เมื่อต้องย้ายมาอยู่บ้านสามี และต้องมาเจอสถานการณ์ที่ทำให้เราอึดอัด
เราคบกับแฟนมา 4 ปีแต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน แฟนเรามีลูกติด 1 คน ปัจจุบัน 5 ขวบ ปู่กับย่าเป็นคนเลี้ยง แฟนเราเป็นลูกชายคนสุดท้าย เพราะเค้ามีแต่พี่สาวคน พี่สาวเค้าก็แยกไปมีครอบครัวหมดแล้ว ทีนี้ในบ้าน จึงมีคนอาศัยอยู่แค่ 4 คน คือ พ่อแม่แฟน ลูกสาวเค้า และก็ตัวแฟนเราเอง
แฟนเราอยู่ที่ปทุมธานี แต่ตัวเราอยู่ที่กทมฯ เรามาคบกันได้ไงอ่ะหรอ ?? บ้านเกิดเราจริงๆ อยู่ปทุมธานี เราเรียนปทุมธานีมาตลอด แต่ครอบครัวเรามาค้าขายที่กทมฯ หมดแล้ว เราเรียนจบเลยตามมาอยู่ด้วย แต่ก็ยังคบหากับแฟนเรามาเรื่อยๆ
ระหว่างที่เราช่วยพ่อแม่เราขายของ ก็พยายามหางานที่จะทำให้เราได้อยู่ไกล้แฟนเรามากขึ้น จนเราได้งานที่บริษัทหนึ่ง ซึ่งก็อยู่ไกล้แฟนเราสามารถไปมาหาสู่กันได้ไม่ไกลนัก บางวันก็ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน บางวันเลิกงานเราก็ไปกินข้าวเย็นที่บ้านเค้า หรือบางวันไปไหน เราก็จะไปค้างคืนบ้านเค้า (ครอบครัวเราไม่รู้ เพราะเวลาเรานอนค้างเราจะอ้างว่าไปนอนที่บ้านปทุมธานี)
ช่วงระยะเวลาที่คบกัน ตั้งแต่สมัยเราเรียนเราไปเที่ยวกันบ่อยแต่ทุกครั้งที่ไปเที่ยว แฟนเราจะต้องโกหกทางบ้านเค้าทุกครั้ง ว่าไปอบรม ไปสัมมนา หรือไปสอบที่ตจว.
หรืออย่างเช่น เค้าจะมาหาเราที่บ้านในวันหยุด หรือหลังเลิกงาน เค้าก็จะต้องบอกทางบ้านว่า รับงานพิเศษ หรือมาทำงานพิเศษ และทุกครั้งที่เราไปเที่ยวด้วยกัน แม่เค้าจะโทมาหาตลอด คอยเช็คว่า อยู่ที่ไหน ทำอะไร ซึ่งต่างจากเรา เราไม่เคยโกหกพ่อแม่ เวลาที่จะไปตจว. แต่แค่ไม่บอกว่ามากับแฟน 2 คน พ่อแม่ไม่เคย โทรถาม ไม่เคยโทรจิก มีแต่เราที่โทรไป
จนมาถึงวันที่เราท้อง ซึ่งตรงนี้ เราบอกก่อนว่ามันไม่ใช่ความผิดพลาด เราอยากมีแล้วแฟนเราก็อยากมีแต่ทางผู้ใหญ่เขาก็ไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ สิ่งที่เค้าพูดตลอดบทสนทนา คือเค้าสงสารหลาน **คือลูกสาวของแฟนเรา** เขาพูดว่า ต้องส่งเสียนะ ซึ่งเรื่องพวกนี้ เรากับแฟนก็ไม่ได้คิดจะทิ้งเลยนะ มันเป็นสิ่งที่เราต้องทำ ต้องให้เค้าอยู่แล้ว และเค้าก็ย้ำบ่อยมากว่าสงสาร ทั้งยังพูดว่า เขาไม่เลี้ยงลูกในท้องเรานะ เขาเลี้ยงไม่ไหว ลำพังคนเดียวก็จะแย่แล้ว ( ใจเราก็ไม่ได้หวังจะให้เขาเลี้ยงอยู่แล้ว ถ้าจะต้องให้ใครเลี้ยง เราให้ทางบ้านเราเลี้ยงดีกว่า )
