โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
กลุ่มสายการบินเครือลุฟท์ฮันซ่า รุกหนักเพิ่มอัตรารองรับเชื่อมเส้นทางไทย-ยุโรป คาดปีนี้ 4 สายการบินในเครือมีผู้โดยสารเติบโต 5%
นายเดิร์ด โกรสมันน์ ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทยและภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงของกลุ่มลุฟต์ฮันซ่า กล่าวว่า จากความต้องการเดินทางของผู้โดยสารยุโรปและตลาดคนไทยและกลุ่มประเทศในแถบลุ่มแม่น้ำโขงที่เพิ่มขึ้น ทำให้ทยอยปรับกลยุทธ์เพิ่มอัตราที่นั่งเพื่อรองรับการเติบโตของลูกค้าต่อเนื่อง โดยตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา สายการบินสวิส ได้ปรับเปลี่ยนเครื่องบินลำใหม่ให้บริการเส้นทาง กรุงเทพฯ-ซูริค (สวิตเซอร์แลนด์) จากแอร์บัส เอ340-300 ซึ่งมีจำนวน 219 ที่นั่ง มาเป็นโบอิ้ง 777-300ER ซึ่งรับได้ 340 ที่นั่ง หรือคิดเป็นที่นั่งเพิ่ม 50% และในช่วงตารางบินฤดูหนาวปลายปีนี้ สายการบินลุฟท์ฮันซ่าที่มีเส้นทางบิน กรุงเทพฯ - แฟรงค์เฟิร์ต (เยอรมนี) ก็จะเปลี่ยนการใช้เครื่องบินขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อบรรทุกผู้โดยสารมากขึ้นในฤดูกาลท่องเที่ยว
นอกจากนั้น หลังจากการเปิดให้บริการสายการบินยูโรวิงส์ ในรูปแบบโลว์โคสต์ตั้งแต่ปลายปี 2558 ที่ผ่านมา และเริ่มต้นด้วยการบิน 4 เที่ยวต่อสัปดาห์ โดยบินจากเมืองโคโลญจน์จากเยอรมนีเข้าสู่กรุงเทพฯ และ ภูเก็ต ด้วยความถี่ 2 เที่ยวบิน/สัปดาห์เท่ากัน และปรากฎว่ามีผลตอบรับจากผู้โดยสารที่ดีมา อัตราบรรทุกเฉลี่ยสูงกว่า 95% ทำให้ในฤดูหนาวปีนี้เตรียมเปิดเที่ยวบินจากโคโลญจน์สู่ภูเก็ตเพิ่มเป็น 3 เที่ยว/สัปดาห์ด้วย
ดังนั้น คาดว่าภายในปลายปีนี้ทั้ง 4 สายการบินในเครือที่ทำการบินมาไทย ซึ่งมีออสเตรียนแอร์ไลน์ ร่วมด้วยนั้น จะเพิ่มจำนวนผู้โดยสารไม่ต่ำกว่า 5% จากจำนวนเที่ยวบินเชื่อมยุโรปที่มีราว 29 เที่ยวบิน/สัปดาห์ ซึ่งยังเป็นการเติบโตท่ามกลางการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากสายการบินคู่แข่ง โดยเฉพาะในภาวะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลง
พร้อมกันนี้ เพื่อการรับมือกับการแข่งขันที่มีประสิทธิภาพ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการเพื่อเป็นพันธมิตรในเชิงการพาณิชย์ (Commercial Joint Venture) กับสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลนส์ ด้วย โดยจะมีความร่วมมือทั้งในด้านการใช้รหัสเที่ยวบินร่วมกัน (Code Share) รวมถึงการแบ่งบันค่าใช้จ่ายและรายได้ สำหรับเส้นทางที่ให้บริการร่วมกันด้วย โดยคาดว่าจะเริ่มต้นเป็นรูปธรรมได้ในปีหน้า
“กลุ่มลุฟท์ฮันซ่ามีเส้นทางบินครอบคลุมทั่วยุโรป และมี 5 ฮับใหญ่ในยุโรป และหนึ่งฮับย่อยที่เมืองโคโลญจน์ซึ่งเป็นของยูโรวิงส์ ซึ่งถือว่ามีความพร้อมในการเชื่อมตลาดยุโรปมาสู่ไทยและประเทศในกลุ่มลุ่มน้ำโขงที่ถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง เพราะหากรวมจีนตอนใต้, เวียดนาม, กัมพูชา, ลาวและไทย ด้วยกันมีประชากรกว่า 240 ล้านคน หรือเท่ากับประชากรของเยอรมนี, ฝรั่งเศส, สเปน และอิตาลีรวมกัน โดยขณะนี้บริษัทยังไม่มีแผนเปิดเที่ยวบินตรงไปยังเมืองอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ แต่จะยังยกให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการเดินทาง และมีข้อตกลงในการโค้ดแชร์ร่วมกับการบินไทย และบางกอกแอร์เวยส์ ทำให้สามารถเชื่อมต่อจากยุโรปมายังกรุงเทพฯ และไปเมืองอื่นๆ ได้สะดวก”
