หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[CR] Big Sur ถนนที่วิวสวยที่สุดในอเมริกา และติดอันดับ 1 ใน 10 สวยที่สุดในโลก
กระทู้รีวิว
บันทึกนักเดินทาง
คราวที่แล้วเขียนถึงเมื่องน่ารักติดอันดับ 1ใน 10 น่าเที่ยวในอเมริกากันไปแล้ว คราวนี้ก็มาสุดสุดกันต่อกับถนนที่วิวสวยที่สุดในอเมริกากันบ้าง เขาว่ากันว่าว่าติดอันดับ 1 10 ถนนสวยที่สุดในโลกที่ต้องไปเยือนให้ได้ก่อนตาย อันนี้ไม่รู้จริงเท็จแค่ไหน แต่ถ้าอวยกันซะขนาดนี้ ไม่ไปไม่ได้แล้ว
Big sur Highway 1 เป็นถนนที่ตัดเลียบชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิค รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยเริ่มจาก Camel River ในเขต Monterey County ลงใต้ไปจนถึง San Carpoforo creek ในเขต San luis Obispo รวมระยะทาง 90 ไมล์ หรือประมาณ 140 กม. ถนนจะคดโค้งลัดเลาะไปตามหน้าผา ได้สัมผัสกับทัศนียภาพที่สวยงาม อีกทั้งยังสามารถแวะจอดตามจุดต่างๆ ถ่ายรูปทิวทัศน์ของชายฝั่งทะเลที่ขึ้นชื่อว่างดงามที่สุดได้ตลอดทางอีกด้วย
ทริปนี้เราวิ่งจากใต้ขึ้นไปทางเหนือดังนั้นจุดแรกที่ต้องแวะคือ The Piedras Blancas elephant seal จุดชมช้างน้ำ ที่นี่เขาจะทำทางเดินให้เดินชมช้างน้ำจำนวนมากมายที่นอนเล่นเกลื่อนเต็มหาด บางตัวเหมือนนอนตาย บางตัวก็เขี่ยทรายเล่น บางตัวก็เริงร่าเล่นน้ำ หรือแม้แต่กัดกันก็มี แถมส่งเสียงดังเจี้ยวจ้าวกันซะลั่นหาด อ้อต้องทนกับกลิ่นเหม็นสาบของเจ้าพวกนี้ด้วย ช้างน้ำไม่ได้มีให้เห็นกันง่ายๆ เพราะฉะนั้นไม่ควรพลาดที่จะหยุดชมความน่ารักและความมหึมาของสัตว์ชนิดนี้กันนะจ๊ะ
ที่นี้ไปปีนเขาดูน้ำตกกันต่อ ขับรถมาอีก 23 นาที ก็ถึง Salmond creek trail ที่นี่มีเส้นทางเดินป่า หรือ trail ให้เลือกหลายเส้นทาง น้ำตกที่นี่เดินไม่ไกล ประมาณครึ่ง กม.พอให้ได้หอบนิดหน่อย ก็จะเห็นผาน้ำตก Salmon creek falls ที่มีความสูง 120 ฟุต เด่นตระง่านอยู่เบื้องหน้า ที่นี่สามารถโดดน้ำเล่นได้ แต่เราคนหนึ่งล่ะขอบาย เพราะยังไม่อยากลงไปแช่น้ำที่เย็นยั่งกะน้ำแข็ง
มาดูที่พักที่ของเราในครั้งนี้ดีกว่า เพื่อนแนะนำมาว่าที่นี่บรรยากาศดีและถูก แค่บอกว่าถูกก็เรารีบเชคและจองที่พักทันที Riverside Campground มีทั้งบ้านพักและสถานที่กางเต้นท์รวมถึงมีที่ให้สำหรับพวกที่ขับรถ RV หรือรถบ้านมาจอดพักได้ด้วย บรรยากาศดีมากสมคำแนะนำ ร่มรื่นและมีลำธารไหลผ่านเหมาะสำหรับกางเต้นท์เป็นอย่างที่สุด แต่ครั้งนี้เราพักบ้าน ซึ่งก็ราคาไม่แพง 1 ห้องพักได้ 2-4 คน ราคา $120 มากัน 4 คนก็ถือว่าถูกทีเดียว ส่วนสถานที่กางเต้นท์และที่จอดรถ RV ก็เสียค่าบริการ $55-$65 ทุกที่พักเขาจะมีเตาปิ้งย่างและโต๊ะนั่งชิวให้ที่ละ 1 ชุด เสียดายไม่ได้กางเต้นท์นอนย่างบาร์บีคิวกินริมธารน้ำ ไม่อย่างนั้นชีวิตคงจะดี้ดียิ่งกว่านี้