จนวันแต่งงานเราผ่านไป ก็มีปัญหาบ้าง แต่เราก็ขอไม่พูดถึง เราย้ายมาอยู่บ้านเค้า แต่เนื่องจากเราเงินเดือนน้อยเรารับ 9,000 บาท แฟนเรา 13,000 แต่เราต้องผ่อนรถ ต้องจ่ายบัตรเครดิตนู่นนี่นั่น เลยคุยกับแฟนจะหารายได้เสริม แล้วหน้าบ้านก็พอขายของได้เราเลยขายลูกชิ้นปิ้ง ช่วงแรกๆก็ขายดี ได้กำไรวันละ 400-500 บาท ซึ่งได้กำไรอย่างนี้อยู่ประมาน อาทิตย์เดียว หลังจากนั้น ก็ลดลงมาเรื่อยๆ จนมาอยู่ตัวที่ขายได้วันละ 200-300 กว่าจะได้ทุน กว่าจะได้กำไรก็เกือบอาทิตย์ บางวันฝนตกก็ขายไม่ได้เลย บางวันก็ขายได้ไม่ถึงร้อยบาท แม่แฟนเราก็จะคอยถามว่า วันนี้ทุนเท่าไหร่ ขายได้เท่าไหร่ คอยจัดแจงทุกอย่าง
เราเริ่มรู้สึกว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปอยู่ไม่ได้แน่ๆ เงินเดือนไม่เหลือรายได้เสริมก็ไม่รุ่ง แล้วลูกเราก็ไกล้จะคลอดเข้ามาทุกที เลยปรึกษาแม่เรา แม่เราบอกให้เราออกจากงานมาขายของ อย่างไม่ได้อะไรเลยก็วันละ 1000 ถ้าขายดี ขายหมด ก็ได้วันละ 3000-4000 บาท แม่เราจะยกที่ให้ และลูกเราเค้าจะเลี้ยงให้ แต่เราก็ต้องย้ายไปอยู่ กทมฯ
เราก็คุยกับแฟนเรา แฟนเราก็เห็นดีด้วยเราเลยตัดสินใจ ลาออกจากงาน
(ก่อนหน้านี้เคยคุยกับแม่แฟน ว่าแม่เราจะเลิกขายของ แม่แฟนเราบอกว่า ถ้าแม่จะเลิกให้เก็บที่เอาไว้ เผื่อแก 2 คนผัวเมียจะได้ไปช่วยกันทำมาหากิน ทิ้งที่ไปก็เสียดาย เขาจะให้ยืมทุนไปลงทุนค้าขาย )
พอเราตัดสินใจแล้ว เราก็บอกแม่แฟนเราว่าจะออกจากงานไปขายของ แม่แฟนเราก็เปลี่ยนคำพูดเป็นหลังมือจากที่เคยพูด กลายเป็นมาบอกว่า สงสารหลาน อีกอย่างหลานเค้าคงไม่ยอมให้พ่อมันไปไหนหรอก อยากให้แฟนเราทำงาน มันมั่นคงกว่า นู้นนี่นั่น
เราก็อึ้งไปนิดนึง กลั้นน้ำตาไม่อยู่นึกไม่ออกเลยว่าชีวิตต่อไปของเราจะเป็นยังไง เพราะถ้าอยู่บ้านแฟนต่อไปทำไรกินก็ไม่รุ่งไหนจะลูกที่จะเกิด ค่านู้น ค่านี่ ที่ต้องจ่าย ถ้าเรากลับไปอยู่กทมฯ ก็ต้องแยกกับแฟนเรา แล้วจะแยกกันอยู่แบบนี้หรอ มันมีคำถามมากมายเต็มไปหมด
หลังจากที่เราบอกไปอย่างนั้น เราไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรกับหลานหรือป่าว มีอยู่วันนึง เรายืนขายของอยู่หน้าบ้านคนเดียว ลูกแฟนเราเค้าก็เดินออกมาพูด ว่า "รู้ไหมว่าหนูห่วงพ่อแค่ไหน หนูไม่มีทางให้พ่อหนูไปอยู่บ้านน้า...หรอก ไม่มีวันให้พ่อไปไหนทั้งนั้น " ** เขาเรียกเราว่าน้า ** แต่พอแฟนเรามา เราบอกลูกเค้าว่าให้บอกกับพ่อสิ ที่หนูบอกเมื่อกี้ ลูกเค้าก็พูดว่า "อะไร หนูยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย " เราก็ไม่รู้ว่าคำพูดเหล่านี้ เด็ก 5 ขวบเค้าคิดเองได้หรือ พฤติกรรมเค้าก็เปลี่ยนไป จากเด็กปกติทั่วไปเค้าจะติดย่าเค้ามาก แต่กลายมาเป็นแฟนเราหายไปไหนต้องถามทุก 5 นาที ว่าไปไหน