สวัสดีค่ะ ขอเริ่มเริ่มเรื่องด้วยการพูดถึงความฝันในอนาคตที่ตัว จขกท. ตั้งไว้ตั้งเเต่เด็กๆเลยนะคะ
คือตั้งเเต่เด็กเเล้วเป็นคนชอบดูการ์ตูนมากๆค่ะ เวลาชอบเรื่องไหนมากๆยกตัวอย่างเช่น มดเเดง ฮ่าๆๆ ก็จะวาดไม่หยุดเลยค่ะ ฉีกกระดาษออกมาวาดทั้งวันเลย ทุกคนคงพูดว่าไม่น่าเเปลกเพราะเด็กๆทุกคนก็ชอบเหมือนกันหลายๆคนก็คงวาดรูปตัวละครต่างๆเช่นเดียวกัน เเต่ความชอบนี้มันมากขึ้น เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนสนใจงานการทำการ์ตูน อนิเมชั่น พอเริ่มขึ้นชั้น ป.4 เริ่มรู้จักอินเตอร์เน็ต เริ่มใช้เป็น เลยเข้าห้องคอมของโรงเรียนเเทบทุกวัน ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการทำอนิเมชั่น เเล้วรู้มาว่าการจะสามารถทำออกมาได้ 1 เรื่องนั้น เราต้องมีพรสวรรค์ทางด้านการวาดรูป การใช้ศิลปะ หรือพรสวรรค์ด้านคอมพิวเตอร์ ตอนนั้นเริ่มมีไฟเเล้วค่ะ คิดว่าต้องทำให้ได้เลยใช้ความที่ชอบวาดรูปมากๆ วาดมาตลอดพยายาม 'ลอกเลียนเเบบ' ตัวละคร หรือสถานที่ที่สวยงามเสมอมา พอขึ้น ป.6 ได้เริ่มเรียนโปรเเกรมเเฟลช ที่สามารถทำให้ตัวละครที่ออกเเบบเคลื่อนไหวได้ ก็เริ่มท้อค่ะ รู้สึกว่าหัวไม่โอเคกับทางด้านคอมเลย เลยคิดว่ามีทางไหนที่จะสามารถวาดรูปได้อย่างเดียวบ้างไหม
สุดท้ายก็ค้นพบตอนอยู่ชั้น ม.1 ได้รู้จักกับ 'มังงะ' หรือ 'หนังสือการ์ตูน' นั่นเเหละค่ะ เป็นจุดเริ่มต้นของประกายไฟเล้กๆในตัวที่ค่อยๆลุกโชนขึ้นมา
หลังจากนั้นก้เริ่มฝึกวาดเเบบใส่ช่องลงไปในกระดาษ วาดตลอด ฝึกวาด 'เลียนเเบบ' เขาค่ะ ฝึกไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าเราก็ทำได้นะ เเต่โตขึ้นมาอีกปี นั่นคือชั้น ม.3 ก็เริ่มรู้จักว่าพวกมังงะที่อ่านๆอยู่เนี้ย หรืออนิเมะที่ดูๆ ต้นกำเนิดมันมาจากประเทศญี่ปุ่นนะ เลยโลภมาก อยากไปถึงขั้นโด่งดังในญี่ปุ่น เเต่เพราะอยู่ ม.3 เเล้ว ต้องเลือกสายทางเดินในทางที่ชอบ เลยตัดสินใจจะเรียน ศิลป์-ญี่ปุ่น เเเต่ตอนนั้นทางบ้านบอกว่า ให้เรียน คณิต-วิทย์ ค่ะเพราะเขาเห็นพรสวรรค์ด้านคณิตศาสตร์ จริงๆไม่ได้เก่งนะคะ คือโดนยัดเยียดความรู้มาตลอดเอะอะก้เรียนพิเศษอะ เราเลยไม่อยากได้มันเเล้ว เราขอเขาว่าอยากเรียนญี่ปุ่น เขาก็บอกว่าให้เลือกเเค่ จีน กับ วิทย์คณิต เราเลยคิดว่า ตัวจีนก็คงเหมือนตัวคันจิของญี่ปุ่น มันย่อมดีกว่าอยู่เเล้ว
