“ห๊ะ! โอมาน อยู่มุมไหนของโลกวะ”
“คือไร รู้จักแต่นาธาน”
“เดี๋ยวช่วงศีลอดนะ จะไปไหวหรอ”
คำพูดของทุกคนเมื่อได้ยินเราบอกจะไปโอมาน ฟังแล้วน่าคิดมากๆว่า นั่นซิ..โอมานมีอะไรบ้างนะ นอกจากนาธาน แล้วเดือนรอมฎอนที่เขาพูดกันนักพูดกันหนาว่าเที่ยวลำบากนี่มันจะขนาดไหน
สารภาพเลยว่าความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโอมานกของเรานี่แทบเป็นศูนย์
ภาพในหัว คือ ประเทศโอมานคงอยู่แถวๆตะวันออกกลาง สภาพอากาศร้อนๆ วิวทะเลทราย และต้องมีอูฐ หรือเปล่านะ
ไม่พอ! ไปนั่งหาข้อมูลในอากู๋ต่อ จนโอดครวญกับตัวเองดังๆว่า โห ทำไมสภาพภูมิประเทศคุณสวยบาดใจขนาดนี้ ทั้งภูเขา ทะเล โอเอซิส ทะเลทราย แค่นี้ก็มากพอที่ทำให้เราเอ่ยปากกับชาวแก๊งว่า
“เฮ้ย ไปโอมานกันเหอะ มันต้องมีอะไรมากกว่านาธานแน่ๆวะ”
ตั๋วเครื่องบิน และการทำวีซ่าไม่กี่นาที
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการไปเที่ยวต่างประเทศก็คือ ความสามารถในการหาตั๋วที่ถูกที่สุดดด!!
ด้วยพื้นฐานของเราจะกดติดตามเพจท่องเที่ยวอยู่แล้วเป็นงานอดิเรก คอยส่องหาโปรใหม่ๆของแต่ละสายการบิน โดยถือคติที่ว่า #ความไวเป็นของปีศาจ ส่องวนกันไป
สุดท้ายก็โดนของสายการบินหางแดงที่พึ่งเปิดเส้นทางบินใหม่ BKK-Muscat มาพร้อมกับโปรแรงๆ ราคาน่าคบหามากกว่าสายการบินจากประเทศอื่นๆ ก็ต้องคว้าไว้ซิคะรออะไร
แถมยังเป็นไฟลท์แรกซะด้วย ตื่นเต้นชะมัด!
ระยะเวลาเดินทางจากกรุงเทพ มาโอมาน ใช้เวลาบินประมาณ 5 ชั่วโมงๆกว่า ถือว่าไม่นานนัก โดยเวลาท้องถิ่นของที่โอมานจะช้ากว่าที่ไทยประมาณ 3 ชั่วโมง
เมื่อไปถึงสนามบิน Muscat สิ่งแรกที่ต้องทำก่อนเข้าประเทศเขาก็คือ Visa on Arrival ซึ่งไม่ยากเลยย เพียงแค่จ่ายค่าธรรมเนียมการทำวีซ่า ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ง่ายอะไรขนาดนี้!
- วีซ่าท่องเที่ยวแบบ 10 วัน อยู่ที่ 5 โอมานเรียล
- วีซ่าท่องเที่ยวแบบ 30 วัน อยู่ที่ 20 โอมานเรียล
งบประมาณ
ค่าใช้จ่ายตลอดทริปมักขึ้นอยู่กับจำนวนคนที่ไป และลักษณะความเป็นอยู่แต่ละคน โดยทริปนี้เรามีกัน 5คน ค่าใช้จ่ายจะตกคนละประมาณ 10,000 บาท (ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน) นับเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจ
ซึ่งที่นี่เขาจะใช้ค่าเงินเป็น OMR โดย 1 OMR ประมาณ 90 บาทไทย
ค่าเดินทาง
ด้วยความที่ทั้งแก๊งเป็นขาลุยตัวจริง เราจึงตกลงปลงใจกันว่าจะเช่ารถสำหรับ Roadtrip กัน ซึ่งสามารถเช่ารถได้ตั้งแต่ที่สนามบิน จะมีหลายบริษัทให้เลือกบริการตามอัธยาศัย
โดยสิ่งที่เราต้องเตรียมตัวล่วงหน้าก็คือ
- ใบขับขี่สากล ทั้งของผู้ขับหลักและสำรอง
- บัตรเครดิตสำหรับทำการจองรถ ซึ่งจำเป็นต้องชื่อเดียวกับผู้เช่าและผู้ขับขี่
ซึ่งสำหรับเรา ถ้าคิดว่าจะเที่ยวให้ทั่วและประหยัดค่าใช้จ่าย การเช่ารถเป็นตัวเลือกที่ดีมาก!
