หลายๆคนที่กำลังจะเป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่แล้วมีความต้องการให้ลูกกินนมแม่ อาจจะเคยได้กินว่า รพ. บาง รพ. จะพยายามให้เด็กกินนมผง หรือที่เรียกกันหรูๆว่า "นมเสริม" แถมดีไม่ดีอาจจะเจออาการตัวเหลืองพ่วงแถมด้วย ตอนแรกผมก็คิดว่าคงไม่ได้เจอกับตัวเองจนพาภรรยามาคลอดลูกคนแรกเนี่ยล่ะครับ เหตุการณ์ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว ตอนนี้ลูกสาวอายุ 6 เดือน กินนมแม่ทุกวัน พอนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์วันคลอดแล้วก็รู้สึกโมโห เลยอยากจะเอามาเล่าเป็นประสบการณ์เผื่อคุณแม่มือใหม่จะต้องเจอนะครับ
อย่าอายที่จะขอเจอลูก (และอย่าไปกลัวเหนื่อย)
- แน่นอนครับ หลังจากผ่าตัด คุณแม่ก็เหนื่อยมากๆ แถมยังปรับตัวไม่ทันกับการต้องตื่นทุกสามชั่วโมง แต่หากคุณแม่จะให้ลูกกินนม ตามธรรมชาติควรจะให้ทุกสามชั่วโมง สาเหตุสำคัญก็คือการกระตุ้นน้ำนมด้วย แต่สิ่งที่ผมพบคือคุณพยาบาลผู้แสนดียื่นข้อเสนอว่า "ให้คุณแม่พักก่อนค่ะ เดี๋ยวเราให้นมเสริมให้" จุดนี้เราต้องอย่าเหนื่อยครับ เพราะถ้าเราไม่รีบกระตุ้นเราจะยิ่งเหนื่อยในภายภาคหน้า แต่สิ่งที่จะมาขัดใจคือพฤติกรรมพยาบาลที่ไม่ค่อยอยากจะเข็นลูกเรามาให้ ถึงแม้เราขอเค้าก็ไม่ปฏิเสธ แต่ด้วยความเป็นคนหน้าบาง เราก็อาจจะเกรงใจ จุดนี้แนะนำว่า ใจกล้าหน้าด้านไปเลยครับ ลูกเราเอง มาคลอดเราก็จ่ายเงินให้ รพ. ไม่ใช่มาคลอดฟรี
ศึกษาท่าให้นมที่ถูกต้องก่อนคลอดลูก จะได้ไม่ต้องไปเครียดกับการให้นมลูก
- เชื่อไหมครับว่า รพ.ที่ผมไปหา ไม่มีสัมนาเตรียมความพร้อมก่อนคลอด ไม่มีเด็กปลอมให้ฝึกให้นม อาบน้ำ หลายๆคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องง่ายๆ ผมเองก็คิดเหมือนกัน คิดว่าการให้นมเด็กมันก็คงเป็นธรรมชาติ เดี๋ยวเด็กก็ดูดจ๊วบๆเองโดยอัติโนมัติ ซึ่งความจริงมันไม่ใช่ แล้ว รพ.ที่ผมมาอยู่ ใช่ครับ เค้าก็สอนทุกครั้งที่พาลูกมา แต่แน่นอนการให้นมลูกมันไม่ใช่ง่ายๆ แถมพอเป็นลูกคนแรก ความกังวลใจอะไรต่างๆก็มีมากมาย แล้วสิ่งที่ยิ่งทำให้ลำบากคืออะไรรู้ไหมครับ ก็คุณพยาบาลนี่แหละครับ เจอคนดีก็ดีไป แต่คนแย่ๆนี่สิครับ พอให้สอนมากๆเข้าก็ทำสีหน้าหงุดหงิดรำคาญ สุดท้ายก็ใช้ไม้ตาย "เดี๋ยวพาไปให้นมเสริม" ก็คงแนะนำได้เหมือนเดิมครับ เราต้องเรียกร้องจะฝึกให้เป็น ต้องเรียกลูกมาให้กินนมแม่ พยายามปฏิเสธนมเสริมให้พยาบาลเค้ารู้ครับว่าเราไม่เอา และระวังข้ออ้างอย่างหัวนมสั้นอะไรพวกนี้ด้วยครับ ภรรยาผมโดยภรรยากรอกหูตลอดว่าหัวนมสั้น ซึ่งพอมาศึกษาข้อมูลในภายหลังและย้าย รพ. กลับกลายเป็นว่าปัญหามันอยู่ที่ท่าและวิธีการให้นมที่ถูกต้อง
หมอทำคลอด กับหมอเด็ก คนละคนกัน
- ตอนเราเลือกหมอทำคลอด เราอาจจะหาข้อมูลมาเป็นอย่างดี ว่าเป็นคนเก่ง ใจดี มีฝีมือ แต่ผมลืมนึกไปครับว่าคนที่จะมาดูแลลูกและแม่ต่อไม่ใช่คนคนเดียวกัน สามวันแรกของการคลอด ทั้งคุณแม่และคุณพ่อจะเต็มไปด้วยความเครียด เหนื่อย กดดัน กังวลใจ และอะไรอีกมากมายที่ทำให้ใจไม่ค่อยเข้มแข็ง ผมได้เจอคุณหมอที่กล้าพูดได้ว่าทำให้ชีวิตการมีลูกสามวันแรกแห้งเหี่ยวมากๆ เพราะหมอที่มาดูแล ทั้งดุและกดดัน จนเราเกิดความสงสัยว่า หมอคนนี้ได้เรียนเรื่องจิตวิทยาหลังคลอดลูกมาบ้างหรือเปล่า และความพีคก็คือ ก่อนออกจาก รพ. หมอท่านนี้บอกว่าลูกผมตัวเหลือง และต้องงดนมแม่ เพราะน่าจะเกิดจากลูกผมแพ้นมแม่
ผมจำไม่ได้ว่าตอนนั้นค่าตัวเหลืองลูกผมเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ผมจำได้ คือผมถามหมอว่า แล้วค่าตัวเหลืองเท่านี้มันอันตรายไหม คุณหมอตอบบอกว่า "มันก็ไม่ได้มีผลวิจัยชัดเจน บางที่ก็บอกปลอดภัย บางที่ก็บอกอันตราย" ผลสรุปคือวันนั้นผมให้ลูกงดนมแม่ไปหนึ่งคืน และนอน รพ. ต่ออีกหนึ่งวัน เพื่อจะได้มารับรู้ในภายหลังจากการศึกษาว่า ลูกผมมีค่าตัวเหลืองที่อยู่ในเกณฑ์ปกติ และเป็นอาการปกติของการให้นมแม่
เพราะฉะนั้น ก่อนทำคลอด ก็ลองศึกษาหมอที่จะดูแลแม่และลูกก่อนเลยนะครับว่าเป็นอย่างไร ที่ง่ายๆเลยคือ ถามพยาบาลไปเลยว่า คุณหมอท่านไหนเน้นนมแม่
ผมตัดสินใจที่จะย้าย รพ.ทันทีหลังกลับบ้าน หลังจากย้าย รพ. แม่และผมได้คำแนะนำที่ดีและถูกต้อง จนสามารถให้นมได้ตามปกติ
สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณแม่ต้องสบายใจ และเพื่อให้ดีที่สุด ลองศึกษาหาข้อมูลการให้นมไว้ก่อนจะดีที่สุดครับ