สุดท้ายก็ได้เรียน ม.4 ศิลป์-จีน ที่โรงเรียนมัธยมปลายเเห่งหนึ่งค่ะ เเต่เรายังไม่ล้มเลิกความฝันนะคะ เรายังวาดต่อไปจน เพื่อนทาบถามว่าทำไมไม่ไปเรียนญี่ปุ่น จบ ม.6 เเล้วจะไปสถาปัตหรือเปล่า? เราก็บอกว่าจะเรียนด้านการทำมังงะที่ประเทศญี่ปุ่นค่ะ ความฝันเราสุกสว่างมาก เรามีความสุขที่ได้วาดรูป เเต่พอขึ้น ม.ปลาย สกิล ฝีมือการวาดของเราก็อยู่ในขั้นที่เรียกว่า สร้างตัวละคร 'ของตัวเอง' ได้เเล้วโดยไม่ต้องเลียนเเบบลายเส้นของคนอื่น เริ่มทำเป็น โดจินสั้นๆ ก็สบายค่ะ ไม่มีปัญหา
พอขึ้น ม.5 เราคุยกับทางบ้านเรื่องการไปเรียนต่อด้านการวาดมังงะที่ประเทศญี่ปุ่น เขาก็ห้ามเด็ดขาดเลยค่ะ พอเราถามเหตุผลไปเขาก็บอกเเต่ว่า 'ไส้กิ่ว' 'ไม่รุ่ง' ทำนองนี้ หรือ 'เหนื่อยมาก' เราก็เข้าใจค่ะ การที่จะทำงานเเบบนี้ได้ขึ้นอยู่กับการจัดระเบียบเวลาตัวเอง ต้องขยัน ต้องอดทน เราทำใจเรื่องนี้ไว้เเล้ว เราคิดได้ตอนนั้นเราก็บอกไปว่า ไม่ต้องทำเป็นองตัวเองก้ได้ จะให้เป็นผู้ช่วย ใส่โทน หรือทำงานในกอง บก. หรือกองบรรณาธิการก้ได้ ขอเเค่ให้ได้ทำงานในวงการนี้ ชีวิตนี้ก็มีความสุขมากเเล้ว เขาเลยบอกว่า ม.6 ค่อยมาคุยกันใหม่
พอเราขึ้น ม.6 ไปพูดกับเขาอีกครั้ง เขาก็บอกว่าถ้าจะเรียนภาษาจีนมาเเล้วไม่ได้ใช้จะเรียนให้เสียเงินเสียเวลาไปทำไมอีก เราก็เอ้า ตอนนั้นเราสู้สุดชีวิตเพื่อภาษาญี่ปุ่นเเต่เขาก็ห้ามเรา ทีนี้เราเลยบอกจะเรียนพิเศษภาษาญี่ปุ่น เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เเต่เขาก็ยังห้ามไม่ให้ไปต่อด้านมังงะ เราคุยเรื่องนี้กับที่บ้านบ่อยมากจนบางครั้งถึงขั้นทะเลาะกัน จนเราตัดสินใจขอเรียนคณะสถาปัตเเทน
