โอฮาระ
ฤดูร้อน ในญี่ปุ่นคุณกำลังคิดถึงอะไรครับ สำหรับผม นอกจากงานเทศกาลรื่นเริง งานแห่แหน และพลุไฟแล้ว ธรรมชาติสีเขียวสด เสียงจิ้งหรีดเรไร ดอกไม้ที่แข่งกันออกดอกเปล่งสีสัน สายฝนอันฉ่ำเย็น กับกิจกรรมกลางแจ้งที่หลากหลาย ล้วนเป็นเสน่ห์เย้ายวนใจที่ยากที่จะปฏิเสธใจให้ได้ไปเยือนอีกสักครั้ง

โอฮะระ คือความคิดแรกที่เข้ามาในห้วงความคิด เมื่อตัดสินใจจองตั๋วเครื่องบินเพื่อกลับไป เยือนเมืองที่ร่ำรวยวัฒนธรรมเอกลักษณ์อันงดงามแห่งแดนอาทิตย์อุทัย...เกียวโต

โอฮะระ จากภาพในรายการทีวีเช่น At home with Venetia ทางช่อง NHK เป็นเมืองที่อยู่ในอ้อมกอดขุนเขา ชุ่มฉ่ำด้วยสายน้ำ และสีสันสดใสของแปลงนา ตลอดจนพืชผักสดที่อุดมสมบูรณ์ ความเขียวขจีของ พืชพันธุ์ และความงามของต้นไม่ใบหญ้า อากาศที่สดชื่น ล้วนเป็นสิ่งที่ผมอยากไปสัมผัสกับวิถีชนบท ของญี่ปุ่นอย่างแท้จริง

Landing…สนามบินคันไซ เมื่อผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองแล้วนั้น ผมจับรถไฟชิงกันเซน Haruka คันเดิม เที่ยวที่เร็วที่สุด ไปยังสถานีเกียวโต เพื่อที่จะไปต่อรถบัส Kyoto Bus สีครีมคาดเลือดหมู สาย 17 Kyoto-Ohara ขึ้นนั่งได้ก็ หลับยาวไปสุดสาย...ครอก

แค่ 30นาทีเท่านั้น รถบัสจอดเทียบป้ายรถบัสปลายทาง สถานี Ohara แทบไม่น่าเชื่อสายตาตัวเอง ระยะทางจากสถานีเกียวโต ที่แสนขวักไขว่ทันสมัย ร้านรวงต่างๆ ผู้คนมากมาย เพียง19 กม. เท่านั้น บัดนี้ข้างทางช่างเวิ้งว้าง มีเพียงร้านท้องถิ่นเล็กๆ 2-3 ร้าน information center ที่ดูจะดีใจที่มีชาวต่างชาติอย่างผมไปถามทาง

โอฮาระ คือพื้นที่ชนบททางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองเกียวโต เป็นหมู่บ้านเกษตรกรรม ที่มีวัดสำคัญๆอยู่หลายแห่ง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวญี่ปุ่น เป็นเมืองชนบทที่แอบซ่อน ความงดงามทางวัฒนธรรมและสมบัติของชาติไว้ ให้นักเดินทางร้องว้าวววว เช่นกัน

วันนี้ท้องฟ้าอึมครึม ผมออกเดินตามป้ายบอกทางเล็กๆ ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามกับสถานีรถบัส เดินตามเส้นทางท่องเที่ยว เพื่อไปค้นหาหนึ่งในงดงามของโอฮะระ ทางเดินขึ้นไปยัง วัดซานเซ็นอิน (Sanzenin Temple) อันมีชื่อเสียง แต่ด้วยยามนี้เพื่อนๆนักท่องเที่ยวคับคั่งไปหน่อย เกินที่เราจะได้พบกับความสงบในสวนเซ็นดั่งที่คาดหวังไว้ ผมจึงเปลี่ยนแผนใหม่ เดินเลยออกไปสักนิด เพื่อไปให้ถึงยังเป้าหมายแห่งใหม่ วัดโฮเซนอิน (Hosenin Temple)

