ประสบการณ์ ให้เพื่อนยืมเงิน

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่ะ  เรามีประสมการณ์เรื่องให้เพ่อนยืมเงินมาเตือนใจทุกคนนะคะ
เราเล่าเรื่องไม่เก่ง  และถ้าพิมพ์ผิดตรงไหน ต้องขอภัยมา ณ ที่นี้ด้วย (คือโทรศัพท์เราพังหน้าจอโน้ตบุคก็แตกมันูไม่ค่อยชัดค่ะ)

เมื่อปี 2558 ที่ผ่านมา
เดิมทีครอบครัวของเราเป็นครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร  แค่พอมีพอใช้  ไม่เคยลำบากเรื่องเงินเลยค่ะ
อาจมีฝืดเคืองบ้าง แต่เราสามารถผ่อนรถ บ้าน จ่ายค่าประกันชีวิต และค่าอื่นๆจิปาถะได้ไม่ลำบากอะไร
มีเงินเก็บ มีทรัพย์สินบ้างนิดหน่อย

วันหนึ่งะสามีได้เจอเพื่อนเก่าคนหนึ่งไม่ได้เจอกันตั้งแต่เรียนแล้ว เป็นข้าราชการชั้นสูงเทียบเท่าระดับสัญบัตร
เพื่อสามียืมเงินเราในระดับ 6 หลัก  โดยให้ทำสัญญา  โดยมีแฟน(ยังไม่แต่งงาน)  เป็นข้าราชการ  จะเป็นคนค้ำประกันให้
โดยบอกว่า  ยืมแค่ 3 เดือนเท่านั้น  รอเงินกู้สหกรณ์ออกแล้วจะคืนให้ก้อนเดียวเลย  พร้อมทั้งดอกเบี้ย

ด้วยความที่เห็นว่าเป็นข้าราชการระดับสูงทั้งคู่  สามีเลยให้ยืม
เราก็โอเคถ้าสามีไว้ใจ  เราก็ไว้ใจ  ก็จัดการให้ยืมไปโดยที่เราเป็นคนโอนเงินไปให้
ตอนมาทำสัญญาเขาโทรมาตามพวกเรายิกๆ  แต่พอไปถึงเราก็เป็นฝ่ายมารอเขา  
หลังจากนั้นผ่านมาเกือบ 2 สัปดาห์  เขาโทรมายืมอีก  และให้เราเอาเข้าไปให้ที่บ้าน  
ในระดับหลักหมื่น  เราก็ทำสัญญาค่ะ  โดยมีปฟนเขา(อยู่ด้วยกัน)   เป็นคนเซ็นค้ำประกันให้เรียบร้อย
และตอนยืมเงินบอกว่า  รวมดอกเบี้ยเข้าไปด้วยเลยในเงินต้น (เขบอกว่าจะคืนเป็นเงินก้อนเดียว)  

หลังจากนั้นผ่านมา 3 เดือน ถึงกำหนดคืนเงิน  เราโทรไปหาเขาไม่รับโทรศัพท์  ปิดเครื่ง  เราเลยโทรเข้าเบอร์ผู้หญิง
ผู้หญิงก็คร่ำครวญกับเราว่า  ไม่ได้ติดต่อกันมาหลายวันแล้ว  ไม่รู้ว่าหายไปไหน
จนถึงเวลาค่ำ  ฝ่ายชายโทรมาบอกสามีเราว่า  เงินกู้ของแฟนยังไม่ออก  ให้รอเขากู้เงินสหกรณ์เขาอีก 2 เดือน
เราก็รอไปค่ะ  แต่ว่าสามีก็บอกว่า  ถ้างั้นก็ผ่อนมาให้ก็ได้  500  1000  ก็ยังดี  เขาบอกว่าไม่สะดวกยุ่งยาก  เป็นก้อนเดียวเลยดีกว่า

