สวัสดีค่ะ มู้นี้มู้แรก แท็กไปเลยๆ ผิดพลาดก็คาดโทษน้องเลย อย่าปราณีเถิดนะ อะอะ ย้อเย่นนนน ><
ขอแทนตัวเองว่านุ่น หรือหนูตามสถานการณ์นะคะ
มาค่ะ .. เท้าความก่อนว่าเป็นคุณแม่ยังสาวนะคะ ยังเป็นวัยรุ่นใสใสหัวใจสี่ดวงอยู่เบยยย ตอนที่ท้องน้องคือช่วงมหาลัยปี 4 มีสอบTHESISพอดี โถ่ถัง เครียดอะไรเบอร์น้านนน คนเราก็ต้องมีเรื่องผิดพลาดในชีวิต นุ่นท้องในวัยเรียน แต่เลือกที่จะเก็บไว้ และเรียนไปด้วย แน่นอนว่าโดนมองไม่ดี โดนถากถาง นินทา สบประมาท แต่มันอยู่ที่การจัดการปัญหาใช่ไม๊คะ ในเมื่อองค์หญิงน้อยเล่นทะลุยาคุมมาขนาดนี้ ก็ต้องเก็บไว้เพื่อเป็นโซ่คล้องใจกับแฟนนิสนุง โชคดีที่ที่บ้านรับได้ค่ะ ไม่ต้องห่วงว่าจะมาม่าเนาะ ช่วงท้องก็เรียนไปด้วย ตอนนี้จบแล้วค่ะ เลี้ยงลูกอยู่บ้านใสใส (เหรอ?) เรื่องการตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่น่ายินดี จะมีทารกน้อยๆ มาให้ดูแล และสอนให้เรารักโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ฝึกให้เราอดทนได้มากกว่าที่ทำได้ ฝึกให้เราเสียสละอย่างที่ไม่คิดว่าจะทำได้ในชีวิต (สวยเลย 555555) แหม่ .. อยากจะเล่าช่วงชีวิตที่กำลังอุ้มท้องจริงๆ ประสบการณ์ชีวิตที่ โหด มัน ฮากว่านี้ไม่มีอีกแล้ว 55555 แต่เรามาโฟกัสที่หัวเรื่องกันเลยดีกว่านะคะ
กำหนดคลอดจริงก็คือวันที่ 27 ตุลาคม 2558 ช่วงปิดเทอมเล็กหัวใจเซ็กซี่พอดี เหมาะเจาะกับเวลาที่คุณพ่อของนุ่นนี่แหล่ะกลับจากเมืองนอกต่างบ้านต่างเมืองทำงานหาเงินให้ลูกสาวคนนี้ได้เรียนได้ใช้ แต่ลูกสาวสุดรักดันเซอร์ไพรซ์โดยการมีหลานให้ซะนี่ ฮิฮิ
ซึ่งกำหนดถึงไทยคือวันที่ 16 ตุลาคม 2558 พอสอบกลางภาคเสร็จก็ลง กทม. เพื่อรอรับแดดี้ แล้วก็กลับบ้านเกิดเพื่อไปคลอดตามกำหนด
พอวันที่ 14 ตุลาวันวาเลนไทน์ ของขวัญจากใจฉันมอบแด่เธอออ (นี่ก็มั่วไปเรื่อย กลับม๊าาา) ก็เริ่มปวดท้องเหมือนปวดอึ แต่ท้องไม่แข็ง แล้วก็หลายชั่วโมงปวดทีก็เลยไม่ได้ใส่ใจอะไร ยังกิน นอน กิน นอน ดูเทยเที่ยวไทยเพื่อปรับอารมณ์ให้อยู่โหมดแฮปปี้ (พอดีเป็นคนขี้วังวนระดับสิบค่ะ แต่บทจะไม่ใส่ใจก็เล่นเอาใจหายยย) ตกดึกก็เริ่มปวดถี่ล่ะ ประมาณ 1-2 ชั่วโมง ปวดไปซักเกือบนาทีได้ เล่นไม่ได้นอนทั้งคืนเลยค่า หงุดหงิดมาก แต่ก็พยายามสลัดอารมณ์นั้นออกไป พอช่วงเช้าของวันที่ 15 ก็ยังปวดเหมือนเดิม ระยะเดิม ตกเที่ยงมา