กระทู้แรกค่ะ
ต้องออกตัวแรงเผื่อทำแล้วไม่ถูกใจใคร 5555+
เป็นประสบการณ์ไปแบ็คแพ็คกะแฟน เป็นทริปแรกที่ไปต่างประเทศแล้วรู้สึกว่าถึกจิงๆ
แต่รูปอาจจะไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ เพราะถ่ายรูปไม่เก่ง แล้วแทบจะไม่ค่อยแต่งอะไรเลย กะเน้นรีวิวจริงๆ
เนื่องจากปริปนี้เป็นทริปที่เราตั้งใจมาก เพราะฉะนั้นเราเป็นคนแพลนและทำทุกอย่าง
ตั้งแต่จองตั๋วเครื่องบิน จองตั๋วรถ จองที่พัก วางแพลนจะไปที่ไหนบ้าง กี่โมง ต้องใช้งบเท่าไหร่
(ทำอยู่คนเดียว รุสึกเหนื่อยมาก

)
ไม่อยากเกริ่นยาว เข้าเรื่องเลยนะ
เราตั้งใจไป backpack ปีนัง-สิงคโปร์ช่วงวันหยุดยาว โดยตั้งใจอย่างมากว่าขาไปจะนั่งรถข้ามประเทศเท่านั้น
(เป็นอะไรที่อินดี้มากๆ จริงๆไม่ได้อยากจะประหยัดค่าตั๋วเครื่องบินค่ะ แต่พอดีเห็นเพื่อนเคยมาคุยว่านั่งรถข้ามมาเลเซีย-สิงคโปร์มาแล้ว
เลยเกิดอารมณ์อยากไปมั่ง)
ตามภาพข้างล่างคือแพลนการเดินทางของเรา .... อันนี้ทำเผื่อให้แฟนเอาไปยื่นทำวีซ่าด้วยค่ะ เนื่องจากเข้าประเทศโดยไม่นั่งเครื่องบิน
*อ่อ พอดีแฟนถือพาสปอร์ตจีนแดงค่ะ เลยต้องทำ
(อันนี้เป็นสาเหตุนึงที่เราลุ้นเวลาผ่าน ตม. ทุกที เนื่องจากโดนขู่มาเยอะว่าจะต้องบินเข้าประเทศเท่านั้น

เราเริ่มต้นเดินทางจาก ดอนเมือง-หาดใหญ่ โดยแอร์เอเชีย เที่ยวบิน FD 3102

ออกจากบ้านตั้งแต่ตี 5 แต่เนื่องจากเราเช็คอินผ่านเวปแล้ว เพราะฉะนั้นไม่รีบๆ อิอิ
ข้าวเช้ามื้อแรกก็จัดไป กับ KFC ในสนามบินนั่นแหละ คนละชุดตอน 6 โมงเช้า
เมื่อถึงหาดใหญ่ สิงแรกที่ต้องรีบคือ หารถเพื่อไปยังบริษัท K.S.T Travel เพื่อให้ทันรถตู้ไปปีนังเที่ยวแรก คือ 9 โมง
แต่ออกมาอย่างงงๆ ก็เลยต้องถามทางจาก ร.ป.ภ ที่สนามบิน
เดินออกมาทางออกข้างหน้าเลย
ค่ารถอยู่ที่ คนละ 30 บาทถ้วน

เห็นรถอยู่ลางๆละ

ให้นั่งมาลงที่ตลาดกิมหยง แล้วหาทางเดินมาที่ซอยนิพัทธ์อุทิศ 1 บริษัท K.S.T Travel จะอยู่ฝั่งตรงข้ามโรงแรมอโลฮ่านะ
(อันนี้ต้องขอโทษที่ไม่อธิบายให้ละเอียด เพราะเราเองก็หลงพอสมควร เนื่องจากดูจากกระทู้เก่าเขาให้ไปตึกไดมอนอะไรซักอย่าง สรุปหลงไปไกลต้องเดินกลับมา แล้วในหน้าเวปของ K.S.T เองก็ไม่ค่อยละเอียด หรือเราดูไม่ละเอียดก็ไม่รุ .... แต่กว่าจะถึง เหนื่อยเลย)