สิ่งที่ได้มาก็คือ 'ไม่อนุญาติ' เพราะหางานยาก เราเเบบ ทางตันมาก ไม่รู้จะไปทางไหนดี ไม่มีที่พึ่งอื่นเลย เราจะทำงานส่งตัวเองเรียนก็ไม่ไหว ที่ๆอยากไปเป็นมหาลัยญี่ปุ่น ต้องหัวดีๆ ภาษาญี่ปุ่นต้องเเข็ง ถึงเริ่มเรียนตอนนี้กว่าจะได้ตามที่มหาลัย หรือทุนของรัฐ ก็คงไม่ทัน สุดท้ายเราเลยคิดว่าจะเรียนต่อภาษาจีนที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จะตั้งใจเรียนให้จบให้ทางบ้านพอใจ เเล้วในขณะที่เรียนจีน เราก็จะเรียนพิเศษญี่ปุ่นควบคู่ไปด้วย จบ ป.ตรี ก็จทำงานสักปีเเล้วสอบเอาทุนไปเรียนต่อ โท ที่ญี่ปุ่นคงจะดี เเต่ตอนนี้อยู่ ม.6 อยู่เลยตัดสินใจไว้เเบบนี้เเต่ไม่รู้ที่บ้านจะว่ายังไงอีก เราอยากทำด้านนี้จริงๆนะ คือวันทั้งวันก็วาดๆๆ เรารู้ว่ามันเหนื่อย เเต่คำว่างานที่เราทุ่มใจให้ ยังไงท้ายเเล้วเราก็คงมีความสุขกับมันอยู่ดี
เราอยากไปเรียนที่ญี่ปุ่นตั้งเเต่ ป.ตรี เลย เเต่ตอนนี้เพิ่งเริ่มเรียน ฮิรางานะ จบไปเอง คงต้องใช้เวลาอีกสักพัก รออีก 4 ปีเเล้วจะมาต่อนะคะ 55555 ว่าทางบ้านจะว่ายังไง... ตอนเเรกเขาอยากให้เรียนบริหารด้วย ทำไมผู้ใหญ่ชอบยัดเยียดจังนะคะ เราก็รู้ว่าเขาหวังดี เเต่นี่มันงานถนัดเรา มันคือสายที่เราชอบ เอาหละค่ะ ก็มาบอกเล่าปัญหาชีวิตที่ยังสามารถสู้ต่อไปได้ จะพยายามค่ะ
ค้นพบตัวตนของตัวเองตั้งเเต่เด็ก เเต่อนาคตจบเพราะทางบ้านไม่อนุญาติให้สานต่อทำไงดี?
คือตั้งเเต่เด็กเเล้วเป็นคนชอบดูการ์ตูนมากๆค่ะ เวลาชอบเรื่องไหนมากๆยกตัวอย่างเช่น มดเเดง ฮ่าๆๆ ก็จะวาดไม่หยุดเลยค่ะ ฉีกกระดาษออกมาวาดทั้งวันเลย ทุกคนคงพูดว่าไม่น่าเเปลกเพราะเด็กๆทุกคนก็ชอบเหมือนกันหลายๆคนก็คงวาดรูปตัวละครต่างๆเช่นเดียวกัน เเต่ความชอบนี้มันมากขึ้น เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนสนใจงานการทำการ์ตูน อนิเมชั่น พอเริ่มขึ้นชั้น ป.4 เริ่มรู้จักอินเตอร์เน็ต เริ่มใช้เป็น เลยเข้าห้องคอมของโรงเรียนเเทบทุกวัน ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการทำอนิเมชั่น เเล้วรู้มาว่าการจะสามารถทำออกมาได้ 1 เรื่องนั้น เราต้องมีพรสวรรค์ทางด้านการวาดรูป การใช้ศิลปะ หรือพรสวรรค์ด้านคอมพิวเตอร์ ตอนนั้นเริ่มมีไฟเเล้วค่ะ คิดว่าต้องทำให้ได้เลยใช้ความที่ชอบวาดรูปมากๆ วาดมาตลอดพยายาม 'ลอกเลียนเเบบ' ตัวละคร หรือสถานที่ที่สวยงามเสมอมา พอขึ้น ป.6 ได้เริ่มเรียนโปรเเกรมเเฟลช ที่สามารถทำให้ตัวละครที่ออกเเบบเคลื่อนไหวได้ ก็เริ่มท้อค่ะ รู้สึกว่าหัวไม่โอเคกับทางด้านคอมเลย เลยคิดว่ามีทางไหนที่จะสามารถวาดรูปได้อย่างเดียวบ้างไหม
