" O M A N " It's real .
ความฝันที่เป็นจริง 3 วัน 2 คืน ในโอมาน ใครใครก็เที่ยวได้ ..
ก่อนที่เราจะเริ่มออกเดินทางไปนั้นผมขอเกริ่นก่อนนะครับว่าประเทศโอมาน (OMAN รัฐสุลต่านโอมาน) เป็นประเทศที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ บนชายฝั่ตะวันออกเฉียงใต้ของคาบสมุทรอาหรับ โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศจะเป็นทะเลทรายและภูเขา ซึ่งก็ไม่น่าสงสัยเลยว่าทำไมที่นี่อากาศถึงได้ร้อนนนนนน !!! เกือบจะทั้งปีเลยทีเดียว และช่วงที่ผมไปนี้ก็เป็นช่วงเดือนรอมฎอนของชาวมุสลิมที่นับถือศาสนาอิสลาม (ถือศีลอด) ด้วยครับ บางคนสงสัยว่า โอมานมีอะไร ? เที่ยวยังไงดี ? เดินทางยากไหม ? เรามาลองดูกัน 3 วัน 2 คืนที่นี่เราจะไปไหนกันบ้าง ..
1. Mutrah Souq ตลาดเก่าแก่ขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงใน Muscat
2. Royal Opera House Muscat โรงละครโอเปร่า สถานที่ชั้นนำเรื่องของศิลปะและวัฒนธรรมทางดนตรี
3. Sultan Qaboos Grand Mosque มัสยิดหรือสุเหร่าที่ใหญ่ที่สุดของโอมาน
4. Al Alam place พระราชวังอย่างเป็นทางการของสุลต่าน Qaboos
5. Al Jalali Fort ป้อมปราการเก่าของชาวโปรตุเกส
6. Bimmah Sinkhole บ่อน้ำที่เกิดจากการกัดเซาะของธรรมชาติ
7. Sur Beach เมืองริมทะเลที่มีความเงียบสงบ มีประวัติศาสตร์และธรรมชาติที่สวยงาม
8. Al Ayjah Lighthouse ปราสาทเก่าของชาวโปรตุเกส
9. Fish Market ตลาดปลาสด
10. Nizwa Fort ป้อมปราการเก่าของเมือง Nizwa ที่มีชื่อเสียงในโอมาน
11. Nizwa Souq ตลาดเก่าที่มีขายทั้งของสด ของแห้ง เครื่องประดับ หัตถกรรมพื้นบ้านของชาว Nizwa
เอาล่ะเรามาเริ่มออกเดินทางกันเลย.. เราเริ่มเดินทางจากสนามบินดอนเมืองไปสู่สนามบินมัสกัต (Muscat International Airport ชื่อทางการ Seeb International Airport) โดยสารการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ (Thai AirAsia X) เที่ยวบินที่ XJ 555 DMK-MCT เวลา 15.20-18.10 น. (รวม 5 ชั่วโมง 50 นาที) และเดินทางกลับประเทศไทยด้วยเที่ยวบิน XJ 556 MCT-DMK เวลา 19.40 น.(เวลาท้องถิ่น) - เมืองไทยเวลา 04.40 น.(รวม 6 ชั่วโมง) ความถี่ของเที่ยวบินคือ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ (อังคาร พฤหัสบดี และเสาร์) เวลาที่ประเทศโอมานจะช้ากว่าประเทศไทย 3 ชั่วโมงครับ
ตอนนี้เราใกล้จะถึงสนามบินมัสกัตแล้ว ถ้ามองออกไปนอกหน้าต่างจะเห็นพื้นที่ส่วนมากเป็นพื้นที่สีน้ำตาล และติดชายทะเล ตอนแรกก็คิดอยู่เหมือนกันว่า นี่หรือโอมาน !! จะมีอะไรให้เที่ยวเนี่ย เพราะมองไปทางไหนก็สีน้ำตาลไปซะหมด ..
