ตามรอยง้อเพราะรัก เพื่อบอกลา

กระทู้สนทนา
============

เรื่อง …. เศษเสี้ยวส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณที่ยังเหลืออยู่


ผมเพิ่งฆ่าคนตาย …. ในมือผมถือมีดอีโต้เล่มใหญ่เปรอะเปื้อนเลือดแดงฉานหยดเลือดหยดลงบนพื้นเป็นสายธารแห่งสายใยชีวิตที่ขาดสะบั้นไปเพียงไม่นานมานี้เอง

ผมกำลังเดิน เดินไปไหนก็ได้ เดินไปให้ไกลจากซากศพไร้วิญญาณของไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ซึ่งบังเอิญมาขวางทางความสุขของผม ผมจัดการมันด้วยการใช้มีดอีโต้ฟันฉับเข้ากลางหน้าผากและถีบเข้าที่ท้องของมันเพื่อดึงมีดอีโต้คู่ใจออกจากหัวไอ้บ้าไร้ยางอาย อยู่ดีไม่ว่าดีทะลึ่งมาขัดจังหวะความสุขของผมต้องเจอแบบนี้ละ

ผมได้ยินเสียงผู้คนกรีดร้อง เสียงหวอรถพยาบาลและรถตำรวจกำลังมุ่งหน้ามาทางผม ได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งตะโกนใส่ผมและเห็นเขากำลังเล็งปืนมาทางผม นั่นไง..ไอ้พวกโลกสวยคิดจะฆ่าผม ผมยกมีดอีโต้ใส่มันเดินเข้าหา ปากตะโกน

“ออกไป อย่ามายุ่งกับกู”  ผมพูดแบบนั้นและยิ้มกริ่มในหัวใจเพราะมันรีบถอยล่ากลับไปทันที

ผมกวาดมีดเป็นวงกลม หมุนซ้ายหมุนขวาชี้มีดใส่ไทยมุงซึ่งเริ่มมีมากขึ้นจนผมแปลกใจ มันจะอะไรนักหนาก็แค่ช่วยลดปริมาณประชากรโลกไปคนหนึ่ง พวกเขาน่าจะยินดีกับสิ่งที่ผมทำ แต่ผิดถนัด พวกไทยมุงกำลังตะโกนด่าสาปแช่ผม ตำรวจหลายนายกำลังเล็งปืนมาทางผม ปากตะโกนบอกให้ผมวางมีดลง แต่ผมไม่โง่ทำตามที่พวกตำรวจบอกเด็ดขาด

“วางมีดลงพวกแกจะได้จับฉันเข้าซังเตนะซิ” ผมตะโกนบอกตำรวจ เดินถือมีดฟันฉับๆใส่อากาศธาตุอย่างบ้าคลั่ง

ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจไอ้คนพวกนี้เลยจริงๆ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้ผมเพิ่งอยู่บนสรงสวรรค์ ล่องลอยอยู่ในอากาศ มีสาวงามแสนสวยห้อมล้อม มีเสียงเพลงโครตจะไพเราะขับกล่อมผมให้เคลิบเคลิ้ม หัวใจผมเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขสมซึ่งหาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว และโลกสวรรค์ก็เริ่มจะพังทลายลง เมื่ออาการร้อนรุ่มปวดแสบทรมานที่ช่วงอกกำเริบ มือไม้ผมสั่นเทา ดวงตาพร่ามัวมองเห็นผนังบ้านขยับเคลื่อนไหวราวกับว่ามันมีชีวิต หัวใจผมเต้นเร็วขึ้นอย่างน่าหวาดกลัว ไม่ได้การแล้ว ผมต้องการยาเม็ดสีส้มสีสดใสอีกสักเม็ด เพื่อยุติอาการบ้าบอชวนให้ประสามเสียเช่นนี้