สุดท้ายก็ค้นพบตอนอยู่ชั้น ม.1 ได้รู้จักกับ 'มังงะ' หรือ 'หนังสือการ์ตูน' นั่นเเหละค่ะ เป็นจุดเริ่มต้นของประกายไฟเล้กๆในตัวที่ค่อยๆลุกโชนขึ้นมา
หลังจากนั้นก้เริ่มฝึกวาดเเบบใส่ช่องลงไปในกระดาษ วาดตลอด ฝึกวาด 'เลียนเเบบ' เขาค่ะ ฝึกไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าเราก็ทำได้นะ เเต่โตขึ้นมาอีกปี นั่นคือชั้น ม.3 ก็เริ่มรู้จักว่าพวกมังงะที่อ่านๆอยู่เนี้ย หรืออนิเมะที่ดูๆ ต้นกำเนิดมันมาจากประเทศญี่ปุ่นนะ เลยโลภมาก อยากไปถึงขั้นโด่งดังในญี่ปุ่น เเต่เพราะอยู่ ม.3 เเล้ว ต้องเลือกสายทางเดินในทางที่ชอบ เลยตัดสินใจจะเรียน ศิลป์-ญี่ปุ่น เเเต่ตอนนั้นทางบ้านบอกว่า ให้เรียน คณิต-วิทย์ ค่ะเพราะเขาเห็นพรสวรรค์ด้านคณิตศาสตร์ จริงๆไม่ได้เก่งนะคะ คือโดนยัดเยียดความรู้มาตลอดเอะอะก้เรียนพิเศษอะ เราเลยไม่อยากได้มันเเล้ว เราขอเขาว่าอยากเรียนญี่ปุ่น เขาก็บอกว่าให้เลือกเเค่ จีน กับ วิทย์คณิต เราเลยคิดว่า ตัวจีนก็คงเหมือนตัวคันจิของญี่ปุ่น มันย่อมดีกว่าอยู่เเล้ว
สุดท้ายก็ได้เรียน ม.4 ศิลป์-จีน ที่โรงเรียนมัธยมปลายเเห่งหนึ่งค่ะ เเต่เรายังไม่ล้มเลิกความฝันนะคะ เรายังวาดต่อไปจน เพื่อนทาบถามว่าทำไมไม่ไปเรียนญี่ปุ่น จบ ม.6 เเล้วจะไปสถาปัตหรือเปล่า? เราก็บอกว่าจะเรียนด้านการทำมังงะที่ประเทศญี่ปุ่นค่ะ ความฝันเราสุกสว่างมาก เรามีความสุขที่ได้วาดรูป เเต่พอขึ้น ม.ปลาย สกิล ฝีมือการวาดของเราก็อยู่ในขั้นที่เรียกว่า สร้างตัวละคร 'ของตัวเอง' ได้เเล้วโดยไม่ต้องเลียนเเบบลายเส้นของคนอื่น เริ่มทำเป็น โดจินสั้นๆ ก็สบายค่ะ ไม่มีปัญหา
