[CR] CR japan solo backpack trip 3-10 มิถุนายน 2559 tokyo osaka

ต้องเกริ่นนำก่อนว่านี่เป็นกระทู้แรกของผมนะครับ จริงๆอยากเขียนบันทึกประสบการณ์ไว้เอง แต่อยากเอามาแบ่งปันบ้าง ถ้าพิมพ์ผิด ทำผิดกฎ ฝากยอดฝีมือโปรดให้คำแนะนำด้วยครับ

พอดีได้มีโอกาสหยุดพักผ่อน ก่อนที่จะได้ไปเรียนต่อช่วงเดือน มิ.ย. เลยมีโอกาส เดินทางไปญี่ปุ่น ช่วง 3-10 มิถุนายน 2559 ตอนแรก เห็นโปรแอร์เอเชียมา ก่อนรีบซื้อเลยครับ ขาไป กทม-นาริตะ, ขากลับ คันไซ-กทม ได้เที่ยวละ 5000 บาท แต่มี accident นิดหน่อย ขากลับเลยต้องเปลี่ยนเป็น scoot แทน ทิ้งตั๋วแอร์เอเชียฟรีเลย T T (ความเป็นจริงมันซับซ้อนกว่านั้นขอไม่กล่าวถึงครับ)

ช่วงเดือนมิถุนายน เป็นช่วง low season ของญี่ปุ่น นะครับ อาจเพราะเป็นเดือนที่ฝนตกเยอะที่สุด ไม่มีจุดเด่นของเทศกาลต่างๆ ต้นไม้ก็เขียวๆ แต่ผมก็ว่างแต่ช่วงนี้แหละ เลือกไม่ได้ แต่ๆๆๆๆ ข้อดีอย่างนึงเลยของช่วงนี้ คือ คนเที่ยวน้อยมากครับ มีคนไทยบ้างประปราย ดอกไม้ยังมีบ้าง(ไฮเดรนเยีย) และที่สำคัญ ต่อคิวไม่นานครับ บวกกับการที่ผมไปคนเดียว เดินเร็ว กินเร็ว ทำให้เที่ยวได้เยอะ เกือบได้ตาม plan ที่ตั้งไว้เลย (ผมตั้งไว้เผื่อตัดครับ ยังไงเผื่อใจไว้ตัดอยู่แล้ว) แต่จะว่าไปบางที่ก็ชะโงกทัวร์บ้าง
ทริปนี้ผมให้ความสำคัญกับที่กินค่อนข้างเยอะครับ
ค่าใช้จ่าย plan ไว้ว่าซัก ห้าหมื่น ไม่รวมของฝากครับ (แบ่งเป็น ค่าเครื่อง 10000 ค่าอาหาร 17000 ค่าที่พัก 10000 ค่า pass ค่ารถไฟฟ้า ค่าเข้าชม 13000)
กำหนดการ ที่เที่ยว และร้านอาหาร แพลนเดิมนะครับ มี accident บางอย่าง เลยอดบางที่ครับ
วันที่ 1  สนามบินนาริตะ  ueno ameyoko akihabara asakusa พักที่ asakusa ryokan toukaisou ร้านอาหาร : Izuei honten, Aoi marushin
วันที่ 2 meji shrine harajuku shibuya nakano ikebukuro พักที่ willer night bus (relax wide) ร้านอาหาร : tsuta ramen michilin, midori sushi
วันที่ 3 ถึง osaka เช้า ไป kirashiki แล้วก็ไป kinosakionsen ค้างที่ morizuya ที่ kinosaki onsen ครับ ร้านอาหาร :อาหารกล่องรถไฟ, มื้อเย็นที่ ryokan
วันที่ 4 kinosaki onsen (ต่อนิดหน่อย) แล้วมา kyoto : วัดน้ำใสkiyomizu วัดเสาแดง fuchimi inari kyoto tower พักที่ piece hostel kyoto ร้านอาหาร : กลางวัน อาหารกล่องรถไฟ, ตอนเย็น gogyo ramen
วันที่ 5 kyoto(ต่อ) arashiyama + romantic train,ryoan-ji, วัดทอง kinkakuji, เดินทางไป osaka, umeda sky building พักที่ chuo oasis ร้านอาหาร : กลางวันที่ arashiyama, เย็น uoshin sushi ที่ umeda
วันที่ 6 okayama : okayama castel korakuen garden, himeji castel, kobe(night view) พักที่ chuo oasis ร้านอาหาร: กลางวันข้างทาง, มื้อเย็น steak land
วันที่ 7 umeda numba dotonburi shinsaibashi shinsekai  Tsutenkaku Tower พักที่ shin-imamiya hotel, ร้านอาหาร : ichiran ramen, Kushikatsu (ของทอดเสียบไม้)  
วันที่ 8 osaka castel HEF five : ร้านอาหาร endosushi บินกลับ scoot รอบ หกโมงเย็นครับ

