ข่าวการท่องเที่ยวภาคเหนือ 1.สื่อจีนชวนคนจีนบอยคอตงดเที่ยวเชียงใหม่แล้ว 2. รถนักท่องเที่ยวจีนเหลือศูนย์คันหลังไทยคุมเข้ม

สื่อจีนชวนคนจีน บอยคอต งดเที่ยวเชียงใหม่แล้ว

ดร.บุญทา ชัยเลิศ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่กล่าวว่า หลายวันนี้มีนักข่าวหนังสือพิมพ์ซิงเซียนยื่อเป้าโทรมาหาหลายรอบ บอกผมว่า ตอนนี้กำลังมีกระแสต่อต้านรัฐบาลไทยและต่อต้านคนเชียงใหม่ที่ไปดูถูกคนจีน เป็นกรณีเรื่องราวที่สะสมมาจากการโพสต์ข้อมูลต่อว่าชาวจีนทางโซเชียลมีเดียแล้ว รัฐบาลจีนเองก็ลงโทษคนของเขาที่เข้ามา แล้วเอาเสื้อผ้าไปตากว่าห้ามออกนอกประเทศ 10 ปี ส่วนคนที่เอาน้ำไปสาดหน้าแอร์โฮสเตสของสายการบินไนไทยคนนั้นถูกห้ามออกนอกประเทศตลอดชีวิต หัวหน้าทัวร์ที่พานักท่องเที่ยวมาถูกยึดใบอนุญาตทั้งหมด บริษัทที่พามาถูกปิดกิจการ ทางการจีนลงโทษคนของเขาอย่างเด็ดขาดมาก

ต่อมารัฐบาลไทยยังมาประกาศห้ามรถจีนเข้ามาอีก กระแสที่เกิดขึ้นตอนนี้คือ เขามองว่าประเทศไทยดูถูกคนจีน กระแสสื่อหลักอย่างซิงเซียนยื่อเป้าจึงลงข่าวไปในแนวทางไม่สนับสนุนให้คนของเขามาเที่ยวเชียงใหม่ ตอนนี้นักท่องเที่ยวจีนที่มาทางด่านเชียงของหายไปหมด ที่บินมาเขาก็บินไปภูเก็ตไปพัทยาแล้ว แต่ไม่มาเชียงใหม่ ที่เห็นๆเดินอยู่นี่เป็นกลุ่มที่จองมาล่วงหน้า แต่หลังจากนี้ ต้องเจอผลกระทบแน่นอน และกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาได้ไปพูดคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเพื่อขอให้ทบทวนคำสั่งกฎเกณฑ์การห้ามไม่ให้รถจีนเข้ามาไทยทางด่านเชียงของ ล่าสุดทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมยืนยันแล้วว่า จะไม่มีการทบทวนคำสั่งดังกล่าวนั้น

"วันนี้คนจีนเขาเริ่มตอบโต้คนเชียงใหม่แล้ว วันก่อนตนไปประชุมงานด้านการท่องเที่ยวที่ใหญ่สุดของประเทศจีนที่คุนหมิงกับ ททท. ได้รับคำถามในที่ประชุมจีนว่า “คนเชียงใหม่ไม่ต้อนรับคนจีนไม่ใช่หรือ?” จากกรณีที่คนไทยเราโพสต์ภาพและข้อความต่อว่าชาวจีน เรื่องนี้เป็นดาบสองคม สถานการณ์ตอนนี้สื่อทั่วประเทศจีน เขาพากันประโคมข่าวบอกกันว่า ไม่ส่งเสริมให้คนจีนเดินทางไปเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ตอนนี้จะเห็นว่านักท่องเที่ยวจีนลดลงไปเยอะมากทั้งที่เป็นช่วงปิดเทอมของเขา ตัวเลขรถจีนที่ด่านเชียงของตอนนี้เป็นศูนย์คนศูนย์คัน จากเดิมที่มีเข้ามาปีละกว่า 80,000 คัน จึงเป็นการส่งสัญญาณมาจากทางโน้นแล้ว "หากไม่มีการทบทวนการห้ามรถจีนเข้ามาและประกาศเป็นกฎหมาย เชื่อว่าใน 3 เดือนนี้จะมีคนทำงานด้านการท่องเที่ยวตกงานอย่างน้อยๆ 3,000-5,000 คนแน่นอน”

แหล่งที่มาของข่าว - การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)สำนักงานเชียงใหม่ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน และลำปางมาร่วมประชุมหารือเพื่อกำหนดทิศทางการท่องเที่ยวร่วมกัน มีตัวแทนองค์กรสมาคมทั้งจากภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมมากกว่า 50 องค์กร นำโดย นายวิสูตร บัวชุม ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานเชียงใหม่ ณ โรงแรมรติลานนา ริเวอร์ไซด์ สปา รีสอร์ท อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 21 กรกฎาคม 2559 (จากเพจเชียงใหม่ที่คุณไม่เคยเห็น)