จริงๆเราโทรไปถามแล้วเขาบอกว่าทันรอบเช้าเพราะจองล่วงหน้าไว้
แต่คนที่ไปหวังน้ำบ่อหน้าต้องไปรอบบ่ายแล้วนะเพราะวันนี้คนเยอะมากติดวันหยุดยาว
แต่ไปๆมาๆเขาพาเราไปขึ้นรถที่อาหลินทัวร์ (สงสัย Co กันมั้ง ลูกค้าคงเยอะ) แต่มะเปนไร ขอให้ได้ไปก่อนเที่ยงก็สบายใจละเพราะเรามีแพลนไปเที่ยวต่อ
ค่ารถตู้ ไปปีนัง คนละ 500 บาทถ้วน

นั่งจนตูดแฉะ (ขออภัย ภาษาไม่ค่อยสุภาพ แต่สื่อได้เหนภาพชัดเจนเลย 555) เราก็ต้องมาผ่านด่านสะเดาก่อน เพื่อขอออกนอกประเทศ
จากด่านสะเดาเลยมาอีกไม่ไกล ก็มาถึง ตม. มาเลเซียละ
(ถึงตรงนี้ลุ้นมากเพราะแฟนเคยไปเซิจมา คนจีนส่วนใหญ่เข้าประเทศไม่ได้เพราะวีซ่าบังคับให้ต้องนั่งเครื่องบินเข้ามาเท่านั้น
แถมตอนที่จองรถตู้ เจ๊ที่จองก็โทรมาขู่อีกว่าถ้าเข้าไม่ได้จะไม่รอนะ ไม่รับผิดชอบด้วย เพราะประมาณ 80% ไม่ผ่าน อะไรจะยากขนาดนั้นมาเลเซีย)
แต่สุดท้ายก็ผ่านเข้ามาจนได้ เย้ๆๆๆๆ

และแล้ว เป้าหมายแรกของเราก็ทำสำเร็จแล้ว ได้ข้ามสะพานปีนัง หลังจากนั่ง+หลับไป 4 ตื่น
ถ่ายรูปไม่ได้เพราะนั่งรถตู้รับจ้าง ก็เลยดูแต่ตาแล้วกันเนาะ
ถึงแล้วจ้าาาา ที่พักของเราคืนนี้ Wassap
(เราสามารถบอกคนขับรถตู้ให้ไปส่งเราถึงที่พักได้เลยนะคะ ตามรายชื่อที่พักที่เขาสามารถไปส่งได้ดูที่หน้าเวปได้เลยจ้า
http://www.ksttravelthailand.com/ )

***ขอบ่นนิดนึง หลังจากที่ได้จองที่พักนี้โดยดูจากรีวิวมาหลายที่ แต่พอมาเจอของจริง ห้องเหม็นเน่ามากและยุงเยอะมากกกก ไม่รุว่าเป็นเพราะห้องน้ำและไมมีหน้าต่างระบายอากาศหรือเปล่า
แต่เรากะแฟนคือบับ ก่อนนอนต้องฉีดซอฟเฟลทั้งห้อง ส่วนนึงกันยุง อีกส่วนนึงกลบกลิ่น ไม่งั้นคืนนี้ไม่ได้นอน

แต่ที่ขำคือ พอตอนเราเชคเอ้าออกมาแล้ว มาคุยกันว่าทำไมเราไม่ขอเขาเปลี่ยนห้องวะ 5555 นอนทนกันอยู่ได้ซะงั้น เห็นราคาถูกเลยมานั่งทำใจเพื่อ .... ความโง่เข้าครอบงำทั้งคู่ 5555
หลังจาก เชคอินเรียบร้อย นั่งพักแปปนึง จุดหมายต่อไปของเราคือ ปีนังฮิลลลลลลลล์ ว่าแล้วก็ไปโลดดดดด
จากที่พักเดินไปขึ้นรถแถว komtar ค่ะ มันจะมีช่องรถทั้งหมด 4 เลน แต่ละเลนจะมีสายรถไม่เหมือนกัน ใครจะไปที่ไหน ก็มาศึกษาดูกันก่อนที่ป้าย แล้วก็รอให้ถูกเลนนะ
แต่ของเราดูมาละ ขึ้นสาย 214 ค่ะ นั่งสุดสายเลยยย
ค่ารถก็คนละ 2 RM

