...โห ท่าน กก.ผจก.แนวหน้า “ชี้” สภาการหนังสือพิมพ์เลือกข้าง ทำให้สังคมแตกแยก ส่วนตนเองนั้น ดีที่สุด !...

ผมอ่านข่าวนี้ ได้แต่ขำปนสมเพชอย่างหนักมาก กับข้ออ้างการออกจากสภาการหนังสือพิมพ์แนวหน้า ของกรรมการผู้จัดการบริษัทแนวหน้า ..อ๊วกแทบพุ่ง !

“ตลอดระยะเวลา 19 ปีเต็มที่หนังสือพิมพ์แนวหน้า เข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิกของสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาตินั้น ได้ประพฤติปฏิบัติตามกรอบจริยธรรมและธรรมนูญของสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติอย่างเคร่งครัด รวมทั้งยังให้ความร่วมมือกับการทำหน้าที่และกิจกรรมของสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติด้วยดีตลอดมา


หากแต่เมื่อย้อนไปพิจารณาถึงเจตนารมณ์ของการจัดตั้งสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ซึ่งต้องการให้องค์กรควบคุมกันเอง และยกระดับผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์และกิจการหนังสือพิมพ์ให้ดียิ่งขึ้นนั้น ตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมา เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ไม่สามารถจะทำให้เป็นจริงได้ เพราะหนังสือพิมพ์แต่ละองค์กร มีการเลือกข้างอย่างชัดเจน ไม่ปฏิบัติตามกรอบจริยธรรมในการนำเสนอข่าว เป็นเครื่องมือของผู้ไม่หวังดีต่อประเทศชาติ ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นเหตุที่ทำให้สังคมแตกแยกจนถึงทุกวันนี้ และยังคงเป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูปประเทศชาติ ขณะที่สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ไม่สามารถจะเข้าไปควบคุม หรือให้คุณให้โทษได้”
..ผรณเดช กล่าวไว้


“สำหรับหนังสือพิมพ์แนวหน้า ตลอดระยะเวลา 36 ปีเต็มในการประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชน ได้พิสูจน์ให้สังคมเห็นถึงการเป็นองค์กรที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงจากประชาชน มีความเป็นมืออาชีพ นำเสนอข่าวอย่าง "ตรงไป ตรงมา" ตามปณิธานของหนังสือพิมพ์ รวมทั้งยังไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสียทั้งด้านจริยธรรมและจรรยาบรรณ”..ผรณเดช พูดต่อไปอีก

พูดชนิดไม่ดูสาระรูปตัวเองสักนิด อาจเป็นไปได้ว่า (1) นายผรณเดช ไม่เคยอ่านหนังสือพิมพ์แนวหน้า (2)นายผรณเดช พูดออกมาอย่างชนิด “ด้านที่สุด” ประเภทข้าไม่อายอะไรทั้งสิ้นแล้ว พูดเอาตีใส่ตัวเอาชั่วให้เพื่อน..ตามถนัด

ในหนังสือพิมพ์แนวหน้า ที่เต็มไปด้วยทีมงานพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ซึ่งผมไม่อยากบอกว่าคือพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งสุมหัวกันอยู่ เช่น นายวัชระ เพชรทอง นายไพศาล พืชมงคล นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ประสงค์ สุ่นศิริ เป็นต้น..และอีกเพียบ

ดาวสยามยุคปี 2516 เป็นเช่นใด แนวหน้าในยุคปี 2559 ก็แนวนั้น สร้างแต่ความแตกแยกให้สังคม กุข่าว ใส่ร้าย ป้ายสี ยุยงให้คนอ่านเกลียดชังอีกฝ่ายหนึ่งชนิด เหมือนกับอีกฝ่ายหนึ่งเป็นภูตผีปีศาจ เต็มไปด้วยอคติเกลียดชัง เข้าข้างพรรคประชาธิปัตย์เต็มเหนี่ยว  ไม่เคยเสนอในแง่มุมที่ดีๆตามจรรยาบรรณของผู้สื่อข่าว ขาดไร้จรรยาบรรณอย่างที่สุด ถือว่าเป็นหนังสือพิมพ์ที่เลวร้ายที่สุดในยุคนี้..ชาวบ้านรู้ !

ฉะนั้น ยอดขายของหนังสือพิมพ์ห่วยๆ ที่มีค่าเพียงใบปลิว หรือกระดาษเปื้อนหมึกคอยโจมตีฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น จึงไม่มีชาวบ้านนิยมซื้อหาเอามาอ่านกัน เป็นหนังสือที่อาจขายได้เพียงหลักร้อย ไม่ใช่หลักแสน หลักล้าน เหมือนไทยรัฐ หรือมติชน..ไสหัวไปเถอะ !

ไม่เคยสำนึกตัวเอง  เพราะเหตุที่รับเอาแก๊งค์การเมืองเข้าไปทำงานอยู่ในหนังสือพิมพ์ ทุกคนอยู่ตรงข้ามพรรคเพื่อไทยทั้งหมด เนื้อหาข่าว บทวิเคราะห์ วิจารณ์ต่างๆจึงออกมาแบบผิดเพี้ยน ทั้งเนื้อหา ทั้งจรรยาบรรณ  ไร้การตรวจสอบ อย่างชนิดที่หาเลวกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว..สาบานได้

ขนาดนี้ นายผรณเดช ยังอุตส่าห์มากล่าวหาผู้อื่นว่า “เลือกข้าง”อย่างไม่อายแก่ปากสักนิด นั่นเพราะคงอยู่กับพวกนักการเมืองเสียจนชิน จึงไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งผิด อะไรคือสิ่งถูก..เพี้ยนไปหมด

แนวหน้าครับ  ยุคนี้มันยุคดิจิตอล ประชาชนเล่นเน็ตกันในสมาร์ทโฟนแล้วนะครับ ถ้าไม่อายชาวบ้าน ไม่อายคนอ่าน ไม่อายพวกเดียวกันเอง หรือไม่อายลูกหลาน เพราะพวกคุณถนัดและชินชากับเรื่องป้ายสีบุคคลอื่นอย่างช่ำชองอยู่แล้ว  แต่ก็ได้โปรด “ละอายแก่ใจตัวเอง”บ้างครับ แม้ไม่มาก เพียงสักนิดก็ยังดี พอจะมีไหมครับ..หรือไม่มียางซะแล้ว !

แม่เจ้าโว๊ย กล้าชี้หน้าด่าคนอื่นว่าเลือกข้าง  ไร้จรรยาบรรณ สร้างความแตกแยกให้สังคม   ส่วนตัวเองดีที่สุด ทำตามกรอบกติกา มารยาท เสนอข่าวตรงไปตรงมา จึงทนไม่ไหว ที่สภาการหนังสือพิมพ์เป็นแบบนี้ จึงขอลาออก  แนวหน้าครับ พวกคุณนี่มันสุดยอดจริงๆ ..มันเกินคำด่าไปแล้วครับ !!

http://www.naewna.com/politic/226585

ปล. แก้ไขคำผิดครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่