ด้วยข้อจำกัดการคมนาคมในประเทศโอมาน จะไม่ได้สะดวกและคลอบคลุมมาก เหมือนประเทศท่องเที่ยวอื่นๆ หากคิดจะเช่าไกด์นำทัวร์หรือใช้แท็กซี่เดินทาง นอกจากจะได้เที่ยวแบบทัวร์ชะโงกก็คงจะกินแกลบแน่ๆ อีกอย่างค่าน้ำมันก็ไม่แพงสมเป็นประเทศตะวันออกกลางที่ผลิตน้ำมันได้เอง
ค่าที่พัก
ที่พักที่โอมาน มีราคาหลายเรทตั้งแต่ที่พักธรรมดา ฟิลอพาร์ทเมนท์ ไปจนถึงหรูหราระดับแกรนด์ แล้วแต่ความชื่นชอบส่วนบุคคล สำหรับชาวชาวแก๊งจะให้ความสำคัญกับการเที่ยวมากกว่าการนอน ดังนั้นจึงเน้นประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ด้วยการเลือกพักอพาร์ทเมนท์ธรรมดา คืนละประมาณ 1,000-2,000 บาท/ห้อง (ห้องนึงพักได้ 2คน ไม่รวมราคาเตียงเสริม) ซึ่งหาจองล่วงหน้ากันได้ตามเว็บไซต์ยอดนิยม
ค่าอาหาร
ทริปนี้เราเสียค่าใช้จ่ายไปกับอาหารน้อยที่สุด เนื่องจากช่วงที่เราไปเป็นเดือนรอมฎอม ดังนั้นร้านค้าและร้านอาหารต่างๆจะเปิดในเวลาทำการก่อน 6.00 น. เช้า และหลัง 20.00 น. แน่นอนว่านักท่องเที่ยวอย่างเราก็ต้องปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัดเหมือนกับเขา ห้ามดื่มน้ำหรือทานอาหารเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ เรียกว่าเดือดอยู่ 555
ดังนั้นมื้อเช้าและเที่ยงจะประทังท้องด้วยการกักตุนขนมขบเคี้ยวจากมินิมาร์ทในปั๊มน้ำมัน ซึ่งก็ไม่ได้เปิดกันทุกปั๊ม แล้วแต่จะสุ่มเจอ
วัดดวงกันไปอีกกก ค่าเฉลี่ยทั้งวันจึงอยู่ที่ 200-300 บาท (ที่ไทยทำไม่ได้นะเนี่ย แค่ก้าวออกจากบ้านก็เสียเงินแล้ว)
สำหรับมื้ออื่นๆ ด้วยความที่เรายังไม่กล้าที่จะลิ้มลองรสชาติอาหารแขกแบบฮาลาล เราจึงฝากท้องกับพวกอาหารฟาร์สฟูสทั้งหลาย ซึ่งรสชาติและกลิ่นก็จะแฝงไปด้วยกลิ่นเครื่องเทศนิดๆ แต่ยังอยุ่ในระดับที่พอรับได้ และถูกปากเราอยุ่
**สำหรับคนที่ชอบทานเนื้อ ที่นี่จะเป็นเนื้อที่ทำการเชือดด้วยวิธีฮาลาล ดังนั้นรสชาติเนื้อจะแตกต่างจากบ้านเรา เพื่อนเราคนหนึ่งลองสั่งเบอเกอร์เนื้อบิ๊กแม็กซ์ จากแมค กัดไปคำเดียวเท่านั้นรู้เรื่องงงงง ฮ่าๆๆ
เริ่มต้น Roadtrip
