สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
คำว่าขาดอากาศหายใจ ไม่ได้หมายความว่าไม่มีอากาศให้สูดหายใจเข้าไปเลย
แต่หมายถึง "ไม่มีอ๊อกซิเจนมากเพียงพอต่อการใช้งานของร่างกาย(ในขณะนั้นๆ)" จึงสลบไป หรือ ตายไป
ถ้ายิ่งเหนื่อย หรือยิ่งตื่นเต้น ยิ่งต้องใช้อ๊อกซิเจนมาก และถ้ายิ่งมีคนหลายๆคนมาติดอยู่ในลิฟท์ที่แคบๆพร้อมๆกัน ก็อาจจะเกิดอากาศไม่พอหายใจได้
เพราะไม่มีการไหลเวียนของอากาศใหม่ที่มีอ๊อกซิเจนมาก เข้าไปแทนที่อากาศเก่าในห้องลิฟท์นั้นมากเพียงพอที่จะให้คนหลายๆคนหายใจได้พร้อมๆกัน
"อากาศ" มันประกอบไปด้วยแก๊สหลายชนิดปะปนกัน อยู่ในสัดส่วนที่คุณมองไม่เห็น ถ้ามีก๊าซอะไรลดลงไป หรือมีก๊าซอะไรใหม่เพิ่มเข้ามา
คุณอาจจะมองไม่เห็นมัน ได้แต่ดมกลิ่น หรือ รอให้มันหายใจไม่ค่อยออก แล้วถึงเพิ่งจะมารู้สึกถึงความผิดปกตินั้น
และ อากาศ มันก็มีมวล มีน้ำหนัก มีความเฉื่อยอยู่กับที่ ถ้าไม่มีอะไรไปพัด ไปเป่า ไปดูด ให้มันเคลื่อนที่ มันก็อยู่กับที่ของมันอย่างนั้น
และถ้าจุดๆนั้นเป็นที่แคบ หรือเป็นมุมอับ ที่ไม่มีการไหลเวียนของอากาศใหม่ หรือ มีการไหลเวียนของอากาศน้อยเกินไป
ถ้าคุณใช้อ๊อกซิเจนตรงนั้นหมดไป หรือมีก๊าซพิษอะไรเข้ามาแทนที่มัน จนทำให้อ๊อกซิเจนตรงจุดนั้นมันมีเหลืออยู่น้อยเกินกว่าที่คนจะดำรงชีวิตอยู่ได้
คุณก็อาจจะสลบไป และก็อาจจะตายไปหลังจากนั้น ถ้าไม่มีมวลอากาศใหม่ที่มีอ๊อกซิเจนใหม่เข้ามาเพิ่ม
เพราะฉนั้น การเข้าไปอยู่ในที่แคบๆ หรือที่ลึกๆ ที่ไม่มีการไหลเวียนของอากาศ คุณก็อาจจะตายได้ง่ายๆ แม้ว่าคุณจะเงยหน้ามองเห็นท้องฟ้าได้ก็ตาม
เพราะไม่มีการไหลเวียนของอากาศใหม่เพิ่มเข้ามานั่นเอง
ถ้าเข้าไปอยู่ในที่แคบๆ ที่มีมวลอากาศไม่เพียงพอต่อการหายใจ คุณก็อาจจะสลบไป หรือ ขาดอากาศหายใจตายไปได้
เช่น การตกบ่อลึก หรือลงไปซ่อมอะไรที่ก้นบ่อลึกๆ แคบๆ ก็อาจจะทำให้ขาดอากาศหายใจตายได้ แม้ปากบ่อจะเปิดโล่ง
เหตุก็เพราะว่า เมื่อลงไปลึกๆ มักจะมีแก๊สหรือของเน่าเสียที่เน่าบูดแล้วกลายเป็นแก๊สพิษ ที่ไม่ใช่อ๊อกซิเจน ลอยอยู่หนาแน่นปกคลุมอยู่ก้นบ่อนั้น
ทำให้ขาดอากาศหายใจตายที่ใต้บ่อนั้น พอรู้สึกตัวว่าเริ่มมึนงง จะปีนขึ้นไปยังปากบ่อ ก็ต้องใช้แรงมากกว่าปกติ ก็ต้องใช้อ๊อกซิเจนมากกว่าปกติ
กว่าจะปีนขึ้นไปถึงปากบ่อ ก็หมดสติลงเสียก่อน(กว่าจะรู้ตัวก็สายเสียแล้ว) แล้วก็หมดสติตายไปหลังจากนั้นง่ายๆ ตายกันมาเยอะก็เพราะเหตุนี้
เพราะตกลงไปในที่ๆไม่มีอ๊อกซิเจนมากเพียงพอต่อการหายใจดำรงชีวิต
บางทีแม้ปากบ่อจะเปิดกว้างมากๆ เช่น การขุดหลุมที่ปากบ่อกว้างถึง 20 เมตร และลึกเพียงแค่ 5 เมตร ที่ดูเหมือนปากบ่อเปิดโล่งกว้าง ไม่น่าจะตายได้