ผมรื้อค้นสิ่งของภายในบ้านกระจุยกระจายเพื่อหาเศษเงิน ที่อาจจะมีอยู่บ้างในบ้างโทรมๆหลังนี้ แต่แล้วความหวังของผมก็พังครืนเมื่อประจักษ์แล้วว่าบ้านหลังนี้ไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียว

แต่ผมรู้ว่าจะต้องไปหาเงินมาจากที่ไหน ผมเดินมุ่งหน้าไปตลาดสดข้างทางรถไฟ และตรงลิ่วไปยังแผงลอยขายผักสด

“แม่ขอเงินหน่อย” ผมแบมือออกไปตรงหน้าแม่ค้าหน้าเหี่ยว ร่างกายผอมแห้งไม่ต่างจากโครงกระดูกเดินได้

“แม่ไม่มีเงินหรอกนะ วันนี้ยังขายของไม่ได้เลย”

“อย่ามาโกหกหน่อยเลยแม่ ออกมาขายของตั้งแต่เช้า ป่านนี้จะไม่มีเงินได้ยังไง เอาเงินมาให้ผมเดี๋ยวนี้เลยนะ” ผมพูดเสียงดังใส่แม่ค้าหน้าเหี่ยว โดยไม่สนใจสายตาหลายคู่ที่มองมายังผมด้วยแววเกลียดชัง

“กินข้าวหรือยังล่ะลูก เอานี่แม่ซื้อข้าวกล่องไว้ให้”

“มาขอเงินโว้ย ไม่ได้มาขอข้าวกิน” ผมปัดกล่องข้าวด้วยอารมณ์ไม่พอใจ กล่องโฟมเปิดออก ข้าวกระเด็นใส่กองผักสดบนแผงลอยก่อนจะร่วงลงพื้นแตกกระจายเป็นวงกว้าง

“เอาเงินมาให้ผมดีๆนะแม่ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”  ผมยื่นคำขาด ในหัวของผมคิดถึงยาสวรรค์เม็ดสีส้มเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เมื่อร้องขอเท่าไรก็ไม่ได้เงินตามที่ต้องการ ผมใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด ด้วยการจับผักสดทุกชนิดเขวี้ยงลงพื้นดิน และเพื่อให้สาแก่ใจผมใช้เท้าบดขยี้เหยียบผักสดจนแหลกละเอียดคาเท้า
เสียงร่ำไห้และเสียงตะโกนบอกให้หยุดของแม่ค้าหน้าเหี่ยว ไม่ได้ทำให้ผมหยุดพฤติกรรมล้างผลาญผักสด ผมเดินอ้อมไปด้านหลังแผงลอย ดึงกระชากผ้ากันเปื้อนออกมาจากตัวแม่ค้าหน้าเหี่ยว คว้านหาเงินในกระเป๋าผ้ากันเปื้อนและได้มาหนึ่งร้อยห้าสิบบาท

“ไหนบอกว่าไม่มีเงินไง”

“แม่ก็มีแค่นี้ละลูก เอาไว้ทอนให้ลูกค้า แม่ขอเงินคืนนะอย่าเอาไปเลย”

เสียงสั่นเครือร้องขอเงินคืนของแม่ค้าหน้าเหี่ยวไม่ทำให้ผมใจอ่อน

“ไม่มีของขายแล้วก็ไม่ต้องเก็บเงินไว้ทอน ผมขอละกัน”

“คืนเงินให้แม่เถอะลูก อย่าเอาไปเลย เก็บไว้ซื้อข้าวกินตอนเย็นดีกว่านะลูกนะ อย่าไปยุ่งกับยานรกพวกนั้นเลยแม่ขอร้อง”

แม่ค้าหน้าเหี่ยวจับแขนผมไว้แน่น ดวงตาแดงก่ำหยาดน้ำตาหลั่งรินไหลมาเป็นสายธารน่าสงสารสุดจะบรรยาย ทว่าผมไม่ใสใจหรอกบังอาจมาว่ายาสวรรค์ของผมเป็นยานรก มันน่าเจ็บใจซะมัด ผมสลัดแขนตัวเองให้หลุดพ้นจากพันธนการโครงกระดูกเดินหน้าตรงหน้า เป็นผลทำให้โครงกระดูกเดินได้ล้มก้นจ้ำเป้าไปอย่างง่ายได้ ทั้งที่ผมก็ไม่ได้ทำรุนแรง แต่ก็คงเจ็บไม่น้อยไม่อยากดูสังขารตัวเอง ช่วยไม่ได้

