10
ฆาตกรรมอำพราง
โดย ฮาร์โมนิก้า
กลางเดือนกันยายนอบิเกลตัดสินใจเดินทางมานิวซีย์แลนด์ท่ามกลางอากาศมัวซัว
เธอถือโอกาสช่วงรอเจอร์เดินทางไปเจรจาธุรกิจที่ซิดนี่ย์บินมาที่ไครสต์เชิร์ช สายฝนโปรยปราย
นับแต่เครื่องบินลงจอด กระทั่งหลังจากที่เธอนำรถเช่าออกจากสนามบินในไครสต์เชิร์ชขับข้าม
เมืองต่างๆ ขึ้นมาทางตะวันตกเฉียงเหนือ มายังบ้านพักตากอากาศของรอเจอร์ซึ่งอยู่รอบนอก
ก่อนถึงตัวเมืองเนลสัน ฝนก็ยังคงโปรยปรายเรื่อยๆ ตลอดเส้นทาง แม้เมื่อเข้าเขตเนลสัน
ฝนจะซาเม็ดลงมากแล้วก็ตาม
เนลสันเป็นเมืองชายฝั่งทะลตอนบนด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะใต้ประเทศนิวซีย์แลนด์
บ้านพักตากอากาศของรอเจอร์อยู่บนหน้าผา มีทางรถวิ่งขึ้นไปค่อนข้างชัน ทว่าด้านบนมีทุ่งหญ้า
กว้างเลยไปเป็นป่าละเมาะ ไม่มีบ้านหลังอื่นอยู่ใกล้ๆ เนื่องจากที่ดินบริเวณนั้นเป็นของบิดาเสียกว่า
สิบเอเคอร์ เลยต่อขึ้นไปตามทางขึ้นเขาเธอจำได้ว่ามีไร่องุ่นขนาดใหญ่กว่าพื้นที่ของบิดามาก มัน
เป็นไร่องุ่นที่ลาดลงสู่หุบเขาเบื้องล่างกินอาณาบริเวณกว่าสามสิบเอเคอร์
อบิเกลไม่เคยเจอเพื่อนบ้านเวลามาพักที่บ้านบนเขาหลังนี้ ซึ่งเธอก็ไม่ได้มาบ่อยนัก ยิ่งหลังการตาย
ของแพ็ทริเซียและนาตาชาแล้ว บ้านหลังนี้ก็แทบจะปิดตาย เธอจากไปเรียนหนังสือที่อิตาลี ขณะที่
บิดาก็ไม่ได้มาที่นี่เลย มีคนดูแลบ้านมาดูแลสัปดาห์ละครั้งเท่านั้น พอให้มั่นใจได้ว่าบ้านน่าจะยังอยู่
ในสภาพดีพอที่เธอจะมาพักได้สักคืนสองคืน
เป็นเวลาหลายเดือนที่อบิเกลได้รับการติดต่อจากพอลผู้ซึ่งไม่ยอมเลิกราง่ายๆ เขาถึงขั้นเดินทางมา
เมลเบิร์นเพื่อมาคุยกับเธอ และล่าสุดที่เธอพบเขาคุยกับรอเจอร์ซึ่งเธอทำใจให้เชื่อยากเหลือเกินว่า
จะเป็นการคุยเฉพาะเรื่องธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในสหราชอาณาจักรเท่านั้น ความพยายามอย่างไม่
ลดละของพอลที่จะขุดคุ้ยคดี กอปรกับท่าทีของรอเจอร์ซึ่งดูจะสนใจในข้อมูลอะไรก็ตามที่พอล
ให้กับเขา ทำให้อบิเกลตัดสินใจในที่สุดที่จะเดินทางมาพิสูจน์ความจริงที่นี่ด้วยตัวเอง ที่ซึ่งพอล
อ้างว่ามีหลักฐานบางอย่างที่อบิเกลควรไปค้นหา
เธอคิดว่าทำให้มันเสร็จๆ ไปจะได้จบ ต่อไปเธอจะได้ไม่ต้องให้นายพอลมาวุ่นวายกับเธออีก
