รบกวนสอบถามหน่อยค่ะ
เนื่องจากวันที่ 15 ก.ค. 2559 เราได้เดินทางออกจากต่างจังหวัดจากกรุงเทพ ช่วงเวลาประมาณ 20.00 น.
และได้เดินทางไปยังตรงจุดเกิดเหตุ ของวันที่ 16 ก.ค. 2559 เป็นเวลาประมาณ 02.10 กว่าๆ
ก่อนจะเกิดเหตุ เราจอดรถรอสัญญาณไฟจราจรอยู่ (ตอนนั้นไฟแดงค่ะ) โดยมีรถข้างหน้าเรา 1 คัน รถเราเป็นคันที่ 2 และจอดอยู่สักพัก ก็มีรถมาชนข้างหลังเรา
และรถเรากระเด็งไปโดนรถขันข้างหน้า เนื่องจากรถเราอยู่ตรงกลางได้รับความเสียหายค่อนข้างเยอะ รถเราเป็นรถ 5 ประตูค่ะ ข้างหลังบุบ ปิดได้แต่รถไม่สามารถล็อคได้เลยทั้งคัน คือข้างหลังสามารถเปิดได้ตลอดเวลาเวลาเปิดท้ายออกมา และเราได้รับบาดเจ็บแต่ก็ถือว่าไม่ได้สาหัสอะไรค่ะ ปากแตก แต่ในวันเกิดเหตุแค่เจ่อๆ แต่พอออกมาจากการเคลียร์เหตุการณ์เสร็จก็มีอาการบวมขึ้นอย่างเห็นได้ชัดค่ะ และเนื่องจาก คนที่ขับมาชนเรามีอาการมึนเมาในระดับนึงค่ะ ทางเราก็ได้เรียกประกันของเรามา และอีก 2 คัน และต่อไปนี้เราจะมาแตกประเด็นนะคะว่ายังไง
รถคันแรกที่เราไปชนเค้า - ประกันชั้น 3
รถของเราที่อยู่ตรงกลาง - ประกันชั้น 2+
รถคันที่มาชน - ประกันชั้น 3
1.การรับผิดชอบซ่อมความเสียหายของรถ
(ในประเด็นนี้ถือว่าเคลียร์และเข้าใจค่ะ)
- คันที่มาชนจะรับผิดชอบในการซ่อมของทั้งคันเราและคันที่เรากระเด็งไปชนกับเค้า
2.ในจุดเกิดเหตุเนื่องจากคนที่ขับรถมาชนเรามีอาการมึนเมาจากการดื่มแอลกอฮอล์มา ในและจุดเกิดเหตุเมื่อตำรวจมาทางเราได้แจ้งว่าต้องการที่จะให้มีการตรวจวัดแอลกอฮอล์ ทางตำรวจก็ได้แจ้งว่า เดี๋ยวจะจัดการให้ โดยที่บอกกับทางเราว่าเดี๋ยวให้ไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจค่ะ แต่ด้วยความที่เราไม่ชินเส้นทางและทางรถตำรวจได้นำไปก่อนทำให้เราตามไม่ทันจึงทำให้เราไปถึงช้ากว่าและเมื่อถึงสถานีตำรวจ ตำรวจก็ไม่ได้เรียกมาสอบปากคำอะไรเลย และก็ไม่ได้มีการตรวจวัดแอลกอฮอล์ให้เห็นด้วย (ในตอนนั้นคือจัดการเรื่องรถด้วยเลยทำให้ลืมไป) และตำรวจก็ลงบันทึกประจำวันเรียบร้อยแล้วด้วย ในประเด็นนี้ขอแตกข้อย่อยออกมาตามนี้ค่ะ
2.1 การตรวจวัดแอลกอฮอล์
- เหตุการณ์นี้ได้สอบถามไปทางตำรวจอีกครั้งโดยโทรถามในวันถัดไป ตำรวจได้แจ้งว่าตรวจแล้ว แต่ที่นี่เราก็ได้มีคำถามกับตัวเองว่า จริงๆแล้วควรจะตรวจต่อหน้าเรามั้ย ความจริงเราควรต้องเห็นในการตรวจหรือป่าว โดยตำรวจแจ้งว่า ตรวจได้ 40% ซึ่งไม่ถึงเกณฑ์ แต่เป็นคำพูดขอตำรวจ ซึ่งจริงๆเราไม่รู้เท่าไหร่เพราะเราไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง
2.2 การสอบปากคำและการลงบันทึกประจำวัน
- เราได้ถามตรงที่สถานีตำรวจว่าไม่มีการสอบปากคำหรือยังไง ตำรวจได้แจ้งว่าเนื่องจากคนขับได้ยอมรับแล้วว่าชนก็ไม่มีการสอบปากคำต่อ และในการลงบันทึกประจำวันก็ลงเสร็จเรียบร้อยแล้วตอนเราไปถึง แต่ในการลงบันทึกประจำวันไม่ได้มีข้อมูลเกี่ยวกับการดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับรถ ซึ่งเราไม่รู้ว่าข้อมูลตรงนี้จะต้องมีการสอดคล้องกับเรื่องการตรวจวัดแอลกอฮอล์หรือไม่ ในบันทึกลงไว้แต่ว่า ขับรถโดยประมาท