ผมส่ายหน้าอย่างเหนื่อยอ่อนแล้วรีบเดินหนีออกมาด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่แม่ค้าหน้าเหี่ยวจะลุกขึ้นมาแย่งเงินผมไป
ผมได้ยาสวรรค์มาครอบครองด้วยเงินร้อยห้าสิบบาท ส่วนที่เหลือผมบอกพวกที่ขายว่าเดี๋ยวเอามาจ่ายให้ทีหลัง ผมสนิทกับไอ้พวกนี้เรื่องติดเงินเล็กๆน้อยๆจึงไม่ค่อยมีปัญหาสำหรับผม สบายๆสไตล์คนแวดวงเดียวกัน

ผมกินยานั้นอย่างรวดเร็วด้วยอาการเสี้ยนหนักหรือเกือบจะลมแดงตายไปเลยก็ว่าได้ เคลิบเคลิ้มบนสรวงสวรรค์ล่องลอยเบาหวิว สบายกายสบายใจจนบอกไม่ถูก รู้สึกระปรี้กระเปร่าอยากทำอะไรบ้างแล้ว แต่ยังนึกไม่ออก จึงทำได้เพียงนั่งเหม่อมองไปยังถนนเคว้งคว้างไร้ผู้คน

สายตาเหลือบไปเห็นใครบางคนเดินถือไม้หน้าสามตรงลิ่วมาที่ผม

“ไอ้โต้ ติดเงินกูมาสามเดือนแล้วจะจ่ายมาดีๆหรือจะให้สร้างกำลัง”  นั่นไงเจ้าหนี้รายใหญ่ของผมมาทวงเงินแล้ว

“กูไม่จ่ายโว้ย”

เจ้าหนี้รายใหญ่ของผมมันไม่พูดมากให้เสียเวลา ยกไม้หน้าสามกระหน่ำฟาดใส่ผมอย่างบ้าคลั่ง ผมตะเกียกตะกายลุกขึ้นต่อสู้ ผมเป็นรองเพราะไม่มีอาวุธใดในมือเลย ไม้ท่อนนั้นฟาดใส่ใบหน้า แขน ขา ลำตัว ผมได้แต่ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดทรมาน ผมหนีตายเข้าดงหญ้าข้างทาง วิ่งไปไม่รู้ทิศเหนือใต้จนสะดุดตอไม้ล้มคะมำ เจ้าหนี้วิ่งตามมาติดๆ เตรียมท่าจะยกไม้ตีเข้ากลางหลังผม สายตาผมมองเห็นมีดอีโต้เล่มใหญ่ สภาพยังดีอยู่ มีสนิมขึ้นเล็กน้อย แต่ก็คงเหลือความคมเห็นมันอยู่ใกล้ๆมือผมนี้เอง ทันเท่าความคิดผมคว้ามีดอีโต้ พลิกตัวอย่างรวดเร็วแล้วฟันฉับไปที่แขนของเจ้าหนี้ ความเจ็บปวดทำให้เขาต้องปล่อยท่อนไม้ทิ้งไป แล้ววิ่งหนีไปยังถนนเส้นใหญ่ ผมควงมีดอีโต้วิ่งตามมาติดๆ

ผมกับเจ้าหนี้ยืนประจันหน้ากัน คราวนี้ผมเหนือกว่าเพราะมีอาวุธอยู่ในมือ

“กูจะฆ่า” เจ้าหนี้ตะโกนใส่ผมอย่างไม่หวาดกลัวมีดอีโต้ในมือคู่ตรงข้าม

“กูต่างหากจะฆ่า หลีกทางไปถ้าไม่อยากตาย และอย่ามาทวงเงินกูอีก แล้วกูจะไม่ไว้ชีวิต” ผมควงมีดอีโต้โชว์ข่มขู่คู่ต่อสู้เสียหน่อย