ตลอดทริป เรามีเวลาอยู่ในประเทศโอมานทั้งหมด 5 วัน ดังนั้นจึงคุยกันว่าจะเก็บสถานที่เฉพาะที่เราอยากไปให้ได้มากที่สุดก่อน แล้วเวลาเหลือค่อยขับรถหาที่เที่ยวแถวเมืองที่เราไปกัน
ที่ขาดไม่ได้เลยตัวช่วยตลอดทริปนี้คือ GPS ที่ต้องบอกเลยว่าแม่นยำมากๆ มีทุกอย่างไม่ว่าจะร้านอาหาร,สถานที่ท่องเที่ยว แถมยังช่วยบอกเราว่าตรงไหนที่มีการจำกัดความเร็วด้วย สารพัดประโยชน์มากมายยิ่งกว่าโดเรม่อน
อย่างที่เกริ่นไว้ตอนแรก ประเทศโอมานเป็นประเทศที่ภูมิศาสตร์สวยมากๆ เวลาขับรถจะเห็นวิวตลอดข้างทางที่เรียกได้ว่าโหดสุดๆ
สวยแบบอยากจอดรถแล้วยืนชมบรรยากาศซะให้มันถูกแทบทุกจุด ถ้าไม่ติดว่าอากาศข้างนอกร้อนถึง 40 กว่าองศา 5555
ซึ่งแต่ละที่สำหรับเราเรียกได้ว่าเป็น favorite scene in Oman จริงๆ
Road To OMAN: ทะเลทราย โอเอซิส ขี่อูฐ สัมผัสความหลากหลายในโอมาน จนนาธานดรอปไปเลย!
“ห๊ะ! โอมาน อยู่มุมไหนของโลกวะ”
“คือไร รู้จักแต่นาธาน”
“เดี๋ยวช่วงศีลอดนะ จะไปไหวหรอ”
คำพูดของทุกคนเมื่อได้ยินเราบอกจะไปโอมาน ฟังแล้วน่าคิดมากๆว่า นั่นซิ..โอมานมีอะไรบ้างนะ นอกจากนาธาน แล้วเดือนรอมฎอนที่เขาพูดกันนักพูดกันหนาว่าเที่ยวลำบากนี่มันจะขนาดไหน
สารภาพเลยว่าความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโอมานกของเรานี่แทบเป็นศูนย์
ภาพในหัว คือ ประเทศโอมานคงอยู่แถวๆตะวันออกกลาง สภาพอากาศร้อนๆ วิวทะเลทราย และต้องมีอูฐ หรือเปล่านะ
ไม่พอ! ไปนั่งหาข้อมูลในอากู๋ต่อ จนโอดครวญกับตัวเองดังๆว่า โห ทำไมสภาพภูมิประเทศคุณสวยบาดใจขนาดนี้ ทั้งภูเขา ทะเล โอเอซิส ทะเลทราย แค่นี้ก็มากพอที่ทำให้เราเอ่ยปากกับชาวแก๊งว่า
“เฮ้ย ไปโอมานกันเหอะ มันต้องมีอะไรมากกว่านาธานแน่ๆวะ”
ตั๋วเครื่องบิน และการทำวีซ่าไม่กี่นาที
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการไปเที่ยวต่างประเทศก็คือ ความสามารถในการหาตั๋วที่ถูกที่สุดดด!!