เมื่อลงเครื่องก็จะมี Bus gate มาคอยรับเราไปยังอาคารผู้โดยสาร ระยะทางไม่ห่างกันซักเท่าไหร่ เดินเข้าสู่ตัวอาคารให้มองตรงไปจะมีป้าย "Visa On Arrival" บอกอยู่อย่างชัดเจน และจะมีเจ้าหน้าที่คอยยืนบอกอยู่บริเวณนั้นด้วย (ข้างๆ จุดที่ทำ Visa จะมีเคาเตอร์สำหรับแลกเงินด้วย) ค่าธรรมเนียม Visa จะแบ่งตามระยะวันที่ต้องการ ของผมแบบไม่เกิน 10 วัน จะอยู่ที่ 5 OMR (20 Dollars) หรือประมาน 500 บาท จากนั้นก็เดินไปทางขวามือ ซึ่งจะเป็นจุด ตม. (หากเดินทางคนเดียว อย่าลืมปริ้นเอกสารต่างๆ ไปเผื่อด้วยนะครับ เช่น Hotel Booking, Itinerary ของเที่ยวบินกลับ เป็นต้น) จากนั้นเดินต่อมาที่จุดรับกระเป๋า และผ่านเครื่องสแกนตามขั้นตอนครับ .. (สนามบินมีขนาดเล็ก แต่ละจุดนั้นจะอยู่ไม่ห่างกันมากนัก หาง่าย ไม่วุ่นวาย ปล.ส่วนตรงนี้ไม่ได้ถ่ายภาพมา เนื่องจากเดินทางขาไปคนเดียวเลยวุ่นๆ นิดหน่อยครับ)
จากนั้นเมื่อเราผ่านเครื่องสแกนออกมา ด้านหน้าจะมีเคาเตอร์ Ooredoo สำหรับซื้อซิม (ซื้อซิมเพื่อใช้อินเตอร์เนตและ GPS ในการนำทางตลอดทริป) ด้านขวาจะเป็นเคาเตอร์ของบริการรถเช่าต่างๆ มีหลากหลายบริษัทคล้ายๆ กับบ้านเราเลยครับ ส่วนผมจองล่วงหน้าผ่าน
http://www.rentalcars.com/ ราคาจะอยู่ที่ประมาน 900 บาทต่อวัน รถขนาดเล็กสำหรับ 2-4 คน (Toyota Yaris แต่คือ Toyota Vios บ้านเรา) ราคาน้ำมันที่นี่ค่อนข้างถูก ตลอดทริปนี้เราเดินทางประมาน 800-900 กิโลเมตร ค่าใช้จ่ายเรื่องของน้ำมันประมาน 1,000 บาทเท่านั้น ส่วนเรื่องของใบขับขี่ สามารถใช้ใบขับขี่ประเทศไทยได้ปกติเลยครับ (หากจองรถล่วงหน้า อย่าลืมปริ้น Voucher เพื่อความสะดวกในการรับรถ)
คืนนี้เราก็จะไปพักที่โรงแรมเล็กๆ ใกล้กับ Mutrah Souq และ Super market ซึ่งแถวนั้นก็มีหลากหลายโรงแรม ราคาก็จะแตกต่างกันไปตามระดับ .. . หลังจากที่เราเก็บของเรียบร้อยที่แรกที่เราจะไปคือ Mutrah Souq
ด้านหน้าของตลาดจะมีที่แลกเงินอยู่อีกจุดหนึ่ง ถ้าใครยังไม่ได้แลกมาจากสนามบินสามารถมาแลกตรงนี้ได้ครับ ..
"Mutrah Souq" หรือคนท้องถิ่นที่นี่จะเรียกว่า "Al Dhalam Souq" (ตลาดในร่ม) ตลาดที่นี่จะเป็นตลาดที่เก่าแก่ที่สุดในอาหรับเลยทีเดียว จะขายสินค้าที่นำเข้ามาจากอินเดีย จีน ยุโรป และประเทศอื่นๆ ในตะวันออกกลาง ^^
หลังจากที่เรากะลังจะเดินทางกลับโรงแรมและเริ่มหิวกัน เราจะแวะหาอะไรทานกันที่ Lulu's hypermarket ซึ่งเป็นทางผ่านที่จะกลับโรงแรมพอดี จุดจบของเราก็ไปอยู่ที่ร้าน KFC อาหารที่นี่ค่อนข้างถูก 1 Set ราคาประมาน 150 บาท มีไก่ทอด 4 ชั้น ข้าว 1 ถ้วย ขนมปังเบอเกอร์ 1 ชิ้น และโค้ก 1 แก้ว
เวลาตอนนี้ประมาน 5 ทุ่มกว่าๆ แต่ก็ยังมีผู้คนออกมาจับจ่ายซื้อของจำนวนมาก หลังจากที่เราเดินซื้อน้ำ ขนม เรียบร้อย เราก็เดินทางกลับที่พักเผื่อพักผ่อน พร้อมจะเดินทางในวันต่อไป ..