จากบ้านพักก็ไปเดินเล่นริมหาดกันต่อที่ Pfeiffer Beach ตั้งอยู่ใน Pfeiffer state park ทางเข้าค่อนข้างหายาก ดังนั้นต้องหาพิกัดดีๆ มิฉะนั้นอาจหลงได้เมื่อเข้ามาถึงจะได้เสียค่าเข้า $10 ต่อรถ คัน มีที่จอดรถสะดวกสบายเดินเข้าไปประมาณ 5-10 นาที ก็จะเจอภาพทิวทัศน์ของท้องทะเลและภูเขาที่ตั้งเด่นตระหง่าน สวย ตะลึง อึ้ง ทึ่ง กันเลยทีเดียว
ช่องหินเขาขาดนี้ถ้าเดินปีนเข้าไปจะเห็นกับความงามของเกลียวคลื่นที่สาดกระทบกับผนังหินบวกกับลำแสงสีขาวนวลที่ส่องผ่านเข้ามานั้นเป็นภาพที่สวยงามแปลกตาเกินบรรยายจริงๆ
Pfeiffer Beach เป็นหาดมหัศจรรย์ เพราะเป็นหาดแห่งเดียวที่มีทรายสีม่วง ซึ่งเกิดจากเศษแร่แมงกานีสการ์เนตจากหินที่อยู่บนหน้าผาและริมชายฝั่งเจือปนอยู่บนผืนทรายนั่นเอง ที่สำคัญหาดแห่งนี้เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งด้วยธรรมชาติเขาก็ช่างสร้างสรรค์ให้ภูเขาหินลูกนี้มีประตูเปิดรับลำแสงจากพระอาทิตย์ที่ค่อยๆคล้อยตกลงผืนน้ำ ทำให้แสงที่ผ่านช่องประตูจะค่อยๆเปลี่ยนสีจากแสงสีขาวกลายเป็นสีเหลือง สีส้ม จนกลายเป็นรูปหัวใจอย่างที่เห็น เป็นภาพที่ประทับใจจนเสียงรัวชัตเตอร์ของนักท่องเที่ยวดังระงมเพื่อบันทึกภาพไว้เป็นที่ระลึกจนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า
วันถัดมาก็ไปต่อกันที่ Bixby Bridge สิ่งก่อสร้างมหัศจรรย์ท่ามกลางวิวมหาสมุทร เป็นสะพานคอนกรีตที่สร้างเสร็จในปีค.ศ.1932 เป็นหนึ่งในสะพานที่สูงที่สุดในโลก มีความสูงประมาณ 79 เมตร เนื่องจากดีไซน์ที่สวยงาม อยู่ท่ามกลางหุบเขาสูงชันและวิวจากท้องทะเลเลยกลายเป็นประติมากรรมที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว และกลายเป็น Landmark ที่สำคัญของรัฐแคลิฟอร์เนียเลยก็ว่าได้ ตรงนี้สามารถจอดรถและเดินถ่ายรูปวิวสะพานได้หลากหลายมุม
จุดสุดท้ายของทริปนี้คือ Mcway Falls ตั้งที่อยู่ใน Julia Pfeiffer Burns State Park เป็นอ่าวเล็กๆ แต่มีชื่อเสียงในเรื่องของทัศนียภาพอันแปลกตาของน้ำตกที่ตกดิ่งเป็นเส้นตรงจากหน้าผาสูงสู่มหาสมุทรถึง 80 ฟุต เป็นน้ำตกที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปีที่เพราะเกิดจากน้ำพุใต้ดินที่นี่ไม่สามารถปีนขึ้นไปบนน้ำตกหรือลงไปเดินเล่นที่บริเวณหาดได้ แต่เขาจะทำทางเดินให้ชมความงามและถ่ายภาพได้ตลอดระยะทาง 0.6 ไมล์
และแล้วทริป 2วัน 1 คืนที่ Big Sur ก็หมดลงอย่างรวดเร็วเหมือนโกหก สมคำร่ำลือแล้วที่ใครต่อใครต่างก็ยกให้เป็น
ถนนที่วิวสวยที่สุดในอเมริกา ทัศนียภาพที่งดงามของหน้าผาอันสูงใหญ่ ผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ และความน่าทึ่ง
ของมหาสมุทรแห่งนี้ที่เขาว่าต้องไปเยือนซักครั้งในชีวิตนั้น เรา
ชื่อสินค้า:
Big Sur California USA
คะแนน:
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
BBM on the go : Road trip อเมริกา ฟินที่สุดต้อง highway 1 California !