ร้างเลย! รถ นทท.จีนหายหลังไทยคุมเข้ม สถิติตี๋-หมวยขับผ่าน R3a เหลือ “ศูนย์คัน”

สำหรับมาตรการของกระทรวงคมนาคมดังกล่าว มีการกำหนดให้ยานพาหนะที่จะเข้ามาในประเทศไทยเป็นการชั่วคราวต้องเป็นรถยนต์นั่งไม่เกิน 9 ที่นั่ง (นับรวมคนขับ) รถยนต์บรรทุก (กระบะ) ที่มีน้ำหนักรถรวมบรรทุกไม่เกิน 3,500 กิโลกรัม โดยกำหนดให้สามารถนำรถเข้ามาได้ครั้งละไม่เกิน 30 วัน และในรอบปีต้องไม่เกิน 60 วัน รวมทั้งต้องเป็นการยื่นขออนุญาตผ่านผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวของไทยเท่านั้น และแจ้งขออนุญาตล่วงหน้าอย่างน้อย 10 วันทำการ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการขออนุญาตรถคันละ 500 บาท และค่าเครื่องหมายแสดงการใช้รถแผ่นละ 500 บาท มีใบอนุญาตขับรถที่กฎหมายไทยรับรอง มีสัญญาและกรมธรรม์ประกันภัย มีสำเนาหนังสือแสดงการจดทะเบียนรถพร้อมฉบับแปล ปฏิบัติตามกฎจราจร และกฎหมายอื่นๆของประเทศไทยอย่างเคร่งครัด ฯลฯ

การเข้าสู่ประเทศไทยของรถนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาตามถนนอาร์สามเอมณฑลยูนนาน ประเทศจีน-สปป.ลาว-อ.เชียงของ จ.เชียงราย โดยเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อจัดระเบียบการทะลักเข้ามาของนักท่องเที่ยวจีนทางภาคเหนือของประเทศไทยนั้น ปรากฏว่าภายหลังใช้มาตรการดังกล่าวมาเกือบ 1 เดือนพบว่าแทบไม่มีรถนักท่องเที่ยวจีนใช้เส้นทางดังกล่าวผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4 เข้า อ.เชียงของอีกเลย ทำให้บรรยากาศที่ด่านฯเชียงของ ตรงข้ามเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว เงียบเหงาไปถนัดตา มีเพียงการสัญจรไปมาของยานพาหนะทั่วไปและรถขนส่งสินค้าเท่านั้น ซึ่งเป็นผลให้บรรยากาศการท่องเที่ยวซบเซาลงถนัดตา โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ซึ่งตามปกติก็ไม่คึกคักอยู่แล้วยิ่งแย่หนักลงไปอีก โดยเฉพาะที่ชายแดนอ.เชียงของ พบว่าธุรกิจท่องเที่ยวที่เคยพึ่งพากลุ่มนักท่องเที่ยวจีนมาก่อนหน้านี้ต้องอยู่ในภาวะอันตรายที่พร้อมจะปิดกิจการ หรือบางรายได้ปิดกิจการไปแล้วด้วย

น.ส.ผกายมาศ เวียร์ร่า รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย กล่าวว่า นับตั้งแต่ประเทศไทยใช้มาตรการดังกล่าวก็แทบไม่มีนักท่องเที่ยวจีนขับรถยนต์ส่วนตัวข้ามฝั่งแบบเป็นขบวน หรือมากับเอกชนนำเที่ยว-กรุ๊ปทัวร์เข้ามาอีกเลย โดยสถิติหลังวันที่ 27 มิ.ย.ปรากฏว่ามีตัวเลขเข้ามาเป็น 0 คันชัดเจน แตกต่างจากในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนหลั่งไหลมาใช้เส้นทาง R3a เข้ามาเป็นจำนวนมาก
       
ขณะที่สถิตินักท่องเที่ยวจีนที่ขับรถยนต์ส่วนตัวผ่านเส้นทาง R3a เข้าสู่ภาคเหนือของไทยเคยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องระยะ 5-6 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2556 มีรถยนต์เข้ามาจำนวน 1,487 คัน 21,631 คน, ปี 2557 จำนวนรถยนต์นักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาเพิ่มเป็น 4,883 คัน 27,717 คน และปี 2558 ที่ผ่านมาจำนวนรถยนต์เพิ่มเป็น 9,248 คัน 43,555 คน

น.ส.ผกายมาศกล่าวอีกว่า เชื่อว่าทุกฝ่ายมีความหวังดีต่อภาคการท่องเที่ยวและสังคมในประเทศไทย เพียงแต่มาตรการต่างๆที่จะบังคับใช้ควรจะมีการปรึกษาหารือกันให้ครบถ้วนทุกด้าน ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาศึกษาและหารือกันเพื่อแก้ไขปัญหาสำหรับพัฒนาการท่องเที่ยวได้ต่อไป

แหล่งที่มาของข่าว - บทสัมภาษณ์ น.ส.ผกายมาศ เวียร์ร่า รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย (จากเว็บไซต์ผู้จัดการ)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่