เส้นทางท่องเที่ยว เป็นทางเดินลาดยางแคบๆมุ่งสู่เนินเขา ตลอดสองข้างทางมีร้านสึเคะโมโนะ (ผักดองญี่ปุ่น) ที่เป็นสินค้า OTOP ของเมืองโอฮาระแห่งนี้ ร้านสินค้าเบ็ดเตล็ดและร้านอาหารตั้งเรียงรายอยู่เต็มไปหมด

ผมค่อยๆออกเดินไต่ขึ้นไปช้าๆ เผื่อสัมผัสบรรยากาศที่แสนสบาย ไม่น่าเชื่อว่า ยิ่งเดินขึ้นไป อากาศยิ่งเย็นลง ผิดกับอากาศในเมืองเกียวโตที่ร้อนอบอ้าวในช่วงสายที่ผ่านมา ผมรู้สึกขอบคุณพื้นที่แห่งนี้ที่มีภูเขา มีลำธาร และมีต้นไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้การเดินของผมชุ่มชื่นรื่นรมย์กว่าที่คิด
วัดโฮเซนอิน (Hosenin Temple)

หลังจากที่ผมเดินผ่านประตูใหญ่ของวัดชื่อดังอย่างซานเซ็นอิน(Sanzenin Temple)ไปได้สักหน่อย ให้พอให้รู้สึกฉงนใจว่า จะหลงรึเปล่า? จะเป็นทางตันหรือเปล่านะ? เราก็จะพบทางเข้าวัดเล็กๆ ที่ดูเงียบสงบ มีนักท่องเที่ยวที่เป็นชาวญี่ปุ่นแท้ๆ 2-3 คนที่เข้ามาก่อนหน้า รวมถึงสองสาวสวยในชุดยูกะตะที่เดินนำหน้าผมมาเท่านั้น

ผมชำระค่าเข้าชม 800เยน พร้อมกันนั้น เราจะได้คูปองน้ำชา และขนมหวาน 1 ชุด สำหรับจิบชาชมสวนตามรูปแบบเซน ถือเป็นหนึ่งในประสบการณ์พิเศษในการเดินทางทริปนี้ของผม ที่ไม่ต้องรีบร้อน ไม่ต้องเก็บให้ครบ แค่ได้นั่งสงบ ฟังเสียงธรรมชาติ จิบชา ก็สามารถช่วยกล่อมเกลาจิตใจ และความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง ตลอดจนผ่อนคลายจากปัญหาประจำวัน ได้เป็นอย่างดี

วัดโฮเซนอินเป็นวัดเล็กๆ จากข้อมูลใน Guide book พบว่าเดิมเป็นส่วนหนึ่งของวัดโชรินอินที่อยู่ติดกัน จุดเด่นของวัดนี้คือสวนเซน ที่มีต้นสน 5 ใบ ครับ…หลักๆของเราคือแค่มาชมต้นสนกัน ต้นสนต้นนี้มีอายุกว่า 700 ปี
ลักษณะพุ่มเป็นรูปลักษณะพิเศษแต่งให้สวยงามประดุจภาพภูเขาไฟฟูจี ซึ่งก็ต้องยอมรับกันตามตรงว่าผมนั่งอยู่นานเป็นชั่วโมงๆ ก็ยังไปไม่ถึงภูเขาไฟฟูจีสักที คราวหน้าคงต้องพยายามดูอีกครั้ง
ต้นสนใหญ่ที่ดูมีอายุเป็นประธานของสวน ที่เป็นเหมือนดังผู้เฒ่าที่คอยดูแลพืชพันธุ์น้อยใหญ่ น่าเลื่อมใส อบอุ่น ประกอบกับที่อายุมากและกิ่งก้านที่ใหญ่โตนั้นจึงต้องมีไม้ค้ำยันอยู่เหมือนกับไม้เท้า หากเราลองถอยหลังออกมาสักหน่อย ต้นสนจะเขียวเด่นอยู่ในกรอบของเสาและคานของอาคาร ทำให้เห็นเป็นกรอบภาพเหมือนเป็นภาพวาดบานใหญ่บนผนังงดงามมาก