"หึ อย่าง จะทำอะไรใครได้ ไอ้ขี้ยา”

เจ้าหนี้มันไม่ยอมหลีกทางให้ผมง่ายๆ มือหนึ่งล้วงหยิบวัตถุสีดำข้างเอว และยังไม่ทันที่เจ้าหนี้ได้ดึงวัตถุดังกล่าวออกมา ผมก็จัดการฟันมีดอีโต้เข้ากลางหน้าผากมัน ก่อนที่มันจะยิงผมตาย

เสียงกรีดร้องดังสะนั่นดึงสติผมกลับมา ดึงกลับมาได้ไม่มากหรอก แต่ก็พอจะรับรู้ได้ว่า ตอนนี้ผมอยู่ท่ามกลางวงล้อมไทยมุง พวกเขาล้อมผมไว้ตรงกลาง ราวกับกำลังรอให้ผมแสดงการร่ายรำมีดอีโต้ให้เห็นเป็นบุญตา แต่ผมไม่มีอารมณ์จะรำมีดอีโต้ให้ใครดูหรอก ผมทำได้เพียงกวาดมีดอีโต้ชี้หน้าใส่ไทยมุงตามคำบัญชาของยาสวรรค์ ด้วยอารมณ์โมโหโกรธแค้นและคลุ่มคลั่ง ผมสาบานเลยว่าถ้าใครเข้ามาใกล้ผม ผมจะจัดการมันแบบเดียวกับที่ผมทำกับเจ้าหนี้รายนั้น


“ออกไป ออกไปให้พ้นอย่ามายุ่งกับกู” ผมตะหวาดใส่ไทยมุง แต่ก็บางคนไม่เกรงกลัวยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิปวีดีโอด้วยความสนุกสนาน  ไม่สนใจมีดอีโต้ในมือผมเลย พวกเขามัวแต่ถ่ายรูปและอัดคลิปโดยมิได้เสียอกเสียใจกับการตายของเจ้าหนี้เลยแม้แต่น้อย ก็แน่ละ ผมรู้ดี คนอย่างพวกผมเป็นได้เพียงขยะสังคมที่คนรังเกียจ ไม่สมควรเกิดมาด้วยซ้ำ ยาสวรรค์สั่งการให้สมองผมคิดแบบนั้น และกระซิบบอกอีกว่าไม่นานคนพวกนี้จะเข้ามารุมกระทืบผม
โหมกระหน่ำให้อารมณ์เกรี้ยวกราดของปะทุรุนแรง ผมเดินมือมีดอีโต้ฟันฉับๆใส่ไทยมุง พวกเขากรีดร้องและวิ่งหนีไปคนละทิศทาง

ตำรวจหลายนายยังเล็งปืนมาที่ผม แต่ยังไม่ยิง คงรอจังหวะ ผมรู้ พวกตำรวจไม่เอาผมไว้แน่

“โต้ วางมีดลงเถอะลูก วางมีดลงเถอะนะลูกรักของแม่” เสียงแหบแห้งโหยหวนชวนให้น่าสงสารแว่วเข้าหูผม จนต้องหันไปมองต้นตอเสียง นั่งไง แม่ค้าหน้าเหี่ยวยืนร้องไห้น้ำตาอาบแก้ม ปากพึมพำอ้อนวอนให้ผมวางมีดล

“ลูกรักของแม่ วางมีดลงแล้วยอมมอบตัวกับตำรวจเถอะนะลูกนะ” เสียงสั่นเครือของแม่ค้าหน้าเหี่ยวดังแบบต่อเนื่อง ร่างกายของคนพูดเริ่มยืนไม่ตรงเซไปซ้ายทีขวาที ก่อนร่างจะอ่อนยวบทรุดลงไปนั่งบนพื้นถนน น้ำตาเอ่อนองสะอื้นไห้อย่างน่าเวทนา