ก็อาจจะทำให้ช่างหรือคนงานที่ลงไปทำงานที่ก้นบ่อนั้นขาดอากาศหายใจตายได้เหมือนกัน เหตุเพราะสัดส่วนของอ๊อกซิเจนมีน้อยเกินไปที่ก้นหลุมนั้น
เพราะมีไอระเหยของแก๊สชนิดอื่นปะปนอยู่ในอากาศลอยขึ้นมาจากพื้นดินก้นหลุมนั้น ทำให้มีสัดส่วนของอ๊อกซิเจนน้อยกว่าบนพื้นผิวดินด้านบน
(เพราะเรามองไม่เห็นแก๊ส เรามองเห็นแต่อากาศใสๆ เรามองทะลุไปยังก้นหลุมบ่อนั้นได้อย่างชัดเจน แต่ความจริงมันอาจจะมีแก๊สที่ทำให้คุณหายใจไม่ออกปกคลุมไปทั่วก้นหลุมบ่อนั้น) (ไม่ต้องเข้มข้นมาก แค่เจือจางนิดๆในอากาศ ทำให้การหายใจติดขัด เหนื่อยง่ายกว่าปกติก็อันตรายแล้วถ้าลงไป)
และเมื่อช่างหรือคนงาน ออกแรงทำงานเคลื่อนไหวร่างกายที่ก้นบ่อมากๆ ย่อมทำให้ร่างกายเหนื่อย ต้องการอ๊อกซิเจนมากกว่าปกติ
ก็จะทำให้คนๆนั้น มึนงง วิงเวียน ทำให้ขาดอากาศหมดสติล้มลงและเสียชีวิต ตายที่ก้นบ่อที่มีปากบ่อเปิดกว้างโล่งโจ้งนั้นได้ โดยที่คาดไม่ถึง
พอคนด้านล่างล้มตายแน่นิ่ง คนด้านบนลงไปช่วย โดยที่ไม่มีถังอุปกรณ์หน้ากากอ๊อกซิเจนช่วยหายใจ ลงไปด้วย
พอมองลงไป ก็เห็นมีคนล้มแน่นิ่งอยู่ก้นบ่อ ก็รีบลงไปช่วยยกตัวผู้เสียชีวิตขึ้นมา ก็ต้องใช้อ๊อกซิเจนมากกว่าปกติ เพราะต้องเหนื่อยออกแรงมาก
ตัวเองยังไม่ทันจะขึ้นมาได้ ก็ต้องขาดอากาศหายใจตายไปตามๆกัน ตายทั้งคนที่ลงไปช่วย และคนที่ถูกช่วย ที่ก้นบ่อนั้น
(บางทีมีคนไปพบเจอ เห็นคนที่ก้นหลุมนอนทับๆกันตาย ดูเหมือนเป็นท่าทางการตายแปลกๆที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้)
(แต่ความจริงก็คือเป็นท่าของคนที่พยายามจะอุ้มยกตัวคนที่สลบอยู่ แล้วตัวของคนที่ยก ก็หมดสติทับตัวคนที่สลบลงไปอีกทีนึง ก็เลยดูเป็นแบบนั้น
หมดสติตายไปตามๆกัน)
บางทีร้านค้าแคบๆ เป็นห้องเล็กๆในตลาด เช่น ร้านรับส่งพัสดุไปรษณีย์
เป็นห้องเล็กๆปิดทึบ ไม่มีฮุคระบายอากาศ มีแค่ช่องลมเล็กๆ มีประตูเลื่อนเปิด-ปิด เมื่อปิดแล้ว มีลมเข้าออกได้เพียงแค่ช่องลมเล็กๆนั้นเท่านั้น
ถ้าวันไหนมีการทาสีใหม่ หรือวางกระป๋องสี หรือแลคเกอร์ เอาไว้ในห้อง คนในห้องจะเคยชินต่อกลิ่น จะไม่รู้สึกถึงความอันตราย
แต่ลูกค้าที่เพิ่งจะเดินเข้ามา จะได้กลิ่นแอลกอฮอล์ชัดเจนจนฉุนจมูก
ถ้าเจ้าของร้านอยู่ในร้านที่มีไอระเหยของแอลกอฮอล์มาก และทำให้สัดส่วนของอ๊อกซิเจนในอากาศไม่เพียงพอต่อการหายใจในห้องนั้นๆ
ถ้าเขานั่งเฝ้าร้านแล้วเผลองีบหลับไป เขาก็อาจจะไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีกเลย (ถ้าไม่มีใครมาเปิดประตู ในช่วงระยะเวลาที่เขาหลับนั้น)
