'แอพดูดเงิน' มารร้ายโลกออนไลน์มอมเหยื่อฉีกช่องโหว่กฎหมายไร้ผิด
เดลินิวส์ (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2559
โดย : ทีมข่าวเฉพาะกิจ รายงาน
เคยนำเสนอถึงความไม่เหมาะสมของการใช้งาน "แอพพลิเคชั่น" ช่องทางในการสื่อสารของผู้ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กและอินเทอร์เน็ตในยุคดิจิตอลที่ใครๆ...เด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน วัยกลางคน วัยชรา คนเฒ่าคนแก่ ก็เข้าถึงได้ไม่ยาก
กำลังพูดถึง "บีโก้ไลฟ์" ที่มีการเปิดให้สมาชิกเผยแพร่ภาพลามกอนาจารอย่างโจ่งครึ่มไม่มีการตรวจสอบหรือเซ็นเซอร์จากทีมงานที่รับผิดชอบ หรือที่เรียกกันง่ายๆ คือเว็บมาสเตอร์ หรือ แอดมิน ที่อาจจะเป็นได้ทั้งบุคคล หรือคณะบุคคล ก็ได้
เหตุที่หาคนรับผิดชอบยากเพราะ "ข้อกฎหมาย" ที่ยังไม่ครอบคลุม ...บางความผิดยังบังคับใช้ ได้แต่ในประเทศ ไทยเท่านั้น ไม่สามารถเอาผิดบรรดาบริษัท หรือผู้ผลิตที่ ตั้งอยู่นอกประเทศแต่ผลิตหรือให้บริการข้ามประเทศมาได้ผ่านระบบใน สมาร์ทโฟน หรืออินเทอร์เน็ตหรือโซเชียลเน็ตเวิร์กที่เปิดที่ไหนก็สามารถใช้งานได้ ที่นั่นอย่างสะดวกสบายและไร้ข้อบังคับที่ชัดเจน
"เดลินิวส์" ได้นำเสนอสิ่งที่ผู้ใช้บริการในแอพพลิเคชั่น "บีโก้ไลฟ์" เผยแพร่ออกมาไม่เหมาะสมแต่ก็เหมือนคลื่นกระทบฝั่งที่ไม่มีมาตรการหรือประกาศ หรือข้อบังคับใด ๆ จากหน่วยงานของรัฐ...ทำให้ผู้ผลิตบางรายผู้ให้บริการเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หรือโซเชียลเน็ตเวิร์กบางรายที่คิดจะตักตวงเอาแต่ผลประโยชน์ทางธุรกิจโดยไม่คำนึงถึง ผู้ใช้บริการหรือกลุ่มลูกค้าจะตกเป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์อย่างเป็นกอบเป็นกำก็ทำให้มี "เหยื่อ"
"เหยื่อ" คือกลุ่มคนหมกมุ่นกับ "แอพพลิเคชั่น" ที่ล่อแหลมต่อเรื่องทางเพศ หรือการพนัน หรือการโชว์ลามกอนาจาร...ซึ่งจะโทษไปที่ผู้ผลิตอย่างเดียวไม่ได้ก็ในเมื่อบางประเทศกฎหมายไม่ได้เอาผิดในเรื่องที่หมิ่นเหม่เหล่านี้ไว้ แต่บางประเทศมีการควบคุม และบางประเทศก็มีอิสระเสรีในการดำเนินการด้วยเพราะกว่าที่บริษัทผู้ผลิตจะ ออกกฎหรือระเบียบเพื่อควบคุมก็ต้องรอ...ให้ถึงจุดคุ้มทุนของบริษัทนั้น ๆ เสียก่อนเพราะไม่อย่างนั้นแล้วก็จะทำให้ฐานลูกค้าหดหายไป ยอดตกเกิดความเสียหายต่อธุรกิจต่อการลงทุนก็ได้