มาค่ะ มาแล้วค่ะ ทุกครึ่งชั่วโมงค่ะ เจ็บปวดรวดร่าวค่ะ (จงอ่านออกเสียง สำเนียงอีสาน) ก็โทรบ่นๆ กับแฟน แฟนก็จะลางานพาไปตรวจ แต่เราอยากรอให้น้ำคล่ำไหลก่อนค่อยโรงพยาบาล เริ่มไม่อยากกินอะไรแล้ว เจ็บท้องอย่างเดียว ตกเย็นแฟนพาไปกินข้าวที่อิมสำโรง ไม่มีความอยากทานอาหารคาวใดใดเลยค่ะ แต่หิวมาก ท้องก็ร้อง เบบี๋ก็ดิ้นโมโหหิว เลยไปจัดสเวนเซ่นละกันโน๊ะ หุหุ
เอาล่ะค่ะ งานเข้าตอนช่วงเกือบเที่ยงคืน ทั้งจิกทั้งจกแฟน เก๊าไม่ไหวล๊าวววววว ปวดสุดทน ไม่รอแล้วน้ำคล่งน้ำคล่ำ โกทูฮอสพิทอลกันเถิดจะเกิดผล แต่งตัวเก็บของมาเรียกแท็กซี่ ไปที่ รพ. รัฐใกล้บ้าน (ไม่ขอบอกชื่อละกันเนาะ เพราะไม่อยากพาดพิงอ่ะค่ะ เกรงว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นภายหลัง ก็เป็นด้ายยย – อ่าว แล้วเข็มล่ะ #เดี๊ยววว เล่นอะไร???) มาถึงรพ. (ขออนุญาตย่อนะคะ) ตรงไปที่ฉุกเฉิน ทำบัตรเตรียมคลอด เจ้าหน้าที่ก็บ่นๆล่ะค่ะ ทำไมไม่ไปคลอดที่ฝากครรภ์ หนูขอโต้ดค่า ไม่คิดว่าลูกสาวจะรีบออกมาวันนี้ T^T
พอถึงสถานที่ แฟนก็ทำบัตรไป ก็มีเจ้าหน้าที่มารับไปห้องตรวจค่ะ หมอจกดูก็เปิด 1 เซนค่ะ ทำการเปลี่ยนเสื้อผ้า ตรวจร่างกาย สอบประวัติ แล้วก็ให้ไปรอที่ห้องรอคลอด ที่รพ.ไม่อนุญาตให้นำของติดตัวคนไข้ หรือญาติเข้ามาเยี่ยมให้กำลังที่เตียงรอคลอดค่ะ เพราะป้องการทรัพย์สินสูญหาย กำลังใจก็หายไปเช่นกัน ทั้งกลัวทั้งเครียดเลยค่ะ ก็นอนรอความหวังให้มดลูกเปิด10เซนเร็วๆ อย่างเงียบๆ
แต่คุณคะ คนไข้ร่วมห้องไม่ให้ความร่วมมือน้องเลยค่ะ โอดครวญอะไรเบอร์นั้นนน สาวชาติเพื่อนบ้าน ร้องโหยหวน พร่ำพรรณนาว่าคุณมออ ไมไหวแลวว จะออกแลวว (ขออนุญาตวิบัติเพื่อเสียง) ในสำเนียงแปลกหู คุณหมอก็ใช่ย่อย เปล่งเสียงแว่วมา คนอื่นก็เจ็บเหมือนกันนั่นแหล่ะ ไม่เห็นเค้าจะร้องโวยวาย ด้วยโทนเสียงน่าตระหนกใจ ค่ะ ทั้งห้องมีสองสาวไทยนอนเจ็บเงียบๆอยู่สองคน บรรยากาศหดหู่เพียงใดถามใจดู เราก็พยายามอยู่กับลมหายใจ อานาปานสติด้วยใจตั้งมั่น แต่เสียงรอบตัวทำเอาหลุดหลายรอบเหมือนกัน แต่ในความวุ่นวายในห้องรอคลอดนั้น ดิฉันเหงาเหลือเกินค่ะ อยู่คนเดียวในสถานการณ์แบบนี้ ลาก่อนห้องพิเศษ ลาก่อนการคลอดแบบอบอุ่น ลาก่อนมือที่คอยกระชับให้กำลังใจ ต้องอดทนสู้โดยลำพัง ในใจก็คิดนะ เราจะทำได้เหรอ แต่!! คนอื่นทำได้ เราก็ทำได้ ฮึบบบบ!!