เหมือนคนที่นอนหลับไปในรถที่สตาร์ทเครื่องยนต์เอาไว้ เปิดแอร์ในรถให้เย็น เปิดช่องกระจกเอาไว้นิดหน่อยเพื่อให้หายใจ (คิดว่าแค่นั้นก็รอดแล้ว)
แต่เมื่อรถคันนั้นมีความบกพร่องของตัวถังรถ มีการรั่วซึมของควันแก๊สจากการสตาร์ทเครื่องยนต์ รั่วซึมเข้ามาอยู่ในห้องโดยสารนิดๆ
เมื่อแก๊สพิษเข้าไปทดแทนที่ว่างในห้องโดยสารมากๆ ทำให้มีสัดส่วนอ๊อกซิเจนไม่เพียงพอต่อการหายใจ แต่ในขณะนั้นคนขับรถนั่งหลับสนิทอยู่ในรถ
ก็อาจจะทำให้คนขับรถคนนั้น ไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย
หรือการไปจอดรถสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วเปิดแอร์ที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน ที่เป็นมุมอับของลานจอดรถชั้นใต้ดิน ที่อากาศระบายถ่ายเทไม่สะดวก
แล้วควันพิษจากเครื่องยนต์ออกมาจากท่อไอเสีย ออกมาปกคลุมห้อมล้อมรอบตัวถังรถไว้
ก็อาจจะทำให้คนขับรถคนนั้นไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลยได้เหมือนกัน เพราะมวลแก๊สควันพิษไล่อากาศดีที่มีอ๊อกซิเจนมาก ออกไปจากพื้นที่มุมอับนั้น
มีข่าวคนตายแทบทุกปีในเต๊นท์นอน ที่เอามากางนอนกลางป่าในหน้าหนาว เพราะคนไทยชอบเที่ยวภูเขาในหน้าหนาว
อย่างเช่น แม่ลูกคู่นึงที่นอนในเต๊นท์เดียวกัน แล้วคนเป็นแม่เอาเตาไฟเข้าไปอังความร้อนให้ความอบอุ่นในเต๊นท์ เพราะดึกๆอากาศจะหนาวจัดมาก
พอตื่นเช้ามา คนเป็นพ่อที่นอนอยู่อีกเต๊นท์นึง เดินมาปลุกแม่ลูก ไม่มีใครตื่น เพราะทั้งคู่ได้เสียชีวิตมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว
เพราะเตาไฟ จะมีควันพิษออกมารมคนที่อยู่ในเต๊นท์นอน และใช้อ๊อกซิเจนในเต๊นท์นอนให้หมดไปพร้อมๆกัน
ถ้ายังไม่หลับ ก็อาจจะมีสติมากพอที่จะยกเตาไฟออกมาก่อน เมื่อชักเริ่มรู้สึกว่ามึนงง เพราะรู้ว่ามีแก๊สที่ทำให้หายใจไม่ออก
(แต่ถึงจะมีสติอย่างไรก็ตาม ก็ไม่ควรที่จะเอาเตาไฟเข้าไปในเต๊นท์นอนอย่างเด็ดขาด)
(และเตาไฟบางเตา แม้จะจุดแบบไม่มีควันไฟฉุยให้เห็น แต่ความจริงมันมีแก๊สพิษคายออกมาตลอดเวลา)
แต่เมื่อเคลิ้มหลับไป ควันพิษจากเตาไฟมากขึ้นๆ สะสมในเต๊นท์จนอ๊อกซิเจนไม่เพียงพอต่อการหายใจดำรงชีพ แต่ในขณะนั้นคนในเต๊นท์หลับสนิทอยู่
จึงทำให้แม่ลูกทั้งคู่ ไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย
(และบวกกับความเหนื่อยล้าจากการเดินทางขึ้นเขา เดินท่องเที่ยวมาทั้งวัน อาจจะทำให้คนๆนั้นเหนื่อยเพลียไม่อยากจะลุกขึ้นมาแม้จะได้กลิ่นควันไฟ)
หรือบางกรณีเช่นมีคนเผาป่า หรือเผาทุ่งหญ้าข้างทาง ควันไฟจากการเผาหญ้ามาปกคลุมทางถนนนั้น
