บทความคุณเอก ประวิตร

เกมวันนี้ที่แฟนวอลเลย์บอลได้ชมกันคู่ระหว่างทีมชาติไทยกับทีมชาติญี่ปุ่นต้องบอกว่ามีหลากหลายประเด็นที่ต้องพูดถึง แต่หากจะขมวดปมเลือกเฉพาะสิ่งที่โดดเด่นคงมีอยู่ไม่กี่อย่าง ซึ่ง 1 ในนั้นคือเรื่องขีดความสามารถของนักกีฬาไทย
สาเหตุที่เลือกจะมาเขียนประเด็นนี้ในช่วงเวลาแบบนี้เพราะที่ผ่านมารวม 2 รายการทีมไทยลงสนามด้วยฐานะที่เป็นต่อแบบเต็มๆกับคู่ต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็น เวียดนาม,สิงคโปร์,ศรีลังกา และ อินเดีย เป็นต้น
พูดง่ายๆคือมีโอกาสชนะสูง เลยทำให้ไม่ค่อยมีช่วงเวลาที่เค้นความสามารถจริงๆของการ"เล่นเป็นทีม"ออกมาให้เห็นได้ชัดมากนัก
เพราะฉะนั้นการพบกันระหว่างไทยกับญี่ปุ่น คือเกมที่สูสีมีโอกาสออกไปทางไหนก็ได้ จึงทำให้ความตั้งใจมันเพิ่มจากเดิมที่มีอยู่ และ เป็นช่องทางที่จะให้เห็นองค์ประกอบรวมทั้งหมดได้ชัดที่สุด
ณ ตรงนี้ขอตัดผลการแข่งขันออกไปก่อนเพราะไม่มีส่วนอะไรที่ทำให้ต้องพูดถึง
ที่ผ่านมาไทยในช่วงสถานกาณ์ที่ตกเป็นรอง...นักกีฬาชุดนี้สามารถเอาตัวรอดผ่านมาได้ แต่เกมนี้มีหลายช่วงหลายตอนที่ทำให้เห็นสภาพจิตใจของเด็กๆว่าหินแค่ไหน
(ลบภาพที่เราเคยเห็นจากชุดใหญ่ออกไปก่อน)
สิ่งที่ได้เห็นอย่างหนึ่งคือเมื่อมีข้อผิดพลาดรายบุคคล นักกีฬาคนนั้นๆจะก็เก็บเอาไปคิดมากจนลืมไปว่ายังมีแต้มต่อไปที่จะเล่นนั้นรออยู่
อารมณ์ประมาณคิดถึงแฟนเก่าตอนอยู่กับแฟนใหม่อะไรทำนองนั้น ( เปรียบเทียบให้เห็นภาพเฉยๆ 555 )
แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีห้วงเวลาดีๆที่แสดงออกมา บ่อยครั้งทุกคนก็ยังฮึดขึ้นมาดึงตัวเองกลับมาอยู่ในจุดที่เหมาะสมได้เพียงแต่ยังไม่ถึงขีดสุด มันเหมือนยังมีอะไรที่ค้างอยู่ในใจ
ขอเสริมนิดหนึ่งกับสิ่งที่มองเข้าไปแล้วน่าสนใจมากคือตอนก่อนเริ่มเซต 5 (ไม่รู้ว่าช่วงนั้นโฆษณาอยู่หรือป่าว) " วิภาวี ศรีทอง " โทษตัวเองที่ทำพลาดนั่งน้ำตาซึมอยู่เก้าอี้ แล้วทุกคนเข้ามาล้อมช่วยกันปลอบ และ มีคำหนึ่งจากผู้เล่นในทีมตะโกนออกมาว่า "ด๋อย..ไม่ใช่ความผิดใครคนเดียวเว้ย" .....เอ๋อ มันก็น่ารักของพวกเขานะอารมณ์แบบนี้
แต่จะว่าไปแล้ว"เรื่องของสมาธิการควบคุมความรู้สึก"นี่คือสิ่งที่หาซื้อที่ได้ไม่ได้จริงๆ เพราะเมื่อสังเกตไปที่ บีม-บิ๋ม 2 ผู้เล่นที่ผ่านเวทีใหญ่มาแล้ว เมื่อทำแต้มเสียเขาจะลืมมันแล้วจดจ่อไปที่ลูกต่อไปมากกว่า
จุดนี้ล่ะคือสิ่งที่ไม่ใช่จะปรับได้ทันทีทันใด ต้องใช้เวลาและบาดแผลอีกมาก....