หากที่สิ่งที่ผมนำมาเล่ามีข้อผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยด้วยครับ ส่วนชื่อ รพ. ที่ทำคลอด ผมไม่ขอเอ่ยนาม เพราะเดี๋ยวจะมีปัญหา แต่ไม่ว่าจะอยู่ รพ. ไหน ขอให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ใจแข็งและทำใจให้สบายไว้ครับ อย่าไปเกรงใจพยาบาล อย่าไปเกรงใจหมอถ้าเรื่องที่เราจะทำเป็นเรื่องที่ถูกต้องอยู่แล้ว สู้ๆครับ
คุณแม่คุณพ่อมือใหม่ จะให้นมแม่กับลูกที่เพิ่งคลอด ต้องใจกล้าสู้ รพ. นะครับ
อย่าอายที่จะขอเจอลูก (และอย่าไปกลัวเหนื่อย)
- แน่นอนครับ หลังจากผ่าตัด คุณแม่ก็เหนื่อยมากๆ แถมยังปรับตัวไม่ทันกับการต้องตื่นทุกสามชั่วโมง แต่หากคุณแม่จะให้ลูกกินนม ตามธรรมชาติควรจะให้ทุกสามชั่วโมง สาเหตุสำคัญก็คือการกระตุ้นน้ำนมด้วย แต่สิ่งที่ผมพบคือคุณพยาบาลผู้แสนดียื่นข้อเสนอว่า "ให้คุณแม่พักก่อนค่ะ เดี๋ยวเราให้นมเสริมให้" จุดนี้เราต้องอย่าเหนื่อยครับ เพราะถ้าเราไม่รีบกระตุ้นเราจะยิ่งเหนื่อยในภายภาคหน้า แต่สิ่งที่จะมาขัดใจคือพฤติกรรมพยาบาลที่ไม่ค่อยอยากจะเข็นลูกเรามาให้ ถึงแม้เราขอเค้าก็ไม่ปฏิเสธ แต่ด้วยความเป็นคนหน้าบาง เราก็อาจจะเกรงใจ จุดนี้แนะนำว่า ใจกล้าหน้าด้านไปเลยครับ ลูกเราเอง มาคลอดเราก็จ่ายเงินให้ รพ. ไม่ใช่มาคลอดฟรี
ศึกษาท่าให้นมที่ถูกต้องก่อนคลอดลูก จะได้ไม่ต้องไปเครียดกับการให้นมลูก
- เชื่อไหมครับว่า รพ.ที่ผมไปหา ไม่มีสัมนาเตรียมความพร้อมก่อนคลอด ไม่มีเด็กปลอมให้ฝึกให้นม อาบน้ำ หลายๆคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องง่ายๆ ผมเองก็คิดเหมือนกัน คิดว่าการให้นมเด็กมันก็คงเป็นธรรมชาติ เดี๋ยวเด็กก็ดูดจ๊วบๆเองโดยอัติโนมัติ ซึ่งความจริงมันไม่ใช่ แล้ว รพ.ที่ผมมาอยู่ ใช่ครับ เค้าก็สอนทุกครั้งที่พาลูกมา แต่แน่นอนการให้นมลูกมันไม่ใช่ง่ายๆ แถมพอเป็นลูกคนแรก ความกังวลใจอะไรต่างๆก็มีมากมาย แล้วสิ่งที่ยิ่งทำให้ลำบากคืออะไรรู้ไหมครับ ก็คุณพยาบาลนี่แหละครับ เจอคนดีก็ดีไป แต่คนแย่ๆนี่สิครับ พอให้สอนมากๆเข้าก็ทำสีหน้าหงุดหงิดรำคาญ สุดท้ายก็ใช้ไม้ตาย "เดี๋ยวพาไปให้นมเสริม" ก็คงแนะนำได้เหมือนเดิมครับ เราต้องเรียกร้องจะฝึกให้เป็น ต้องเรียกลูกมาให้กินนมแม่ พยายามปฏิเสธนมเสริมให้พยาบาลเค้ารู้ครับว่าเราไม่เอา และระวังข้ออ้างอย่างหัวนมสั้นอะไรพวกนี้ด้วยครับ ภรรยาผมโดยภรรยากรอกหูตลอดว่าหัวนมสั้น ซึ่งพอมาศึกษาข้อมูลในภายหลังและย้าย รพ. กลับกลายเป็นว่าปัญหามันอยู่ที่ท่าและวิธีการให้นมที่ถูกต้อง