เวลาประมาณตี 4 หมอก็มาจกดู เอ่ยวาจาเสนาะหูว่าเปิด 5 เซนแล้วนะคุณแม่ อดทนอีกไม่นาน ยิ้มปริ่มถามตอบคุณหมอ จริงนะคะ คุณหมอไม่หลอกดาวนะคะ
พอประมาณ 08.00+ หมอก็เข้ามาถามเป็นไงบ้าง พร้อมเบ่งยัง ฝืนยิ้มตอบด้วยความรื่นเริงว่า “พร้อมกว่านี้ไม่มีอีกแล้วค่า” พอหมอจกเท่านั้นล่ะ 1 2 ซั่ม อืบบบบบบบบบบบบบ (เสียงในลำคอ) โพล๊ะ!!!!!
นี่สะดุ้งสุดตัว น้ำคล่ำแตกพุ่งใส่หมอเลอะเปรอะเปื้อนไปทั้งตัว ในใจอุทานเชี้ยยยยยยยยยยย (ขออภัยในคำหยาบ) หนูขอโต้ด แต่พอเบ่งเท่านั้นล่ะ แม่โว้ยยยย เจ็บไปหมดเลยจ้า สติหลุดไปหมด โอโห นี่ยังต้องย้ายเตียงอีก ตัดภาพไปที่ห้องคลอด มีทั้งเสียงกรี้ด โวยวาย ร้องไห้ ตะคอก ทั้งด่าทั้งบ่น ทั้งคนไข้และอาจารย์หมอ มีนักศึกษาแพทย์มาเตรียมทำคลอดให้ ทำผิด ทำถูก อาจารย์หมอก็ทั้งด่า ทั้งตะคอก บรรยากาศอย่างกะสมรภูมิรบ ในใจนี่ หล่องห้ายหนักมากกก
ตัดภาพมาตอนคลอดเสร็จละกัน ลูกออกมาส่งเสียงว่ายังม่ายตายยยย เวลา 08.38 ใครบอกว่าคลอดลูกเจ็บจนเวลาโดนกรีดผีเย็บจะไม่รู้สึก ขอเถียงสุดใจขาดดิ้นค่ะ นี่สะดุ้งสุดตัว ไม่กรีดโดนลูกหนูนะคะ โฮ... เอาล่ะ คลอดคนไม่เท่าไหร่นะ แต่ตอนคลอดรกนี่สิ อิดด้อกกก หมอคะ หนูไม่ได้ด้านชานะคะ ฮรืออออ กดท้องจนจุกไปหมด พอรกออกแล้ว ยังค่ะ ยังไม่จบ กดน้ำคาวปลาไปอี้กกกกก น้ำตาไหลพรากเลยทีเดียว
ยังค่ะ ยังไม่จบ
พอคลอดเสร็จ หมอก็ปล่อยให้นอนถ่างขาไม่บอกไม่กล่าวกันซักคำว่าจะต้องทำอะไรต่อ นี่ก็นอนสั่นเป็นเจ้าเข้าเลยค่ะ แอร์หนาวอะไรปานนั้นนน เปิดแอร์ติดลบกี่องศาคะ ฮรือออออ
สักพักใหญ่ๆ ประมาณครึ่งชั่วโมง อาจารย์หมอก็มาฉีดยาชาแล้วก็เย็บตรงที่กรีดให้เค้าที่ หนูอยากจะบอกมาเลยค่ะว่า ... ยาชามันออกฤทธิ์ครึ่งนึง อีกครึ่งมันไม่ชานะคะ เสียบทีสะดุ้งที โอ้ยยย มีไรจะแย่กว่านี้ไม๊เนี่ยยยยยย!!!