เช้าวันต่อมาเราเริ่มออกเดินทางไปที่ "Royal Opera House Muscat" โรงละครโอเปร่า สถานที่ชั้นนำของโอมานที่มีชื่อเสียงในด้านของศิลปะ และวัฒนธรรมทางดนตรี เป็นตึกสีขาวทั้งหมด กลางคืนจะเปิดไฟสว่างแบบคลาสสิค
นี่แค่ที่แรกนะครับ อากาศร้อนมากเลยทีเดียวแค่ยืนเฉยๆ เหงื่อก็ออกจนเสื้อเปียกไปหมด อย่าลืม !! พกร่ม ทิชชูแห้ง ทิชชูเปียกติดตัวกันไปด้วยนะครับ ต่อไปไม่ไกลจากที่นี่นักคือ "Sultan Qaboos Grand Mosque" มัสยิดหรือสุเหร่าที่ใหญ่ที่สุดของโอมาน เป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามโดดเด่นเป็นสง่ากลางกรุงมัสกัต
จากนั้นเริ่มเดินทางผ่าน Mutrah Souq เพื่อไปยังสถานที่ต่อไป Al Alam Place .. ..
"Al Alam Place" พระราชวังอย่างเป็นทางการของศุลต่าน Qaboos เป็นที่ประทับอย่างเป็นทางการที่ใช้ต้อนรับแขกบ้านแขกเรือน เมื่อใดที่ธงหน้าพระราชวังถูกยกขึ้นแสดงว่าสุลต่านประทับอยู่ในพระราชวังนั่นเอง และถ้าเรามองไปรอบๆ จะเห็น Al Jalali Fort ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้
"Al Jalali Fort" เป็นป้อมปราการโปรตุเกสยุคคริสต์ศตวรรษที่ 16 ตั้งอยู่เหนืออ่าวโอมานและผ่านการบูรณะจนกลับมามีสภาพดี ป้อมนี้เคยเป็นคุกในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 แต่เปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวสำหรับจัดแสดงมรดกและวัฒนธรรมของโอมานหลังจากได้รับการบูรณะนั่นเอง
หลังจากที่เราเก็บภาพที่เที่ยวภายในเมืองกันหลายที่แล้ว ตอนนี้เราจะออกเดินทางอีกประมาน 1 ชั่วโมงครึ่งไปยัง Bimmah Sinkhole ทางไปเมือง Sur โดยระหว่างทางจะมีปั้มน้ำมันเป็นระยะ มีป้ายบอกทางชัดเจน ป้ายจำกัดความเร็วก็เช่นกัน !!! (รถเช่าก็จำกัดความเร็วเช่นกันนะครับแค่ 120 ก็ดังติ้ด ติ้ดดด แล้ว ++) วิวทิวทัศน์ด้านนอกก็จะเป็นภูเขาทั้งนั้น
อ่อออ !! ลืมบอกไปครับอาหารกลางวันเราทานกันในรถ เพราะว่าร้านอาหารที่นี่จะไม่เปิดเลยตลอดวัน ร้านจะเปิดอีกทีคือหลังหนึ่งทุ่มเป็นต้นไป (เฉพาะช่วงเดือนรอมฎอน) ใครที่ไปช่วงเดือนรอมฎอน อย่าลืมพกอาหารแห้ง อาหารสำเร็จรูปพร้อมทานกันไปด้วยนะครับ
และแล้วเราก็มาถึงกันซะที ^^ "Bimmah Sinkhole" บ่อน้ำมีสีที่เป็นเอกลักษณ์ของสี Turquoise สีสันสดใส ภายใต้ผิวน้ำนั้นมีปลาเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เป็นสปาเท้าปลาแบบธรรมชาติจริงๆ ส่วนใครที่อยากเล่นน้ำก็สามารถเตรียมชุดมาเปลี่ยนเล่นน้ำคลายร้อนกันได้นะครับ (ไม่เสียค่าเข้า)
หลังจากที่แวะพักกันจนหายเหนื่อยแล้ว เราจะเริ่มออกเดินทางกันต่อไปยังเมือง Sur โดยจะใช้เวลาเดินทางประมาน 1 ชั่วโมงครับ … .