ฝนเริ่มลงเม็ดแล้ว นักท่องเที่ยวยังคงติดฝนออกไปจากวัดนี้ไม่ได้ ทำให้ทุกคน ยังคงใช้เวลานั่งสงบที่โถงแห่งนี้อย่างเงียบๆ มีเสียงคุยกันเบาบาง บางคนหยิบกล้องมาถ่ายภาพความงามของใบไม้ต้องละอองฝน บางคนจิบชานั่งสงบชมสวน และผมก็ไม่พลาดโอกาสจะเก็บภาพ บรรยากาศ ชิมชามัทฉะรสดี พร้อมทั้งขนมญี่ปุ่นใส่ถั่วแดงกวนรสหวาน ทำสมาธิ สงบใจ ชมความงามของสวนอย่างเงียบๆเช่นกัน

ผมได้ยินมาว่า ฝ้าเพดานของวัดนี้ถูกรื้อมาจากปราสาทฟูชิมิ ที่เคยมีการสู้รบกันในปราสาทตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 คราบเลือดของเหล่าซามุไร ยังคงติดแผ่นกระดานนั้นอยู่จนทุกวันนี้ ผมแหงนหน้าขึ้นไปมอง คราบที่เคยเห็นในรายการทีวี หรือสารคดี จากสายตาผมวันนั้น คราบดูเลือนรางและจางลงไปมาก จนไม่สามารถจินตนาการได้ว่าอะไรเป็นอะไร อีกไม่กี่ปีผมคิดว่าคราบรอยจารึกจากอดีตนั้น คงจะค่อยๆเลือนรางไปอย่างแน่นอน หากใครมีโอกาสนะครับ รีบมาเก็บประวัติศาตร์เล็กๆด้วยสายตาตัวเองไว้ เก็บไว้ในใจก่อนที่รอยนั้นจะเลือนหายไปนะครับ
สวนสวยที่งดงามประดุจภาพวาดในกรอบไม้

กิ่งใบสนที่ต้องฝน สะท้อนวับวาวราวไข่มุก สิ่งเล็กๆในวันฝนตกที่ทำให้ใจเราชุ่มฉ่ำ
ซุยคินคุทสึ Suikinkutsu
ท่อไม้ไผ่ที่ยื่นมาจากระเบียง สามารถเอาหูแนบ เพื่อฟังเสียงน้ำหยดได้ เป็นเสียงที่เป็นจังหวะคล้ายเสียงดนตรี หรือนัยว่าจังหวะของการสวดมนต์ ซึ่งเกิดจากน้ำที่ล้นจากอ่างหินด้านบนผ่านรูที่เจาะไว้และตกลงไปยังภาชนะดินเผาที่ฝังไว้ใต้ดิน เมื่อหยดลงไปก็จะเกิดเสียงสะท้อนก้องกังวาน
https://en.wikipedia.org/wiki/Suikinkutsu

ฝนเริ่มหยุดตกแล้ว ผมเห็นทีจะต้องออกจากที่นี่แล้ว แต่ผมยังคงอ้อยอิ่ง ชมสวนหินด้านหน้าของห้องโถงหลัก ก่อนออกจากวัด

สวนที่ประดับไปด้วยใบเมเปิ้ลสีเขียวสดใสในฤดูร้อน

ดอกไม้สีสดใสในอ่างหิน

ความฉุ่มฉ่ำของใบไม้ในวันฝนตก

ปลาคราฟน้อยใหญ่แหวกว่ายไปมา เหมือนกับโบกมือลาให้กับแขกผู้มาเยือน
ผมเดินกลับมายังป้ายรถบัส เพื่อที่จะโทรศัพท์ติดต่อนัดหมายกับทางโรงแรมที่จองไว้ให้มารับ สำหรับเดินทางไปเก็บสัมภาระและพักผ่อนที่โรงแรม

ในปี 2004 เทศบาลเมืองโอฮาระได้รับอนุญาตให้เปิดเรียวกังได้ ซึ่งทั้งหมดมีเพียง 3 แห่งเท่านั้น คือ 2 แห่งใกล้วัดจัคโคอิน และอีกแห่งใกล้วัดซานเซ็นอิน ให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะมาพักค้างคืน แช่ออนเซ็น ห้องพักของผมอยู่ใกล้วัดจัคโคอิน มีความสะอาด สะดวกสบาย ด้วยห้องนอนแบบญี่ปุ่นที่มีฟูกและผ้าห่มนุ่มนวลหลับสบาย อาหารอร่อย แต่!ห้องอาบน้ำรวมนะครับ ใครจะมาใช้บริการต้องทำใจนิดนึงนะ^^