พอขึ้น ม.5 เราคุยกับทางบ้านเรื่องการไปเรียนต่อด้านการวาดมังงะที่ประเทศญี่ปุ่น เขาก็ห้ามเด็ดขาดเลยค่ะ พอเราถามเหตุผลไปเขาก็บอกเเต่ว่า 'ไส้กิ่ว' 'ไม่รุ่ง' ทำนองนี้ หรือ 'เหนื่อยมาก' เราก็เข้าใจค่ะ การที่จะทำงานเเบบนี้ได้ขึ้นอยู่กับการจัดระเบียบเวลาตัวเอง ต้องขยัน ต้องอดทน เราทำใจเรื่องนี้ไว้เเล้ว เราคิดได้ตอนนั้นเราก็บอกไปว่า ไม่ต้องทำเป็นองตัวเองก้ได้ จะให้เป็นผู้ช่วย ใส่โทน หรือทำงานในกอง บก. หรือกองบรรณาธิการก้ได้ ขอเเค่ให้ได้ทำงานในวงการนี้ ชีวิตนี้ก็มีความสุขมากเเล้ว เขาเลยบอกว่า ม.6 ค่อยมาคุยกันใหม่
พอเราขึ้น ม.6 ไปพูดกับเขาอีกครั้ง เขาก็บอกว่าถ้าจะเรียนภาษาจีนมาเเล้วไม่ได้ใช้จะเรียนให้เสียเงินเสียเวลาไปทำไมอีก เราก็เอ้า ตอนนั้นเราสู้สุดชีวิตเพื่อภาษาญี่ปุ่นเเต่เขาก็ห้ามเรา ทีนี้เราเลยบอกจะเรียนพิเศษภาษาญี่ปุ่น เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เเต่เขาก็ยังห้ามไม่ให้ไปต่อด้านมังงะ เราคุยเรื่องนี้กับที่บ้านบ่อยมากจนบางครั้งถึงขั้นทะเลาะกัน จนเราตัดสินใจขอเรียนคณะสถาปัตเเทน
สิ่งที่ได้มาก็คือ 'ไม่อนุญาติ' เพราะหางานยาก เราเเบบ ทางตันมาก ไม่รู้จะไปทางไหนดี ไม่มีที่พึ่งอื่นเลย เราจะทำงานส่งตัวเองเรียนก็ไม่ไหว ที่ๆอยากไปเป็นมหาลัยญี่ปุ่น ต้องหัวดีๆ ภาษาญี่ปุ่นต้องเเข็ง ถึงเริ่มเรียนตอนนี้กว่าจะได้ตามที่มหาลัย หรือทุนของรัฐ ก็คงไม่ทัน สุดท้ายเราเลยคิดว่าจะเรียนต่อภาษาจีนที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จะตั้งใจเรียนให้จบให้ทางบ้านพอใจ เเล้วในขณะที่เรียนจีน เราก็จะเรียนพิเศษญี่ปุ่นควบคู่ไปด้วย จบ ป.ตรี ก็จทำงานสักปีเเล้วสอบเอาทุนไปเรียนต่อ โท ที่ญี่ปุ่นคงจะดี เเต่ตอนนี้อยู่ ม.6 อยู่เลยตัดสินใจไว้เเบบนี้เเต่ไม่รู้ที่บ้านจะว่ายังไงอีก เราอยากทำด้านนี้จริงๆนะ คือวันทั้งวันก็วาดๆๆ เรารู้ว่ามันเหนื่อย เเต่คำว่างานที่เราทุ่มใจให้ ยังไงท้ายเเล้วเราก็คงมีความสุขกับมันอยู่ดี
เราอยากไปเรียนที่ญี่ปุ่นตั้งเเต่ ป.ตรี เลย เเต่ตอนนี้เพิ่งเริ่มเรียน ฮิรางานะ จบไปเอง คงต้องใช้เวลาอีกสักพัก รออีก 4 ปีเเล้วจะมาต่อนะคะ 55555 ว่าทางบ้านจะว่ายังไง... ตอนเเรกเขาอยากให้เรียนบริหารด้วย ทำไมผู้ใหญ่ชอบยัดเยียดจังนะคะ เราก็รู้ว่าเขาหวังดี เเต่นี่มันงานถนัดเรา มันคือสายที่เราชอบ เอาหละค่ะ ก็มาบอกเล่าปัญหาชีวิตที่ยังสามารถสู้ต่อไปได้ จะพยายามค่ะ