แผนการเดินทาง ที่โตเกียว วันแรกใช้ metro ครับ วันที่สองใช้ JR one day ที่ kansai ซื้อเป็น kansai wide area ครับ
internet เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ครับ ผมใช้ google map เป็นหลักเลย ข้อเสียของอากู๋อย่างเดียวคือ เวลาอยู่ใต้ดิน location ของเราจะบอกไม่ได้ชัดครับ ก็ใช้สัญชาติญาณส่วนตัว และถามคนญี่ปุ่น ใจดีทุกคน ผมซื้อเป็นเน็ตซิม เซ็ตตั้งที่ก่อนออก ใช้คล่องดีไม่ติดขัด
ว่าแล้วก็ตามมากันเลยครับ

วันแรก
เดินทาง โดย AirasiaX เครื่องออกเที่ยงคืน ถึงที่นาริตะ แปดโมงเช้าพอดีครับ ตอนแรกจองที่ sound prove ไปครับ แต่ปรากฏว่า ที่นั่งว่างเลย สามตัวติดมีผมคนเดียว เลยได้นอนราบเลยครับ แต่นอนไม่ค่อยหลับเพราะตื่นเต้นไปหน่อย ตอนเช้าก่อนเครื่องลง ฟูจิซังโผล่มาให้เห็นอยู่ไกลๆ



ถึงนาริตะ เกือบ แปดโมง ด่านแรก ตม ผมกลัวมาก เนื่องจากไปคนเดียว และครั้งแรก ผมเตรียมเอกสารทุกอย่างไป กลัวได้เข้าห้องเย็น กลับไม่ถามไรผมเลย ผ่านมาได้ สบายครับ  ทีนี้เสร็จผมเลยครับ ออกมาเร็วกว่าที่คิด หลังจากนั้น ซื้อโปร skyliner + metro 1 day 2800 yen เนื่องจาก รถไฟยังไม่ถึงรอบก็ไป ซื้อข้าว 7-11 มากินครับ เป็นข้าวราดแกงกระหรี่ + น้ำ ราคารวม 602 Yen รถชาติไม่เลวครับ รสกลางๆ ไม่ถึงกับอร่อยมาก แต่ก็ถ้าเทียบกับอาหารร้านสะดวกซื้อในไทย ดีกว่าเยอะมากครับ ให้ 7/10



