ในช่วงของวันหยุดยาว สำหรับหลายๆ คน อาจจะเป็นการวันหยุดพักผ่อนชิลๆ แต่วันหยุดยาวนี้ ผมลองมาใช้ชีวิตแบบ Local เรียกว่า Local สุดๆ ที่เคยลองมา กับคอร์ส “กลับบ้านสิ” ที่สวนศิลป์บินสิ จังหวัดลำพูน ไม่พูดพร่ำทำเพลง มาสัมผัสความ Local ไปพร้อมกับผมเลยดีกว่าครับ
ก่อนอื่นต้องบอกว่าตัวผมเอง เป็นมนุษย์ในเมือง ที่ชอบเที่ยวไปเรื่อยเปื่อย ทั้งภูเขา แม่น้ำ ทะเล หรือถ้าเป็นช่วงวันหยุดสั้นๆ ก็จะไปเดินแถบๆ ป้อมมหากาฬ, นางเลิ้ง,บ้านบาตร เรียนปั้นดินบ้าง ฯลฯ จนกระทั่งวันหนึ่งขณะที่กำลังเปิด facebook อยู่นั้น บังเอิญเห็น feed ของ สวนศิลป์บินสิ เด้งเข้ามาที่หน้า feed จึงไม่รีรอที่จะสมัคร รุ่นที่ 3 วันที่ 18-20 กรกฏาคม 2559 ช่วงวันหยุดเข้าพรรษา สำหรับรายละเอียดคอร์สผมใส่ไว้ในสปอยแล้วกันครับ เผื่อท่านใดสนใจ จะได้ลองติดต่อสอบถามดูเอากัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%9B%E0%B9%8C%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B4-filmsfarmschooluniversity-458682144296307/?fref=ts
ซึ่งกิจกรรมที่ได้มาเข้าร่วมนั้นส่วนใหญ่จะเป็นการเน้นลงมือทำ เพื่อให้เรียนรู้จากสิ่งที่เราได้ทำจริงครับ พอตกเย็นก็ตั้งวงสนทนาเกี่ยวกับสิ่งที่เราได้ลงมือทำในวันนั้น สำหรับสวนศิลป์บินสิ เป็นสถานที่ที่สร้างจากพื้นที่ว่างปล่าว ประมาณ 2 ไร่ ถูกสร้างให้เป็นสวนศิลป์บินสิ จากจินตนาการของพี่เนาว์ เสาวนีย์ สังขาระ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เนาว์-เสาวนีย์ สังขาระ
เจ้าของโปรดักชั่นส์เฮาส์ Fly again Production House
ศิลปะการทำภาพยนตร์มีทั้งการถ่ายภาพ วาดภาพ ภาษา การเล่าเรื่อง ดนตรี ทั้งหมด เคยเป็นครูเป็นคนทำมูลนิธิมาเจ็ดปี แต่รู้สึกว่ามีบางอย่างขาด ก็ลาออกมาเปิดโปรดักชั่นเฮาส์ชื่อบินสิหรือ Fly Again เราอยากเปลี่ยนแปลงสังคมก็เลยเข้าไปคุยกับช่องไทยพีบีเอส อยากทำรายการโทรทัศน์เรื่องการศึกษาทางเลือก เรามองว่าการศึกษาไม่ได้อยู่ในสถาบันแต่อยู่ในชีวิต ในสังคม ในชุมชน เราเคยไปอยู่อเมริกามาแล้วสามปี เห็นว่าการศึกษาของอเมริกาไม่ใช่คำตอบของบ้านเราและไม่ใช่คำตอบของศตวรรษของใครเลย