คุณขับรถไปบนถนนเลียบทุ่งหญ้านั้น คุณนึกว่าควันไฟจะมีแค่ช่วงนิดเดียว คิดว่าอีกประเดี๋ยวเดียวรถของคุณก็น่าจะขับผ่านทะลุควันไฟนั้นไปได้
แต่ความจริงควันไฟนั้นมีระยะทางยาวเป็นกิโล เพราะทุ่งหญ้านั้นถูกเผายาวกว้างเป็นกิโลๆ
และเผอิญว่าตัวถังรถมีความบกพร่อง มีควันไฟจากการเผาหญ้าเล็ดรอดรั่วซึมเข้ามาในห้องโดยสารได้ คุณเริ่มจะหายใจไม่ออก เพราะสูดควันเข้าไป
คุณจะเร่งความเร็วรถให้มากขึ้นก็เสี่ยงที่จะขับรถชนรถคันหน้า หรือชนตอม่อ หรือตกข้างทาง เพราะมองไม่ค่อยเห็น เพราะมีควันไฟมาบดบังสายตา
เพราะการขับรถในหมอกควันหนาทึบ ย่อมมีทัศนวิสัยไม่ค่อยดี มองเห็นไปได้ไม่ไกลนัก คุณจึงต้องขับรถเคลื่อนตัวฝ่าควันไฟไปอย่างช้าๆ
แต่ถ้าขับรถช้าๆ คุณก็จะหายใจไม่ออก เพราะรถมันก็วิ่งไม่พ้นควันไฟจากการเผาหญ้าข้างทางที่มีวงกว้างเป็นกิโลๆซักที
ทีนี้คุณจะเริ่มกลั้นหายใจ เพราะไม่อยากจะสูดควันไฟที่เข้ามาในรถมากเกินไป (เริ่มตกใจ เพราะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแล้ว อาจจะหมดสติได้จริงๆ)
คุณอาจจะต้องเดิมพันชีวิตว่าคุณจะกลั้นหายใจได้นานแค่ไหน กว่าที่รถของคุณจะวิ่งพ้นกลุ่มควันไฟที่มีระยะทางยาวเป็นกิโลเมตรนั้น
ถ้าคุณหมดสติลงก่อน คุณก็อาจจะตายเพราะรถตกถนนข้างทาง หรือสลบไปในรถที่ตกอยู่ท่ามกลางกลุ่มควันปกคลุมยาวนาน คุณก็ตายได้เหมือนกัน
เพราะฉนั้น การขาดอากาศหายใจตาย ไม่ได้หมายความว่าไม่มีอากาศให้คุณสูดหายใจเข้าปอดไปได้เลยแม้แต่อึกเดียว
แต่หมายถึง แค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆที่ร่างกายของคุณมีอ๊อกซิเจนไม่เพียงพอต่อการใช้งาน คุณก็อาจจะตายได้แล้ว
เพราะคนเราจะกลั้นหายใจได้แค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น
และแม้จะเป็นการขุดในแนวระนาบ เช่น การขุดอุโมงค์ทางรถไฟ วิ่งผ่านทะลุเทือกเขา มีที่มีระยะทางยาวเป็นกิโลเมตร
ก็จะต้องมีการสูบปั้มอากาศจากภายนอกที่มีความหนาแน่นของอ๊อกซิเจนสูง และมีความเย็น อัดเข้าไปยังจุดที่ลึกที่สุดของถ้ำอุโมงค์นั้น
ส่งผ่านท่อเข้าไปยังจุดที่ลึกที่สุดที่กำลังทำการขุดเจาะอยู่ เพราะยิ่งลึกยิ่งมีอุณหภูมิสูง และมีควันแก๊สจากการขุดเจาะ และเครื่องยนต์ที่เดินหมุนอยู่
ควันแก๊สร้อนเหล่านี้จะขยายตัวและดันมวลอากาศให้ไหลออกมาทางปากทางเข้าอุโมงค์
ทำให้จุดปลายทางที่ลึกที่สุดในอุโมงค์นั้นมีอ๊อกซิเจนอยู่น้อยมาก ไม่เพียงพอต่อการหายใจ
ถ้าปั้มลมที่สูบอัดอากาศเข้าไปตัวนี้เกิดขัดข้อง คนที่อยู่ภายในถ้ำอุโมงค์นั้น ก็อาจจะขาดอากาศหายใจ ตายได้ภายในไม่กี่นาที

คำว่าขาดอากาศหายใจ ไม่ได้หมายความว่าไม่มีอากาศให้สูดหายใจเข้าไปเลย