หมอทำคลอด กับหมอเด็ก คนละคนกัน
- ตอนเราเลือกหมอทำคลอด เราอาจจะหาข้อมูลมาเป็นอย่างดี ว่าเป็นคนเก่ง ใจดี มีฝีมือ แต่ผมลืมนึกไปครับว่าคนที่จะมาดูแลลูกและแม่ต่อไม่ใช่คนคนเดียวกัน สามวันแรกของการคลอด ทั้งคุณแม่และคุณพ่อจะเต็มไปด้วยความเครียด เหนื่อย กดดัน กังวลใจ และอะไรอีกมากมายที่ทำให้ใจไม่ค่อยเข้มแข็ง ผมได้เจอคุณหมอที่กล้าพูดได้ว่าทำให้ชีวิตการมีลูกสามวันแรกแห้งเหี่ยวมากๆ เพราะหมอที่มาดูแล ทั้งดุและกดดัน จนเราเกิดความสงสัยว่า หมอคนนี้ได้เรียนเรื่องจิตวิทยาหลังคลอดลูกมาบ้างหรือเปล่า และความพีคก็คือ ก่อนออกจาก รพ. หมอท่านนี้บอกว่าลูกผมตัวเหลือง และต้องงดนมแม่ เพราะน่าจะเกิดจากลูกผมแพ้นมแม่
ผมจำไม่ได้ว่าตอนนั้นค่าตัวเหลืองลูกผมเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ผมจำได้ คือผมถามหมอว่า แล้วค่าตัวเหลืองเท่านี้มันอันตรายไหม คุณหมอตอบบอกว่า "มันก็ไม่ได้มีผลวิจัยชัดเจน บางที่ก็บอกปลอดภัย บางที่ก็บอกอันตราย" ผลสรุปคือวันนั้นผมให้ลูกงดนมแม่ไปหนึ่งคืน และนอน รพ. ต่ออีกหนึ่งวัน เพื่อจะได้มารับรู้ในภายหลังจากการศึกษาว่า ลูกผมมีค่าตัวเหลืองที่อยู่ในเกณฑ์ปกติ และเป็นอาการปกติของการให้นมแม่
เพราะฉะนั้น ก่อนทำคลอด ก็ลองศึกษาหมอที่จะดูแลแม่และลูกก่อนเลยนะครับว่าเป็นอย่างไร ที่ง่ายๆเลยคือ ถามพยาบาลไปเลยว่า คุณหมอท่านไหนเน้นนมแม่
ผมตัดสินใจที่จะย้าย รพ.ทันทีหลังกลับบ้าน หลังจากย้าย รพ. แม่และผมได้คำแนะนำที่ดีและถูกต้อง จนสามารถให้นมได้ตามปกติ
สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณแม่ต้องสบายใจ และเพื่อให้ดีที่สุด ลองศึกษาหาข้อมูลการให้นมไว้ก่อนจะดีที่สุดครับ
หากที่สิ่งที่ผมนำมาเล่ามีข้อผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยด้วยครับ ส่วนชื่อ รพ. ที่ทำคลอด ผมไม่ขอเอ่ยนาม เพราะเดี๋ยวจะมีปัญหา แต่ไม่ว่าจะอยู่ รพ. ไหน ขอให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ใจแข็งและทำใจให้สบายไว้ครับ อย่าไปเกรงใจพยาบาล อย่าไปเกรงใจหมอถ้าเรื่องที่เราจะทำเป็นเรื่องที่ถูกต้องอยู่แล้ว สู้ๆครับ