พอมาถึงก็เดินเข้าไปซื้อตั๋วรถรางขึ้นเขากันค่ะ (ตอนแรกวางแผนว่าจะซื้อเที่ยวเดียว แต่เนื่องจากกว่าจะมาถึงที่นี่ก็ 5 โมงละ
ถ้าเดินลงมาแบบมืดๆกัวอันตราย เลยไม่เสี่ยงดีก่า)

ราคาก็ตามนี้เลย

ขึ้นตู้แรกเลยค่ะ วิวชัดๆ เสียวๆ กันไป

พอขึ้นมาก็รีบเดินไปถ่ายรถไฟขากลับเลย อยากได้รูปวิวรถไฟ แล้วนี่ก็เป็นรูปวิวสุดท้ายของปีนังฮิลล์ ตอนนี้ฝนเริ่มตกปรอยๆ

จริงๆวิวดีมาก แต่ฝนฟ้าไม่เป็นใจ
ตลาดโต้รุ่งที่แพลนกันไว้ก็เลยอดไป จัดบะหมี่โกเรงกับก๋วยเตี๋ยวโกเรงแถวนี้ไปก่อนละกัน 5555
ทั้งหมด 14 RM 2 จาน

กินของคาวเสร็จก็ต่อของหวานเลย ไหนๆก้อจะอดไปต่อละ
ถ้วยนี้ชื่อว่า ABC ice kacang (红豆冰) จำราคาไม่ได้ แต่ไม่ถึง 10 RM
(แนะนำว่าถ้ากินข้าวมาแล้ว ให้กิน 2 คนต่อถ้วย เพราะเครื่องเยอะ กินมะหมดเสียดาย)

อันนี้เป็นแผนที่ของปีนังฮิลล์ ไว้ครั้งหน้าจะมาหลายๆวัน จะมาเก็บตก อิอิ

พอฝนเริ่มซาๆ เราก็นั่งรถรางกลับลงมาค่ะ รอขึ้น สาย 214 กลับไปคอมต้า
(ขากลับรถไป Jeti ค่ะ มันจะไม่ได้เข้าตรงจุดที่เราขึ้นรถ แต่จะไปจอดให้เราลงตรงถนนสายที่ผ่านหน้า Hostel เลย แอบงงนิดนึงตอนลงรถมา)

จากนั้นเลยไปเดินห้างแถวคอมต้าแปปนึง ค่อยกลับที่พักค่ะ
จบทริป วันแรก
วันที่ 2
เราก็เริ่มทริปจากข้าวเช้ากันก่อนเลย 5555
ตอนแรกวางแผนว่าจะไปร้าน old town แถวโรงแรม tune แต่หากันไม่เจอเลย ร้านไหนก็ได้ละหิวจัด เอาที่ร้านคนเยอะๆแล้วกัน ก็เจอร้านนี้ค่ะ
คนจีนเยอะดี แล้วขายอาหารเหมือนที่ไทยมาก (คิดว่ายังงัยคงรอดตายละ กินเป็นแน่นอน) เจ้าของร้านก็พูดจีนได้ ทางเราเลย จัดไป