ฝากติดตามเพจด้วยนะค้า : https://www.facebook.com/bbmonthego/ หากพูดถึง Carmel ,Monterey ,Big sur คงจะไม่มีคนรู้จักซักเท่าไหร่ เป็นเมืองเล็กๆไม่ไกลจาก San Francisco แต่ก็น่ารัก มีไสลต์ อย่าบอกใคร จุดเ
สมาชิกหมายเลข 3914491
OLOS in U.S.A. " Over 3,000 Miles in 20 Days " : U.S. West Coast Road Trip [DAY 4] "Big Sur -Carmel -17 Miles -Monterey"
สวัสดีครับ หลังจากกระทู้ที่แล้ว เราเดินทางออกจาก Morro Bay ตั้งแต่เช้า ท่ามกลางสภาพอากาศแบบครึ้มๆ แพลนของเราในวันนี้ค่อนข้างแน่น เริ่มจากเดินทางไปชมแมวน้ำกันที่ Piedras Blancas Rookery จากนั้นเดินทา
One Light One Shadow
100 สถานที่คุณควรไป 1. ห้องน้ำสาธารณะ 2. ห้องน้ำในห้าง 3. ห้องน้ำสนามกีฬา 4. ห้องน้ำสวนสาธารณะ 5. ห้องน้ำดาดฟ้
100 สถานที่คุณควรไป 1. ห้องน้ำสาธารณะ 2. ห้องน้ำในห้าง 3. ห้องน้ำสนามกีฬา 4. ห้องน้ำสวนสาธารณะ 5. ห้องน้ำดาดฟ้าอาคาร 6. ห้องน้ำร้านกาแฟ 7. ห้องน้ำโรงแรม 8. ห้องน้ำมหาวิทยาลัย 9. ห้อง
สมาชิกหมายเลข 802627
ที่ๆ เดิมแต่ไม่เคยเหมือนเดิม : Along the Pacific Coast, California (Highway 1, Solvang, Santa Barbara)
สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าเล็กน้อยครับ ช่วงนี้แปรปรวนทั้งสภาพอากาศและอารมณ์ อาจเป็นปกติของคนที่อยู่ต่างบ้านต่างเมืองโดยเฉพาะในฤดูหนาว (ตอนนี้อยู่อเมริกา) เพราะสภาพที่มืดเร็ว อากาศที่หนาวเย็น (ยังโชคดีมากกว
SD and Family
My Story #Episode 10.1 >ลงภาคใต้ครั้งแรก "หมู่บ้านคีรีวง" "ขนอม-สิชล" "น้ำตกพรหมโลก" นครศรีธรรมราช
"อุทยานแห่งชาติหาดขนอม-หมู่เกาะทะเลใต้" "หมู่บ้านคีรีวง" "ถนนขนอม-สิชล" "น้ำตกพรหมโลก" นครศรีธรรมราช >> ความเดิมตอนที่แล้ว .... ลุยเดี่ยวพิชิตยอดเขาเหมน
หยุดแล้วเที่ยวได้
น้ำหนาว - ภูผาม่าน เที่ยวไทยฮีลใจ ธรรมชาติอย่างฟิน
ในช่วงฤดูฝนแบบนี้มองไปทางไหนก็เจอแต่ธรรมชาติเขียวขจีเห็นแล้วสบายตาจริงๆ ซึ่งฤดูนี้เองก็เหมาะกับการเที่ยวภูเขา น้ำตก เป็นอย่างยิ่ง สำหรับครั้งนี้น้องเพี้ยนจะพาเพื่อนๆ ออกไปตะลุยกันที่จังหวัดเพชรบูณ์แล้
Pantip Review
🚗 Road Trip ในอเมริกา ที่เด็ก Work & Travel ห้ามพลาด!