บ้านเรามีรากจากอินเดีย อินเดียมีรากของศาสนาพุทธและจิตวิญญาณ ถ้าเราต้องการหาความหมายของชีวิต เราก็ขายรถ ยืมเงินเพื่อน ไปซื้อกล้องไปอินเดียทำสารคดีเลย เราเรียนรู้จากความผิดพลาดมาก เคยไปเรียนคอร์สฟิล์มสั้นๆ ห้าอาทิตย์ก็ไม่ค่อยได้อะไร แต่สามปีที่อินเดียเราให้ปริญญาเอกด้าน filmmaker กับตัวเองได้เลย ตั้งแต่แรกที่ซื้อกล้องมืออาชีพตัวละสามแสน มีขาตั้งกล้องตัวใหญ่ มีโปรดิวเซอร์ ไดเร็กเตอร์ไปด้วย พอไปจริงๆ แล้วมันกดดันเรื่องกำไรขาดทุน สุดท้ายทีมงานกลับไปเพราะว่างบหมด เราอยู่ต่อทำเอง เลยกลายเป็นหน้าที่ทุกอย่าง เล่าเรื่อง ลงเสียง สุดท้ายเป็นคนแต่งเพลงเองอีก
มีคำพูดหนึ่งที่ชอบมากเลยคือ “Don’t think about it, jump off the cliff and build your wings on the way down” ตอนที่คิดจะทำเราไม่คิดมากเลย ถ้าเจอหน้าผาเราก็กระโดดลงไปเลย มันต้องใช้พลังใจเยอะในการค้นหาตัวเอง เรามีความกลัวแต่เราต้องเข้าใจความกลัวของเราแล้วเข้าไปเผชิญมัน แล้วก็ทำในสิ่งที่รักด้วยนะ ถ้าเราทำในสิ่งที่เรารักไม่รู้เรี่ยวแรงมันมาจากไหน คนหนึ่งอาจจะเดินทางสามสี่ปีไม่ได้ถ้าเขาไม่ได้ทำในสิ่งที่รัก ทุกวันตื่นขึ้นมาตีสี่นั่งเขียนบทเป็นเจ้านายตัวเองเรายังทำได้
ความเป็นผู้หญิงทำงานคนเดียวทำให้ได้รับความช่วยเหลือและร่วมมือด้วยซ้ำ เพราะเชื่อว่าถ้าไปเป็นทีมจะไม่ได้อะไรขนาดนี้ เป็นแรงบันดาลใจให้เขาเห็นว่าผู้หญิงคนเดียวทำได้ยังไง เอาความกล้ามาจากไหน ตอนแรกอาจจะสงสาร ไม่จริงจังกับเรา มีมาทำเจ้าชู้ใส่ด้วย แต่พอเราเอาจริงเอาจังและเป็นมืออาชีพ เขาก็มองใหม่
งานนี้เป็นมาสเตอร์พีซ การค้นหาได้จบลงแล้ว ที่เหลือเป็นกำไรชีวิตที่แตกออกมาจากงานนี้ ตอนนี้ต้องทำต่อให้ได้ร้อยตอนรอบโลก ระหว่างการเดินทางสามปีได้ 30 ตอนแล้ว เรายังเขียนหนังสือนิยายรักที่จะสร้างเป็นละคร ได้บทหนังมาเรื่องหนึ่ง (อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ trueplookpanya) ภายในประกอบไปด้วยศูนย์การเรียนรู้ต่างๆ ที่สอดคล้องกับการใช้ชีวิตร่วมกันระหว่างคนและธรรมชาติ คนสามารถอยู่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับธรรมชาติ ปลูกพืชผักรับประทาน ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ไม่เร่งรีบ กลายเป็นอิสระเสรี เป็นวิถีชีวิต ที่มีความรัก ความสุข ความฝัน ครอบครัว ความสัมพันธืที่ดีกับคนที่ได้เข้ามาร่วมทาง นั่นคือ สิ่งที่จะได้เรียนรู้ ที่สวนศิลป์บินสิ