ผ่านมาอีก 2เดือนค่ะ
เขาก็ยังไม่คืนจนเราต้องบอกสามีให้ไปทวงมา  เขาก็ทยอยโอนมาให้ เดือนละ 1000-5000  บาท
บางเดือนก็คร่อมเดือนไป  เช่น 3 เดือนได้รับ การจ่ายเงิน 2 ครั้ง
เราก็ไม่ว่า  จนวันหนึ่งเราไลน์ไปบอกว่า  ให้จ่ายทุกวันที่ 1- 10  เราจะได้เช็คยอดเงินได้  จ่ายคร่อมไปคร่อมมาเราก็นับลำบาก
เขาก็จะจ่ายทุกวันสุดท้ายของกำหนด  เราไม่เคยทวงเงินต่อหน้า  หรือในที่สาธารณะเลยนะคะ
เจอหน้ากันเรายังพูดด้วย  ยังยกมือไหว้  หรือแม้แต่กระทั่งแฟนเขาที่เราทำงานแล้วบางทีต้องเจอกัน  เรายังตัดเรื่องส่วนตัวออกไปก่อน
ทุกครั้งเราจะส่งข้อความไปบอกว่า  อีก 10 วันให้เตรียมเงินโอนให้ด้วย  ระหว่างนี้เราไม่เคยทวงเลยค่ะ  (เป็นเจ้าหนี้ที่ใจดีนะคะ)

ฝ่ายชายพยายามจะมาหาเราที่ทำงาน  เราก็ไม่รุ้ว่าเพราะอะไร  แต่เราระวังตัวไว้ค่ะ  เราไม่บอกเขาว่าเราทำงานที่ไหน (กลัวโดนยิง)

จนกระทั่งวันหนึ่ง  เขาส่งข้อความมาบอกเราว่า  เราไปทวงเงินเขา  เขาไม่สบายใจ  ไม่อยากติดต่อกับเรา  จะติดต่อผ่านสามีคนเดียว
เราก็โอค่ะ   โอโห!!..........(จงเติมเอาเองตามสบาย)
คิดในใจนะคะ  เราไม่ได้พูด
เขาก็นัดสามีเรามาค่ะว่า  จะจ่ายให้วันที่ 11 เมษายน  อีก 5000  บาท
ปรากฏว่าเงียบจ้า  หายไปเลย

จากสามีเราที่ใจเย็น  กลายเป็นสามีเราให้ทนายฟ้องเลยค่ะ  แต่ทางเราต้งหาเงินค่าทนายด้วย  
เราก็ดิ้นรนทุกทาง  หาเงินหาทอง  จนกิจการที่เราทำเริ่มไปไม่ไหวเพราะไม่มีเงินมาหมุน  เราก็ปิดตัวลง
ทางเขาก็ไม่ได้รับรู้อะไรกับเราอยู่แล้ว

เขาส่งข้อความาถามสามีเราว่า  เขาชำระมาเท่าไหร่แล้ว  เราบอกไปว่า 2 หมื่นกว่าบาท
เขาบอกว่าที่เขาจดไว้  3 หมื่นกว่าบาท  
โชคดีที่เราไปขอเสตทเม้นต์จากธนาคารมาเรียบร้อย  ป้องกันตัวเองด้วยค่ะ

เมื่เดือนมิถุนาที่ผ่านมาศาลนัดครั้งที่ 1 คงจะไปไกล่เกลี่ย  แต่เขาไม่มา
(เขาได้รับหมายศาลแน่นอนค่ะ  ไม่งั้นเขาไม่ถามเราว่าเขาจ่ายมาแล้วเท่าไหร่)
ศาลก็พิพากษาไป  หมดขั้นตอนของศาล  ตอนนี้เรากำลังดำเนินคดีขั้นต่อไปอยู่ค่ะ

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว  สามีได้เจอเพื่อนอีกคนนึง  ซึ่งเขาเล่าให้ฟังว่า  โดนเพื่อนคนนั้นยืมเงินเหมืนกัน
เอาทรัพย์สินขงทางราชการมาจำนำเขาไว้  แต่เขาไม่รับ  
กลายเป็นว่า  ไปบอกคนอื่นอีกว่า  เพื่อนมาขอยืมเงินเขาแล้วไม่คืน  ทำให้เพื่อนเสียหาย  ซึ่งเพื่อนก็เป็นข้าราชการเหมือนกัน  
เสียชื่อและทำให้คนอื่นมองเขาแปลกๆ
ส่วนข่าวของเพื่อนคนที่ยืมเงินไปนี่โด่งดังมาก  ไปจนถึงหน่วยงานใหญ่ในจังหวัด  เรื่องเป็นหนี้