กินกันไม่เยอะเลยค่ะ ดูรูปเอาน้าาาา 5555 อิ่มกันไปถึงเย็น

*ฉางเฟิ่นเป็นอาหารที่ทำเลียนแบบไส้หมูแต่ใช้แป้งมาทำ เราเห็นคนที่นี่สั่งทุกโต๊ะเลยให้แฟนไปสั่งมามั่ง แต่กินได้คำเดียวคือแบบ มันคาวมากกินต่อไม่ได้เลย เลยให้คุณแฟนจัดการ นางก็กินได้เรียบจริงๆ สมแล้วที่เป็นคนจีน เขาคงอร่อยของเขาเนาะ แต่สำหรับเราไม่
*อีกเรื่องนึงคือ ร้านนี้เขาจะมีของกินที่ห่อใบตองขายอยู่หน้าร้าน ไม่ต้องไปซื้อมากินหรอกค่ะ เพราะมันคือห่อหมกกับขนมใส่ไส้แบบของไทยนี่แหละ
แฟนเราอยากรู้เลยไปหยิบมาอย่างละอันเลยรู้
จากนั้นก็เดินไปถ่ายรูปตามแพลนเราเลยค่ะ Street art (ต้องเดินไปขอแผนที่ที่เคาเตอร์ที่ที่พักนะคะ เพราะเขาไม่ได้มีแจกให้ทุกคน แล้วเด็กหน้าเคาเตอร์ก็ทำหน้าหงิกใส่เรารอบนึงก่อนหยิบให้)
ถ่ายได้กันคนละไม่กี่รูปเองค่ะ ร้อนแล้วก็หาไม่ค่อยจะเจอ พอเจอก็คนเย้ออออ ต่อแถวถ่ายรูปนาน พอมาดูเวลาอีกทีจะ 11 โมงละ
ต้องรีบเดินกลับไปเก็บของ Check out

*อ่อ คือเช้านี้เราเดินไปนะคะ ไม่ได้เช่ารถจักรยานขี่ไป เพราะแฟนไม่วางใจ เพราะดูจากรถที่นี่แล้ว ขับเร็วและไม่ค่อยชอบเบรก แล้วฝีมือการขี่ของเราก็ .... เลยเดินเอาดีก่าาา 5555 ใครขี่ไม่แข็งมากไม่แนะนำให้ขี่นะคะ
หลังจากนั้นเราก็ไปเดินฆ่าเวลาแถวห้างคอมต้ากันก่อนซื้อของฝากที่นี่ก่อน จากนั้นก็ไปนั่งพักที่สตาร์บั๊ค
รอเวลาออก 4 โมงเย็นเพราะเที่ยวรถตั้งทุ่มนึงแน่ะ กะว่าค่อยไปกินใกล้ๆเวลาขึ้นรถ
เนื่องจากเรามีการเช็คมาแล้วว่าจะมีรถฟรีไป Jetti (อ่านว่า เจ็ตติ) คือท่าเรือ ปีนัง-บัตเตอร์เวอร์ธ
เราก็เลยเดินมาท่ารถแถวคอมต้า แต่หาไม่เจอที่ขึ้นรถ -"- (ตอนเซิจ เซิจมาแต่นั่งรถอะไร เจือกลืมดูว่าต้องไปรอที่ไหน)
พอดีระหว่างที่อ่านป้ายแถวท่ารถอยู่ ก็เจอป้าคนจีนคนนึง ถามแฟนว่าจะไปไหน แฟนเลยบอกไปว่าจะไปท่าเรือ เขาเลยชี้บอกให้ไปขึ้นรถฟรีแถวด้านหน้านู้นแล้วก็ชี้ๆไป
มันคือตรงนี้นี่เองงงงงงงง ป้ายนี้จะอยู่ตรงข้ามกับ May Bank เลยนะจ้ะ

ถึงละ ก็เดินตามทางที่จะไปท่าเรือ ไปเรื่อยๆ

ได้เวลาขึ้นเรือละจ้าาาา ขาไปบัตเตอร์เวิอธ นี่ฟรีนะจ้ะ
แหม่ขาออกนี่ดีจัง ฟรีทั้งรถทั้งเรือ อิอิ