เกมนี้สิ่งที่ได้เห็นอีกอย่างคือช่วงเวลาที่ต้องแก้เกมหรือหาจุดเปลี่ยน ผู้เล่นที่ถูกส่งลงไปทำหน้าที่นั้นพลิกเกมได้
"เมย์" ฐิราวรรณ แสงอบ บอลสั้นค่ายบดินทรเดชา ถูกส่งลงไปเพื่อแก้ไขสถานการณ์ในแต่ล่ะครั้ง และ เธอก็สามารถทำได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเกมเล็กเกมใหญ่ดูชัดเลยว่าพร้อมที่จะเล่นเมื่อได้รับโอกาสนี่คือสิ่งที่น่ามองอีกเรื่องของทีมนี้
ตลอดระยะเวลาของการแข่งขันที่ผ่านมาสิ่งที่จับตามองอยู่ตลอดคือการทำหน้าที่ของ "ตาลน้อย" ฑิชากร บุญเลิศ ผู้เล่นบอลสั้นวัย 15 ปีจากค่ายโรงเรียนกีฬานครนนท์
หลายท่านอาจจะเข้าใจเกมรุกของเด็กคนนี้แล้วว่าเล่นอย่างไร เกมนี้อาจจะดูดร็อปลงไปบ้าง แต่ที่ผมขอพูดถึงคือ "จังหวะบล็อค"
ก่อนหน้านี้ผมเก็บข้อมูลเด็กคนนี้มาจากการแข่งขันภายในประเทศ และ ดูในช่วงการฝึกซ้อม
สิ่งที่เห็นได้ชัดมากที่สุดคือสายตาในการมองคู่แข่ง มองบอลที่ขยับ และ ที่เด็ดสุดคือเธาไม่กลัวบอลขณะบล็อค "ไม่ก้มหน้า" จึงทำให้สายตาไม่หลุดและผายมือไปตามจังหวะตีของคู่ต่อสู้ได้!!!
ผมใช้เวลา 1 เซตเต็มๆที่ดูการเคลื่อนที่ของเด็กคนนี้จากข้างสนาม เพราะอยากรู้ว่าเวลาเจอคู่ต่อสู้ที่เคลื่อนที่ได้เร็วกว่าที่ผ่านๆมาศักยภาพการบล็อคของเธอจะเป็นอย่างไร
ผลปรากฏว่าเธอเอาอยู่ สายตาและการเคลื่อนที่ทำได้เป็นอย่างดี อย่างดีในที่นี้ไม่ได้แปลว่าจะจับได้ทุกลูก แต่หมายถึงเป็นสิ่งดีที่สามารถนำไปพัฒนาต่อได้ และ ทำให้เป็นจุดเด่นที่ชัดของเธอไปแล้ว
ในมุมความคิดเห็นส่วนตัวผมต้องบอกว่าจะหาเด็กที่ตามองสู้บอล และ มีสัดส่วนรูปร่างที่ดีแบบนี้ได้ยาก...
ส่วนอื่นทั่วไปก็คือเรื่องความสม่ำเสมอของการให้บอลกันระหว่างตัวเซตกับตัวตี เกมนี้มีทั้งสองแบบคือ ทำได้ดี และ ทำได้ไม่ตามเป้า
หากมองเข้าไปให้ลึกกว่านั้นเกมนี้บอลแรกของทีมมาเป็นเซต....ช่วงไฟไหม้ก็ลามทุ่ง แต่ช่วงที่ดีก็ประสานเกมรุกได้น่ากลัวรัวปังๆ
หากว่ากันตามตรง...อยากให้ตัวเซตไม่ต้องคิดมากเกินไปในการเล่นบอล
สำหรับผมเองมองว่านี่คือระดับเยาวชนจะให้คงเส้นคงวาตลอดทั้งเกมคงเป็นไปได้ยาก เพราะขณะเดียวกันทางฝั่งคู่ต่อสู้บอลเซตก็ไม่นิ่งเช่นกัน
มาถึงตรงนี้ภาพรวมที่ได้เห็นก็มีทั้งสิ่งดีที่น่าชื่นชม และ ข้อติติงที่ควรเอาไปแก้ไข เพราะต่อจากนี้ยังมีเกมที่ต้องสู้ต่อ.เส้นทางยังไม่จบลงซะหน่อย
เกมเจอกับไต้หวันในรอบ 8 ทีมสุดท้าย( 29 ก.ค. เวลา 18.00 น. ) มีเหตุผลเดียวคือทุบให้ยับ!!!!!
จากนั้นจะได้เจอกับใครต่อก็ไม่ต้องกลัว
ขอให้คิดถึงวันที่เราพยายามคัดตัวให้เข้ามาเป็น 12 คนสุดท้ายให้ได้ และ อยากให้ทุกคน"ใช้ความสนุกเป็นตัวตั้งในการเล่นก็พอ"
เอก ประวิตร

ที่มา https://www.facebook.com/aekprawit/posts/920764111369347:0
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่