ด้านนายปีเตอร์ พูลเลม รองประธานฝ่ายขายและการตลาดระหว่างประเทศของสายการบินสวิส กล่าวว่า ปัจจุบันมีเส้นทางบินตรงจากสวิตเซอร์แลนด์สู่เอเชียแปซิฟิก 3 เมืองคือ กรุงเทพฯ, ฮ่องกง และสิงคโปร์ ขณะที่อัตราบรรทุกเฉลี่ยเส้นทางกรุงเทพฯ - ซูริค อยู่ที่ 83-84% ลูกค้าหลักจากสวิตเซอร์แลนด์ 40% ส่วนอีก 12-15% เป็นคนไทย และที่เหลือเป็นชาวเยอรมนีและลูกค้าจากยุโรปอื่นๆ
แม้ขณะนี้ส่วนแบ่งการตลาดเป็นรองการบินไทยที่ให้บริการบินตรงเช่นกัน แต่ได้ปรับมาตรฐานการบริการพร้อมกับการเปลี่ยนรูปแบบเครื่องบินครั้งนี้ โดยยังคงให้บริการห้องโดยสารชั้นหนึ่ง 8 ที่นั่ง ต่างจากการบินไทยที่ไม่มีบริการดังกล่าวแล้ว พร้อมกันนี้ในช่วงที่รับเครื่องบินใหม่ จะจัดทำโปรโมชั่นเพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ ด้วยการวางราคาเริ่มต้น 20,100 บาท
ขณะที่นายอีวาน ไบรท์เทอร์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ตลาดคนไทยไปสวิตเซอร์แลนด์มีจำนวนถึง 9.8 หมื่นคน และคิดเป็นจำนวนคืนที่พักค้างแรมราว 1.59 แสนคืนในปีที่ผ่านมา ถือเป็นตลาดที่เติบโตสูงสุดในอาเซียน และในปีนี้ยังวางเป้าหมายว่าคนไทยจะเดินทางเพิ่มราว 6%
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/709196
กลุ่มลุฟท์ฮันซ่า รุกหนักเส้นทางเชื่อมไทย
นายเดิร์ด โกรสมันน์ ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทยและภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงของกลุ่มลุฟต์ฮันซ่า กล่าวว่า จากความต้องการเดินทางของผู้โดยสารยุโรปและตลาดคนไทยและกลุ่มประเทศในแถบลุ่มแม่น้ำโขงที่เพิ่มขึ้น ทำให้ทยอยปรับกลยุทธ์เพิ่มอัตราที่นั่งเพื่อรองรับการเติบโตของลูกค้าต่อเนื่อง โดยตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา สายการบินสวิส ได้ปรับเปลี่ยนเครื่องบินลำใหม่ให้บริการเส้นทาง กรุงเทพฯ-ซูริค (สวิตเซอร์แลนด์) จากแอร์บัส เอ340-300 ซึ่งมีจำนวน 219 ที่นั่ง มาเป็นโบอิ้ง 777-300ER ซึ่งรับได้ 340 ที่นั่ง หรือคิดเป็นที่นั่งเพิ่ม 50% และในช่วงตารางบินฤดูหนาวปลายปีนี้ สายการบินลุฟท์ฮันซ่าที่มีเส้นทางบิน กรุงเทพฯ - แฟรงค์เฟิร์ต (เยอรมนี) ก็จะเปลี่ยนการใช้เครื่องบินขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อบรรทุกผู้โดยสารมากขึ้นในฤดูกาลท่องเที่ยว
นอกจากนั้น หลังจากการเปิดให้บริการสายการบินยูโรวิงส์ ในรูปแบบโลว์โคสต์ตั้งแต่ปลายปี 2558 ที่ผ่านมา และเริ่มต้นด้วยการบิน 4 เที่ยวต่อสัปดาห์ โดยบินจากเมืองโคโลญจน์จากเยอรมนีเข้าสู่กรุงเทพฯ และ ภูเก็ต ด้วยความถี่ 2 เที่ยวบิน/สัปดาห์เท่ากัน และปรากฎว่ามีผลตอบรับจากผู้โดยสารที่ดีมา อัตราบรรทุกเฉลี่ยสูงกว่า 95% ทำให้ในฤดูหนาวปีนี้เตรียมเปิดเที่ยวบินจากโคโลญจน์สู่ภูเก็ตเพิ่มเป็น 3 เที่ยว/สัปดาห์ด้วย