ผมวางกระเป๋าอย่างลวกๆ ไม่รอช้า ผมรีบสะพายกล้องคู่ใจออกเดินสำรวจ ลงจากเนินเขาฝั่งวัดจัคโคอิน เพื่อเข้าไปสัมผัสกับชาวบ้าน ในเวลาอันจำกัดแบบนี้ ผมขอเดินเล่น โดยมีเป้าหมายคือทุ่งนาที่สวยงามในยามเย็น
ภาพทุ่งนาอันเขียวสด สลับกับฟ้าหลังฝน ความชุ่มฉ่ำในฤดูร้อน อากาศที่เย็นสบาย ทำให้เดินเก็บภาพได้ไม่รู้เหนื่อย

ผมเดินลงจากเนินเขาที่ตั้งของโรงแรม ทักทายผู้คน พลางสนทนาถามทางคุณลุงใจดี

แปลงสีแดงเลือดหมูของใบชิโสะ Aka-shiso สลับกับสีเขียวของท้องทุ่ง เป็นสัญลักษณ์หนึ่งของเมืองโอฮาระครับ ของดอง Shiba Zuke ที่มีใบชิโสะแดงเป็นส่วนผสมถือเป็น OTOP 5 ดาว ของเมืองนี้เลยทีเดียว

แอบมองคุณป้าที่กำลังจัดการสวนของเขาอย่างขะมักเขม้น

พระอาทิตย์อัสดงในแถบชนบทของเกียวโต เป็นประสบการณ์และเป็นภาพที่งดงามยากจะลืมเลือน

ทุ่งนา ภูเขา ท้องฟ้า และลำธาร คือคำจำกัดความของโอฮาระ ในใจของผม

ท้องฟ้าหลังฝนช่างดูสวยงาม ผมเดินเรื่อยไปจนกระทั่งไปจรดถนนใหญ่แถวๆป้ายรถบัส ก็พบว่าเริ่มเย็นแล้ว จึงเดินกลับ พระอาทิตย์ยังไม่ตกดี แต่ก็สมควรแก่เวลา เพราะชนบทแบบนี้ กลางคืนมักจะมืดมากและเราไม่ชินทาง ผมเลือกที่จะกลับไปโรงแรมรับประทานอาหารท้องถิ่นอันโอชะ และแช่ออนเซ็นแสนสบาย ที่รอเราอยู่ดีกว่า…
ยามเช้า
ผมตื่นมาเวลาตี 4 ฟ้ายังมืด เมื่อคืนที่ผ่านมาฝนตกพร่ำๆ และอากาศหนาวเย็นมากอย่างประหลาดยากจะเชื่อว่าเป็นฤดูร้อน แต่ผมก็รีบตื่นอย่างกระฉับกระเฉง เพราะว่าหากเราโชคดี เราอาจจะได้เก็บแสงพระอาทิตย์ยามเช้าในเมืองชนบทแห่งนี้ก็ได้

น่าเสียดายที่ฟ้าไม่เป็นใจ เมฆฝนลอยอยู่เต็มฟ้า บดบังแสงแรกของวันอย่างสิ้นเชิง คงมีแต่เพียงแสงรอดรำไรให้เราได้ดีใจอยู่บ้างเล็กน้อย