วันแรก 18 ก.ค._รักแรกพบ_สร้างบ้านดิน_เพื่อนใหม่
วันแรกที่เดินทางมาถึงสวนศิลป์บินสิ จากเชียงใหม่ ประมาณ 40 นาที มาถึงก็ประมาณ 9 โมงเช้า พอดีหลายๆคนที่มาร่วมในค่ายก็ทยอยมากันเกือบจะครบแล้ว ทั้งน้องๆ จาก รร.ดรุณสิกขาลัย พี่ๆ เพื่อนๆ ครอบครัวญี่ปุ่น ทุกคนต่างมาเจอกันครั้งแรกที่นี่ ได้ทำความรู้จักกันคร่าวๆ ได้รู้จักกับพี่เนาว์ผู้ก่อตั้งอย่างเป็นทางการ หลังจากที่ได้แต่คุยและสอบถามเกี่ยวกับคอร์สผ่านช่องทาง Facebook ก่อนที่จะลงมือกันทำบ้านดิน เป็นครั้งแรกที่ผมได้ลองมาทำและสัมผัส เรียนรู้ตั้งแต่ปรัชญาการทำบ้านดิน กระบวนการทำบ้านดินทุกขั้นตอน ที่ได้ลองทำกันจริงๆ ตั้งแต่ ช่วยกันขนดิน ย่ำดิน การทำบ้านดินแบบต่างๆ ทุกคนต่างสนุกสนานจนลืมวัยกันเลยทีเดียว ได้ฝึกการทำงานเป็นทีม เราทำกันตั้งแต่เช้า จนถึงเย็น...เหนื่อยครับ บอกจากใจจริง แต่สนุกที่ได้ลอง สนุกที่ได้ทำ และได้เห็นผลงานที่เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา จากก้อนดิน กลายเป็นบ้านดิน
ทำกันตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมดิน
ดินได้ที่พร้อมแล้วสำหรับการลงมือทำ
เราทำกันสองแบบ แบบทำดินเป็นก้อน กับใช้ฟาง
แล้วก็เริ่มลงมือกันทำ เริ่มโบกๆ ป้ายๆ ทั้งน้องๆ พี่ๆ ช่วยกันทำคนล่ะไม้คนล่ะมือ
เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง
หลังจากทำบ้านดินเกือบได้ 1 ฝาก็เกือบเย็นแล้ว ช่วงเย็นก็ถึงเวลาล้อมวงสนทนา
ทำความรู้จักพี่เนาว์ ทำความรู้จักสวนศิลป์บินสิที่สร้างขึ้นจากจินตนาการของผู้หญิงคนหนึ่ง
ส่งท้ายค่ำคืนแรกที่สวนศิลป์บินสิ...นอนในบ้านดิน
มีเวลาว่างพอเก็บบรรยากาศภายในสวนศิลป์...อยากมีบ้านแบบนี้เลย
ถ้ามีเวลาว่างจะมาเล่าบรรยากาศวันที่ 2-3 ในสวนศิลป์บินสิ ที่ได้ไปสัมผัสให้ฟังครับ
[CR] กลับบ้านสิ...กันซิ !!!