แต่หมายถึง "ไม่มีอ๊อกซิเจนมากเพียงพอต่อการใช้งานของร่างกาย(ในขณะนั้นๆ)" จึงสลบไป หรือ ตายไป
ถ้ายิ่งเหนื่อย หรือยิ่งตื่นเต้น ยิ่งต้องใช้อ๊อกซิเจนมาก และถ้ายิ่งมีคนหลายๆคนมาติดอยู่ในลิฟท์ที่แคบๆพร้อมๆกัน ก็อาจจะเกิดอากาศไม่พอหายใจได้
เพราะไม่มีการไหลเวียนของอากาศใหม่ที่มีอ๊อกซิเจนมาก เข้าไปแทนที่อากาศเก่าในห้องลิฟท์นั้นมากเพียงพอที่จะให้คนหลายๆคนหายใจได้พร้อมๆกัน
"อากาศ" มันประกอบไปด้วยแก๊สหลายชนิดปะปนกัน อยู่ในสัดส่วนที่คุณมองไม่เห็น ถ้ามีก๊าซอะไรลดลงไป หรือมีก๊าซอะไรใหม่เพิ่มเข้ามา
คุณอาจจะมองไม่เห็นมัน ได้แต่ดมกลิ่น หรือ รอให้มันหายใจไม่ค่อยออก แล้วถึงเพิ่งจะมารู้สึกถึงความผิดปกตินั้น
และ อากาศ มันก็มีมวล มีน้ำหนัก มีความเฉื่อยอยู่กับที่ ถ้าไม่มีอะไรไปพัด ไปเป่า ไปดูด ให้มันเคลื่อนที่ มันก็อยู่กับที่ของมันอย่างนั้น
และถ้าจุดๆนั้นเป็นที่แคบ หรือเป็นมุมอับ ที่ไม่มีการไหลเวียนของอากาศใหม่ หรือ มีการไหลเวียนของอากาศน้อยเกินไป
ถ้าคุณใช้อ๊อกซิเจนตรงนั้นหมดไป หรือมีก๊าซพิษอะไรเข้ามาแทนที่มัน จนทำให้อ๊อกซิเจนตรงจุดนั้นมันมีเหลืออยู่น้อยเกินกว่าที่คนจะดำรงชีวิตอยู่ได้
คุณก็อาจจะสลบไป และก็อาจจะตายไปหลังจากนั้น ถ้าไม่มีมวลอากาศใหม่ที่มีอ๊อกซิเจนใหม่เข้ามาเพิ่ม
เพราะฉนั้น การเข้าไปอยู่ในที่แคบๆ หรือที่ลึกๆ ที่ไม่มีการไหลเวียนของอากาศ คุณก็อาจจะตายได้ง่ายๆ แม้ว่าคุณจะเงยหน้ามองเห็นท้องฟ้าได้ก็ตาม
เพราะไม่มีการไหลเวียนของอากาศใหม่เพิ่มเข้ามานั่นเอง
ถ้าเข้าไปอยู่ในที่แคบๆ ที่มีมวลอากาศไม่เพียงพอต่อการหายใจ คุณก็อาจจะสลบไป หรือ ขาดอากาศหายใจตายไปได้
เช่น การตกบ่อลึก หรือลงไปซ่อมอะไรที่ก้นบ่อลึกๆ แคบๆ ก็อาจจะทำให้ขาดอากาศหายใจตายได้ แม้ปากบ่อจะเปิดโล่ง
เหตุก็เพราะว่า เมื่อลงไปลึกๆ มักจะมีแก๊สหรือของเน่าเสียที่เน่าบูดแล้วกลายเป็นแก๊สพิษ ที่ไม่ใช่อ๊อกซิเจน ลอยอยู่หนาแน่นปกคลุมอยู่ก้นบ่อนั้น
ทำให้ขาดอากาศหายใจตายที่ใต้บ่อนั้น พอรู้สึกตัวว่าเริ่มมึนงง จะปีนขึ้นไปยังปากบ่อ ก็ต้องใช้แรงมากกว่าปกติ ก็ต้องใช้อ๊อกซิเจนมากกว่าปกติ
กว่าจะปีนขึ้นไปถึงปากบ่อ ก็หมดสติลงเสียก่อน(กว่าจะรู้ตัวก็สายเสียแล้ว) แล้วก็หมดสติตายไปหลังจากนั้นง่ายๆ ตายกันมาเยอะก็เพราะเหตุนี้
เพราะตกลงไปในที่ๆไม่มีอ๊อกซิเจนมากเพียงพอต่อการหายใจดำรงชีวิต
บางทีแม้ปากบ่อจะเปิดกว้างมากๆ เช่น การขุดหลุมที่ปากบ่อกว้างถึง 20 เมตร และลึกเพียงแค่ 5 เมตร ที่ดูเหมือนปากบ่อเปิดโล่งกว้าง ไม่น่าจะตายได้