เหตุการณ์ของหนุ่มอยุธยาวัย 28 ปี "เสี่ยกระเป๋าตุง" ที่ติดการใช้งานแอพพลิเคชั่น "I Show" ชนิดที่เรียกว่างอมแงม เพราะมี การโชว์สด...ของสาว ๆ หน้าตาน่ารักชวนฝันชวนสนุกให้บรรดาผู้ใช้บริการเข้าไปพูดคุยโดยพวกเขาพวกเธอเหล่านั้นจะถูกเรียกว่า "วีเจ"ทำหน้าที่ให้ความสุขสนุกในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ จัดรายการพูดคุย เล่นเกม ร้องเพลง เต้น เป็นต้น เพื่อแลกกับยอดไลค์ยอดของขวัญที่ ผู้ใช้บริการจะต้องใช้เงินจริง ๆ ซื้อผ่านระบบของแอพพลิเคชั่นเพื่อทุ่มเทชนิดที่เรียกว่าเป็นเจ้าบุญทุ่มได้อย่างเต็มที่
"เสี่ยกระเป๋าตุง" ...ถือเป็นบุคคลมีสติสัมปชัญญะที่สมบูรณ์ตามกฎหมายทำผิด ถูกลงโทษตามกรอบกติกา ถูกล่อลวงหรือถูกฉ้อโกงก็ถือว่าเป็นคราวเคราะห์...หรือไม่ เป็นเรื่องที่หลายคนก็อธิบายได้ไม่ชัดเจนเพราะตามปกติในสังคมบ้านเราการหลอกลวงมักกระทำกันแบบซึ่ง ๆ หน้าจึงจะเข้าองค์ประกอบความผิด แต่การกระทำที่หลอกลวงผ่านแอพพลิเคชั่น โซเชียลมีเดียหรือช่องทางการสื่อสารอื่น ๆ ...ยังมีช่องโหว่ของกฎหมายที่เอาผิด ไม่ได้หรือถ้าได้ก็ต้องจ้างทนายความเก่ง ๆ มาดำเนินการเพื่อเอาผิดและเอาคืนแต่จะมีสัก กี่รายที่ดำเนินการ
พ.ต.อ.โอฬาร สุขเกษม ผกก.3 บก.ปอท. เปิดเผยว่าแอพพลิเคชั่นไอโชว์ นั้นผู้จัดแสดงในแอพเป็นเรื่องของสิทธิ ส่วนบุคคลที่มีเสรีภาพทางแสดงออกตามรัฐธรรมนูญ หากว่าไม่ขัดต่อกฎหมาย ไม่ผิด ต่อสังคม รวมทั้งวัฒนธรรมประเพณีใน ส่วนของผู้ชมที่เล่นแอพต้องการให้เงินทรัพย์สินมีค่าด้วยความเสน่หานั้นเป็นเรื่องธรรมชาติ
"จะชอบจะรักใครขึ้นอยู่กับบุคคลแต่ต้องมีวิจารณญาณด้วย เนื่องจากสื่อทางอินเทอร์เน็ตนั้น เหมือนอากาศจับต้องยากควรจะพิสูจน์แล้วว่าเป็นของจริง เรื่องจริงแม้จะถูกหลอกว่าถ้าให้เงินมามากเท่านี้เท่านั้นจะเป็นแฟนในทางกฎหมายไม่ถือว่าเป็นความผิดทางอาญา เป็นเรื่องของจิตใจ"
ด้าน นายฉัตรชัย คุณปิติลักษณ์ โฆษกกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า กรณี "เสี่ยกระเป๋าตุง" ซื้อของขวัญให้วีเจคนโปรดผ่านแอพพลิเคชั่นไอโชว์นั้นอยากให้ดูที่ความสมดุลของกฎหมายด้วย ที่ผ่านมากระทรวงไอซีทีก็ได้มีการแก้ไขร่างพ.ร.บ.คอมพ์ฉบับใหม่มีข้อความเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมประชาชนเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเข้ามาดูแลได้ แต่ขณะนี้ ร่างพ.ร.บ.คอมพ์ฉบับใหม่ก็ยังไม่ผ่านการพิจารณา และมีข้อถกเถียงกันอีกมากมาย
ขณะที่ นายไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายอิเล็กทรอนิกส์ กล่าวว่า เรื่องนี้มี 2 ประเด็นที่ควรพิจารณา คือ ประเด็นแรกการเอาเงินไปแลกเปลี่ยนเป็นสติกเกอร์หรือของรางวัลมีการขออนุญาตธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แล้วหรือไม่ และขึ้นทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์กับกระทรวงพาณิชย์และขึ้นทะเบียนบริการออนไลน์กับสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) หรือไม่ หากผู้ให้บริการยังไม่ได้ขออนุญาตหรือขึ้นทะเบียนย่อมจะมีความผิด