3. การเรียกร้องค่าทำขวัญ
- ในประเด็นนี้เราไม่ได้ต้องการเรียกถึงขั้นฝั่งนู่นต้องเสียอะไรเยอะแยะ เราแค่ต้องการในส่วนที่ว่า
-ค่าเสียเวลาเนื่องจากความจริงในวันเกิดเหตุเราต้องไปเที่ยวแต่มีอันต้องตีรถกลับกรุงเทพทันทีเพราะในตอนนั้นไม่มีกะจิตกะใจเที่ยวต่อแล้วค่ะ
-ค่าเสียเวลาในการเดินทางไปเคลียร์เรื่องนี้ต่อที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้
-ค่าใช้จ่ายเนื่องจากรถต้องเข้าซ่อมแล้วปกติต้องเดินทางไปทำงานด้วยรถและในประกันของเราก็ไม่ได้มีรถไว้ให้ใช้แทน ดังนั้นเราก็ต้องมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปทำงานขึ้นมา
-ค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากปากแตกและบวกขึ้นเรื่อยๆ ในส่วนนี้อคือสามารถเรียกร้องได้ตามค่าใช้จ่ายจริงใช่มั้ยเอ่ย
-ค่าเสื่อมสภาพรถควรจะเรียกหรือไม่อย่างไรค่ะ
-และค่าทำขวัญในส่วนตรงนี้ควรจะเรียกจากประกันหรือว่าเรียกจากคนที่ขับรถมาชน (เนื่องจากหาข้อมูลมาส่วนนึงบางคนก็ว่าเรียกจากประกัน บางคนเรียกจากคนที่ขับมาชนเรา)
ตามที่เราเข้าใจตามนี้ค่ะ รบกวนขอคำแนะนำหน่อยค่ะ
สอบถามค่ะ เนื่องจากโดนรถชนอยากรู้ว่าใครเป็นจ่าค่าทำขวัญและจ่ายยังไง
เนื่องจากวันที่ 15 ก.ค. 2559 เราได้เดินทางออกจากต่างจังหวัดจากกรุงเทพ ช่วงเวลาประมาณ 20.00 น.
และได้เดินทางไปยังตรงจุดเกิดเหตุ ของวันที่ 16 ก.ค. 2559 เป็นเวลาประมาณ 02.10 กว่าๆ
ก่อนจะเกิดเหตุ เราจอดรถรอสัญญาณไฟจราจรอยู่ (ตอนนั้นไฟแดงค่ะ) โดยมีรถข้างหน้าเรา 1 คัน รถเราเป็นคันที่ 2 และจอดอยู่สักพัก ก็มีรถมาชนข้างหลังเรา
และรถเรากระเด็งไปโดนรถขันข้างหน้า เนื่องจากรถเราอยู่ตรงกลางได้รับความเสียหายค่อนข้างเยอะ รถเราเป็นรถ 5 ประตูค่ะ ข้างหลังบุบ ปิดได้แต่รถไม่สามารถล็อคได้เลยทั้งคัน คือข้างหลังสามารถเปิดได้ตลอดเวลาเวลาเปิดท้ายออกมา และเราได้รับบาดเจ็บแต่ก็ถือว่าไม่ได้สาหัสอะไรค่ะ ปากแตก แต่ในวันเกิดเหตุแค่เจ่อๆ แต่พอออกมาจากการเคลียร์เหตุการณ์เสร็จก็มีอาการบวมขึ้นอย่างเห็นได้ชัดค่ะ และเนื่องจาก คนที่ขับมาชนเรามีอาการมึนเมาในระดับนึงค่ะ ทางเราก็ได้เรียกประกันของเรามา และอีก 2 คัน และต่อไปนี้เราจะมาแตกประเด็นนะคะว่ายังไง
รถคันแรกที่เราไปชนเค้า - ประกันชั้น 3
รถของเราที่อยู่ตรงกลาง - ประกันชั้น 2+
รถคันที่มาชน - ประกันชั้น 3
1.การรับผิดชอบซ่อมความเสียหายของรถ (ในประเด็นนี้ถือว่าเคลียร์และเข้าใจค่ะ)
- คันที่มาชนจะรับผิดชอบในการซ่อมของทั้งคันเราและคันที่เรากระเด็งไปชนกับเค้า