หลังจากนั้น ตื่นเต้นมาก มาญี่ปุ่นครั้งแรก คนเดียว เลยมานั่งรอรถไฟตั้งแต่ไก่โฮ่ก่อนเวลา 15 นาที พอลงไป เห็น skyliner จอดอยู่ ก็ขึ้นเลยครับ ไม่ได้ check ไรเลย สรุป คันนั้นไป terminal1 ครับ ขึ้นผิดคัน
ทีนี้ไป terminal 1 แล้ว ก็คิดในใจ นั่งรอ เดี๋ยวมันก็ กลับไปที่เดิม เหมือนรถไฟฟ้าไทย แต่ อ่าว เค้าไล่ลงจากรถ ไม่พอ ต้องไปเปลี่ยนตั๋วอีก
ต่อมารู้สึกตะหงิดใจอย่างบอกไม่ถูก ค้นในกระเป๋า ใจวูบเลย สรุปว่า ลืมของครับ ของสำคัญด้วย ลืม ipad ลืม ipad ลืม ipad ลืมได้ไงนั่น ไม่รู้ลืมไว้ตรงไหน
นึกสภาพนะครับ ตื่นเต้นอยู่แล้ว ตอนนี้หนักเลย พยายามคุมสติ ไล่คิดเลย อันดับแรก ลืมไว้รถไฟขาเมื่อกี้ ก็ไปให้เค้า check ให้ บอกเลขที่นั่งเมื่อกี้ไป สรุปว่าไม่มีครับ ก็ต้องย้อนกลับไปที่ terminal2 ไปเปลี่ยนตั๋วอีกรอบ ทีนี้เค้างงเลยครับ เราซื้อแบบเหมาจ่ายไป ueno จาก terminal 1 แล้วจะขอเปลี่ยนไปลง terminal 2 ยังไงดี สรุปว่า เค้าคืนเงินให้ทั้งหมด แล้วจ่าย 150 yen เพื่อไป terminal 2 แทน
จากนั้นก็รีบไป information โดยเร็วที่สุด เค้าก็ติดต่อให้ สรุปว่า เจอครับ รอดตัว เหมือนยกภูเขาออกจากอก ก็ไปรับที่ loss and found ประเทศนี้ยอมรับเรื่องการทำของหายแล้วได้คืนนะครับ (ถูกขโมยไม่นับครับ)
สรุปเสียเวลาไป 1 ชม กับเรื่องตามหาของหายในวันแรก กำหนดการณ์เลทนิดหน่อย

หลังจากนั้นก็เข้าเมืองตามปกติ ไป ueno ครับ ต่อมาไปฝากกระเป๋าที่สถานี ueno ปรากฏว่าเต็มครับ ที่ไหนๆก็เต็ม เลยจำใจเสียเวลาเดินทางไป โรงแรมอีก เพื่อฝากกระเป๋า เสียเวลาไปอีก (โรงแรม อยู่สถานี tawaramachi ห่างจาก ueno 2 station ยังไงใช้ metro pass อยู่แล้ว ไม่เสียตังเพิ่ม แต่เสียเวลา)  ต่อมาก็กลับมา ueno ครับเพื่อไปกินข้าวหน้าปลาไหล เจ้าดัง ที่ ueno Izuei honten โชคดีวันนั้นไม่มีคิว เลยได้กินเลยครับ
ข้าวหน้าปลาไหล unegi don เป็นหนึ่งในอาหารญี่ปุ่นที่ผมไม่ค่อยชอบในไทยเท่าไร เลยอยากกินที่ญี่ปุ่นดูว่าเจ้าดังๆจะอร่อยสักแค่ไหน



มาเป็นถาดสวยงามเลยครับ เป็น lunch set ถูกหน่อย 2160 yen มีกลิ่นหอมจากการย่าง หอมมาก ส่วนรสชาตินั้น รีวิวอื่นบอกอร่อยครับ ผมก็ว่าอร่อยพอใช้ได้ แต่ไม่มาก อาจเพราะไม่ค่อยถูกปากผมเท่าไร มันลื่นๆหวานๆมันๆ บอกไม่ถูก แต่หอมมาก ให้คะแนน 7.5/10
กินเสร็จก็บ่ายโมงพอดี
ไปเดินเล่น ueno park ใหญ่ดี สวยด้วยครับ มีดอกไฮเดรนเยียบานเต็มไปหมด
  