ด้วยพื้นฐานของเราจะกดติดตามเพจท่องเที่ยวอยู่แล้วเป็นงานอดิเรก คอยส่องหาโปรใหม่ๆของแต่ละสายการบิน โดยถือคติที่ว่า #ความไวเป็นของปีศาจ ส่องวนกันไป
สุดท้ายก็โดนของสายการบินหางแดงที่พึ่งเปิดเส้นทางบินใหม่ BKK-Muscat มาพร้อมกับโปรแรงๆ ราคาน่าคบหามากกว่าสายการบินจากประเทศอื่นๆ ก็ต้องคว้าไว้ซิคะรออะไร
แถมยังเป็นไฟลท์แรกซะด้วย ตื่นเต้นชะมัด!
ระยะเวลาเดินทางจากกรุงเทพ มาโอมาน ใช้เวลาบินประมาณ 5 ชั่วโมงๆกว่า ถือว่าไม่นานนัก โดยเวลาท้องถิ่นของที่โอมานจะช้ากว่าที่ไทยประมาณ 3 ชั่วโมง
เมื่อไปถึงสนามบิน Muscat สิ่งแรกที่ต้องทำก่อนเข้าประเทศเขาก็คือ Visa on Arrival ซึ่งไม่ยากเลยย เพียงแค่จ่ายค่าธรรมเนียมการทำวีซ่า ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ง่ายอะไรขนาดนี้!
- วีซ่าท่องเที่ยวแบบ 10 วัน อยู่ที่ 5 โอมานเรียล
- วีซ่าท่องเที่ยวแบบ 30 วัน อยู่ที่ 20 โอมานเรียล
งบประมาณ
ค่าใช้จ่ายตลอดทริปมักขึ้นอยู่กับจำนวนคนที่ไป และลักษณะความเป็นอยู่แต่ละคน โดยทริปนี้เรามีกัน 5คน ค่าใช้จ่ายจะตกคนละประมาณ 10,000 บาท (ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน) นับเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจ
ซึ่งที่นี่เขาจะใช้ค่าเงินเป็น OMR โดย 1 OMR ประมาณ 90 บาทไทย
ค่าเดินทาง
ด้วยความที่ทั้งแก๊งเป็นขาลุยตัวจริง เราจึงตกลงปลงใจกันว่าจะเช่ารถสำหรับ Roadtrip กัน ซึ่งสามารถเช่ารถได้ตั้งแต่ที่สนามบิน จะมีหลายบริษัทให้เลือกบริการตามอัธยาศัย
โดยสิ่งที่เราต้องเตรียมตัวล่วงหน้าก็คือ
- ใบขับขี่สากล ทั้งของผู้ขับหลักและสำรอง
- บัตรเครดิตสำหรับทำการจองรถ ซึ่งจำเป็นต้องชื่อเดียวกับผู้เช่าและผู้ขับขี่
ซึ่งสำหรับเรา ถ้าคิดว่าจะเที่ยวให้ทั่วและประหยัดค่าใช้จ่าย การเช่ารถเป็นตัวเลือกที่ดีมาก!
