เอาตัวรอดในมาเลเซียตามรอยรีวิว ดับอนาจตั่งแต่ต้นทางถึงจุดหมายปลายทางอาจไม่ใช่สิ่งสวยงาม (ร่วมรีวิวและแชร์)



Capture 1 จุดเริ่มต้น

ตอนแรกคิดมาตลอดว่าการไปท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นเรื่องที่ง่ายขนาดนั้นเลยหรือเปล่า เพราะหลายๆรีวิว ต่างดูชิวและสนุกสนานกับการเดินทางมาก ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมนั่งเฝ้าหน้าจอ แท็กตะลุยมาเลเซียมาโดยตลอดเวลา 1 ปีที่ผ่านมา มีทั้งขำขันบ้าง ชวนชิม ตลอดจนสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่เป็นที่นิยมของการเดินทาง แทบทุกคนจะต้องแวะตามไปกดชัตเตอร์ด้วย แต่จุดหมายปลายทางอาจไม่ใช่สิ่งที่สวยงามเสมอไป สำหรับผู้ที่เดินทางไปครั้งแรก หรือกำลังหัดที่จะเดินทางไปท่องเที่ยว การเสพข้อมูลรีวิวผมเชื่อว่าเราควรจะใช้วิจารณญาณให้มากกว่านี้ มันอาจไม่ทำให้เราเฉลียวใจคิดเลยว่า เหรียญมีทั้ง 2 ด้าน ในเวลาเดียวกันเป็นไปได้ทั้งหัว และก้อย บางเรื่องหากเราคิดบวก ถึงจะเจอปัญหาร้ายๆ เราปล่อยวางได้ก็จบ และสนุกไปกับการใช้ชีวิตได้เยอะครับ

สิ่งที่อยากบอกต่อก่อนที่จะเข้าเรื่องตะลอนเที่ยวให้สนุกสนาน กับการเตรียมตัวในการเดินทางผมเริ่มจากการวางแผนจองที่พัก และตั๋วเครื่องบินผ่านทางแอพพิเคชั่น Traveloka ด้วยความเชื่อมั่นในความเป็นมืออาชีพของการจองที่พัก และสายการบิน มันทำให้ชีวิตเราง่าย ลดขั้นตอนการดำเนินการ พูดตรงๆว่าใช้ง่าย จ่ายที่เดียวแล้วจบ แถมส่วนลดตามโปรโมชั่น และรีวิวจากผู้ที่เคยใช้บริการจริงด้วย มันเสริมความมั่นใจให้เรามากๆเลยนะครับ

นอกจากนี้ มันเป็นวิธีการเอาตัวรอดที่ผมบอกต่อเพื่อนๆ ที่เจอในระหว่างการแบ็คแพ็คให้เลือกใช้แอพทราเวลโลก้า เช่น มีเพื่อนบางคนติดใจเมืองนี้ ยังเที่ยวไม่จบ อยากไปซ้ำ อยากอยู่ต่อ บางคนตกรถ ต้องรอวันพรุ่งนี้ และอีกหลายๆเหตุผล จ่ายเท่าที่เห็นแล้วจบมันเป็นทางเลือกที่ดีของนักเดินทาง


จากนั้น วิธีให้ชีวิตง่ายกว่านี้สำหรับการเดินทาง คือ เราจะได้รับอีเมล์ยืนยันจากการจองที่พักด้วยทราเวลโลก้า เราก็เพียงปริ้นออกมาเป็นขาวดำก็ได้ แล้วเวลาไปถึงที่พักเราจะได้ไม่ต้องพูดอะไรมาก แค่ยื่นใบจองที่พักให้ก็จบ ชีวิตง่ายดีครับ บางคนที่ไม่ได้จองที่พักมาแล้วไปหาเอาดาบหน้า ผมเจอคนที่คิดแบบนี้แล้วมันเสี่ยงเกินไปที่จะได้ที่พักไม่โอเค เพราะในทุกๆวันจะมีนักท่องเที่ยวเดินมาถามที่เคาน์เตอร์ว่าที่พักเต็มหรือยัง?  ถ้าเต็มก็หน้าจ๋อยไปตามระเบียบ และบางครั้งก็ได้ในราคาที่สูงกว่าปกติด้วย แค่เดินทางมาถึงเราก็เหนื่อยแล้ว อยากอาบน้ำ อยากนั่งบ้าง การเดินหาที่พักราคาประหยัด โดยไม่มีตัวช่วยอะไรเลยยิ่งทำให้คุณประสาทเสียในวันที่อากาศไม่เป็นใจก็ได้ บางทีถึงกับถอดใจต้องเฉือนงบตัวเองไปพักในโรงแรมที่มีราคาสูงขึ้น


