เมื่อเย็นวานได้แวะไปซื้อของและกินอาหารเย็นที่ห้างโลตัส สาขาหางดง เชียงใหม่ เมื่อเสร็จภาระกิจ ได้เดินกลับมาที่จอดรถ จู่ๆก็มีเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งปรี่เข้ามาถามว่า "พี่ครับ รถที่จอดนี่รถพี่ใช่ไหมครับ พอดีผมเลี้ยวจอดรถเข้าซองแล้วไปครูดท้ายรถพี่ครับ ต้องขอโทษด้วยครับ" แว๊บแรก ใจหายวูบ รถเราเพิ่งออกใหม่ยังไม่ถึง 3เดือน โดนเจิมแล้ว จึงเดินตามน้องเขาไปดูท้ายรถที่โดนครูด รอยยาวพอได้อยู่ น้องเขาก็ดูสั่นๆ กลัวๆ ผมเลยบอกน้องเขาว่าใจเย็นๆ โชคดีที่รถผมและรถน้องมีประกันชั้น 1 ทั้งสองคัน ก็เลยบอกน้องให้โทรเรียกประกัน ระหว่างที่รอพนักงานประกันมาทำเรื่องเคลม ก็ได้คุยกับน้องเขา ดูน้องเขายังสั่นๆ ตื่นเต้น แต่ทุกกริยา ท่าทาง ทุกคำพูดทำให้ผมนี่สงบไปโดยปริยาย เพราะน้องเขาพูดจาอ่อนน้อม มีสัมมาคาราวะ และได้รู้ว่าน้องเขาก็จะมากินข้าวที่ห้างนี้เหมือนกัน แต่รถมาครูดกันเสียก่อน ผมเลยถามน้องเขาไปว่าได้กินข้าวหรือยัง น้องเขาก็บอกว่า กินแล้ว วิ่งเข้าไปซื้ออาหารในห้าง มากินในรถรอเจ้าของรถคู่กรณี กลัวว่าถ้าไปนั่งกินในร้านจะออกมาไม่เจอ เพราะน้องเขาบอกว่าเขารอเกือบชั่วโมง ผมได้ฟังก็ยิ่งประทับใจเข้าไปใหญ่ กรณีนี้หากเป็นคนอื่นคงขับหนีไปตั้งแต่แรก คงไม่อยู่รอแน่ๆ ไม่คิดว่าสมัยนี้จะได้เจอคนดีๆแบบนี้ (ถึงแม้สถานการณ์จะไม่ค่อยพึงประสงค์) ความรู้สึกขุ่นมัว โกรธ โมโห กลับไม่เกิดขึ้นเลย ต้องขอชื่นชมพ่อแม่ของน้องที่อบรมสั่งสอนลูกได้ยอดเยี่ยมมากๆ (ผมยังเอากรณีสอนลูกที่มาด้วยกัน ว่าให้ดูไว้เป็นแบบอย่าง ทำผิดต้องกล้ายอมรับ ไม่หนี ไม่ปฏิเสธ) ตลอดเวลาที่ได้คุยกับน้องก็พอทราบว่าน้องเรียนจบจากโรงเรียนมงฟอร์ต และตอนนี้ก็เป็นนิสิตคณะสัตวแพทย์ ปี1 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผมอดที่จะกล่าวชื่นชมน้องเขาไม่ได้ บอกน้องว่า ถึงแม้จะทำผิดไปแล้ว แต่ก็กล้ายอมรับ และมีความรู้สึกรับผิดชอบสูง(มาก) ประเทศชาติต้องการคนอย่างน้องเพื่อเป็นกำลังในการพัฒนาประเทศอย่างมาก >>>ยินดีที่ได้รู้จะจักครับน้องจูเนียร์
รถใหม่(ออกห้างไม่ถึง 3เดือน )โดนเฉี่ยว แต่ไม่รู้สึกโกรธเลย