ในช่วงของวันหยุดยาว สำหรับหลายๆ คน อาจจะเป็นการวันหยุดพักผ่อนชิลๆ แต่วันหยุดยาวนี้ ผมลองมาใช้ชีวิตแบบ Local เรียกว่า Local สุดๆ ที่เคยลองมา กับคอร์ส “กลับบ้านสิ” ที่สวนศิลป์บินสิ จังหวัดลำพูน ไม่พูดพร่ำทำเพลง มาสัมผัสความ Local ไปพร้อมกับผมเลยดีกว่าครับ
ก่อนอื่นต้องบอกว่าตัวผมเอง เป็นมนุษย์ในเมือง ที่ชอบเที่ยวไปเรื่อยเปื่อย ทั้งภูเขา แม่น้ำ ทะเล หรือถ้าเป็นช่วงวันหยุดสั้นๆ ก็จะไปเดินแถบๆ ป้อมมหากาฬ, นางเลิ้ง,บ้านบาตร เรียนปั้นดินบ้าง ฯลฯ จนกระทั่งวันหนึ่งขณะที่กำลังเปิด facebook อยู่นั้น บังเอิญเห็น feed ของ สวนศิลป์บินสิ เด้งเข้ามาที่หน้า feed จึงไม่รีรอที่จะสมัคร รุ่นที่ 3 วันที่ 18-20 กรกฏาคม 2559 ช่วงวันหยุดเข้าพรรษา สำหรับรายละเอียดคอร์สผมใส่ไว้ในสปอยแล้วกันครับ เผื่อท่านใดสนใจ จะได้ลองติดต่อสอบถามดูเอากัน [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ซึ่งกิจกรรมที่ได้มาเข้าร่วมนั้นส่วนใหญ่จะเป็นการเน้นลงมือทำ เพื่อให้เรียนรู้จากสิ่งที่เราได้ทำจริงครับ พอตกเย็นก็ตั้งวงสนทนาเกี่ยวกับสิ่งที่เราได้ลงมือทำในวันนั้น สำหรับสวนศิลป์บินสิ เป็นสถานที่ที่สร้างจากพื้นที่ว่างปล่าว ประมาณ 2 ไร่ ถูกสร้างให้เป็นสวนศิลป์บินสิ จากจินตนาการของพี่เนาว์ เสาวนีย์ สังขาระ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ (อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ trueplookpanya) ภายในประกอบไปด้วยศูนย์การเรียนรู้ต่างๆ ที่สอดคล้องกับการใช้ชีวิตร่วมกันระหว่างคนและธรรมชาติ คนสามารถอยู่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับธรรมชาติ ปลูกพืชผักรับประทาน ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ไม่เร่งรีบ กลายเป็นอิสระเสรี เป็นวิถีชีวิต ที่มีความรัก ความสุข ความฝัน ครอบครัว ความสัมพันธืที่ดีกับคนที่ได้เข้ามาร่วมทาง นั่นคือ สิ่งที่จะได้เรียนรู้ ที่สวนศิลป์บินสิ
วันแรก 18 ก.ค._รักแรกพบ_สร้างบ้านดิน_เพื่อนใหม่
วันแรกที่เดินทางมาถึงสวนศิลป์บินสิ จากเชียงใหม่ ประมาณ 40 นาที มาถึงก็ประมาณ 9 โมงเช้า พอดีหลายๆคนที่มาร่วมในค่ายก็ทยอยมากันเกือบจะครบแล้ว ทั้งน้องๆ จาก รร.ดรุณสิกขาลัย พี่ๆ เพื่อนๆ ครอบครัวญี่ปุ่น ทุกคนต่างมาเจอกันครั้งแรกที่นี่ ได้ทำความรู้จักกันคร่าวๆ ได้รู้จักกับพี่เนาว์ผู้ก่อตั้งอย่างเป็นทางการ หลังจากที่ได้แต่คุยและสอบถามเกี่ยวกับคอร์สผ่านช่องทาง Facebook ก่อนที่จะลงมือกันทำบ้านดิน เป็นครั้งแรกที่ผมได้ลองมาทำและสัมผัส เรียนรู้ตั้งแต่ปรัชญาการทำบ้านดิน กระบวนการทำบ้านดินทุกขั้นตอน ที่ได้ลองทำกันจริงๆ ตั้งแต่ ช่วยกันขนดิน ย่ำดิน การทำบ้านดินแบบต่างๆ ทุกคนต่างสนุกสนานจนลืมวัยกันเลยทีเดียว ได้ฝึกการทำงานเป็นทีม เราทำกันตั้งแต่เช้า จนถึงเย็น...เหนื่อยครับ บอกจากใจจริง แต่สนุกที่ได้ลอง สนุกที่ได้ทำ และได้เห็นผลงานที่เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา จากก้อนดิน กลายเป็นบ้านดิน
ถ้ามีเวลาว่างจะมาเล่าบรรยากาศวันที่ 2-3 ในสวนศิลป์บินสิ ที่ได้ไปสัมผัสให้ฟังครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น