ด้วยข้อจำกัดการคมนาคมในประเทศโอมาน จะไม่ได้สะดวกและคลอบคลุมมาก เหมือนประเทศท่องเที่ยวอื่นๆ หากคิดจะเช่าไกด์นำทัวร์หรือใช้แท็กซี่เดินทาง นอกจากจะได้เที่ยวแบบทัวร์ชะโงกก็คงจะกินแกลบแน่ๆ อีกอย่างค่าน้ำมันก็ไม่แพงสมเป็นประเทศตะวันออกกลางที่ผลิตน้ำมันได้เอง
ค่าที่พัก
ที่พักที่โอมาน มีราคาหลายเรทตั้งแต่ที่พักธรรมดา ฟิลอพาร์ทเมนท์ ไปจนถึงหรูหราระดับแกรนด์ แล้วแต่ความชื่นชอบส่วนบุคคล สำหรับชาวชาวแก๊งจะให้ความสำคัญกับการเที่ยวมากกว่าการนอน ดังนั้นจึงเน้นประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ด้วยการเลือกพักอพาร์ทเมนท์ธรรมดา คืนละประมาณ 1,000-2,000 บาท/ห้อง (ห้องนึงพักได้ 2คน ไม่รวมราคาเตียงเสริม) ซึ่งหาจองล่วงหน้ากันได้ตามเว็บไซต์ยอดนิยม
ค่าอาหาร
ทริปนี้เราเสียค่าใช้จ่ายไปกับอาหารน้อยที่สุด เนื่องจากช่วงที่เราไปเป็นเดือนรอมฎอม ดังนั้นร้านค้าและร้านอาหารต่างๆจะเปิดในเวลาทำการก่อน 6.00 น. เช้า และหลัง 20.00 น. แน่นอนว่านักท่องเที่ยวอย่างเราก็ต้องปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัดเหมือนกับเขา ห้ามดื่มน้ำหรือทานอาหารเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ เรียกว่าเดือดอยู่ 555
ดังนั้นมื้อเช้าและเที่ยงจะประทังท้องด้วยการกักตุนขนมขบเคี้ยวจากมินิมาร์ทในปั๊มน้ำมัน ซึ่งก็ไม่ได้เปิดกันทุกปั๊ม แล้วแต่จะสุ่มเจอ
วัดดวงกันไปอีกกก ค่าเฉลี่ยทั้งวันจึงอยู่ที่ 200-300 บาท (ที่ไทยทำไม่ได้นะเนี่ย แค่ก้าวออกจากบ้านก็เสียเงินแล้ว)
สำหรับมื้ออื่นๆ ด้วยความที่เรายังไม่กล้าที่จะลิ้มลองรสชาติอาหารแขกแบบฮาลาล เราจึงฝากท้องกับพวกอาหารฟาร์สฟูสทั้งหลาย ซึ่งรสชาติและกลิ่นก็จะแฝงไปด้วยกลิ่นเครื่องเทศนิดๆ แต่ยังอยุ่ในระดับที่พอรับได้ และถูกปากเราอยุ่
**สำหรับคนที่ชอบทานเนื้อ ที่นี่จะเป็นเนื้อที่ทำการเชือดด้วยวิธีฮาลาล ดังนั้นรสชาติเนื้อจะแตกต่างจากบ้านเรา เพื่อนเราคนหนึ่งลองสั่งเบอเกอร์เนื้อบิ๊กแม็กซ์ จากแมค กัดไปคำเดียวเท่านั้นรู้เรื่องงงงง ฮ่าๆๆ
เริ่มต้น Roadtrip
ตลอดทริป เรามีเวลาอยู่ในประเทศโอมานทั้งหมด 5 วัน ดังนั้นจึงคุยกันว่าจะเก็บสถานที่เฉพาะที่เราอยากไปให้ได้มากที่สุดก่อน แล้วเวลาเหลือค่อยขับรถหาที่เที่ยวแถวเมืองที่เราไปกัน
ที่ขาดไม่ได้เลยตัวช่วยตลอดทริปนี้คือ GPS ที่ต้องบอกเลยว่าแม่นยำมากๆ มีทุกอย่างไม่ว่าจะร้านอาหาร,สถานที่ท่องเที่ยว แถมยังช่วยบอกเราว่าตรงไหนที่มีการจำกัดความเร็วด้วย สารพัดประโยชน์มากมายยิ่งกว่าโดเรม่อน
อย่างที่เกริ่นไว้ตอนแรก ประเทศโอมานเป็นประเทศที่ภูมิศาสตร์สวยมากๆ เวลาขับรถจะเห็นวิวตลอดข้างทางที่เรียกได้ว่าโหดสุดๆ
สวยแบบอยากจอดรถแล้วยืนชมบรรยากาศซะให้มันถูกแทบทุกจุด ถ้าไม่ติดว่าอากาศข้างนอกร้อนถึง 40 กว่าองศา 5555
ซึ่งแต่ละที่สำหรับเราเรียกได้ว่าเป็น favorite scene in Oman จริงๆ