ยามเช้าของที่นี่วิเศษมากครับ อากาศดี คุณลุงคุณป้าตื่นกันเช้ามาก มาเดินออกกำลังกายกันอย่างจริงจัง ผมว่าชาวบ้านที่นี่ต้องอายุยืนแน่ๆเลย เพราะอากาศดี พืชพันธุ์ธัญญาหารดี และดูไม่เครียดผ่านไปที่ไหนก็มีแต่คนยิ้มแย้มแจ่มใส
เดี๋ยวมาเล่าต่อนะครับ...
[CR] หนึ่งกล้องกับสองเท้า เดินช้า พาเที่ยวโอฮาระ เกียวโต กับความชุ่มฉ่ำในฤดูร้อน
โอฮาระ
ฤดูร้อน ในญี่ปุ่นคุณกำลังคิดถึงอะไรครับ สำหรับผม นอกจากงานเทศกาลรื่นเริง งานแห่แหน และพลุไฟแล้ว ธรรมชาติสีเขียวสด เสียงจิ้งหรีดเรไร ดอกไม้ที่แข่งกันออกดอกเปล่งสีสัน สายฝนอันฉ่ำเย็น กับกิจกรรมกลางแจ้งที่หลากหลาย ล้วนเป็นเสน่ห์เย้ายวนใจที่ยากที่จะปฏิเสธใจให้ได้ไปเยือนอีกสักครั้ง
โอฮะระ คือความคิดแรกที่เข้ามาในห้วงความคิด เมื่อตัดสินใจจองตั๋วเครื่องบินเพื่อกลับไป เยือนเมืองที่ร่ำรวยวัฒนธรรมเอกลักษณ์อันงดงามแห่งแดนอาทิตย์อุทัย...เกียวโต
โอฮะระ จากภาพในรายการทีวีเช่น At home with Venetia ทางช่อง NHK เป็นเมืองที่อยู่ในอ้อมกอดขุนเขา ชุ่มฉ่ำด้วยสายน้ำ และสีสันสดใสของแปลงนา ตลอดจนพืชผักสดที่อุดมสมบูรณ์ ความเขียวขจีของ พืชพันธุ์ และความงามของต้นไม่ใบหญ้า อากาศที่สดชื่น ล้วนเป็นสิ่งที่ผมอยากไปสัมผัสกับวิถีชนบท ของญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
Landing…สนามบินคันไซ เมื่อผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองแล้วนั้น ผมจับรถไฟชิงกันเซน Haruka คันเดิม เที่ยวที่เร็วที่สุด ไปยังสถานีเกียวโต เพื่อที่จะไปต่อรถบัส Kyoto Bus สีครีมคาดเลือดหมู สาย 17 Kyoto-Ohara ขึ้นนั่งได้ก็ หลับยาวไปสุดสาย...ครอก
แค่ 30นาทีเท่านั้น รถบัสจอดเทียบป้ายรถบัสปลายทาง สถานี Ohara แทบไม่น่าเชื่อสายตาตัวเอง ระยะทางจากสถานีเกียวโต ที่แสนขวักไขว่ทันสมัย ร้านรวงต่างๆ ผู้คนมากมาย เพียง19 กม. เท่านั้น บัดนี้ข้างทางช่างเวิ้งว้าง มีเพียงร้านท้องถิ่นเล็กๆ 2-3 ร้าน information center ที่ดูจะดีใจที่มีชาวต่างชาติอย่างผมไปถามทาง
โอฮาระ คือพื้นที่ชนบททางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองเกียวโต เป็นหมู่บ้านเกษตรกรรม ที่มีวัดสำคัญๆอยู่หลายแห่ง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวญี่ปุ่น เป็นเมืองชนบทที่แอบซ่อน ความงดงามทางวัฒนธรรมและสมบัติของชาติไว้ ให้นักเดินทางร้องว้าวววว เช่นกัน