มาหรือยัง หรือถ้านานเป็นชั่วโมง ก็จะร้องไห้ว่าพ่อไปไหน ซึ่งเมื่อก่อนเค้าไม่เคยเป็น เค้าจะเป็นเด็กที่ฉลาด ช่างพูด ช่างเจรจามาก เป็นหลานคนเดียวของบ้าน ถูกเลี้ยงมาแบบ ตามใจ ได้ทุกอย่างที่อยากได้ *ปู่กับย่า เค้าพอมีฐานะ บ้านปล่อยเงินกู้ บางครั้งก็เอาแต่ใจตัวเองมาก สิ่งที่ไม่ควรทำที่ดูเป็นกิริยาก้าวร้าว ครอบครัวเค้าก็จะหัวเราะชอบใจ ไม่เคยว่า
มีอยู่วันนึง เป็นวันพระหยุดยาว บริษัทเอกชนบางที่ ไม่หยุดเลย ซึ่งเราก็ไม่ได้หยุด แฟนเราได้ หยุด 1 วัน เค้าก็ไปทำบุญกับครอบครัวของเค้า ส่วนเราทำงาน เราอยากทำบุญบ้าง วันต่อมาเลยคุยกับแฟนว่าจะไปตอกบัตรที่บริษัทตอนเช้า แล้วจะไปวัดทำบุญสักหน่อยค่อยกลับเข้าบริษัท แฟนเราเลยพาเราไปทำบุญ ระหว่างทำบุญแม่เค้าก็โทตามว่าอยู่ไหน พอบอกว่ามาวัด เขาพูดคล้ายๆประชดแฟนเราว่า " เขาไม่ว่าง " แล้วตัดสายไปเลย หลังจากนั้น เขาก็ไม่พูดกับแฟนเรา และเราอีกเลย ตอนนี้เราก็ยังอยู่ที่บ้านเค้า กำหนดออกจากงานเราคือสิ้นเดือน เราอึดอัดมาก ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง
เพื่อนๆ คิดว่ายังไงกันบ้างคะกับสิ่งที่เราต้องเจอตอนนี้ ยาวไปนิดนึงแต่ของคุณทุกๆคนที่อ่านจบนะคะ
เมื่อต้องย้ายมาอยู่บ้านสามี และต้องมาเจอสถานการณ์ที่ทำให้เราอึดอัด คุณจะทำอย่างไร ???
เราคบกับแฟนมา 4 ปีแต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน แฟนเรามีลูกติด 1 คน ปัจจุบัน 5 ขวบ ปู่กับย่าเป็นคนเลี้ยง แฟนเราเป็นลูกชายคนสุดท้าย เพราะเค้ามีแต่พี่สาวคน พี่สาวเค้าก็แยกไปมีครอบครัวหมดแล้ว ทีนี้ในบ้าน จึงมีคนอาศัยอยู่แค่ 4 คน คือ พ่อแม่แฟน ลูกสาวเค้า และก็ตัวแฟนเราเอง
แฟนเราอยู่ที่ปทุมธานี แต่ตัวเราอยู่ที่กทมฯ เรามาคบกันได้ไงอ่ะหรอ ?? บ้านเกิดเราจริงๆ อยู่ปทุมธานี เราเรียนปทุมธานีมาตลอด แต่ครอบครัวเรามาค้าขายที่กทมฯ หมดแล้ว เราเรียนจบเลยตามมาอยู่ด้วย แต่ก็ยังคบหากับแฟนเรามาเรื่อยๆ
ระหว่างที่เราช่วยพ่อแม่เราขายของ ก็พยายามหางานที่จะทำให้เราได้อยู่ไกล้แฟนเรามากขึ้น จนเราได้งานที่บริษัทหนึ่ง ซึ่งก็อยู่ไกล้แฟนเราสามารถไปมาหาสู่กันได้ไม่ไกลนัก บางวันก็ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน บางวันเลิกงานเราก็ไปกินข้าวเย็นที่บ้านเค้า หรือบางวันไปไหน เราก็จะไปค้างคืนบ้านเค้า (ครอบครัวเราไม่รู้ เพราะเวลาเรานอนค้างเราจะอ้างว่าไปนอนที่บ้านปทุมธานี)
ช่วงระยะเวลาที่คบกัน ตั้งแต่สมัยเราเรียนเราไปเที่ยวกันบ่อยแต่ทุกครั้งที่ไปเที่ยว แฟนเราจะต้องโกหกทางบ้านเค้าทุกครั้ง ว่าไปอบรม ไปสัมมนา หรือไปสอบที่ตจว.