เริ่มต้นปีใหม่ 2559 ผมเลือกหุ้นแบบ Swing รุนแรง เช่น วอแลนต์ เพื่อเก็งกำไร (ไม่ลงทุน) ในตลาดหุ้นซึ่งดัชนีอยู่ที่ประมาณ 1,200 จุด ตอนนั้น ผมเชื่อว่าสามารถหาเงินไปเที่ยวต่างประเทศได้ด้วยการเก็งกำไรหุ้น เป็นจริงตามคาดไว้ หุ้นเริ่มปรับตัวสูงขึ้น 6 เดือนต่อมา ดัชนีตลาดหุ้นไทยสามารถยืนได้ที่ 1,500 จุด  ผมสามารถเก็บเงินได้ทั้งหมด 20,000 บาท ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการทำความฝันนี้ให้เป็นจริงซะที

เริ่มต้นการเดินทางวันที่ 6 กรกฎาคม 2559 ผมนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมาลงที่สถานีรถไฟหัวลำโพง แล้วเดินทางมาที่วงเวียนโอเดียน (เยาวราช) เพื่อจะมาแลกเงินริงกิตที่ รุ่งทรัพย์การท่องเที่ยว ให้เรตเงินดีมากได้เรตที่ 8.70 บาท ต่อ 1 ริงกิต วิธีเดินทางมาแนะนำให้เอาของไปฝากที่หัวลำโพงก่อน แล้วนั่งรถวินมอเตอร์ไซต์มาจะดีกว่ามาก เพราะอากาศค่อนข้างร้อน และมีการปรับปรุงถนน ทำให้ลำบากในการเดินอยู่พอสมควร วิธีเดินก็ตามนี้เลย ให้เดินมาที่วงเวียนโอเดียนก่อน จะผ่านวัดไตรมิตร แล้วเดินตรงมาเรื่อยๆ ก็จะเจอรุ่งทรัพย์การท่องเที่ยว


เอาของมาฝากที่หัวลำโพง ค่าฝากกระเป๋า 100 บาท

เดินเท้าออกมาจากรถไฟฟ้าใต้ดินในหัวลำโพง หรือจะเดินออกอีกฝากหนึ่งก็ได้ แต่ว่าอยากเห็นสถานีหัวลำโพงเลยออกมาดูหน่อยครับ

สถานีรถไฟหัวลำโพงเพิ่งทาสีใหม่ สวยมากๆเลย อมตะนิรันดร์กาล

วิธีเดินเท้ามาแลกเงินที่รุ่งทรัพย์การท่องเที่ยว

วงเวียนโอเดียน

เดินเลยวงเวียนโอเดียนก็จะมาถึงย่านเยาวราช

ป้ายจะใหญ่มากทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษเห็นชัด เจอแน่นอนครับ

พอมาถึงหน้าร้าน เขาไม่อนุญาติให้เราใช้กล้องใดๆทั้งสิ้น และก็ขึ้นไปยังชั้น 2 เพื่อแลกเงินได้เลย บรรยากาศแอบน่ากลัวนิดๆ แต่ก็ชิวมากให้ทำใจร่มๆ กับบอดี้การ์ดของร้าน ฮ่า ฮ่า ฮ่า.... ผมแลกเงินไปจำนวนหนึ่งกะให้พอดีตลอดทริปที่เดินทาง เพราะถ้าหากเอามาแลกคืนเรตเงินจะตกลงไปอีก เช่น เราแลกเงินไป 8.70 บาทต่อ 1 ริงกิต ถ้าเงินมาแลกคืน ยิ่งแบงค์มีมูลค่าน้อย เช่น แบงค์ 1 5 10 20 เรตเงินที่แลกคืนจะน้อยตามลำดับ น่าจะเข้าใจนะครับ ควรแลกให้พอดี หรือไม่ก็ใช้แบงค์ย่อยให้หมด เหลือแต่แบงค์ใหญ่เอามาแลกคืนจะคุ้มกว่า ประมาณนี้ ร้านรุ่งทรัพย์การท่องเที่ยวเขาตรงไปตรงมากับเรามาก เอาเครื่องนับเงินมานับต่อหน้าทำให้เรารู้สึกสบายใจมาก เมื่อรับเงินสดแล้วก็สามารถนับเงินต่อหน้าเขาได้เลย เพื่อให้เกิดความสบายใจทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ต้องรีบร้อนเก็บเงินลงในกระเป๋าครับ เผื่อขาดไป 1 ถึง 2 ใบ เราจะสามารถแย้งเขาได้