ดังนั้น คาดว่าภายในปลายปีนี้ทั้ง 4 สายการบินในเครือที่ทำการบินมาไทย ซึ่งมีออสเตรียนแอร์ไลน์ ร่วมด้วยนั้น จะเพิ่มจำนวนผู้โดยสารไม่ต่ำกว่า 5% จากจำนวนเที่ยวบินเชื่อมยุโรปที่มีราว 29 เที่ยวบิน/สัปดาห์ ซึ่งยังเป็นการเติบโตท่ามกลางการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากสายการบินคู่แข่ง โดยเฉพาะในภาวะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลง
พร้อมกันนี้ เพื่อการรับมือกับการแข่งขันที่มีประสิทธิภาพ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการเพื่อเป็นพันธมิตรในเชิงการพาณิชย์ (Commercial Joint Venture) กับสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลนส์ ด้วย โดยจะมีความร่วมมือทั้งในด้านการใช้รหัสเที่ยวบินร่วมกัน (Code Share) รวมถึงการแบ่งบันค่าใช้จ่ายและรายได้ สำหรับเส้นทางที่ให้บริการร่วมกันด้วย โดยคาดว่าจะเริ่มต้นเป็นรูปธรรมได้ในปีหน้า
“กลุ่มลุฟท์ฮันซ่ามีเส้นทางบินครอบคลุมทั่วยุโรป และมี 5 ฮับใหญ่ในยุโรป และหนึ่งฮับย่อยที่เมืองโคโลญจน์ซึ่งเป็นของยูโรวิงส์ ซึ่งถือว่ามีความพร้อมในการเชื่อมตลาดยุโรปมาสู่ไทยและประเทศในกลุ่มลุ่มน้ำโขงที่ถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง เพราะหากรวมจีนตอนใต้, เวียดนาม, กัมพูชา, ลาวและไทย ด้วยกันมีประชากรกว่า 240 ล้านคน หรือเท่ากับประชากรของเยอรมนี, ฝรั่งเศส, สเปน และอิตาลีรวมกัน โดยขณะนี้บริษัทยังไม่มีแผนเปิดเที่ยวบินตรงไปยังเมืองอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ แต่จะยังยกให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการเดินทาง และมีข้อตกลงในการโค้ดแชร์ร่วมกับการบินไทย และบางกอกแอร์เวยส์ ทำให้สามารถเชื่อมต่อจากยุโรปมายังกรุงเทพฯ และไปเมืองอื่นๆ ได้สะดวก”
ด้านนายปีเตอร์ พูลเลม รองประธานฝ่ายขายและการตลาดระหว่างประเทศของสายการบินสวิส กล่าวว่า ปัจจุบันมีเส้นทางบินตรงจากสวิตเซอร์แลนด์สู่เอเชียแปซิฟิก 3 เมืองคือ กรุงเทพฯ, ฮ่องกง และสิงคโปร์ ขณะที่อัตราบรรทุกเฉลี่ยเส้นทางกรุงเทพฯ - ซูริค อยู่ที่ 83-84% ลูกค้าหลักจากสวิตเซอร์แลนด์ 40% ส่วนอีก 12-15% เป็นคนไทย และที่เหลือเป็นชาวเยอรมนีและลูกค้าจากยุโรปอื่นๆ
แม้ขณะนี้ส่วนแบ่งการตลาดเป็นรองการบินไทยที่ให้บริการบินตรงเช่นกัน แต่ได้ปรับมาตรฐานการบริการพร้อมกับการเปลี่ยนรูปแบบเครื่องบินครั้งนี้ โดยยังคงให้บริการห้องโดยสารชั้นหนึ่ง 8 ที่นั่ง ต่างจากการบินไทยที่ไม่มีบริการดังกล่าวแล้ว พร้อมกันนี้ในช่วงที่รับเครื่องบินใหม่ จะจัดทำโปรโมชั่นเพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ ด้วยการวางราคาเริ่มต้น 20,100 บาท
ขณะที่นายอีวาน ไบรท์เทอร์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ตลาดคนไทยไปสวิตเซอร์แลนด์มีจำนวนถึง 9.8 หมื่นคน และคิดเป็นจำนวนคืนที่พักค้างแรมราว 1.59 แสนคืนในปีที่ผ่านมา ถือเป็นตลาดที่เติบโตสูงสุดในอาเซียน และในปีนี้ยังวางเป้าหมายว่าคนไทยจะเดินทางเพิ่มราว 6%
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/709196