หลังจากทำงานหนักกันมาหลายเดือนตลอดโครงการ Work and Travel ถึงเวลาหอบกระเป๋า ออกตะลุยอเมริกาด้วยทริปในฝันอย่าง Road Trip กันแล้ว! บอกเลยว่าการขับรถเที่ยวที่นี่ไม่ใช่แค่การเดินทาง แต่คือการได้ซึมซับวิว
สมาชิกหมายเลข 8937854
'ไทย' ขึ้นแท่นอันดับ 3 ประเทศม่วนจอย สนุกที่สุดในโลก
'ไทย' คว้าอันดับ 3 ประเทศสุด 'ม่วนจอย' หนึ่งเดียวในเอเชีย ติดท็อป 10 ประเทศสนุกที่สุดในโลก จากการสำรวจความเห็น 17,000 คนจากหลายประเทศทั่วโลก "ประเทศไทย" ได้รับการจัดอันดับให้เป็น "ประเท
parn 256
Kian's Bizarre B&B เป็นหนึ่งในซีรีส์ที่ส่งผลต่อกำไรของ Netflix ทำให้ K-Content ครองแชมป์เป็นอันดับ 2 รองจากอเมริกา
6 ใน 10 อันดับแรกเป็น K-Content...Netflix ถูกครอบงำเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐอเมริกา source ผู้สื่อข่าว ซึงมี อี เข้าระบบ2025.04.18 07:31 น.ปรับปรุงล่าสุด2025.04.18 09:44 น. K-Content ได้พิสูจน์สถานะระด
ThirdFromtheLeft
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 112
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[CR] Big Sur ถนนที่วิวสวยที่สุดในอเมริกา และติดอันดับ 1 ใน 10 สวยที่สุดในโลก
Big sur Highway 1 เป็นถนนที่ตัดเลียบชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิค รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยเริ่มจาก Camel River ในเขต Monterey County ลงใต้ไปจนถึง San Carpoforo creek ในเขต San luis Obispo รวมระยะทาง 90 ไมล์ หรือประมาณ 140 กม. ถนนจะคดโค้งลัดเลาะไปตามหน้าผา ได้สัมผัสกับทัศนียภาพที่สวยงาม อีกทั้งยังสามารถแวะจอดตามจุดต่างๆ ถ่ายรูปทิวทัศน์ของชายฝั่งทะเลที่ขึ้นชื่อว่างดงามที่สุดได้ตลอดทางอีกด้วย
ทริปนี้เราวิ่งจากใต้ขึ้นไปทางเหนือดังนั้นจุดแรกที่ต้องแวะคือ The Piedras Blancas elephant seal จุดชมช้างน้ำ ที่นี่เขาจะทำทางเดินให้เดินชมช้างน้ำจำนวนมากมายที่นอนเล่นเกลื่อนเต็มหาด บางตัวเหมือนนอนตาย บางตัวก็เขี่ยทรายเล่น บางตัวก็เริงร่าเล่นน้ำ หรือแม้แต่กัดกันก็มี แถมส่งเสียงดังเจี้ยวจ้าวกันซะลั่นหาด อ้อต้องทนกับกลิ่นเหม็นสาบของเจ้าพวกนี้ด้วย ช้างน้ำไม่ได้มีให้เห็นกันง่ายๆ เพราะฉะนั้นไม่ควรพลาดที่จะหยุดชมความน่ารักและความมหึมาของสัตว์ชนิดนี้กันนะจ๊ะ
ที่นี้ไปปีนเขาดูน้ำตกกันต่อ ขับรถมาอีก 23 นาที ก็ถึง Salmond creek trail ที่นี่มีเส้นทางเดินป่า หรือ trail ให้เลือกหลายเส้นทาง น้ำตกที่นี่เดินไม่ไกล ประมาณครึ่ง กม.พอให้ได้หอบนิดหน่อย ก็จะเห็นผาน้ำตก Salmon creek falls ที่มีความสูง 120 ฟุต เด่นตระง่านอยู่เบื้องหน้า ที่นี่สามารถโดดน้ำเล่นได้ แต่เราคนหนึ่งล่ะขอบาย เพราะยังไม่อยากลงไปแช่น้ำที่เย็นยั่งกะน้ำแข็ง
