กรงวิวาห์ซาตาน ตอนที่ 3/2

กระทู้สนทนา
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



ตอนที่ 1/1 http://pantip.com/topic/35410199
ตอนที่ ½ http://pantip.com/topic/35415075
ตอนที่ 2/1 http://pantip.com/topic/35420931
ตอนที่ 2/2 http://pantip.com/topic/35424607
ตอนที่ 2/3 http://pantip.com/topic/35428585
ตอนที่ 3/1 http://pantip.com/topic/35432013

เมื่อเดินเข้ามาในห้องอาหาร ราฮีมก็เลื่อนเก้าอี้ให้ฟาติมานั่ง จากนั้นก็เดินไปเลื่อนเก้าอี้ตรงหัวโต๊ะซึ่งเป็นที่ประจำของเขา
    เธอยิ้มน้อยๆ รู้สึกดีกับการที่ราฮีมเอาใจใส่ ดูแล
    เคยได้ยินมาว่า หนุ่มอาหรับจะเทคแคร์ผู้หญิงของเขาราวกับเจ้าหญิง นั่นคงเป็นความจริงสินะ
    “กินนี่สิ”เขายกจานสีทองซึ่งมีแป้งแผ่นบางๆ มาให้
    ฟาติมายื่นมือไปหยิบแป้งย่างนั้นมาหนึ่งแผ่น
    “จาปาตีเหรอคะ”เธอถามเพื่อความแน่ใจ
    “ใช่ ใช้กินกับแกงเครื่องเทศอาหรับ”ราฮีมบอก พร้อมทั้งตักแกงไก่สีเหลืองใส่จานให้เธอ
    “หน้าตาคล้ายแกงมัสมั่นของไทยเลย”ฟาติมากล่าว
    “ลองชิมดูสิ อร่อยไหม”
    “ค่ะ”เธอทำตาม
    “อร่อยหรือเปล่า”
    “อืม”ฟาติมาพยักหน้า “รสชาติก็คล้ายๆ กัน”
    “ลองอย่างอื่นสิ”เขายื่นมือไปตักอาหารอื่นให้เธอ
    “คุณก็กินด้วยสิคะ”ฟาติมายิ้มให้
    “หึ!”ราฮีมยิ้มสบตาเธอ
    ไม่รู้ทำไม แค่ได้เห็นเธอกิน เขาก็มีความสุข แล้วพลอยอิ่มไปด้วย
    
    “ปกติอาหารจะเยอะทุกมื้อแบบนี้เลยเหรอ”ฟาติมาถาม เพราะเมื่อเช้าบนโต๊ะอาหารของเธอก็มีให้เลือกกินเป็นสิบอย่าง แล้วนี่ก็อีก มีไม่ต่ำกว่าสิบอย่างอีกแล้ว
    “ใช่ เป็นปกติของที่นี่”
    “เป็นปกติของที่ดูไบนี่ หรือเป็นปกติของบ้านนี้กันแน่คะ”
    “ปกติของบ้านนี้ แต่บ้านคนที่รู้จักคนอื่นๆ ก็มีหลายบ้านที่แต่ละมื้อก็กินกันแบบนี้”ราฮีมกล่าว
    “นี่สินะ ชีวิตของพวกมหาเศรษฐี”เธอพยักหน้าน้อยๆ “กินดี อยู่ดี ชีวิตใช้แต่ของดีๆ ทุกอย่างในชีวิต ล้วนอู้ฟู่”
    “ถือซะว่า มันคือรางวัลของชีวิตก็แล้วกัน”เขายิ้มให้ “ออ จริงสิ”
    “อะไรคะ”
    “คิดไว้หรือยังว่าอยากจะไปฮันนี่มูนที่ไหน”ราฮีมถาม
    “แต่เราแต่งกันภายใต้เงื่อนไขเท่านั้นนะ ไม่จำเป็นต้องไปฮันนี่มูนหรอก”
    “ได้ไง แต่งงานกันแล้วก็ต้องทำให้เหมือนชีวิตแต่งงานหน่อยสิ”
    “ฉันอยากจะไปทะเลทราย”เธอบอก
    “หืม!”เขามองอย่างอึ้งๆ “ฮันนี่มูนกันในทะเลทราย”
    “ค่ะ”
    “งั้นก็เตรียมตัวไว้ เราจะไปกันพรุ่งนี้เลย”
    “อะไรจะเร็วขนาดนั้น”
    “ฉันว่างหนึ่งอาทิตย์ หลังจากนั้นก็ต้องลุยงานต่อ”ราฮีมกล่าว “เราต้องบริหารเวลาภายในเจ็ดวันนี้โดยไปฮันนีมูนกันสามถึงสี่วัน แล้วก็ต้องไปอาบูดาบีเพื่อเยี่ยมครอบครัวฉันอีกไม่สามก็สี่วัน”
    “ค่ะ”ตอนนี้ฟาติมารู้แล้วว่า ทำไมราฮีมต้องมีเครื่องบินส่วนตัว นั่นเพราะ เขามีธุระเยอะ ต้องไปนั่นมานี่ตลอด ดังนั้น การมีเครื่องบินส่วนตัว จึงทำให้เขาไปไหนมาไหนได้สะดวกนั่นเอง อีกทั้ง ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าน้ำมัน ..เพราะบริษัทของเขาผลิตเอง