วันที่เราออกจากปีนังนี่ ฟ้าใสเชียวนะ เมื่อวานนี่อย่างกับฟ้ารั่ว

แล้วเราก็มาถึงบัตเตอร์เวอร์ธละค่ะ
ความลำบากเริ่มต้นจากตรงนี้แหละ
[CR] ทริปปีนัง-สิงคโปร์ backpack มือสมัครเล่น ไปแบบอึดถึก
ต้องออกตัวแรงเผื่อทำแล้วไม่ถูกใจใคร 5555+
เป็นประสบการณ์ไปแบ็คแพ็คกะแฟน เป็นทริปแรกที่ไปต่างประเทศแล้วรู้สึกว่าถึกจิงๆ
แต่รูปอาจจะไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ เพราะถ่ายรูปไม่เก่ง แล้วแทบจะไม่ค่อยแต่งอะไรเลย กะเน้นรีวิวจริงๆ
เนื่องจากปริปนี้เป็นทริปที่เราตั้งใจมาก เพราะฉะนั้นเราเป็นคนแพลนและทำทุกอย่าง
ตั้งแต่จองตั๋วเครื่องบิน จองตั๋วรถ จองที่พัก วางแพลนจะไปที่ไหนบ้าง กี่โมง ต้องใช้งบเท่าไหร่
(ทำอยู่คนเดียว รุสึกเหนื่อยมาก
ไม่อยากเกริ่นยาว เข้าเรื่องเลยนะ
เราตั้งใจไป backpack ปีนัง-สิงคโปร์ช่วงวันหยุดยาว โดยตั้งใจอย่างมากว่าขาไปจะนั่งรถข้ามประเทศเท่านั้น
(เป็นอะไรที่อินดี้มากๆ จริงๆไม่ได้อยากจะประหยัดค่าตั๋วเครื่องบินค่ะ แต่พอดีเห็นเพื่อนเคยมาคุยว่านั่งรถข้ามมาเลเซีย-สิงคโปร์มาแล้ว
เลยเกิดอารมณ์อยากไปมั่ง)
ตามภาพข้างล่างคือแพลนการเดินทางของเรา .... อันนี้ทำเผื่อให้แฟนเอาไปยื่นทำวีซ่าด้วยค่ะ เนื่องจากเข้าประเทศโดยไม่นั่งเครื่องบิน
*อ่อ พอดีแฟนถือพาสปอร์ตจีนแดงค่ะ เลยต้องทำ
(อันนี้เป็นสาเหตุนึงที่เราลุ้นเวลาผ่าน ตม. ทุกที เนื่องจากโดนขู่มาเยอะว่าจะต้องบินเข้าประเทศเท่านั้น
เราเริ่มต้นเดินทางจาก ดอนเมือง-หาดใหญ่ โดยแอร์เอเชีย เที่ยวบิน FD 3102
ออกจากบ้านตั้งแต่ตี 5 แต่เนื่องจากเราเช็คอินผ่านเวปแล้ว เพราะฉะนั้นไม่รีบๆ อิอิ
ข้าวเช้ามื้อแรกก็จัดไป กับ KFC ในสนามบินนั่นแหละ คนละชุดตอน 6 โมงเช้า
เมื่อถึงหาดใหญ่ สิงแรกที่ต้องรีบคือ หารถเพื่อไปยังบริษัท K.S.T Travel เพื่อให้ทันรถตู้ไปปีนังเที่ยวแรก คือ 9 โมง
แต่ออกมาอย่างงงๆ ก็เลยต้องถามทางจาก ร.ป.ภ ที่สนามบิน
เดินออกมาทางออกข้างหน้าเลย
ค่ารถอยู่ที่ คนละ 30 บาทถ้วน
เห็นรถอยู่ลางๆละ
ให้นั่งมาลงที่ตลาดกิมหยง แล้วหาทางเดินมาที่ซอยนิพัทธ์อุทิศ 1 บริษัท K.S.T Travel จะอยู่ฝั่งตรงข้ามโรงแรมอโลฮ่านะ