วันนี้ท้องฟ้าอึมครึม ผมออกเดินตามป้ายบอกทางเล็กๆ ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามกับสถานีรถบัส เดินตามเส้นทางท่องเที่ยว เพื่อไปค้นหาหนึ่งในงดงามของโอฮะระ ทางเดินขึ้นไปยัง วัดซานเซ็นอิน (Sanzenin Temple) อันมีชื่อเสียง แต่ด้วยยามนี้เพื่อนๆนักท่องเที่ยวคับคั่งไปหน่อย เกินที่เราจะได้พบกับความสงบในสวนเซ็นดั่งที่คาดหวังไว้ ผมจึงเปลี่ยนแผนใหม่ เดินเลยออกไปสักนิด เพื่อไปให้ถึงยังเป้าหมายแห่งใหม่ วัดโฮเซนอิน (Hosenin Temple)
เส้นทางท่องเที่ยว เป็นทางเดินลาดยางแคบๆมุ่งสู่เนินเขา ตลอดสองข้างทางมีร้านสึเคะโมโนะ (ผักดองญี่ปุ่น) ที่เป็นสินค้า OTOP ของเมืองโอฮาระแห่งนี้ ร้านสินค้าเบ็ดเตล็ดและร้านอาหารตั้งเรียงรายอยู่เต็มไปหมด
ผมค่อยๆออกเดินไต่ขึ้นไปช้าๆ เผื่อสัมผัสบรรยากาศที่แสนสบาย ไม่น่าเชื่อว่า ยิ่งเดินขึ้นไป อากาศยิ่งเย็นลง ผิดกับอากาศในเมืองเกียวโตที่ร้อนอบอ้าวในช่วงสายที่ผ่านมา ผมรู้สึกขอบคุณพื้นที่แห่งนี้ที่มีภูเขา มีลำธาร และมีต้นไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้การเดินของผมชุ่มชื่นรื่นรมย์กว่าที่คิด
วัดโฮเซนอิน (Hosenin Temple)
หลังจากที่ผมเดินผ่านประตูใหญ่ของวัดชื่อดังอย่างซานเซ็นอิน(Sanzenin Temple)ไปได้สักหน่อย ให้พอให้รู้สึกฉงนใจว่า จะหลงรึเปล่า? จะเป็นทางตันหรือเปล่านะ? เราก็จะพบทางเข้าวัดเล็กๆ ที่ดูเงียบสงบ มีนักท่องเที่ยวที่เป็นชาวญี่ปุ่นแท้ๆ 2-3 คนที่เข้ามาก่อนหน้า รวมถึงสองสาวสวยในชุดยูกะตะที่เดินนำหน้าผมมาเท่านั้น
ผมชำระค่าเข้าชม 800เยน พร้อมกันนั้น เราจะได้คูปองน้ำชา และขนมหวาน 1 ชุด สำหรับจิบชาชมสวนตามรูปแบบเซน ถือเป็นหนึ่งในประสบการณ์พิเศษในการเดินทางทริปนี้ของผม ที่ไม่ต้องรีบร้อน ไม่ต้องเก็บให้ครบ แค่ได้นั่งสงบ ฟังเสียงธรรมชาติ จิบชา ก็สามารถช่วยกล่อมเกลาจิตใจ และความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง ตลอดจนผ่อนคลายจากปัญหาประจำวัน ได้เป็นอย่างดี
วัดโฮเซนอินเป็นวัดเล็กๆ จากข้อมูลใน Guide book พบว่าเดิมเป็นส่วนหนึ่งของวัดโชรินอินที่อยู่ติดกัน จุดเด่นของวัดนี้คือสวนเซน ที่มีต้นสน 5 ใบ ครับ…หลักๆของเราคือแค่มาชมต้นสนกัน ต้นสนต้นนี้มีอายุกว่า 700 ปี
ลักษณะพุ่มเป็นรูปลักษณะพิเศษแต่งให้สวยงามประดุจภาพภูเขาไฟฟูจี ซึ่งก็ต้องยอมรับกันตามตรงว่าผมนั่งอยู่นานเป็นชั่วโมงๆ ก็ยังไปไม่ถึงภูเขาไฟฟูจีสักที คราวหน้าคงต้องพยายามดูอีกครั้ง