เราจะมีเวลาช่วงเช้าเพื่อเดินเตร็ดเตร่ในเยาวราชพอสมควร ผ่านร้านขายหูฉลาม แต่พอเดินเข้าไปดูใกล้ๆ อั๊ยยะ 50,000 บาท 60,000 บาท คงต้องเก็บตังค์นานหลายปีถึงจะได้มานั่งโต๊ะอาหารเหลาแบบนี้ แหม!....มันทำให้นึกถึงวันที่ได้เป็นเสี่ยนั่งซดหูฉลามน้ำแดง จิบชาในร้านกับน้ำซุปดัง อร่อยคล่องคอจริงๆ คงจะต้องรอตลาดหุ้นไทยไป 1,700 จุดในเร็ววันนี้


แวะวัดไตรมิตร

นักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาชมวัดไตรมิตรต้องเสียตังค์เข้านะ แต่พี่ไทยเราเข้าฟรี


กินบะหมี่แล้วฟินมากจนต้องหลับตาชิมเพื่อให้สัมผัสรสได้อย่างแท้จริง เพราะอร่อยจนวางตะเกียบไม่ลงจริงๆ บะหมี่เป็ดอบชานอ้อย 60 บาท ซึ่งหอมอร่อยมาก เหมือนได้ไปเต้นระบำในฝูงฟามิงโก้เลยครับ รับรู้ได้ถึงพลังธรรมชาติจากเทือกเขาแอลป์ ผสมผสานจนเกิดมิติใหม่ของรสชาติกลมกล่อม หวาน มีกลิ่นควันไม้ เนื้อนุ่มละมุนลิ้น เกี้ยวหมูนุ่มเด้งดึงดั๋ง พอเรากัดที่เกี้ยวหมูน้ำซุปมันแตกซ่านในปาก เหมือนระเบิดพลังซุป มันเลิศมาก เส้นหมี่นุ่ม เด้ง หนึบหนับไม่เละเกินไป ลงตัวสุดๆ ไม่ต้องปรุงเครื่องใดๆทั้งสิ้น แทบลงไปเลียชาม ตบด้วยน้ำเก๊กฮวย 15 บาท ดื่มแล้วชื่นใจมากๆ ชุ่มคอ คลายร้อนได้ดีเลยทีเดียว


พอชิมบะหมี่เป็ดเสร็จ รู้สึกแสบที่เท้ามาก เลยมองไปที่ฝ่าเท้า ปรากฎว่ารองเท้ากัด หนังหายไปเลย เป็นดวงๆ แสบมาก เลยเป็นอย่างที่เห็นตามภาพ อดเดิน จำเป็นต้องโบกแท๊กซี่ให้พามาส่งที่หัวลำโพง เรื่องที่คิดว่าไม่น่าจะเสียตังค์ อยู่ๆก็ต้องมาเสียตังค์โดยใช่เรื่องมั้ย? หมดค่ายากับค่าแท็กซี่ไปเฉยๆ 300 บาท แถมต้องมานั่งรอรถไฟอย่างน่าเจ็บใจที่หัวลำโพง แทบจะปารองเท้าตัวเองทิ้ง เดินตีนเปล่ารอบหัวลำโพง แค้นมาก ดับอนาจตั่งแต่ยังไม่ได้ไป รองเท้าไม่ดี หรือเดินเยอะเกินไปก็ไม่รู้ครับ แต่ที่รู้ๆ คือหนังเท้าหายไปเลย



ตั๋วรถไฟไปบัตเตอร์เวิร์ธ อยากจะแจ้งให้รู้ไว้ว่า ถ้าซื้อตั๋วรถไฟทันทีในวันเดินทางส่วนใหญ่จะไม่มีที่นั่งแล้ว ต้องสำรองที่นั่งล่วงหน้าอย่างน้อย 2 อาทิตย์ และรถไฟจะมีปลั๊กไฟให้เราเสียบชาร์ตด้วยนะ แต่จะต้องสำรองที่นั่งให้ได้แถวๆ หัวขบวน และท้ายขบวนเท่านั้น ส่วนห้องน้ำจะอยู่ที่หัวขบวนรถไฟ มี 2 ห้องด้วยกัน อาบน้ำก่อนนอนได้ แต่อาจไม่สะดวกสบายเท่าไร ราคา 1,210 บาท ใช้เวลาเดินทางถ้าตามแผน คือ 24 ชั่วโมง แต่ความจริงที่เจอ คือ 26 ชั่วโมง ทำใจเผื่อไว้บ้างก็ดีนะ