(อันนี้ต้องขอโทษที่ไม่อธิบายให้ละเอียด เพราะเราเองก็หลงพอสมควร เนื่องจากดูจากกระทู้เก่าเขาให้ไปตึกไดมอนอะไรซักอย่าง สรุปหลงไปไกลต้องเดินกลับมา แล้วในหน้าเวปของ K.S.T เองก็ไม่ค่อยละเอียด หรือเราดูไม่ละเอียดก็ไม่รุ .... แต่กว่าจะถึง เหนื่อยเลย)
จริงๆเราโทรไปถามแล้วเขาบอกว่าทันรอบเช้าเพราะจองล่วงหน้าไว้
แต่คนที่ไปหวังน้ำบ่อหน้าต้องไปรอบบ่ายแล้วนะเพราะวันนี้คนเยอะมากติดวันหยุดยาว
แต่ไปๆมาๆเขาพาเราไปขึ้นรถที่อาหลินทัวร์ (สงสัย Co กันมั้ง ลูกค้าคงเยอะ) แต่มะเปนไร ขอให้ได้ไปก่อนเที่ยงก็สบายใจละเพราะเรามีแพลนไปเที่ยวต่อ
ค่ารถตู้ ไปปีนัง คนละ 500 บาทถ้วน
นั่งจนตูดแฉะ (ขออภัย ภาษาไม่ค่อยสุภาพ แต่สื่อได้เหนภาพชัดเจนเลย 555) เราก็ต้องมาผ่านด่านสะเดาก่อน เพื่อขอออกนอกประเทศ
จากด่านสะเดาเลยมาอีกไม่ไกล ก็มาถึง ตม. มาเลเซียละ
(ถึงตรงนี้ลุ้นมากเพราะแฟนเคยไปเซิจมา คนจีนส่วนใหญ่เข้าประเทศไม่ได้เพราะวีซ่าบังคับให้ต้องนั่งเครื่องบินเข้ามาเท่านั้น
แถมตอนที่จองรถตู้ เจ๊ที่จองก็โทรมาขู่อีกว่าถ้าเข้าไม่ได้จะไม่รอนะ ไม่รับผิดชอบด้วย เพราะประมาณ 80% ไม่ผ่าน อะไรจะยากขนาดนั้นมาเลเซีย)
แต่สุดท้ายก็ผ่านเข้ามาจนได้ เย้ๆๆๆๆ
และแล้ว เป้าหมายแรกของเราก็ทำสำเร็จแล้ว ได้ข้ามสะพานปีนัง หลังจากนั่ง+หลับไป 4 ตื่น
ถ่ายรูปไม่ได้เพราะนั่งรถตู้รับจ้าง ก็เลยดูแต่ตาแล้วกันเนาะ
ถึงแล้วจ้าาาา ที่พักของเราคืนนี้ Wassap
(เราสามารถบอกคนขับรถตู้ให้ไปส่งเราถึงที่พักได้เลยนะคะ ตามรายชื่อที่พักที่เขาสามารถไปส่งได้ดูที่หน้าเวปได้เลยจ้า http://www.ksttravelthailand.com/ )
***ขอบ่นนิดนึง หลังจากที่ได้จองที่พักนี้โดยดูจากรีวิวมาหลายที่ แต่พอมาเจอของจริง ห้องเหม็นเน่ามากและยุงเยอะมากกกก ไม่รุว่าเป็นเพราะห้องน้ำและไมมีหน้าต่างระบายอากาศหรือเปล่า
แต่เรากะแฟนคือบับ ก่อนนอนต้องฉีดซอฟเฟลทั้งห้อง ส่วนนึงกันยุง อีกส่วนนึงกลบกลิ่น ไม่งั้นคืนนี้ไม่ได้นอน
แต่ที่ขำคือ พอตอนเราเชคเอ้าออกมาแล้ว มาคุยกันว่าทำไมเราไม่ขอเขาเปลี่ยนห้องวะ 5555 นอนทนกันอยู่ได้ซะงั้น เห็นราคาถูกเลยมานั่งทำใจเพื่อ .... ความโง่เข้าครอบงำทั้งคู่ 5555