และประเด็นที่ 2 คือที่มาเป็นวีเจหรือ ปรากฏในเนื้อหาของเว็บไซต์เป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี หรือไม่แล้วมาแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมเจ้าของเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่นจะเข้าข่ายผิดพ.ร.บ.คุ้มครองเด็กด้วย
ทั้งหมดทั้งมวล ที่เกิดขึ้นต้องอยู่ที่ตัวผู้ใช้บริการต้องคิด วิเคราะห์ แยกแยะ ให้ถี่ถ้วนก่อนเสมอ ...โลกออนไลน์กับความเพ้อฝันมีเส้นบาง ๆ กั้นอยู่นิดเดียว และขอให้ผู้ผลิตคำนึงถึงจริยธรรมคุณธรรมและประโยชน์อันดีของสังคมด้วย ส่วนภาครัฐต้องจริงจังและจริงใจในการติดตามตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่ สูญเสียจากการใช้งานแอพลิเคชั่นในทาง ที่ผิดทุกกรณีต้องหาช่องทางป้องกันเหตุป้องกันภัยและเตือนให้ประชาชนผู้ที่อยู่ในข่ายตกเป็น "เหยื่อ" ให้รับทราบ.
แหล่งข่าว
เดลินิวส์ (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 (หน้า 2)
'แอพดูดเงิน' มารร้ายโลกออนไลน์มอมเหยื่อฉีกช่องโหว่กฎหมายไร้ผิด
'แอพดูดเงิน' มารร้ายโลกออนไลน์มอมเหยื่อฉีกช่องโหว่กฎหมายไร้ผิด
เดลินิวส์ (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2559
โดย : ทีมข่าวเฉพาะกิจ รายงาน
เคยนำเสนอถึงความไม่เหมาะสมของการใช้งาน "แอพพลิเคชั่น" ช่องทางในการสื่อสารของผู้ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กและอินเทอร์เน็ตในยุคดิจิตอลที่ใครๆ...เด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน วัยกลางคน วัยชรา คนเฒ่าคนแก่ ก็เข้าถึงได้ไม่ยาก
กำลังพูดถึง "บีโก้ไลฟ์" ที่มีการเปิดให้สมาชิกเผยแพร่ภาพลามกอนาจารอย่างโจ่งครึ่มไม่มีการตรวจสอบหรือเซ็นเซอร์จากทีมงานที่รับผิดชอบ หรือที่เรียกกันง่ายๆ คือเว็บมาสเตอร์ หรือ แอดมิน ที่อาจจะเป็นได้ทั้งบุคคล หรือคณะบุคคล ก็ได้
เหตุที่หาคนรับผิดชอบยากเพราะ "ข้อกฎหมาย" ที่ยังไม่ครอบคลุม ...บางความผิดยังบังคับใช้ ได้แต่ในประเทศ ไทยเท่านั้น ไม่สามารถเอาผิดบรรดาบริษัท หรือผู้ผลิตที่ ตั้งอยู่นอกประเทศแต่ผลิตหรือให้บริการข้ามประเทศมาได้ผ่านระบบใน สมาร์ทโฟน หรืออินเทอร์เน็ตหรือโซเชียลเน็ตเวิร์กที่เปิดที่ไหนก็สามารถใช้งานได้ ที่นั่นอย่างสะดวกสบายและไร้ข้อบังคับที่ชัดเจน