หรืออย่างเช่น เค้าจะมาหาเราที่บ้านในวันหยุด หรือหลังเลิกงาน เค้าก็จะต้องบอกทางบ้านว่า รับงานพิเศษ หรือมาทำงานพิเศษ และทุกครั้งที่เราไปเที่ยวด้วยกัน แม่เค้าจะโทมาหาตลอด คอยเช็คว่า อยู่ที่ไหน ทำอะไร ซึ่งต่างจากเรา เราไม่เคยโกหกพ่อแม่ เวลาที่จะไปตจว. แต่แค่ไม่บอกว่ามากับแฟน 2 คน พ่อแม่ไม่เคย โทรถาม ไม่เคยโทรจิก มีแต่เราที่โทรไป
จนมาถึงวันที่เราท้อง ซึ่งตรงนี้ เราบอกก่อนว่ามันไม่ใช่ความผิดพลาด เราอยากมีแล้วแฟนเราก็อยากมีแต่ทางผู้ใหญ่เขาก็ไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ สิ่งที่เค้าพูดตลอดบทสนทนา คือเค้าสงสารหลาน **คือลูกสาวของแฟนเรา** เขาพูดว่า ต้องส่งเสียนะ ซึ่งเรื่องพวกนี้ เรากับแฟนก็ไม่ได้คิดจะทิ้งเลยนะ มันเป็นสิ่งที่เราต้องทำ ต้องให้เค้าอยู่แล้ว และเค้าก็ย้ำบ่อยมากว่าสงสาร ทั้งยังพูดว่า เขาไม่เลี้ยงลูกในท้องเรานะ เขาเลี้ยงไม่ไหว ลำพังคนเดียวก็จะแย่แล้ว ( ใจเราก็ไม่ได้หวังจะให้เขาเลี้ยงอยู่แล้ว ถ้าจะต้องให้ใครเลี้ยง เราให้ทางบ้านเราเลี้ยงดีกว่า )
จนวันแต่งงานเราผ่านไป ก็มีปัญหาบ้าง แต่เราก็ขอไม่พูดถึง เราย้ายมาอยู่บ้านเค้า แต่เนื่องจากเราเงินเดือนน้อยเรารับ 9,000 บาท แฟนเรา 13,000 แต่เราต้องผ่อนรถ ต้องจ่ายบัตรเครดิตนู่นนี่นั่น เลยคุยกับแฟนจะหารายได้เสริม แล้วหน้าบ้านก็พอขายของได้เราเลยขายลูกชิ้นปิ้ง ช่วงแรกๆก็ขายดี ได้กำไรวันละ 400-500 บาท ซึ่งได้กำไรอย่างนี้อยู่ประมาน อาทิตย์เดียว หลังจากนั้น ก็ลดลงมาเรื่อยๆ จนมาอยู่ตัวที่ขายได้วันละ 200-300 กว่าจะได้ทุน กว่าจะได้กำไรก็เกือบอาทิตย์ บางวันฝนตกก็ขายไม่ได้เลย บางวันก็ขายได้ไม่ถึงร้อยบาท แม่แฟนเราก็จะคอยถามว่า วันนี้ทุนเท่าไหร่ ขายได้เท่าไหร่ คอยจัดแจงทุกอย่าง
เราเริ่มรู้สึกว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปอยู่ไม่ได้แน่ๆ เงินเดือนไม่เหลือรายได้เสริมก็ไม่รุ่ง แล้วลูกเราก็ไกล้จะคลอดเข้ามาทุกที เลยปรึกษาแม่เรา แม่เราบอกให้เราออกจากงานมาขายของ อย่างไม่ได้อะไรเลยก็วันละ 1000 ถ้าขายดี ขายหมด ก็ได้วันละ 3000-4000 บาท แม่เราจะยกที่ให้ และลูกเราเค้าจะเลี้ยงให้ แต่เราก็ต้องย้ายไปอยู่ กทมฯ
เราก็คุยกับแฟนเรา แฟนเราก็เห็นดีด้วยเราเลยตัดสินใจ ลาออกจากงาน
(ก่อนหน้านี้เคยคุยกับแม่แฟน ว่าแม่เราจะเลิกขายของ แม่แฟนเราบอกว่า ถ้าแม่จะเลิกให้เก็บที่เอาไว้ เผื่อแก 2 คนผัวเมียจะได้ไปช่วยกันทำมาหากิน ทิ้งที่ไปก็เสียดาย เขาจะให้ยืมทุนไปลงทุนค้าขาย )