อีกย่างนึงที่โอมานจะขับรถพวงมาลัยซ้าย ขับช้าชิดขวา เลี้ยวขวาผ่านตลอด ถนนส่วนใหญ่จะเป็นวงเวียน ต้องหยุดให้รถในวงเวียนไปก่อนนะครับ อย่าลืม !!
หลังจากที่นั่งๆ นอนๆ กันในรถเป็นเวลาเกือบชั่วโมง ผ่านย่านอุตสาหกรรมบ้าง หมู่บ้านบ้าง ก็ใกล้จะถึงโรงแรมกันแล้ว
[CR] - O M A N - It's R E A L ... . 3 วัน 2 คืน ใครใครก็เที่ยวได้ " A UNIQUE WAY
ก่อนที่เราจะเริ่มออกเดินทางไปนั้นผมขอเกริ่นก่อนนะครับว่าประเทศโอมาน (OMAN รัฐสุลต่านโอมาน) เป็นประเทศที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ บนชายฝั่ตะวันออกเฉียงใต้ของคาบสมุทรอาหรับ โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศจะเป็นทะเลทรายและภูเขา ซึ่งก็ไม่น่าสงสัยเลยว่าทำไมที่นี่อากาศถึงได้ร้อนนนนนน !!! เกือบจะทั้งปีเลยทีเดียว และช่วงที่ผมไปนี้ก็เป็นช่วงเดือนรอมฎอนของชาวมุสลิมที่นับถือศาสนาอิสลาม (ถือศีลอด) ด้วยครับ บางคนสงสัยว่า โอมานมีอะไร ? เที่ยวยังไงดี ? เดินทางยากไหม ? เรามาลองดูกัน 3 วัน 2 คืนที่นี่เราจะไปไหนกันบ้าง ..
1. Mutrah Souq ตลาดเก่าแก่ขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงใน Muscat
2. Royal Opera House Muscat โรงละครโอเปร่า สถานที่ชั้นนำเรื่องของศิลปะและวัฒนธรรมทางดนตรี
3. Sultan Qaboos Grand Mosque มัสยิดหรือสุเหร่าที่ใหญ่ที่สุดของโอมาน
4. Al Alam place พระราชวังอย่างเป็นทางการของสุลต่าน Qaboos
5. Al Jalali Fort ป้อมปราการเก่าของชาวโปรตุเกส
6. Bimmah Sinkhole บ่อน้ำที่เกิดจากการกัดเซาะของธรรมชาติ
7. Sur Beach เมืองริมทะเลที่มีความเงียบสงบ มีประวัติศาสตร์และธรรมชาติที่สวยงาม
8. Al Ayjah Lighthouse ปราสาทเก่าของชาวโปรตุเกส
9. Fish Market ตลาดปลาสด
10. Nizwa Fort ป้อมปราการเก่าของเมือง Nizwa ที่มีชื่อเสียงในโอมาน
11. Nizwa Souq ตลาดเก่าที่มีขายทั้งของสด ของแห้ง เครื่องประดับ หัตถกรรมพื้นบ้านของชาว Nizwa
ตอนนี้เราใกล้จะถึงสนามบินมัสกัตแล้ว ถ้ามองออกไปนอกหน้าต่างจะเห็นพื้นที่ส่วนมากเป็นพื้นที่สีน้ำตาล และติดชายทะเล ตอนแรกก็คิดอยู่เหมือนกันว่า นี่หรือโอมาน !! จะมีอะไรให้เที่ยวเนี่ย เพราะมองไปทางไหนก็สีน้ำตาลไปซะหมด ..