"เดลินิวส์" ได้นำเสนอสิ่งที่ผู้ใช้บริการในแอพพลิเคชั่น "บีโก้ไลฟ์" เผยแพร่ออกมาไม่เหมาะสมแต่ก็เหมือนคลื่นกระทบฝั่งที่ไม่มีมาตรการหรือประกาศ หรือข้อบังคับใด ๆ จากหน่วยงานของรัฐ...ทำให้ผู้ผลิตบางรายผู้ให้บริการเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หรือโซเชียลเน็ตเวิร์กบางรายที่คิดจะตักตวงเอาแต่ผลประโยชน์ทางธุรกิจโดยไม่คำนึงถึง ผู้ใช้บริการหรือกลุ่มลูกค้าจะตกเป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์อย่างเป็นกอบเป็นกำก็ทำให้มี "เหยื่อ"
"เหยื่อ" คือกลุ่มคนหมกมุ่นกับ "แอพพลิเคชั่น" ที่ล่อแหลมต่อเรื่องทางเพศ หรือการพนัน หรือการโชว์ลามกอนาจาร...ซึ่งจะโทษไปที่ผู้ผลิตอย่างเดียวไม่ได้ก็ในเมื่อบางประเทศกฎหมายไม่ได้เอาผิดในเรื่องที่หมิ่นเหม่เหล่านี้ไว้ แต่บางประเทศมีการควบคุม และบางประเทศก็มีอิสระเสรีในการดำเนินการด้วยเพราะกว่าที่บริษัทผู้ผลิตจะ ออกกฎหรือระเบียบเพื่อควบคุมก็ต้องรอ...ให้ถึงจุดคุ้มทุนของบริษัทนั้น ๆ เสียก่อนเพราะไม่อย่างนั้นแล้วก็จะทำให้ฐานลูกค้าหดหายไป ยอดตกเกิดความเสียหายต่อธุรกิจต่อการลงทุนก็ได้
เหตุการณ์ของหนุ่มอยุธยาวัย 28 ปี "เสี่ยกระเป๋าตุง" ที่ติดการใช้งานแอพพลิเคชั่น "I Show" ชนิดที่เรียกว่างอมแงม เพราะมี การโชว์สด...ของสาว ๆ หน้าตาน่ารักชวนฝันชวนสนุกให้บรรดาผู้ใช้บริการเข้าไปพูดคุยโดยพวกเขาพวกเธอเหล่านั้นจะถูกเรียกว่า "วีเจ"ทำหน้าที่ให้ความสุขสนุกในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ จัดรายการพูดคุย เล่นเกม ร้องเพลง เต้น เป็นต้น เพื่อแลกกับยอดไลค์ยอดของขวัญที่ ผู้ใช้บริการจะต้องใช้เงินจริง ๆ ซื้อผ่านระบบของแอพพลิเคชั่นเพื่อทุ่มเทชนิดที่เรียกว่าเป็นเจ้าบุญทุ่มได้อย่างเต็มที่
"เสี่ยกระเป๋าตุง" ...ถือเป็นบุคคลมีสติสัมปชัญญะที่สมบูรณ์ตามกฎหมายทำผิด ถูกลงโทษตามกรอบกติกา ถูกล่อลวงหรือถูกฉ้อโกงก็ถือว่าเป็นคราวเคราะห์...หรือไม่ เป็นเรื่องที่หลายคนก็อธิบายได้ไม่ชัดเจนเพราะตามปกติในสังคมบ้านเราการหลอกลวงมักกระทำกันแบบซึ่ง ๆ หน้าจึงจะเข้าองค์ประกอบความผิด แต่การกระทำที่หลอกลวงผ่านแอพพลิเคชั่น โซเชียลมีเดียหรือช่องทางการสื่อสารอื่น ๆ ...ยังมีช่องโหว่ของกฎหมายที่เอาผิด ไม่ได้หรือถ้าได้ก็ต้องจ้างทนายความเก่ง ๆ มาดำเนินการเพื่อเอาผิดและเอาคืนแต่จะมีสัก กี่รายที่ดำเนินการ
พ.ต.อ.โอฬาร สุขเกษม ผกก.3 บก.ปอท. เปิดเผยว่าแอพพลิเคชั่นไอโชว์ นั้นผู้จัดแสดงในแอพเป็นเรื่องของสิทธิ ส่วนบุคคลที่มีเสรีภาพทางแสดงออกตามรัฐธรรมนูญ หากว่าไม่ขัดต่อกฎหมาย ไม่ผิด ต่อสังคม รวมทั้งวัฒนธรรมประเพณีใน ส่วนของผู้ชมที่เล่นแอพต้องการให้เงินทรัพย์สินมีค่าด้วยความเสน่หานั้นเป็นเรื่องธรรมชาติ