ไปตลาดอเมโยโกะ มีร้านผลไม้เสียบไม้ ก็เสร็จผมอีกแล้วครับ แคนตาลูปหวานๆล้างปาก  แต่แพงเอาเรื่อง ไม้ละ 200 เยน
ส่วนที่ตลาดอเมโยโกะ มีหลากหลายมากครับ ตั้งแต่ของกิน เครื่องสำอาง เครื่องใช้ กระเป๋า รองเท้า เต็มไปหมด บางร้านก็ลดราคา ซึ่งบอกไว้ก่อนว่า ผมไม่ได้เป็นขาช็อปนะครับ แต่เดินไปๆมาๆ ได้ NB ติดมือมาคู่นึงเฉยยย 555 นี่มันซอยละลายทรัพย์ชัดๆ
เสร็จแล้วก็เดินเรื่อยๆ ถึง akihabara ครับ เมืองแห่ง โอตาคุ ผมเป็นคนติดการ์ตูนคนนึง แต่ไม่ถึงขนาดโอตาคุนะครับ  เข้าร้านฟิกเกอร์ มีเยอะระรานตามาก ผ่านเมดคาเฟ้แต่ไม่ได้เข้า ต้องทำเวลา  เนื่องจากเดี๋ยววัดอาซากุซะจะปิดครับ ปิดห้าโมงเย็น เลยเดินได้แปปเดียว
มาถึงอาซากุซะ ฝากรองเท้าที่ซื้อกับขาตั้งกล้องไว้ที่สถานี ถึง senjoji tempo 16.45 พอดี ก็ไหว้พระขอพร
ถ่ายรูปโคมแดง



นอกจากนี้ยังมีการโบกควันธูปเข้าหาตัว เชื่อว่าจะนำพาสิ่งดีๆเข้าหาตัว



มีการล้างมือ จากน้ำศักดิ์สิทธิ์



กินซาลาเปาทอดเป็นของว่าง อร่อยดีครับ กิน original กับ รสเทศกาล เป็นซากุระ ห่อใบชิโสะ ข้างนอกกรอบดี ข้างในไม่หวานมาก หอมดี ให้ 7.5/10 หลังจากนั้นก็ไปกินข้าวร้านเทมปูระเก่าแก่แถวอาซากุซะ ชื่อ Aoi marushin เค้าว่า คนขายในร้านนี้ อายุเยอะมากนะครับ ร้านมีเมนูอังกฤษอยู่ สั่ง premium tendor tempura 2970 yen เป็นเทมปูระ มีกุ้ง ปลาหลายอย่าง ผัก แล้วราดซอสหวานๆ ของที่นี่สดดีครับ กุ้งเด้งๆเลย  ให้ 8/10



หลังจากกินอิ่มก็ เดินไปกินไอติม ชาเขียวระดับ 7 ที่เค้าว่าไว้ ต้องเดินทะลุวัดออกไปด้านหลัง ไกลพอควรครับ พอไปถึง สรุป ปิดห้าโมงเย็น ทำหน้าจ๋อยเดินกลับมาสถานี เอาของเตรียมถ่าย night view ที่ asakusa ที่เป็นวิว sky tree สวยมากๆ โรแมนติกสุดๆ ลมเย็นมาก



ก่อนกลับก็มาแวะถ่ายที่วัดอาซากุสะอีกรอบ แล้วก็นั่งรถกลับที่พัก




คืนแรกพักที่ ryokan asakusa toukaisou เดินจาก สถานี tawaramachi อยู่ระหว่าง ueno และ asakusa เดินไป 10 นาทีก็ถึง
ที่พักกว้างกว่าที่คิดไว้นิดนะครับ เตรียมใจไว้ว่าจะต้องแคบมากๆ มีห้องน้ำในตัว มียูกาตะให้ใส่เล่น คืนนี้ 4500 yen ครับ  ไม่เลวเลย



ขอจบวันแรกเพียงเท่านี้ ราตรีสวัสดิครับ
วันต่อๆมาจะพยายามลง เรื่อยๆนะครับ
ชื่อสินค้า:   japan tokyo osaka
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่