ต้นสนใหญ่ที่ดูมีอายุเป็นประธานของสวน ที่เป็นเหมือนดังผู้เฒ่าที่คอยดูแลพืชพันธุ์น้อยใหญ่ น่าเลื่อมใส อบอุ่น ประกอบกับที่อายุมากและกิ่งก้านที่ใหญ่โตนั้นจึงต้องมีไม้ค้ำยันอยู่เหมือนกับไม้เท้า หากเราลองถอยหลังออกมาสักหน่อย ต้นสนจะเขียวเด่นอยู่ในกรอบของเสาและคานของอาคาร ทำให้เห็นเป็นกรอบภาพเหมือนเป็นภาพวาดบานใหญ่บนผนังงดงามมาก
ฝนเริ่มลงเม็ดแล้ว นักท่องเที่ยวยังคงติดฝนออกไปจากวัดนี้ไม่ได้ ทำให้ทุกคน ยังคงใช้เวลานั่งสงบที่โถงแห่งนี้อย่างเงียบๆ มีเสียงคุยกันเบาบาง บางคนหยิบกล้องมาถ่ายภาพความงามของใบไม้ต้องละอองฝน บางคนจิบชานั่งสงบชมสวน และผมก็ไม่พลาดโอกาสจะเก็บภาพ บรรยากาศ ชิมชามัทฉะรสดี พร้อมทั้งขนมญี่ปุ่นใส่ถั่วแดงกวนรสหวาน ทำสมาธิ สงบใจ ชมความงามของสวนอย่างเงียบๆเช่นกัน
ผมได้ยินมาว่า ฝ้าเพดานของวัดนี้ถูกรื้อมาจากปราสาทฟูชิมิ ที่เคยมีการสู้รบกันในปราสาทตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 คราบเลือดของเหล่าซามุไร ยังคงติดแผ่นกระดานนั้นอยู่จนทุกวันนี้ ผมแหงนหน้าขึ้นไปมอง คราบที่เคยเห็นในรายการทีวี หรือสารคดี จากสายตาผมวันนั้น คราบดูเลือนรางและจางลงไปมาก จนไม่สามารถจินตนาการได้ว่าอะไรเป็นอะไร อีกไม่กี่ปีผมคิดว่าคราบรอยจารึกจากอดีตนั้น คงจะค่อยๆเลือนรางไปอย่างแน่นอน หากใครมีโอกาสนะครับ รีบมาเก็บประวัติศาตร์เล็กๆด้วยสายตาตัวเองไว้ เก็บไว้ในใจก่อนที่รอยนั้นจะเลือนหายไปนะครับ
สวนสวยที่งดงามประดุจภาพวาดในกรอบไม้
กิ่งใบสนที่ต้องฝน สะท้อนวับวาวราวไข่มุก สิ่งเล็กๆในวันฝนตกที่ทำให้ใจเราชุ่มฉ่ำ
ซุยคินคุทสึ Suikinkutsu
ท่อไม้ไผ่ที่ยื่นมาจากระเบียง สามารถเอาหูแนบ เพื่อฟังเสียงน้ำหยดได้ เป็นเสียงที่เป็นจังหวะคล้ายเสียงดนตรี หรือนัยว่าจังหวะของการสวดมนต์ ซึ่งเกิดจากน้ำที่ล้นจากอ่างหินด้านบนผ่านรูที่เจาะไว้และตกลงไปยังภาชนะดินเผาที่ฝังไว้ใต้ดิน เมื่อหยดลงไปก็จะเกิดเสียงสะท้อนก้องกังวาน https://en.wikipedia.org/wiki/Suikinkutsu
ฝนเริ่มหยุดตกแล้ว ผมเห็นทีจะต้องออกจากที่นี่แล้ว แต่ผมยังคงอ้อยอิ่ง ชมสวนหินด้านหน้าของห้องโถงหลัก ก่อนออกจากวัด
สวนที่ประดับไปด้วยใบเมเปิ้ลสีเขียวสดใสในฤดูร้อน
ดอกไม้สีสดใสในอ่างหิน
ความฉุ่มฉ่ำของใบไม้ในวันฝนตก
ปลาคราฟน้อยใหญ่แหวกว่ายไปมา เหมือนกับโบกมือลาให้กับแขกผู้มาเยือน
ผมเดินกลับมายังป้ายรถบัส เพื่อที่จะโทรศัพท์ติดต่อนัดหมายกับทางโรงแรมที่จองไว้ให้มารับ สำหรับเดินทางไปเก็บสัมภาระและพักผ่อนที่โรงแรม