"จะชอบจะรักใครขึ้นอยู่กับบุคคลแต่ต้องมีวิจารณญาณด้วย เนื่องจากสื่อทางอินเทอร์เน็ตนั้น เหมือนอากาศจับต้องยากควรจะพิสูจน์แล้วว่าเป็นของจริง เรื่องจริงแม้จะถูกหลอกว่าถ้าให้เงินมามากเท่านี้เท่านั้นจะเป็นแฟนในทางกฎหมายไม่ถือว่าเป็นความผิดทางอาญา เป็นเรื่องของจิตใจ"
ด้าน นายฉัตรชัย คุณปิติลักษณ์ โฆษกกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า กรณี "เสี่ยกระเป๋าตุง" ซื้อของขวัญให้วีเจคนโปรดผ่านแอพพลิเคชั่นไอโชว์นั้นอยากให้ดูที่ความสมดุลของกฎหมายด้วย ที่ผ่านมากระทรวงไอซีทีก็ได้มีการแก้ไขร่างพ.ร.บ.คอมพ์ฉบับใหม่มีข้อความเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมประชาชนเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเข้ามาดูแลได้ แต่ขณะนี้ ร่างพ.ร.บ.คอมพ์ฉบับใหม่ก็ยังไม่ผ่านการพิจารณา และมีข้อถกเถียงกันอีกมากมาย
ขณะที่ นายไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายอิเล็กทรอนิกส์ กล่าวว่า เรื่องนี้มี 2 ประเด็นที่ควรพิจารณา คือ ประเด็นแรกการเอาเงินไปแลกเปลี่ยนเป็นสติกเกอร์หรือของรางวัลมีการขออนุญาตธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แล้วหรือไม่ และขึ้นทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์กับกระทรวงพาณิชย์และขึ้นทะเบียนบริการออนไลน์กับสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) หรือไม่ หากผู้ให้บริการยังไม่ได้ขออนุญาตหรือขึ้นทะเบียนย่อมจะมีความผิด
และประเด็นที่ 2 คือที่มาเป็นวีเจหรือ ปรากฏในเนื้อหาของเว็บไซต์เป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี หรือไม่แล้วมาแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมเจ้าของเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่นจะเข้าข่ายผิดพ.ร.บ.คุ้มครองเด็กด้วย
ทั้งหมดทั้งมวล ที่เกิดขึ้นต้องอยู่ที่ตัวผู้ใช้บริการต้องคิด วิเคราะห์ แยกแยะ ให้ถี่ถ้วนก่อนเสมอ ...โลกออนไลน์กับความเพ้อฝันมีเส้นบาง ๆ กั้นอยู่นิดเดียว และขอให้ผู้ผลิตคำนึงถึงจริยธรรมคุณธรรมและประโยชน์อันดีของสังคมด้วย ส่วนภาครัฐต้องจริงจังและจริงใจในการติดตามตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่ สูญเสียจากการใช้งานแอพลิเคชั่นในทาง ที่ผิดทุกกรณีต้องหาช่องทางป้องกันเหตุป้องกันภัยและเตือนให้ประชาชนผู้ที่อยู่ในข่ายตกเป็น "เหยื่อ" ให้รับทราบ.
แหล่งข่าว
เดลินิวส์ (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 (หน้า 2)