รักในรอยฝัน บทที่ 10 ฆาตกรรมอำพราง
ฆาตกรรมอำพราง
โดย ฮาร์โมนิก้า
กลางเดือนกันยายนอบิเกลตัดสินใจเดินทางมานิวซีย์แลนด์ท่ามกลางอากาศมัวซัว
เธอถือโอกาสช่วงรอเจอร์เดินทางไปเจรจาธุรกิจที่ซิดนี่ย์บินมาที่ไครสต์เชิร์ช สายฝนโปรยปราย
นับแต่เครื่องบินลงจอด กระทั่งหลังจากที่เธอนำรถเช่าออกจากสนามบินในไครสต์เชิร์ชขับข้าม
เมืองต่างๆ ขึ้นมาทางตะวันตกเฉียงเหนือ มายังบ้านพักตากอากาศของรอเจอร์ซึ่งอยู่รอบนอก
ก่อนถึงตัวเมืองเนลสัน ฝนก็ยังคงโปรยปรายเรื่อยๆ ตลอดเส้นทาง แม้เมื่อเข้าเขตเนลสัน
ฝนจะซาเม็ดลงมากแล้วก็ตาม
เนลสันเป็นเมืองชายฝั่งทะลตอนบนด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะใต้ประเทศนิวซีย์แลนด์
บ้านพักตากอากาศของรอเจอร์อยู่บนหน้าผา มีทางรถวิ่งขึ้นไปค่อนข้างชัน ทว่าด้านบนมีทุ่งหญ้า
กว้างเลยไปเป็นป่าละเมาะ ไม่มีบ้านหลังอื่นอยู่ใกล้ๆ เนื่องจากที่ดินบริเวณนั้นเป็นของบิดาเสียกว่า
สิบเอเคอร์ เลยต่อขึ้นไปตามทางขึ้นเขาเธอจำได้ว่ามีไร่องุ่นขนาดใหญ่กว่าพื้นที่ของบิดามาก มัน
เป็นไร่องุ่นที่ลาดลงสู่หุบเขาเบื้องล่างกินอาณาบริเวณกว่าสามสิบเอเคอร์
อบิเกลไม่เคยเจอเพื่อนบ้านเวลามาพักที่บ้านบนเขาหลังนี้ ซึ่งเธอก็ไม่ได้มาบ่อยนัก ยิ่งหลังการตาย
ของแพ็ทริเซียและนาตาชาแล้ว บ้านหลังนี้ก็แทบจะปิดตาย เธอจากไปเรียนหนังสือที่อิตาลี ขณะที่
บิดาก็ไม่ได้มาที่นี่เลย มีคนดูแลบ้านมาดูแลสัปดาห์ละครั้งเท่านั้น พอให้มั่นใจได้ว่าบ้านน่าจะยังอยู่
ในสภาพดีพอที่เธอจะมาพักได้สักคืนสองคืน
เป็นเวลาหลายเดือนที่อบิเกลได้รับการติดต่อจากพอลผู้ซึ่งไม่ยอมเลิกราง่ายๆ เขาถึงขั้นเดินทางมา
เมลเบิร์นเพื่อมาคุยกับเธอ และล่าสุดที่เธอพบเขาคุยกับรอเจอร์ซึ่งเธอทำใจให้เชื่อยากเหลือเกินว่า
จะเป็นการคุยเฉพาะเรื่องธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในสหราชอาณาจักรเท่านั้น ความพยายามอย่างไม่
ลดละของพอลที่จะขุดคุ้ยคดี กอปรกับท่าทีของรอเจอร์ซึ่งดูจะสนใจในข้อมูลอะไรก็ตามที่พอล
ให้กับเขา ทำให้อบิเกลตัดสินใจในที่สุดที่จะเดินทางมาพิสูจน์ความจริงที่นี่ด้วยตัวเอง ที่ซึ่งพอล
อ้างว่ามีหลักฐานบางอย่างที่อบิเกลควรไปค้นหา
เธอคิดว่าทำให้มันเสร็จๆ ไปจะได้จบ ต่อไปเธอจะได้ไม่ต้องให้นายพอลมาวุ่นวายกับเธออีก