ในปี 2004 เทศบาลเมืองโอฮาระได้รับอนุญาตให้เปิดเรียวกังได้ ซึ่งทั้งหมดมีเพียง 3 แห่งเท่านั้น คือ 2 แห่งใกล้วัดจัคโคอิน และอีกแห่งใกล้วัดซานเซ็นอิน ให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะมาพักค้างคืน แช่ออนเซ็น ห้องพักของผมอยู่ใกล้วัดจัคโคอิน มีความสะอาด สะดวกสบาย ด้วยห้องนอนแบบญี่ปุ่นที่มีฟูกและผ้าห่มนุ่มนวลหลับสบาย อาหารอร่อย แต่!ห้องอาบน้ำรวมนะครับ ใครจะมาใช้บริการต้องทำใจนิดนึงนะ^^
ผมวางกระเป๋าอย่างลวกๆ ไม่รอช้า ผมรีบสะพายกล้องคู่ใจออกเดินสำรวจ ลงจากเนินเขาฝั่งวัดจัคโคอิน เพื่อเข้าไปสัมผัสกับชาวบ้าน ในเวลาอันจำกัดแบบนี้ ผมขอเดินเล่น โดยมีเป้าหมายคือทุ่งนาที่สวยงามในยามเย็น
ภาพทุ่งนาอันเขียวสด สลับกับฟ้าหลังฝน ความชุ่มฉ่ำในฤดูร้อน อากาศที่เย็นสบาย ทำให้เดินเก็บภาพได้ไม่รู้เหนื่อย
ผมเดินลงจากเนินเขาที่ตั้งของโรงแรม ทักทายผู้คน พลางสนทนาถามทางคุณลุงใจดี
แปลงสีแดงเลือดหมูของใบชิโสะ Aka-shiso สลับกับสีเขียวของท้องทุ่ง เป็นสัญลักษณ์หนึ่งของเมืองโอฮาระครับ ของดอง Shiba Zuke ที่มีใบชิโสะแดงเป็นส่วนผสมถือเป็น OTOP 5 ดาว ของเมืองนี้เลยทีเดียว
แอบมองคุณป้าที่กำลังจัดการสวนของเขาอย่างขะมักเขม้น
พระอาทิตย์อัสดงในแถบชนบทของเกียวโต เป็นประสบการณ์และเป็นภาพที่งดงามยากจะลืมเลือน
ทุ่งนา ภูเขา ท้องฟ้า และลำธาร คือคำจำกัดความของโอฮาระ ในใจของผม
ท้องฟ้าหลังฝนช่างดูสวยงาม ผมเดินเรื่อยไปจนกระทั่งไปจรดถนนใหญ่แถวๆป้ายรถบัส ก็พบว่าเริ่มเย็นแล้ว จึงเดินกลับ พระอาทิตย์ยังไม่ตกดี แต่ก็สมควรแก่เวลา เพราะชนบทแบบนี้ กลางคืนมักจะมืดมากและเราไม่ชินทาง ผมเลือกที่จะกลับไปโรงแรมรับประทานอาหารท้องถิ่นอันโอชะ และแช่ออนเซ็นแสนสบาย ที่รอเราอยู่ดีกว่า…
ยามเช้า
ผมตื่นมาเวลาตี 4 ฟ้ายังมืด เมื่อคืนที่ผ่านมาฝนตกพร่ำๆ และอากาศหนาวเย็นมากอย่างประหลาดยากจะเชื่อว่าเป็นฤดูร้อน แต่ผมก็รีบตื่นอย่างกระฉับกระเฉง เพราะว่าหากเราโชคดี เราอาจจะได้เก็บแสงพระอาทิตย์ยามเช้าในเมืองชนบทแห่งนี้ก็ได้
น่าเสียดายที่ฟ้าไม่เป็นใจ เมฆฝนลอยอยู่เต็มฟ้า บดบังแสงแรกของวันอย่างสิ้นเชิง คงมีแต่เพียงแสงรอดรำไรให้เราได้ดีใจอยู่บ้างเล็กน้อย
ยามเช้าของที่นี่วิเศษมากครับ อากาศดี คุณลุงคุณป้าตื่นกันเช้ามาก มาเดินออกกำลังกายกันอย่างจริงจัง ผมว่าชาวบ้านที่นี่ต้องอายุยืนแน่ๆเลย เพราะอากาศดี พืชพันธุ์ธัญญาหารดี และดูไม่เครียดผ่านไปที่ไหนก็มีแต่คนยิ้มแย้มแจ่มใส
เดี๋ยวมาเล่าต่อนะครับ...