    “เดี๋ยวกินเสร็จ เราออกไปข้างนอกกัน”ราฮีมบอก
    “ไปไหนคะ”
    “ฉันมีของขวัญแต่งงานจะมอบให้เธอ”
    “แค่เครื่องเพชรที่ให้มานี่ยังไม่ใช่ของขวัญอีกเหรอคะ”ฟาติมาถาม
    “มันเป็นสิ่งจำเป็น เธอจำเป็นต้องใช้”
    “ ..”ฟาติมาได้แต่มองอย่างงงๆ คิดไม่ออกว่ามันคืออะไร

*______________________*

    หลังจากกินเสร็จ และออกมาดูของขวัญที่ราฮีมมอบให้ ฟาติมาก็ได้เห็นแล้วว่ามันคืออะไร
    “คันนี้ฉันซื้อให้เธอ”เขายื่นกุญแจไปให้ “ลองขับดูสิ ชอบไหม”
    “นี่มัน รถยี่ห้ออะไรคะ ฉันไม่รู้จัก”
    “บูกัตติ เวย์รอน”
    “ยี่ห้อไม่คุ้นเลย”เธออยากรู้ข้อมูลเกี่ยวกับรถที่กำลังจะเป็นเจ้าของมากขึ้น “คือ จริงๆ ฉันก็รู้ว่า มันไม่สมควรที่จะถามถึงราคาสิ่งของที่คนอื่นมอบให้ แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วฉันก็อยากรู้นะว่ามันราคาเท่าไหร่”
    “หึ!”ราฮีมมองไปยังรถซูปเปอร์คาร์ที่เขาซื้อให้เธอ “ถ้าเธออยากรู้ ฉันก็จะบอก”
    “ ..”ฟาติมารอฟังอย่างตั้งใจ
    “2.6 ล้านเหรียญ”
    “อะไรนะ!”สมองเธอรีบแปลงตัวเลขโดยคูณเป็นเงินไทยอย่างคร่าวๆ แล้วตกคันละเกือบแปดสิบล้านบาท
    ให้ตายเถอะ! ภายในวันเดียวเธอรับทรัพย์จากเขามาหลายร้อยล้านบาท
    เธอไม่ได้ตั้งใจจะมาตกถังข้าวสาร ..ที่แต่งงานกับเขาก็เพราะแค่อยากจะมาอยู่ดูไบ เพื่อจะตามหาพ่อได้อย่างสะดวกเท่านั้นเอง
    แต่นี่อะไร มันไม่ได้เป็นไปตามที่ตั้งใจไว้เลย
    แล้วอย่างนี้ เขาจะคิดว่าเธอมาปอกลอกหรือเปล่านะ

    “คือ มันแพงเกินไป ฉันขออนุญาตไม่รับไว้ได้ไหม”
    “ก็ฉันซื้อมาแล้วนี่ รถเป็นชื่อเธอแล้วด้วย ..แล้วเธอจะให้ฉันทำไง”เขามองมาอย่างต้องการคำตอบ
    “เอ่อ ..”ฟาติมาไม่อาจปฏิเสธได้อีก “งั้นก็ ..ขอบคุณมากค่ะ”
    “ลองขับรถเล่นกันดีกว่า”ราฮีมเดินไปเปิดประตูด้านคนขับ เพื่อรอให้เธอเข้ามานั่ง
    “ ..”ฟาติมาจำต้องเข้าไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับ โดยทีเขาเดินไปเปิดประตูด้านฝั่งตรงข้าม แล้วนั่งไปข้างๆ เธอ
    และสิ่งที่ฟาติมาได้เห็นบนท้องถนนของดูไบคือ เหล่ารถซุปเปอร์คาร์ที่วิ่งด้วยความเร็ว

    “ถามหน่อยเถอะ ในดูไบนี่ไม่มีรถธรรมดาๆ บ้างเลยเหรอ ทำไมตั้งแต่ขับมา ฉันเห็นแต่รถซุปเปอร์คาร์ทั้งนั้น บางยี่ห้อก็ไม่รู้จัก”เธอชี้ไปยังคันที่วิ่งอยู่ข้างหน้า “คันนั้นเฟอร์รารี่”
“ใช่”ราฮีมพยักหน้า
“ส่วนคันโน้น แลมโบกินี”
“ใช่”
“แล้วอีกคันข้างหลังล่ะ ฉันไม่รู้จัก”
ราฮีมมองกระจกส่องหลังก่อนจะตอบ
“เบนท์ลีย์-คอนติเนนทัล ราคาโดยเฉลี่ยของยี่ห้อนั้นจะประมาณ 6 หรือ7 แสน ดอลล่าสหรัฐ”
“ราวยี่สิบล้านบาท”ฟาติมาอึ้งๆ กับราคารถ “แล้วข้างหลังอีกคนล่ะ ใช่ แอสตัน-มาร์ติน หรือเปล่า”
“ใช่”
“ตั้งแต่ขับมา ฉันยังไม่เห็นรถญี่ปุ่นเลย ส่วนใหญ่มีแต่รถยุโรป”เธอลองดูรถบนถนนที่ขับๆ กัน แล้วเห็นมีแต่ระดับไฮเอนด์เท่านั้น
    “รถธรรมดามันก็มีนั่นล่ะ”
    “ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่า ทำไม คุณถึงได้ติดหรู”ฟาติมาพอจะเข้าใจ “มันเพราะสังคมของพวกคุณที่พาไปนั่นเอง”
    “พวกผู้ชาย ถ้าไม่พูดเรื่องธุรกิจ ก็มีแต่เรื่องรถที่ดูจะเป็นที่น่าสนใจในวงสนทนา”เขาหันมายิ้มให้
    “แล้วเรื่องผู้หญิงล่ะ ไม่พูดถึงกันบ้างเหรอ”
    “มันก็ เป็นบางครั้ง”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่