และบังเอิญยิ่งกว่าบังเอิญ  น้องสาวเราได้ไปฝึกงานที่ทำงานเก่าของฝ่ายชาย  
ปรากฏว่า  ฝ่ายชายยืมเงินคนที่ทำงานเก่าเยอะมาก(คาดว่าติดการพนัน)  และไม่ยอมคืน  เป็นเรื่องเป็นราวไปอีก
ต้องให้พ่อแม่มาใช้หนี้ให้  (แทนที่จะให้พ่อแม่สบาย  ให้เขามาลำบากอีก  ลูกกตัญญูจริงๆ)

จริงๆเขาบล๊อคเฟสบุคเราและสามีนะคะ  แต่บังเอิญว่า  ในโลกโซเชียลไม่มีอะไรที่สืบไม่ได้
เราก็เจอเฟสบุคของทั้งสองคนค่ะ  ใช้ชีวิตหรูหรา ฟุ่มเฟือยมาก  ถ่ายรูปเงินแล้วบอกว่า  กำลังจะเอาเงินไปให้เพื่อนยืม
(เงินเราอ่ะ  คืนมาก่อน)  
คือแคปชั่นดีงามพระรามเก้ามากค่าาาาาาาาาาา  แต่เรื่องจริงเน่าเฟะมาก
(ถ่ายเงินเป็นฟ่อนๆ  คิดว่าเป็นเงินที่หลอกยืมคนอื่นมา)

ส่วนชีวิตหลังจากที่เราให้ยืมเงินไปคื  ชักหน้าไม่ถึงหลัง  เพราะเราปิดกิจการที่เราทำ  เป็นตัวหมุนเงินอย่างดีของเราเลยค่ะ

ต้องปิดไปเพระาเงินขาดสภาพคล่อง  ของเราก็ต้องเอาขาย
ลูกเราที่กำลังเข้าโรงเรียนปีนี้ก็ต้องลำบาก  ไหนจะเจ็บป่วยอีก  
จากที่เราและสามีเป็นคนหน้าบาง
เราต้องเอาของออกมาขายในเน็ต  ใครจะว่ายังไงก็ช่าง  เราไม่สนใจแล้วในจุดนี้  
ทำงานได้เงิน 15  20  เราก็เอา  เราไม่อยากรบกวนเบียดเบียนคนอื่น
ทรัพย์สินก็เอามาจำนำบ้าง  
คือแย่ไปหมด  ชีวิตเราที่วางแผนมาดีก็ค่อยๆพังไป
โชคดีที่ค่าผ่อนบ้านและอะไรหลายอย่างของเราหักผ่านเงินเดือนไปค่ะ  จึงสบายใจหน่อย

เราเอาเรื่องเรามาเล่าให้เป็นอุทาหรณ์สอนใจนะคะ  ไม่ได้ดิทเครดิตใคร
เรื่องการให้เพื่นยืมเงิน  และการวางแผนชีวิตให้ดี  ทุกวันนี้เราก็สู้ชีวิตต่ค่ะ  เพราะชีวิตเรายังดีกว่าหลายๆท่านเยอะมาก
ถึงแม้จะเป็นคนที่มีหน้าที่การงานดีก็ต้องพินิจพิเคราะห์ให้ถี่ถ้วนก่อนนะคะ  เป็นไปได้อย่าให้ยืมค่ะ  

"เอ็นดูเขา  เอ็นเราขาด"

สำหรับคนที่คิดจะยืมเงินใครนะคะ
"กฏของการยืมเงินคือ  ยืมแล้วต้องใช้คืน  ถ้าไม่มีปัญญาใช้คืนก็อย่ายืม"

เรื่องการที่เราโดนเบี้ยวเรื่งเงินทองยังมีมากกว่านี้  เดี๋ยววันหลังมีเวลาเราจะมาเล่าให้ฟังอีกค่ะ

สำหรับวันนี้  โชคดี  ไม่มีหนี้  สวัสดีค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่