เย็บเสร็จก็เข็นไปรอที่ห้องพัก ตอนพยาบาลกรอกข้อมูลเข้าระบบ พยาบาลถามว่า คนไทยไม๊คะ .. ห่ะ?? คนไทยสิคะ โถ่ววววว คุณพี่ก็ T^T
กว่าจะได้ออกห้องคลอดก็ 10 โมงกว่าแล้วค่ะ เห็นแฟนกับพี่สาวมายืนรอหน้าห้อง มันรู้สึกตื้นตันใจยังไงไม่รู้ มันรู้สึกดีที่แบบ เราไม่ได้ตัวคนเดียวนะ เรามีกำลังข้างนอกส่งมาให้อยู่ตลอด แฟนเค้ามาส่งก็รอที่โรงพยาบาล ไม่กินไม่นอนเลยทีเดียว (แหม่ ปลื้มสิคะ) ส่วนพี่สาว พอรู้ข่าวว่าจะคลอดแล้ว รีบขับรถจากโคราชมาเลย มาถึงซักตี 5 มั้ง ดีใจมั่กกก คุณปู่คุณย่า คุณอาคุณน้องพอรู้ข่าว ก็ขนกันลงมาที่รพ. กว่าจะถึงก็เกือบเที่ยงมั้งคะ ไม่แน่ใจ
ส่วนพ่อหรอคะ พอมาถึงไทย พี่สาวไปรอรับที่สนามบิน ตรงมารับขวัญหลานเลยทีเดียว มีความเห่อหลานไม่น้อย
อารมณ์ตอนนั้นมันก็ปลื้มใจนะคะที่มีญาติพี่น้องให้ความสำคัญ มาเยี่ยม ถึงแม้จะไกลขนาดนี้
จบเรื่องการคลอดค่ะ เล่าไปเพลินๆ ก็อยากจะแถมช่วงเวลาที่นอนอยู่ รพ. หลังคลอดด้วยจังเลย
ตอนนี้ลูกสาวตื่นแล้วค่ะ ว่างแล้วจะมาเม้ามอยตอนที่อยู่ รพ นะคะ ตอนนั้นคิดมาตลอดเลยโชคร้ายอะไรเบอร์นั้นน ทำไมต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ด้วย
แต่พอผ่านมาแล้ว มันกลับทำให้เราเข้มแข็ง อดทน อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อะอะ เดี๋ยวมาต่อนะคะ (ขอเวลาปราบชะนีน้อยแปบนุงงงง)
แชร์ประสบการณ์คลอดลูกของคุณแม่วัยใสหัวใจกรุบกริบ
ขอแทนตัวเองว่านุ่น หรือหนูตามสถานการณ์นะคะ
มาค่ะ .. เท้าความก่อนว่าเป็นคุณแม่ยังสาวนะคะ ยังเป็นวัยรุ่นใสใสหัวใจสี่ดวงอยู่เบยยย ตอนที่ท้องน้องคือช่วงมหาลัยปี 4 มีสอบTHESISพอดี โถ่ถัง เครียดอะไรเบอร์น้านนน คนเราก็ต้องมีเรื่องผิดพลาดในชีวิต นุ่นท้องในวัยเรียน แต่เลือกที่จะเก็บไว้ และเรียนไปด้วย แน่นอนว่าโดนมองไม่ดี โดนถากถาง นินทา สบประมาท แต่มันอยู่ที่การจัดการปัญหาใช่ไม๊คะ ในเมื่อองค์หญิงน้อยเล่นทะลุยาคุมมาขนาดนี้ ก็ต้องเก็บไว้เพื่อเป็นโซ่คล้องใจกับแฟนนิสนุง โชคดีที่ที่บ้านรับได้ค่ะ ไม่ต้องห่วงว่าจะมาม่าเนาะ ช่วงท้องก็เรียนไปด้วย ตอนนี้จบแล้วค่ะ เลี้ยงลูกอยู่บ้านใสใส (เหรอ?) เรื่องการตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่น่ายินดี จะมีทารกน้อยๆ มาให้ดูแล และสอนให้เรารักโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ฝึกให้เราอดทนได้มากกว่าที่ทำได้ ฝึกให้เราเสียสละอย่างที่ไม่คิดว่าจะทำได้ในชีวิต (สวยเลย 555555) แหม่ .. อยากจะเล่าช่วงชีวิตที่กำลังอุ้มท้องจริงๆ ประสบการณ์ชีวิตที่ โหด มัน ฮากว่านี้ไม่มีอีกแล้ว 55555 แต่เรามาโฟกัสที่หัวเรื่องกันเลยดีกว่านะคะ