“แม่” คำพูดแผ่วเบาลอดไรฟันออกมาจาปากผม มือที่ยกมีดอีโต้ค้างไว้ค่อยๆลดระดับลง พลังเหนือธรรมชาติบางอย่างทำให้มือไม้ของผมอ่อนแรงโดยไม่รู้สาเหตุ

“แม่” ผมยังพึมพำพูดคำนั้นกับตัวเองราวกับกำลังนึกคิดถึงบางสิ่งบางอย่างที่กำลังดึงจิตวิญญาณด้านดีของผมออกมาซึ่งมีน้อยเหลือเกิน ผมมองไปยังแม่ค้าหน้าเหี่ยวแล้วรู้สึกว่าหัวใจผมกำลังร้องไห้ตามหล่อน ทว่าร่างกายกับสมองกลับมิได้ทำตามคำร้องขอของหัวใจ หัวใจร้องโหยหาแม่ค้าหน้าเหี่ยวมากมายเสียจนผมประหลาดใจกับความรู้สึกนี้ ผมอยากได้อ้อมกอดอันแสนอบอุ่นและปลอดภัยจากเธอ แต่ผมทำได้เพียงยืนนิ่งแช่แข็งตัวเองราวกับเป็นหุ่นขี้ผึ้งเสมือนจริง

ทุกอย่างรอบตัวผมหยุดนิ่ง ผมไม่รับรู้อะไรอีกเลยจนกระทั่งมีร่างใหญ่กำยำกระโจนเข้าล็อคแขนผม มีดอีโต้ร่วงหล่นลงพื้น ร่างใหญ่ผลักผมนอนคว่ำกับพื้น ตำรวจอีกสองนายวิ่งกรูเข้ามาจับแขนผมไพล่หลังก่อนจะกุญแจมือ ผมดิ้นทุรนทุรายและตะโกนด่าทอ

“ยอมให้ตำรวจจับดีๆนะลูก”  แม่ค้าหน้าเหี่ยวที่แม้แต่สังขารตัวเองยังเอาไม่รอด ก็อุตส่าห์ตะโกนบอกผม นึกแล้วก็โมโห ผมยอมให้ตำรวจจับลากขึ้นรถเพราะหมดแรงจะต่อสู้แล้ว ไม่ได้สนใจคำบอกของแม่ค้าหน้าเหี่ยวนางนั้นเลย

“แม่ แม่ช่วยผมด้วย” ผมตะโกนไล่หลังก่อนที่รถตำรวจจะค่อยๆเคลื่อนตัวออกไป ผมเห็นแม่พยักหน้างึกๆก่อนที่ร่างน้อยๆจะเป็นลมล้มตึงไป
ผมพยายามดิ้นให้หลุดจากการจับกุม

“แม่ แม่ แม่” ผมร้องตะโกนได้เพียงเท่านั้น ตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนพร้อมจะกระโดดลงจากรถ แต่ถูกตำรวจสองนายดึงร่างผมให้กลับมานั่งที่เดิม และเหวี่ยงกำปั้นใส่หน้าผมเต็มแรง ผมล้มลงพยายามยันกายให้ลุกนั่งเพื่อหันไปมองแม่อีกครั้ง ยังไม่ทันตั้งตัวกำปั้นหมัดที่สองก็ปะทะใส่หน้าผม ก่อนที่สติสัมปชัญญะของผมจะดับวูบลง ผมอยากบอกตำรวจสองนายนั่นว่า “ผมไม่ได้คิดจะหนี ผมจะลงไปดูแม่และพาแม่กลับบ้าน”

==========

ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนมาอ่านค่ะ อาจจะไม่ได้เข้ามาตอบคอมเม้นต์ ขออภัยด้วยนะคะ
พิมพ์ไปน้ำตาก็ร่วงอยู่
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่