หลังจาก เชคอินเรียบร้อย นั่งพักแปปนึง จุดหมายต่อไปของเราคือ ปีนังฮิลลลลลลลล์ ว่าแล้วก็ไปโลดดดดด
จากที่พักเดินไปขึ้นรถแถว komtar ค่ะ มันจะมีช่องรถทั้งหมด 4 เลน แต่ละเลนจะมีสายรถไม่เหมือนกัน ใครจะไปที่ไหน ก็มาศึกษาดูกันก่อนที่ป้าย แล้วก็รอให้ถูกเลนนะ
แต่ของเราดูมาละ ขึ้นสาย 214 ค่ะ นั่งสุดสายเลยยย
ค่ารถก็คนละ 2 RM
พอมาถึงก็เดินเข้าไปซื้อตั๋วรถรางขึ้นเขากันค่ะ (ตอนแรกวางแผนว่าจะซื้อเที่ยวเดียว แต่เนื่องจากกว่าจะมาถึงที่นี่ก็ 5 โมงละ
ถ้าเดินลงมาแบบมืดๆกัวอันตราย เลยไม่เสี่ยงดีก่า)
ราคาก็ตามนี้เลย
ขึ้นตู้แรกเลยค่ะ วิวชัดๆ เสียวๆ กันไป
พอขึ้นมาก็รีบเดินไปถ่ายรถไฟขากลับเลย อยากได้รูปวิวรถไฟ แล้วนี่ก็เป็นรูปวิวสุดท้ายของปีนังฮิลล์ ตอนนี้ฝนเริ่มตกปรอยๆ
จริงๆวิวดีมาก แต่ฝนฟ้าไม่เป็นใจ
ตลาดโต้รุ่งที่แพลนกันไว้ก็เลยอดไป จัดบะหมี่โกเรงกับก๋วยเตี๋ยวโกเรงแถวนี้ไปก่อนละกัน 5555
ทั้งหมด 14 RM 2 จาน
กินของคาวเสร็จก็ต่อของหวานเลย ไหนๆก้อจะอดไปต่อละ
ถ้วยนี้ชื่อว่า ABC ice kacang (红豆冰) จำราคาไม่ได้ แต่ไม่ถึง 10 RM
(แนะนำว่าถ้ากินข้าวมาแล้ว ให้กิน 2 คนต่อถ้วย เพราะเครื่องเยอะ กินมะหมดเสียดาย)
อันนี้เป็นแผนที่ของปีนังฮิลล์ ไว้ครั้งหน้าจะมาหลายๆวัน จะมาเก็บตก อิอิ
พอฝนเริ่มซาๆ เราก็นั่งรถรางกลับลงมาค่ะ รอขึ้น สาย 214 กลับไปคอมต้า
(ขากลับรถไป Jeti ค่ะ มันจะไม่ได้เข้าตรงจุดที่เราขึ้นรถ แต่จะไปจอดให้เราลงตรงถนนสายที่ผ่านหน้า Hostel เลย แอบงงนิดนึงตอนลงรถมา)
จากนั้นเลยไปเดินห้างแถวคอมต้าแปปนึง ค่อยกลับที่พักค่ะ
จบทริป วันแรก
วันที่ 2
เราก็เริ่มทริปจากข้าวเช้ากันก่อนเลย 5555
ตอนแรกวางแผนว่าจะไปร้าน old town แถวโรงแรม tune แต่หากันไม่เจอเลย ร้านไหนก็ได้ละหิวจัด เอาที่ร้านคนเยอะๆแล้วกัน ก็เจอร้านนี้ค่ะ
คนจีนเยอะดี แล้วขายอาหารเหมือนที่ไทยมาก (คิดว่ายังงัยคงรอดตายละ กินเป็นแน่นอน) เจ้าของร้านก็พูดจีนได้ ทางเราเลย จัดไป
กินกันไม่เยอะเลยค่ะ ดูรูปเอาน้าาาา 5555 อิ่มกันไปถึงเย็น