ก็อาจจะทำให้ช่างหรือคนงานที่ลงไปทำงานที่ก้นบ่อนั้นขาดอากาศหายใจตายได้เหมือนกัน เหตุเพราะสัดส่วนของอ๊อกซิเจนมีน้อยเกินไปที่ก้นหลุมนั้น
เพราะมีไอระเหยของแก๊สชนิดอื่นปะปนอยู่ในอากาศลอยขึ้นมาจากพื้นดินก้นหลุมนั้น ทำให้มีสัดส่วนของอ๊อกซิเจนน้อยกว่าบนพื้นผิวดินด้านบน
(เพราะเรามองไม่เห็นแก๊ส เรามองเห็นแต่อากาศใสๆ เรามองทะลุไปยังก้นหลุมบ่อนั้นได้อย่างชัดเจน แต่ความจริงมันอาจจะมีแก๊สที่ทำให้คุณหายใจไม่ออกปกคลุมไปทั่วก้นหลุมบ่อนั้น) (ไม่ต้องเข้มข้นมาก แค่เจือจางนิดๆในอากาศ ทำให้การหายใจติดขัด เหนื่อยง่ายกว่าปกติก็อันตรายแล้วถ้าลงไป)
และเมื่อช่างหรือคนงาน ออกแรงทำงานเคลื่อนไหวร่างกายที่ก้นบ่อมากๆ ย่อมทำให้ร่างกายเหนื่อย ต้องการอ๊อกซิเจนมากกว่าปกติ
ก็จะทำให้คนๆนั้น มึนงง วิงเวียน ทำให้ขาดอากาศหมดสติล้มลงและเสียชีวิต ตายที่ก้นบ่อที่มีปากบ่อเปิดกว้างโล่งโจ้งนั้นได้ โดยที่คาดไม่ถึง
พอคนด้านล่างล้มตายแน่นิ่ง คนด้านบนลงไปช่วย โดยที่ไม่มีถังอุปกรณ์หน้ากากอ๊อกซิเจนช่วยหายใจ ลงไปด้วย
พอมองลงไป ก็เห็นมีคนล้มแน่นิ่งอยู่ก้นบ่อ ก็รีบลงไปช่วยยกตัวผู้เสียชีวิตขึ้นมา ก็ต้องใช้อ๊อกซิเจนมากกว่าปกติ เพราะต้องเหนื่อยออกแรงมาก
ตัวเองยังไม่ทันจะขึ้นมาได้ ก็ต้องขาดอากาศหายใจตายไปตามๆกัน ตายทั้งคนที่ลงไปช่วย และคนที่ถูกช่วย ที่ก้นบ่อนั้น
(บางทีมีคนไปพบเจอ เห็นคนที่ก้นหลุมนอนทับๆกันตาย ดูเหมือนเป็นท่าทางการตายแปลกๆที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้)
(แต่ความจริงก็คือเป็นท่าของคนที่พยายามจะอุ้มยกตัวคนที่สลบอยู่ แล้วตัวของคนที่ยก ก็หมดสติทับตัวคนที่สลบลงไปอีกทีนึง ก็เลยดูเป็นแบบนั้น
หมดสติตายไปตามๆกัน)
บางทีร้านค้าแคบๆ เป็นห้องเล็กๆในตลาด เช่น ร้านรับส่งพัสดุไปรษณีย์
เป็นห้องเล็กๆปิดทึบ ไม่มีฮุคระบายอากาศ มีแค่ช่องลมเล็กๆ มีประตูเลื่อนเปิด-ปิด เมื่อปิดแล้ว มีลมเข้าออกได้เพียงแค่ช่องลมเล็กๆนั้นเท่านั้น
ถ้าวันไหนมีการทาสีใหม่ หรือวางกระป๋องสี หรือแลคเกอร์ เอาไว้ในห้อง คนในห้องจะเคยชินต่อกลิ่น จะไม่รู้สึกถึงความอันตราย
แต่ลูกค้าที่เพิ่งจะเดินเข้ามา จะได้กลิ่นแอลกอฮอล์ชัดเจนจนฉุนจมูก
ถ้าเจ้าของร้านอยู่ในร้านที่มีไอระเหยของแอลกอฮอล์มาก และทำให้สัดส่วนของอ๊อกซิเจนในอากาศไม่เพียงพอต่อการหายใจในห้องนั้นๆ
ถ้าเขานั่งเฝ้าร้านแล้วเผลองีบหลับไป เขาก็อาจจะไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีกเลย (ถ้าไม่มีใครมาเปิดประตู ในช่วงระยะเวลาที่เขาหลับนั้น)
เหมือนคนที่นอนหลับไปในรถที่สตาร์ทเครื่องยนต์เอาไว้ เปิดแอร์ในรถให้เย็น เปิดช่องกระจกเอาไว้นิดหน่อยเพื่อให้หายใจ (คิดว่าแค่นั้นก็รอดแล้ว)