เมื่อลงเครื่องก็จะมี Bus gate มาคอยรับเราไปยังอาคารผู้โดยสาร ระยะทางไม่ห่างกันซักเท่าไหร่ เดินเข้าสู่ตัวอาคารให้มองตรงไปจะมีป้าย "Visa On Arrival" บอกอยู่อย่างชัดเจน และจะมีเจ้าหน้าที่คอยยืนบอกอยู่บริเวณนั้นด้วย (ข้างๆ จุดที่ทำ Visa จะมีเคาเตอร์สำหรับแลกเงินด้วย) ค่าธรรมเนียม Visa จะแบ่งตามระยะวันที่ต้องการ ของผมแบบไม่เกิน 10 วัน จะอยู่ที่ 5 OMR (20 Dollars) หรือประมาน 500 บาท จากนั้นก็เดินไปทางขวามือ ซึ่งจะเป็นจุด ตม. (หากเดินทางคนเดียว อย่าลืมปริ้นเอกสารต่างๆ ไปเผื่อด้วยนะครับ เช่น Hotel Booking, Itinerary ของเที่ยวบินกลับ เป็นต้น) จากนั้นเดินต่อมาที่จุดรับกระเป๋า และผ่านเครื่องสแกนตามขั้นตอนครับ .. (สนามบินมีขนาดเล็ก แต่ละจุดนั้นจะอยู่ไม่ห่างกันมากนัก หาง่าย ไม่วุ่นวาย ปล.ส่วนตรงนี้ไม่ได้ถ่ายภาพมา เนื่องจากเดินทางขาไปคนเดียวเลยวุ่นๆ นิดหน่อยครับ)
จากนั้นเมื่อเราผ่านเครื่องสแกนออกมา ด้านหน้าจะมีเคาเตอร์ Ooredoo สำหรับซื้อซิม (ซื้อซิมเพื่อใช้อินเตอร์เนตและ GPS ในการนำทางตลอดทริป) ด้านขวาจะเป็นเคาเตอร์ของบริการรถเช่าต่างๆ มีหลากหลายบริษัทคล้ายๆ กับบ้านเราเลยครับ ส่วนผมจองล่วงหน้าผ่าน http://www.rentalcars.com/ ราคาจะอยู่ที่ประมาน 900 บาทต่อวัน รถขนาดเล็กสำหรับ 2-4 คน (Toyota Yaris แต่คือ Toyota Vios บ้านเรา) ราคาน้ำมันที่นี่ค่อนข้างถูก ตลอดทริปนี้เราเดินทางประมาน 800-900 กิโลเมตร ค่าใช้จ่ายเรื่องของน้ำมันประมาน 1,000 บาทเท่านั้น ส่วนเรื่องของใบขับขี่ สามารถใช้ใบขับขี่ประเทศไทยได้ปกติเลยครับ (หากจองรถล่วงหน้า อย่าลืมปริ้น Voucher เพื่อความสะดวกในการรับรถ)
คืนนี้เราก็จะไปพักที่โรงแรมเล็กๆ ใกล้กับ Mutrah Souq และ Super market ซึ่งแถวนั้นก็มีหลากหลายโรงแรม ราคาก็จะแตกต่างกันไปตามระดับ .. . หลังจากที่เราเก็บของเรียบร้อยที่แรกที่เราจะไปคือ Mutrah Souq
ด้านหน้าของตลาดจะมีที่แลกเงินอยู่อีกจุดหนึ่ง ถ้าใครยังไม่ได้แลกมาจากสนามบินสามารถมาแลกตรงนี้ได้ครับ ..
"Mutrah Souq" หรือคนท้องถิ่นที่นี่จะเรียกว่า "Al Dhalam Souq" (ตลาดในร่ม) ตลาดที่นี่จะเป็นตลาดที่เก่าแก่ที่สุดในอาหรับเลยทีเดียว จะขายสินค้าที่นำเข้ามาจากอินเดีย จีน ยุโรป และประเทศอื่นๆ ในตะวันออกกลาง ^^
หลังจากที่เรากะลังจะเดินทางกลับโรงแรมและเริ่มหิวกัน เราจะแวะหาอะไรทานกันที่ Lulu's hypermarket ซึ่งเป็นทางผ่านที่จะกลับโรงแรมพอดี จุดจบของเราก็ไปอยู่ที่ร้าน KFC อาหารที่นี่ค่อนข้างถูก 1 Set ราคาประมาน 150 บาท มีไก่ทอด 4 ชั้น ข้าว 1 ถ้วย ขนมปังเบอเกอร์ 1 ชิ้น และโค้ก 1 แก้ว
เวลาตอนนี้ประมาน 5 ทุ่มกว่าๆ แต่ก็ยังมีผู้คนออกมาจับจ่ายซื้อของจำนวนมาก หลังจากที่เราเดินซื้อน้ำ ขนม เรียบร้อย เราก็เดินทางกลับที่พักเผื่อพักผ่อน พร้อมจะเดินทางในวันต่อไป ..
