JJNY : เศรษฐกิจดี๊ดี...กรุงไทยอ่วมลูกหนี้รายใหญ่ตกชั้น ธุรกิจทรุด "เหล็ก-โรงแรมภาคใต้" แบงก์จับตาใกล้ชิด

กระทู้คำถาม
กรุงไทยเผยเอ็นพีแอลรายใหญ่ปูด 2-3 ราย เป็นธุรกิจเหล็ก - โรงแรมภาคใต้ โดนผลกระทบเศรษฐกิจชะลอ - นักท่องเที่ยวรัสเซียหาย ปีนี้ทำใจสินเชื่อรายใหญ่ไม่โตธุรกิจชะลอลงทุน

นายกิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารกรุงไทย หรือ KTB กล่าวว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 คุณภาพหนี้ของสินเชื่อรายใหญ่ (มียอดขายเกิน 1,000 ล้านบาท) ตกชั้นเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล)เพิ่มขึ้น โดยล่าสุดมี 2-3 ธุรกิจที่มีหนี้ตกชั้นซึ่งอยู่ในกลุ่มธุรกิจเหล็กและโรงแรมในภาคใต้ โดยมีสาเหตุจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงโดยเฉพาะชาวรัสเซีย ส่งผลให้ธุรกิจดังกล่าวขาดการชำระหนี้และเกิดเป็นเอ็นพีแอล ดังนั้นในช่วงครึ่งปีหลัง ธนาคารยังต้องติดตามกลุ่มธุรกิจดังกล่าวว่าจะมีลูกหนี้รายอื่น ๆ ตกชั้นเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่

ทั้งนี้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 ธนาคารกรุงไทยมีเอ็นพีแอลรวมอยู่ที่ 94,217 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 17,846 ล้านบาทจากสิ้นปีก่อน และมีเอ็นพีแอลรวมต่อสินเชื่อรวม 3.89% จากสิ้นไตรมาส 1/2558 อยู่ที่ 3.70%

"ตอนนี้เราต้องติดตามเป็นกรณี ๆ ไป อย่างครึ่งปีแรกมีหนี้ตกชั้นโผล่มาจากกลุ่มเหล็กในประเทศ และโรงแรมภาคใต้ที่ภูเก็ต ที่พอมีปัญหาการจ่ายหนี้ต่าง ๆ ก็ล่าช้า แต่ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้แก้ยาก เพราะธุรกิจเหล่านี้มีหลักประกันคุ้มมูลหนี้อยู่ ก็สามารถแก้ไขได้ แม้ว่าเป้าหมายของแบงก์ในปีนี้คืออยากให้สินเชื่อรายใหญ่ต้องไม่เป็นหนี้ตกชั้น แต่เมื่อเกิดปัญหาก็ต้องแก้กันไป และต้องทำให้หนี้ลดลง ตอนนี้รายใหญ่มีปัญหายังมี 2-3 ราย จากลูกค้ารายใหญ่ที่มีในพอร์ตทั้งหมด 2,000 ราย" นายกิตติพันธ์กล่าว

สำหรับภาพรวมสินเชื่อรายใหญ่ในช่วงครึ่งปีแรกพบว่า ยังไม่มีการเติบโตมากนัก เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อนที่มียอดสินเชื่อรายใหญ่คงค้างอยู่ที่ 5.5 แสนล้านบาท เนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกมีธุรกิจรายใหญ่นำกระแสเงินสดส่วนเกินมาชำระคืนเงินสินเชื่อกับแบงก์ เพราะธุรกิจเหล่านั้นยังไม่มีความต้องการขยายธุรกิจในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว อย่างไรก็ตามยังมีการปล่อยสินเชื่อใหม่บ้าง เช่น การให้สินเชื่อวงเงิน (เทอมโลน) แก่ บมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ หรือ BIGC มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท

อีกทั้งการขอสินเชื่อของธุรกิจรายใหญ่ยังต่ำเมื่อเทียบกับยอดการชำระคืนหนี้เงินกู้ของรายใหญ่ทำให้ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมายังไม่เห็นการเติบโตของสินเชื่อกลุ่มนี้มากนักอีกทั้งธนาคารกรุงไทยก็ไม่ได้มีเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อรายใหญ่ในปีนี้ เนื่องจากเข้าใจภาวะเศรษฐกิจและธุรกิจรายใหญ่ก็ชะลอการลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่ปีนี้เปิดโครงการใหม่น้อยลง

"ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจแบบนี้สินเชื่อจะโตหรือลดลงขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้จะต้องรอดูเพราะรัฐบาลพยายามกระตุ้นแต่ภาคเอกชนจะลงทุนตามหรือไม่อันนี้ต้องติดตาม เพราะปกติแบงก์มีนิวบุ๊กกิ้ง (สินเชื่อใหม่) ของรายใหญ่ ปีละกว่า 100,000 ล้านบาท แต่สุทธิแล้วก็ยังติดลบ หากเทียบกับเงินกู้ที่รอคืนจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่แต่ละปีมีสัดส่วน 10% ของพอร์ตที่มีจำนวน 5.5 แสนล้านบาท ดังนั้นแม้มีเงินกู้รอเบิกอยู่ 5-6 หมื่นล้านบาทในปีนี้ แต่คงไม่ได้ทำให้สินเชื่อเติบโตได้ดังนั้นก็ไม่สามารถบอกได้ว่า ปีนี้สินเชื่อจะติดลบหรือไม่" นายกิตติพันธ์กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่