แต่เมื่อรถคันนั้นมีความบกพร่องของตัวถังรถ มีการรั่วซึมของควันแก๊สจากการสตาร์ทเครื่องยนต์ รั่วซึมเข้ามาอยู่ในห้องโดยสารนิดๆ
เมื่อแก๊สพิษเข้าไปทดแทนที่ว่างในห้องโดยสารมากๆ ทำให้มีสัดส่วนอ๊อกซิเจนไม่เพียงพอต่อการหายใจ แต่ในขณะนั้นคนขับรถนั่งหลับสนิทอยู่ในรถ
ก็อาจจะทำให้คนขับรถคนนั้น ไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย
หรือการไปจอดรถสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วเปิดแอร์ที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน ที่เป็นมุมอับของลานจอดรถชั้นใต้ดิน ที่อากาศระบายถ่ายเทไม่สะดวก
แล้วควันพิษจากเครื่องยนต์ออกมาจากท่อไอเสีย ออกมาปกคลุมห้อมล้อมรอบตัวถังรถไว้
ก็อาจจะทำให้คนขับรถคนนั้นไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลยได้เหมือนกัน เพราะมวลแก๊สควันพิษไล่อากาศดีที่มีอ๊อกซิเจนมาก ออกไปจากพื้นที่มุมอับนั้น
มีข่าวคนตายแทบทุกปีในเต๊นท์นอน ที่เอามากางนอนกลางป่าในหน้าหนาว เพราะคนไทยชอบเที่ยวภูเขาในหน้าหนาว
อย่างเช่น แม่ลูกคู่นึงที่นอนในเต๊นท์เดียวกัน แล้วคนเป็นแม่เอาเตาไฟเข้าไปอังความร้อนให้ความอบอุ่นในเต๊นท์ เพราะดึกๆอากาศจะหนาวจัดมาก
พอตื่นเช้ามา คนเป็นพ่อที่นอนอยู่อีกเต๊นท์นึง เดินมาปลุกแม่ลูก ไม่มีใครตื่น เพราะทั้งคู่ได้เสียชีวิตมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว
เพราะเตาไฟ จะมีควันพิษออกมารมคนที่อยู่ในเต๊นท์นอน และใช้อ๊อกซิเจนในเต๊นท์นอนให้หมดไปพร้อมๆกัน
ถ้ายังไม่หลับ ก็อาจจะมีสติมากพอที่จะยกเตาไฟออกมาก่อน เมื่อชักเริ่มรู้สึกว่ามึนงง เพราะรู้ว่ามีแก๊สที่ทำให้หายใจไม่ออก
(แต่ถึงจะมีสติอย่างไรก็ตาม ก็ไม่ควรที่จะเอาเตาไฟเข้าไปในเต๊นท์นอนอย่างเด็ดขาด)
(และเตาไฟบางเตา แม้จะจุดแบบไม่มีควันไฟฉุยให้เห็น แต่ความจริงมันมีแก๊สพิษคายออกมาตลอดเวลา)
แต่เมื่อเคลิ้มหลับไป ควันพิษจากเตาไฟมากขึ้นๆ สะสมในเต๊นท์จนอ๊อกซิเจนไม่เพียงพอต่อการหายใจดำรงชีพ แต่ในขณะนั้นคนในเต๊นท์หลับสนิทอยู่
จึงทำให้แม่ลูกทั้งคู่ ไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย
(และบวกกับความเหนื่อยล้าจากการเดินทางขึ้นเขา เดินท่องเที่ยวมาทั้งวัน อาจจะทำให้คนๆนั้นเหนื่อยเพลียไม่อยากจะลุกขึ้นมาแม้จะได้กลิ่นควันไฟ)
หรือบางกรณีเช่นมีคนเผาป่า หรือเผาทุ่งหญ้าข้างทาง ควันไฟจากการเผาหญ้ามาปกคลุมทางถนนนั้น
คุณขับรถไปบนถนนเลียบทุ่งหญ้านั้น คุณนึกว่าควันไฟจะมีแค่ช่วงนิดเดียว คิดว่าอีกประเดี๋ยวเดียวรถของคุณก็น่าจะขับผ่านทะลุควันไฟนั้นไปได้