เช้าวันต่อมาเราเริ่มออกเดินทางไปที่ "Royal Opera House Muscat" โรงละครโอเปร่า สถานที่ชั้นนำของโอมานที่มีชื่อเสียงในด้านของศิลปะ และวัฒนธรรมทางดนตรี เป็นตึกสีขาวทั้งหมด กลางคืนจะเปิดไฟสว่างแบบคลาสสิค
นี่แค่ที่แรกนะครับ อากาศร้อนมากเลยทีเดียวแค่ยืนเฉยๆ เหงื่อก็ออกจนเสื้อเปียกไปหมด อย่าลืม !! พกร่ม ทิชชูแห้ง ทิชชูเปียกติดตัวกันไปด้วยนะครับ ต่อไปไม่ไกลจากที่นี่นักคือ "Sultan Qaboos Grand Mosque" มัสยิดหรือสุเหร่าที่ใหญ่ที่สุดของโอมาน เป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามโดดเด่นเป็นสง่ากลางกรุงมัสกัต
จากนั้นเริ่มเดินทางผ่าน Mutrah Souq เพื่อไปยังสถานที่ต่อไป Al Alam Place .. ..
"Al Alam Place" พระราชวังอย่างเป็นทางการของศุลต่าน Qaboos เป็นที่ประทับอย่างเป็นทางการที่ใช้ต้อนรับแขกบ้านแขกเรือน เมื่อใดที่ธงหน้าพระราชวังถูกยกขึ้นแสดงว่าสุลต่านประทับอยู่ในพระราชวังนั่นเอง และถ้าเรามองไปรอบๆ จะเห็น Al Jalali Fort ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้
"Al Jalali Fort" เป็นป้อมปราการโปรตุเกสยุคคริสต์ศตวรรษที่ 16 ตั้งอยู่เหนืออ่าวโอมานและผ่านการบูรณะจนกลับมามีสภาพดี ป้อมนี้เคยเป็นคุกในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 แต่เปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวสำหรับจัดแสดงมรดกและวัฒนธรรมของโอมานหลังจากได้รับการบูรณะนั่นเอง
หลังจากที่เราเก็บภาพที่เที่ยวภายในเมืองกันหลายที่แล้ว ตอนนี้เราจะออกเดินทางอีกประมาน 1 ชั่วโมงครึ่งไปยัง Bimmah Sinkhole ทางไปเมือง Sur โดยระหว่างทางจะมีปั้มน้ำมันเป็นระยะ มีป้ายบอกทางชัดเจน ป้ายจำกัดความเร็วก็เช่นกัน !!! (รถเช่าก็จำกัดความเร็วเช่นกันนะครับแค่ 120 ก็ดังติ้ด ติ้ดดด แล้ว ++) วิวทิวทัศน์ด้านนอกก็จะเป็นภูเขาทั้งนั้น
อ่อออ !! ลืมบอกไปครับอาหารกลางวันเราทานกันในรถ เพราะว่าร้านอาหารที่นี่จะไม่เปิดเลยตลอดวัน ร้านจะเปิดอีกทีคือหลังหนึ่งทุ่มเป็นต้นไป (เฉพาะช่วงเดือนรอมฎอน) ใครที่ไปช่วงเดือนรอมฎอน อย่าลืมพกอาหารแห้ง อาหารสำเร็จรูปพร้อมทานกันไปด้วยนะครับ
และแล้วเราก็มาถึงกันซะที ^^ "Bimmah Sinkhole" บ่อน้ำมีสีที่เป็นเอกลักษณ์ของสี Turquoise สีสันสดใส ภายใต้ผิวน้ำนั้นมีปลาเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เป็นสปาเท้าปลาแบบธรรมชาติจริงๆ ส่วนใครที่อยากเล่นน้ำก็สามารถเตรียมชุดมาเปลี่ยนเล่นน้ำคลายร้อนกันได้นะครับ (ไม่เสียค่าเข้า)
หลังจากที่แวะพักกันจนหายเหนื่อยแล้ว เราจะเริ่มออกเดินทางกันต่อไปยังเมือง Sur โดยจะใช้เวลาเดินทางประมาน 1 ชั่วโมงครับ … .
อีกย่างนึงที่โอมานจะขับรถพวงมาลัยซ้าย ขับช้าชิดขวา เลี้ยวขวาผ่านตลอด ถนนส่วนใหญ่จะเป็นวงเวียน ต้องหยุดให้รถในวงเวียนไปก่อนนะครับ อย่าลืม !!
หลังจากที่นั่งๆ นอนๆ กันในรถเป็นเวลาเกือบชั่วโมง ผ่านย่านอุตสาหกรรมบ้าง หมู่บ้านบ้าง ก็ใกล้จะถึงโรงแรมกันแล้ว
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น