พอเราตัดสินใจแล้ว เราก็บอกแม่แฟนเราว่าจะออกจากงานไปขายของ แม่แฟนเราก็เปลี่ยนคำพูดเป็นหลังมือจากที่เคยพูด กลายเป็นมาบอกว่า สงสารหลาน อีกอย่างหลานเค้าคงไม่ยอมให้พ่อมันไปไหนหรอก อยากให้แฟนเราทำงาน มันมั่นคงกว่า นู้นนี่นั่น
เราก็อึ้งไปนิดนึง กลั้นน้ำตาไม่อยู่นึกไม่ออกเลยว่าชีวิตต่อไปของเราจะเป็นยังไง เพราะถ้าอยู่บ้านแฟนต่อไปทำไรกินก็ไม่รุ่งไหนจะลูกที่จะเกิด ค่านู้น ค่านี่ ที่ต้องจ่าย ถ้าเรากลับไปอยู่กทมฯ ก็ต้องแยกกับแฟนเรา แล้วจะแยกกันอยู่แบบนี้หรอ มันมีคำถามมากมายเต็มไปหมด
หลังจากที่เราบอกไปอย่างนั้น เราไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรกับหลานหรือป่าว มีอยู่วันนึง เรายืนขายของอยู่หน้าบ้านคนเดียว ลูกแฟนเราเค้าก็เดินออกมาพูด ว่า "รู้ไหมว่าหนูห่วงพ่อแค่ไหน หนูไม่มีทางให้พ่อหนูไปอยู่บ้านน้า...หรอก ไม่มีวันให้พ่อไปไหนทั้งนั้น " ** เขาเรียกเราว่าน้า ** แต่พอแฟนเรามา เราบอกลูกเค้าว่าให้บอกกับพ่อสิ ที่หนูบอกเมื่อกี้ ลูกเค้าก็พูดว่า "อะไร หนูยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย " เราก็ไม่รู้ว่าคำพูดเหล่านี้ เด็ก 5 ขวบเค้าคิดเองได้หรือ พฤติกรรมเค้าก็เปลี่ยนไป จากเด็กปกติทั่วไปเค้าจะติดย่าเค้ามาก แต่กลายมาเป็นแฟนเราหายไปไหนต้องถามทุก 5 นาที ว่าไปไหน มาหรือยัง หรือถ้านานเป็นชั่วโมง ก็จะร้องไห้ว่าพ่อไปไหน ซึ่งเมื่อก่อนเค้าไม่เคยเป็น เค้าจะเป็นเด็กที่ฉลาด ช่างพูด ช่างเจรจามาก เป็นหลานคนเดียวของบ้าน ถูกเลี้ยงมาแบบ ตามใจ ได้ทุกอย่างที่อยากได้ *ปู่กับย่า เค้าพอมีฐานะ บ้านปล่อยเงินกู้ บางครั้งก็เอาแต่ใจตัวเองมาก สิ่งที่ไม่ควรทำที่ดูเป็นกิริยาก้าวร้าว ครอบครัวเค้าก็จะหัวเราะชอบใจ ไม่เคยว่า
มีอยู่วันนึง เป็นวันพระหยุดยาว บริษัทเอกชนบางที่ ไม่หยุดเลย ซึ่งเราก็ไม่ได้หยุด แฟนเราได้ หยุด 1 วัน เค้าก็ไปทำบุญกับครอบครัวของเค้า ส่วนเราทำงาน เราอยากทำบุญบ้าง วันต่อมาเลยคุยกับแฟนว่าจะไปตอกบัตรที่บริษัทตอนเช้า แล้วจะไปวัดทำบุญสักหน่อยค่อยกลับเข้าบริษัท แฟนเราเลยพาเราไปทำบุญ ระหว่างทำบุญแม่เค้าก็โทตามว่าอยู่ไหน พอบอกว่ามาวัด เขาพูดคล้ายๆประชดแฟนเราว่า " เขาไม่ว่าง " แล้วตัดสายไปเลย หลังจากนั้น เขาก็ไม่พูดกับแฟนเรา และเราอีกเลย ตอนนี้เราก็ยังอยู่ที่บ้านเค้า กำหนดออกจากงานเราคือสิ้นเดือน เราอึดอัดมาก ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง
เพื่อนๆ คิดว่ายังไงกันบ้างคะกับสิ่งที่เราต้องเจอตอนนี้ ยาวไปนิดนึงแต่ของคุณทุกๆคนที่อ่านจบนะคะ