แต่ความจริงควันไฟนั้นมีระยะทางยาวเป็นกิโล เพราะทุ่งหญ้านั้นถูกเผายาวกว้างเป็นกิโลๆ
และเผอิญว่าตัวถังรถมีความบกพร่อง มีควันไฟจากการเผาหญ้าเล็ดรอดรั่วซึมเข้ามาในห้องโดยสารได้ คุณเริ่มจะหายใจไม่ออก เพราะสูดควันเข้าไป
คุณจะเร่งความเร็วรถให้มากขึ้นก็เสี่ยงที่จะขับรถชนรถคันหน้า หรือชนตอม่อ หรือตกข้างทาง เพราะมองไม่ค่อยเห็น เพราะมีควันไฟมาบดบังสายตา
เพราะการขับรถในหมอกควันหนาทึบ ย่อมมีทัศนวิสัยไม่ค่อยดี มองเห็นไปได้ไม่ไกลนัก คุณจึงต้องขับรถเคลื่อนตัวฝ่าควันไฟไปอย่างช้าๆ
แต่ถ้าขับรถช้าๆ คุณก็จะหายใจไม่ออก เพราะรถมันก็วิ่งไม่พ้นควันไฟจากการเผาหญ้าข้างทางที่มีวงกว้างเป็นกิโลๆซักที
ทีนี้คุณจะเริ่มกลั้นหายใจ เพราะไม่อยากจะสูดควันไฟที่เข้ามาในรถมากเกินไป (เริ่มตกใจ เพราะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแล้ว อาจจะหมดสติได้จริงๆ)
คุณอาจจะต้องเดิมพันชีวิตว่าคุณจะกลั้นหายใจได้นานแค่ไหน กว่าที่รถของคุณจะวิ่งพ้นกลุ่มควันไฟที่มีระยะทางยาวเป็นกิโลเมตรนั้น
ถ้าคุณหมดสติลงก่อน คุณก็อาจจะตายเพราะรถตกถนนข้างทาง หรือสลบไปในรถที่ตกอยู่ท่ามกลางกลุ่มควันปกคลุมยาวนาน คุณก็ตายได้เหมือนกัน
เพราะฉนั้น การขาดอากาศหายใจตาย ไม่ได้หมายความว่าไม่มีอากาศให้คุณสูดหายใจเข้าปอดไปได้เลยแม้แต่อึกเดียว
แต่หมายถึง แค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆที่ร่างกายของคุณมีอ๊อกซิเจนไม่เพียงพอต่อการใช้งาน คุณก็อาจจะตายได้แล้ว
เพราะคนเราจะกลั้นหายใจได้แค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น
และแม้จะเป็นการขุดในแนวระนาบ เช่น การขุดอุโมงค์ทางรถไฟ วิ่งผ่านทะลุเทือกเขา มีที่มีระยะทางยาวเป็นกิโลเมตร
ก็จะต้องมีการสูบปั้มอากาศจากภายนอกที่มีความหนาแน่นของอ๊อกซิเจนสูง และมีความเย็น อัดเข้าไปยังจุดที่ลึกที่สุดของถ้ำอุโมงค์นั้น
ส่งผ่านท่อเข้าไปยังจุดที่ลึกที่สุดที่กำลังทำการขุดเจาะอยู่ เพราะยิ่งลึกยิ่งมีอุณหภูมิสูง และมีควันแก๊สจากการขุดเจาะ และเครื่องยนต์ที่เดินหมุนอยู่
ควันแก๊สร้อนเหล่านี้จะขยายตัวและดันมวลอากาศให้ไหลออกมาทางปากทางเข้าอุโมงค์
ทำให้จุดปลายทางที่ลึกที่สุดในอุโมงค์นั้นมีอ๊อกซิเจนอยู่น้อยมาก ไม่เพียงพอต่อการหายใจ
ถ้าปั้มลมที่สูบอัดอากาศเข้าไปตัวนี้เกิดขัดข้อง คนที่อยู่ภายในถ้ำอุโมงค์นั้น ก็อาจจะขาดอากาศหายใจ ตายได้ภายในไม่กี่นาที
แสดงความคิดเห็น
ติดอยู่ในลิฟท์นี่ ทำไมขาดอากาศตายได้ครับ
ผมงงว่าทำไมถึงทำช่องระบายอากาศในลิฟท์ไม่ได้หรอ
และลิฟท์ส่วนใหญ่ด้านบนเปิดได้ทั้งนั้น ทำไมถึงขาดอากาศได้ครับ