า น้องยอมขึ้นไปเพราะ คิดว่าแค่นอนคุยเล่นกันเฉยๆ
(คือเค้าก็เคยมีอะไรกันมาแล้ว แต่อ้างว่า หลังจากที่กลับมาคุยกันไม่ได้มีอะไรกันอีก แต่การพากันขึ้นโรงแรมคือมาคุยกัน)
แต่สุดท้ายทะเลาะกัน มีเรื่องกัน แต่ขอโทษนะค่ะ ทะเลาะ แต่ก็นั่งรอจนเราอย่างมาถึง เพื่อมาเจออะไรแบบนี้
ตอนที่เจอเรา น้องไม่แม้แต่จะขอโทษเราเลย แถมยังทำหน้าไม่ค่อยพอใจ ส่วนเราก็ได้แต่อึ้ง
แถมสามีเราก็ ขอเดินไปส่งน้องเค้ากลับ ไปร่ำลากัน เป็น 10 นาที คือ ถ้าเป็นใครก็คิดว่า สามีเราคงทั้งรัก ทั้งหลงเค้ามาก
แต่ไม่มันไม่จบแค่นั้น หลังจากนั้นก็ยังแอบคบกันต่อมาเรื่อยๆ ซึ่งเราเองก็ตัดสินใจแล้วละ
ว่า ถึงเราจะทำเพื่อลูกแค่ไหน อยากให้ลูกมีพ่อแค่ไหน มันคงเป็นไปไม่ได้แล้ว
เราพูดกับสามีมาตลอดให้เลิกกับเราเสีย จะได้มองหน้ากันในอนาคตได้
แต่สามีเราก็พยายามดึงไว้ แต่ก็ทำแบบนี้กับเรามาตลอด โดยขอความเห็นใจจากเราว่า เค้ามีปัญหา
เราเป็นคนที่เข้มแข็งกว่า อดทนได้มากกว่า และอีกอย่างเรื่องที่เค้าแย่ ก็เรื่องเดิมๆ (คือจะบอกว่านะจะชินได้แล้ว)
และสุดท้าย ก็โยนความผิดให้เราว่า ถ้าเรายอมปิดตา ครอบครัวก็ไม่มีปัญหาแบบนี้
และบอกว่าเรารุกล้ำสิทธิของเค้ามากเกินไป การที่เค้าจะไปกับใคร แต่ 2-3 ทุ่มก็กลับบ้านตลอด เค้าไม่ได้ทำผิด
เราขออธิบาย เพื่อคนที่จะคิดว่าสามีเราคงทำงานเลิกดึกดื่น ไม่ใช่นะ
ไปทำงาน ออกจากบริษัท 10 โมง ทุกวัน ไปสิงตามร้านอาหาร สปาหรู ร้านจิบน้ำชา ร้านกาแฟ ต่างๆ
แต่กลับบ้าน 2-3 ทุ่ม ถ้าไปเรียน กลับบ้าน 4ทุ่ม-เที่ยงคืน
แต่สำหรับคนท้องอย่างเรา สามีเราไม่เคยจำได้เลยว่า วันไหนหมอนัด บอกแล้วบอกอีก
สามีไม่เคยมีความพยายามอะไรเลยเรื่องลูก อะไรดีกับลูก นอกจากต้นหาร้านอาหารดังหรู ที่ไหนอิน เอาท์ เพื่อจะผู้หญิงไปเที่ยว
ขนาดตอนหลังเราอยากให้เค้าไปดูอัลตราเซาน์ หรือคุยกับหมอด้วยกัน เค้ายังไม่มีความอยากจะทำ
ตอนหลังมีพาไปหาหมอบ้าง แต่อ้างว่าติดเรียนบ้าง พูดให้รู้สึกผิดว่า ถ้าอยากให้โดดเรียนก็จะโดดให้
มันคือภาพหลอกลวง เพราะไม่มีเรียนวันที่หมอนัดเลย ทุ่มเทให้กับผู้หญิงอื่นมากมาย พาเค้าขับรถไปส่งนั่นนี่ได้ตลอด
สำหรับเรา เราว่าเค้าคงรักและหลงคนนี้มาก แต่เค้าก็ไม่ยอมรับ เค้าห่วงความรู้สึกของผู้หญิงคนนั้นมาก
เราจึงตัดสินใจว่า คงจะต้องเดินออกมาเอง พร้อมกับลูกของเราในท้องนี่แหละ
เราเองก็มีความเครียดหลายอย่าง แต่ติดแล้วว่า คงไปต่อไม่ไหว และไม่อยากสนใจอะไรที่เกี่ยวกับสามีอีก
แต่จะให้ใจกว้าง ปิดตา 2 ข้างแบบนี้ก็ไม่ไหว
เราอยากถามว่า
1. การเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ทั้งเรื่องเอกสาร หรือเรื่องที่ควรจัดการ
2. มีวิธีการเลี้ยงลูกอย่างไรบ้าง ให้ลูกไม่รู้สึกขาดความอบอุ่น
3. สิทธิในการเลี้ยงลูก จะมีปัญหาอะไรไหม ความเตรียมความพร้อมอะไร (จดทะเบียนสมรส)
4. เพิ่มความเข้มแข็งให้กับจิตใจอย่างไรบ้าง
ขอบคุณค่ะ