2.ในจุดเกิดเหตุเนื่องจากคนที่ขับรถมาชนเรามีอาการมึนเมาจากการดื่มแอลกอฮอล์มา ในและจุดเกิดเหตุเมื่อตำรวจมาทางเราได้แจ้งว่าต้องการที่จะให้มีการตรวจวัดแอลกอฮอล์ ทางตำรวจก็ได้แจ้งว่า เดี๋ยวจะจัดการให้ โดยที่บอกกับทางเราว่าเดี๋ยวให้ไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจค่ะ แต่ด้วยความที่เราไม่ชินเส้นทางและทางรถตำรวจได้นำไปก่อนทำให้เราตามไม่ทันจึงทำให้เราไปถึงช้ากว่าและเมื่อถึงสถานีตำรวจ ตำรวจก็ไม่ได้เรียกมาสอบปากคำอะไรเลย และก็ไม่ได้มีการตรวจวัดแอลกอฮอล์ให้เห็นด้วย (ในตอนนั้นคือจัดการเรื่องรถด้วยเลยทำให้ลืมไป) และตำรวจก็ลงบันทึกประจำวันเรียบร้อยแล้วด้วย ในประเด็นนี้ขอแตกข้อย่อยออกมาตามนี้ค่ะ
2.1 การตรวจวัดแอลกอฮอล์
- เหตุการณ์นี้ได้สอบถามไปทางตำรวจอีกครั้งโดยโทรถามในวันถัดไป ตำรวจได้แจ้งว่าตรวจแล้ว แต่ที่นี่เราก็ได้มีคำถามกับตัวเองว่า จริงๆแล้วควรจะตรวจต่อหน้าเรามั้ย ความจริงเราควรต้องเห็นในการตรวจหรือป่าว โดยตำรวจแจ้งว่า ตรวจได้ 40% ซึ่งไม่ถึงเกณฑ์ แต่เป็นคำพูดขอตำรวจ ซึ่งจริงๆเราไม่รู้เท่าไหร่เพราะเราไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง
2.2 การสอบปากคำและการลงบันทึกประจำวัน
- เราได้ถามตรงที่สถานีตำรวจว่าไม่มีการสอบปากคำหรือยังไง ตำรวจได้แจ้งว่าเนื่องจากคนขับได้ยอมรับแล้วว่าชนก็ไม่มีการสอบปากคำต่อ และในการลงบันทึกประจำวันก็ลงเสร็จเรียบร้อยแล้วตอนเราไปถึง แต่ในการลงบันทึกประจำวันไม่ได้มีข้อมูลเกี่ยวกับการดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับรถ ซึ่งเราไม่รู้ว่าข้อมูลตรงนี้จะต้องมีการสอดคล้องกับเรื่องการตรวจวัดแอลกอฮอล์หรือไม่ ในบันทึกลงไว้แต่ว่า ขับรถโดยประมาท
3. การเรียกร้องค่าทำขวัญ
- ในประเด็นนี้เราไม่ได้ต้องการเรียกถึงขั้นฝั่งนู่นต้องเสียอะไรเยอะแยะ เราแค่ต้องการในส่วนที่ว่า
-ค่าเสียเวลาเนื่องจากความจริงในวันเกิดเหตุเราต้องไปเที่ยวแต่มีอันต้องตีรถกลับกรุงเทพทันทีเพราะในตอนนั้นไม่มีกะจิตกะใจเที่ยวต่อแล้วค่ะ
-ค่าเสียเวลาในการเดินทางไปเคลียร์เรื่องนี้ต่อที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้
-ค่าใช้จ่ายเนื่องจากรถต้องเข้าซ่อมแล้วปกติต้องเดินทางไปทำงานด้วยรถและในประกันของเราก็ไม่ได้มีรถไว้ให้ใช้แทน ดังนั้นเราก็ต้องมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปทำงานขึ้นมา
-ค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากปากแตกและบวกขึ้นเรื่อยๆ ในส่วนนี้อคือสามารถเรียกร้องได้ตามค่าใช้จ่ายจริงใช่มั้ยเอ่ย
-ค่าเสื่อมสภาพรถควรจะเรียกหรือไม่อย่างไรค่ะ
-และค่าทำขวัญในส่วนตรงนี้ควรจะเรียกจากประกันหรือว่าเรียกจากคนที่ขับรถมาชน (เนื่องจากหาข้อมูลมาส่วนนึงบางคนก็ว่าเรียกจากประกัน บางคนเรียกจากคนที่ขับมาชนเรา)
ตามที่เราเข้าใจตามนี้ค่ะ รบกวนขอคำแนะนำหน่อยค่ะ