มาดูที่พักที่ของเราในครั้งนี้ดีกว่า เพื่อนแนะนำมาว่าที่นี่บรรยากาศดีและถูก แค่บอกว่าถูกก็เรารีบเชคและจองที่พักทันที Riverside Campground มีทั้งบ้านพักและสถานที่กางเต้นท์รวมถึงมีที่ให้สำหรับพวกที่ขับรถ RV หรือรถบ้านมาจอดพักได้ด้วย บรรยากาศดีมากสมคำแนะนำ ร่มรื่นและมีลำธารไหลผ่านเหมาะสำหรับกางเต้นท์เป็นอย่างที่สุด แต่ครั้งนี้เราพักบ้าน ซึ่งก็ราคาไม่แพง 1 ห้องพักได้ 2-4 คน ราคา $120 มากัน 4 คนก็ถือว่าถูกทีเดียว ส่วนสถานที่กางเต้นท์และที่จอดรถ RV ก็เสียค่าบริการ $55-$65 ทุกที่พักเขาจะมีเตาปิ้งย่างและโต๊ะนั่งชิวให้ที่ละ 1 ชุด เสียดายไม่ได้กางเต้นท์นอนย่างบาร์บีคิวกินริมธารน้ำ ไม่อย่างนั้นชีวิตคงจะดี้ดียิ่งกว่านี้
จากบ้านพักก็ไปเดินเล่นริมหาดกันต่อที่ Pfeiffer Beach ตั้งอยู่ใน Pfeiffer state park ทางเข้าค่อนข้างหายาก ดังนั้นต้องหาพิกัดดีๆ มิฉะนั้นอาจหลงได้เมื่อเข้ามาถึงจะได้เสียค่าเข้า $10 ต่อรถ คัน มีที่จอดรถสะดวกสบายเดินเข้าไปประมาณ 5-10 นาที ก็จะเจอภาพทิวทัศน์ของท้องทะเลและภูเขาที่ตั้งเด่นตระหง่าน สวย ตะลึง อึ้ง ทึ่ง กันเลยทีเดียว
ช่องหินเขาขาดนี้ถ้าเดินปีนเข้าไปจะเห็นกับความงามของเกลียวคลื่นที่สาดกระทบกับผนังหินบวกกับลำแสงสีขาวนวลที่ส่องผ่านเข้ามานั้นเป็นภาพที่สวยงามแปลกตาเกินบรรยายจริงๆ
Pfeiffer Beach เป็นหาดมหัศจรรย์ เพราะเป็นหาดแห่งเดียวที่มีทรายสีม่วง ซึ่งเกิดจากเศษแร่แมงกานีสการ์เนตจากหินที่อยู่บนหน้าผาและริมชายฝั่งเจือปนอยู่บนผืนทรายนั่นเอง ที่สำคัญหาดแห่งนี้เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งด้วยธรรมชาติเขาก็ช่างสร้างสรรค์ให้ภูเขาหินลูกนี้มีประตูเปิดรับลำแสงจากพระอาทิตย์ที่ค่อยๆคล้อยตกลงผืนน้ำ ทำให้แสงที่ผ่านช่องประตูจะค่อยๆเปลี่ยนสีจากแสงสีขาวกลายเป็นสีเหลือง สีส้ม จนกลายเป็นรูปหัวใจอย่างที่เห็น เป็นภาพที่ประทับใจจนเสียงรัวชัตเตอร์ของนักท่องเที่ยวดังระงมเพื่อบันทึกภาพไว้เป็นที่ระลึกจนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า
วันถัดมาก็ไปต่อกันที่ Bixby Bridge สิ่งก่อสร้างมหัศจรรย์ท่ามกลางวิวมหาสมุทร เป็นสะพานคอนกรีตที่สร้างเสร็จในปีค.ศ.1932 เป็นหนึ่งในสะพานที่สูงที่สุดในโลก มีความสูงประมาณ 79 เมตร เนื่องจากดีไซน์ที่สวยงาม อยู่ท่ามกลางหุบเขาสูงชันและวิวจากท้องทะเลเลยกลายเป็นประติมากรรมที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว และกลายเป็น Landmark ที่สำคัญของรัฐแคลิฟอร์เนียเลยก็ว่าได้ ตรงนี้สามารถจอดรถและเดินถ่ายรูปวิวสะพานได้หลากหลายมุม
จุดสุดท้ายของทริปนี้คือ Mcway Falls ตั้งที่อยู่ใน Julia Pfeiffer Burns State Park เป็นอ่าวเล็กๆ แต่มีชื่อเสียงในเรื่องของทัศนียภาพอันแปลกตาของน้ำตกที่ตกดิ่งเป็นเส้นตรงจากหน้าผาสูงสู่มหาสมุทรถึง 80 ฟุต เป็นน้ำตกที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปีที่เพราะเกิดจากน้ำพุใต้ดินที่นี่ไม่สามารถปีนขึ้นไปบนน้ำตกหรือลงไปเดินเล่นที่บริเวณหาดได้ แต่เขาจะทำทางเดินให้ชมความงามและถ่ายภาพได้ตลอดระยะทาง 0.6 ไมล์
และแล้วทริป 2วัน 1 คืนที่ Big Sur ก็หมดลงอย่างรวดเร็วเหมือนโกหก สมคำร่ำลือแล้วที่ใครต่อใครต่างก็ยกให้เป็น
ถนนที่วิวสวยที่สุดในอเมริกา ทัศนียภาพที่งดงามของหน้าผาอันสูงใหญ่ ผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ และความน่าทึ่ง
ของมหาสมุทรแห่งนี้ที่เขาว่าต้องไปเยือนซักครั้งในชีวิตนั้น เรา
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น