แอร์ที่หัวลำโพงรู้สึกว่าจะฉ่ำมาก ฉ่ำจนเปียกได้ และคงจะปอดบวมแน่ๆ ถ้านั่งใกล้แอร์แบบนี้


ระหว่างที่รอรถไฟออกบ่าย 2 โมง ก็ตะลุยไปแช๊ะชัตเตอร์ในหัวลำโพงตามมุมต่างๆ ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่การรถไฟเดินปรี่มาเลย น้องๆ สถานที่นี้ห้ามถ่ายภาพ และวีดีโอโดยเด็ดขาดรู้มั้ย ไม่อนุญาติให้ถ่ายรูปเล่นนะ ต้องทำหนังสือขออนุญาติถ่ายภาพมาก่อน ถึงจะทำได้ ผมก็แอบงงๆ ก็เลยต้องเก็บกล้องตามระเบียบเพราะว่า พี่แกดูจริงจังมาก และห้ามถ่ายภาพในบริเวณหัวลำโพง เลยมีแต่รูปของตัวเองไม่กี่รูปเท่านั้น



ด้วยความที่ว่าเฉลียวใจ ที่จริงก็ไม่ได้หิวอะไรมาก แต่คิดว่าของกินบนรถไฟคงแพงมากแน่ๆ เลยขอจัดอีกมื้อก่อนเดินทาง 60 นาทีก่อน ข้าวหมกไก่จานละ 40 บาท กับน้ำดื่มขวดละ 5 บาท ระหว่างที่สั่งกับอาหารก็ชวนคุยกับแม่ค้าเป็นมุสลิม เขาเล่าให้ฟังว่าวันพรุ่งนี้เป็นวันออกเดือนรอมฏอนพอดี ไปเที่ยวนี่เหมาะเลย คนมุสลิมเขาจะกลับบ้านมาเฉลิมฉลองกันอย่างคึกคัก ดีแล้วละไปเวลานี้จะได้ไม่เหงา แหม! จากที่อมยิ้มมาตลอดนึกว่าคำชม กลายเป็นเริ่มหน้าซีตละ ฮุ ฮุ..เพราะว่าคนต้องเดินทางกลับบ้านเขาเยอะแน่ๆ ไม่อยากเบียดเเย่งรถกับคนมาเลนะ ไม่เอาจริงๆ ไม่ไหว ใจคอเริ่มไม่ดี จากที่ว่าใจสดใสร่าเริง เริ่มเหี่ยวละ


ตอนนี้เราเหลือเวลา 30 นาที เลยได้เวลาจะต้องเดินมาหาที่จะนั่งบนรถไฟแล้วละ ปรากฏว่าหาไม่เจอ แต่เจอครอบครัวคุณ KYA (กาย่า) หล่อนก็กำลังหัวเสียเหมือนกัน ก็เลยตกลงว่าเดินไป คุยไป หาที่นั่งบนรถไฟไปด้วย เพราะเป็นการเดินทางครั้งแรกของผม และครอบครัวของหล่อนด้วย เราต้องเดินไปจนเกือบสุดหัวขบวนมาเจอตู้โบกี้ที่ 2 และเอาของไปเก็บที่นั่งรถไฟ เพื่อเป็นการจองที่นั่งให้คนที่เป็นคู่นั่งไปด้วยให้รู้ว่าเรามาแล้วนะ ประมาณนี้ บทสนทนาของเราเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการพูดกับหล่อน "Hello"


คือเป็นคนที่ติดหมอนมาก เลยต้องเอาเพื่อนคู่ใจมาด้วยในกระเป๋า พอได้นั่งในรถปุ๊บก็ต้องควักออกมากอดทันที ไม่งั้นมันไม่อุ่นใจ ครั้นเนื้อครั้นตัว ถึงคนอื่นจะมองเราแปลกๆก็ไม่เป็นไรหรอก เพื่อสวัสดิภาพในการนอนหลับให้เพียงพอมันจำเป็นต่อการใช้ชีวิตในแต่ละวันให้มีความสุขจริงๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่