*ฉางเฟิ่นเป็นอาหารที่ทำเลียนแบบไส้หมูแต่ใช้แป้งมาทำ เราเห็นคนที่นี่สั่งทุกโต๊ะเลยให้แฟนไปสั่งมามั่ง แต่กินได้คำเดียวคือแบบ มันคาวมากกินต่อไม่ได้เลย เลยให้คุณแฟนจัดการ นางก็กินได้เรียบจริงๆ สมแล้วที่เป็นคนจีน เขาคงอร่อยของเขาเนาะ แต่สำหรับเราไม่
*อีกเรื่องนึงคือ ร้านนี้เขาจะมีของกินที่ห่อใบตองขายอยู่หน้าร้าน ไม่ต้องไปซื้อมากินหรอกค่ะ เพราะมันคือห่อหมกกับขนมใส่ไส้แบบของไทยนี่แหละ
แฟนเราอยากรู้เลยไปหยิบมาอย่างละอันเลยรู้
จากนั้นก็เดินไปถ่ายรูปตามแพลนเราเลยค่ะ Street art (ต้องเดินไปขอแผนที่ที่เคาเตอร์ที่ที่พักนะคะ เพราะเขาไม่ได้มีแจกให้ทุกคน แล้วเด็กหน้าเคาเตอร์ก็ทำหน้าหงิกใส่เรารอบนึงก่อนหยิบให้)
ถ่ายได้กันคนละไม่กี่รูปเองค่ะ ร้อนแล้วก็หาไม่ค่อยจะเจอ พอเจอก็คนเย้ออออ ต่อแถวถ่ายรูปนาน พอมาดูเวลาอีกทีจะ 11 โมงละ
ต้องรีบเดินกลับไปเก็บของ Check out
*อ่อ คือเช้านี้เราเดินไปนะคะ ไม่ได้เช่ารถจักรยานขี่ไป เพราะแฟนไม่วางใจ เพราะดูจากรถที่นี่แล้ว ขับเร็วและไม่ค่อยชอบเบรก แล้วฝีมือการขี่ของเราก็ .... เลยเดินเอาดีก่าาา 5555 ใครขี่ไม่แข็งมากไม่แนะนำให้ขี่นะคะ
หลังจากนั้นเราก็ไปเดินฆ่าเวลาแถวห้างคอมต้ากันก่อนซื้อของฝากที่นี่ก่อน จากนั้นก็ไปนั่งพักที่สตาร์บั๊ค
รอเวลาออก 4 โมงเย็นเพราะเที่ยวรถตั้งทุ่มนึงแน่ะ กะว่าค่อยไปกินใกล้ๆเวลาขึ้นรถ
เนื่องจากเรามีการเช็คมาแล้วว่าจะมีรถฟรีไป Jetti (อ่านว่า เจ็ตติ) คือท่าเรือ ปีนัง-บัตเตอร์เวอร์ธ
เราก็เลยเดินมาท่ารถแถวคอมต้า แต่หาไม่เจอที่ขึ้นรถ -"- (ตอนเซิจ เซิจมาแต่นั่งรถอะไร เจือกลืมดูว่าต้องไปรอที่ไหน)
พอดีระหว่างที่อ่านป้ายแถวท่ารถอยู่ ก็เจอป้าคนจีนคนนึง ถามแฟนว่าจะไปไหน แฟนเลยบอกไปว่าจะไปท่าเรือ เขาเลยชี้บอกให้ไปขึ้นรถฟรีแถวด้านหน้านู้นแล้วก็ชี้ๆไป
มันคือตรงนี้นี่เองงงงงงงง ป้ายนี้จะอยู่ตรงข้ามกับ May Bank เลยนะจ้ะ
ถึงละ ก็เดินตามทางที่จะไปท่าเรือ ไปเรื่อยๆ
ได้เวลาขึ้นเรือละจ้าาาา ขาไปบัตเตอร์เวิอธ นี่ฟรีนะจ้ะ
แหม่ขาออกนี่ดีจัง ฟรีทั้งรถทั้งเรือ อิอิ
วันที่เราออกจากปีนังนี่ ฟ้าใสเชียวนะ เมื่อวานนี่อย่างกับฟ้ารั่ว
แล้วเราก็มาถึงบัตเตอร์เวอร์ธละค่ะ
ความลำบากเริ่มต้นจากตรงนี้แหละ