กำหนดคลอดจริงก็คือวันที่ 27 ตุลาคม 2558 ช่วงปิดเทอมเล็กหัวใจเซ็กซี่พอดี เหมาะเจาะกับเวลาที่คุณพ่อของนุ่นนี่แหล่ะกลับจากเมืองนอกต่างบ้านต่างเมืองทำงานหาเงินให้ลูกสาวคนนี้ได้เรียนได้ใช้ แต่ลูกสาวสุดรักดันเซอร์ไพรซ์โดยการมีหลานให้ซะนี่ ฮิฮิ
ซึ่งกำหนดถึงไทยคือวันที่ 16 ตุลาคม 2558 พอสอบกลางภาคเสร็จก็ลง กทม. เพื่อรอรับแดดี้ แล้วก็กลับบ้านเกิดเพื่อไปคลอดตามกำหนด
พอวันที่ 14 ตุลาวันวาเลนไทน์ ของขวัญจากใจฉันมอบแด่เธอออ (นี่ก็มั่วไปเรื่อย กลับม๊าาา) ก็เริ่มปวดท้องเหมือนปวดอึ แต่ท้องไม่แข็ง แล้วก็หลายชั่วโมงปวดทีก็เลยไม่ได้ใส่ใจอะไร ยังกิน นอน กิน นอน ดูเทยเที่ยวไทยเพื่อปรับอารมณ์ให้อยู่โหมดแฮปปี้ (พอดีเป็นคนขี้วังวนระดับสิบค่ะ แต่บทจะไม่ใส่ใจก็เล่นเอาใจหายยย) ตกดึกก็เริ่มปวดถี่ล่ะ ประมาณ 1-2 ชั่วโมง ปวดไปซักเกือบนาทีได้ เล่นไม่ได้นอนทั้งคืนเลยค่า หงุดหงิดมาก แต่ก็พยายามสลัดอารมณ์นั้นออกไป พอช่วงเช้าของวันที่ 15 ก็ยังปวดเหมือนเดิม ระยะเดิม ตกเที่ยงมา มาค่ะ มาแล้วค่ะ ทุกครึ่งชั่วโมงค่ะ เจ็บปวดรวดร่าวค่ะ (จงอ่านออกเสียง สำเนียงอีสาน) ก็โทรบ่นๆ กับแฟน แฟนก็จะลางานพาไปตรวจ แต่เราอยากรอให้น้ำคล่ำไหลก่อนค่อยโรงพยาบาล เริ่มไม่อยากกินอะไรแล้ว เจ็บท้องอย่างเดียว ตกเย็นแฟนพาไปกินข้าวที่อิมสำโรง ไม่มีความอยากทานอาหารคาวใดใดเลยค่ะ แต่หิวมาก ท้องก็ร้อง เบบี๋ก็ดิ้นโมโหหิว เลยไปจัดสเวนเซ่นละกันโน๊ะ หุหุ
เอาล่ะค่ะ งานเข้าตอนช่วงเกือบเที่ยงคืน ทั้งจิกทั้งจกแฟน เก๊าไม่ไหวล๊าวววววว ปวดสุดทน ไม่รอแล้วน้ำคล่งน้ำคล่ำ โกทูฮอสพิทอลกันเถิดจะเกิดผล แต่งตัวเก็บของมาเรียกแท็กซี่ ไปที่ รพ. รัฐใกล้บ้าน (ไม่ขอบอกชื่อละกันเนาะ เพราะไม่อยากพาดพิงอ่ะค่ะ เกรงว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นภายหลัง ก็เป็นด้ายยย – อ่าว แล้วเข็มล่ะ #เดี๊ยววว เล่นอะไร???) มาถึงรพ. (ขออนุญาตย่อนะคะ) ตรงไปที่ฉุกเฉิน ทำบัตรเตรียมคลอด เจ้าหน้าที่ก็บ่นๆล่ะค่ะ ทำไมไม่ไปคลอดที่ฝากครรภ์ หนูขอโต้ดค่า ไม่คิดว่าลูกสาวจะรีบออกมาวันนี้ T^T
พอถึงสถานที่ แฟนก็ทำบัตรไป ก็มีเจ้าหน้าที่มารับไปห้องตรวจค่ะ หมอจกดูก็เปิด 1 เซนค่ะ ทำการเปลี่ยนเสื้อผ้า ตรวจร่างกาย สอบประวัติ แล้วก็ให้ไปรอที่ห้องรอคลอด ที่รพ.ไม่อนุญาตให้นำของติดตัวคนไข้ หรือญาติเข้ามาเยี่ยมให้กำลังที่เตียงรอคลอดค่ะ เพราะป้องการทรัพย์สินสูญหาย กำลังใจก็หายไปเช่นกัน ทั้งกลัวทั้งเครียดเลยค่ะ ก็นอนรอความหวังให้มดลูกเปิด10เซนเร็วๆ อย่างเงียบๆ
แต่คุณคะ คนไข้ร่วมห้องไม่ให้ความร่วมมือน้องเลยค่ะ โอดครวญอะไรเบอร์นั้นนน สาวชาติเพื่อนบ้าน ร้องโหยหวน พร่ำพรรณนาว่าคุณมออ ไมไหวแลวว จะออกแลวว (ขออนุญาตวิบัติเพื่อเสียง) ในสำเนียงแปลกหู คุณหมอก็ใช่ย่อย เปล่งเสียงแว่วมา คนอื่นก็เจ็บเหมือนกันนั่นแหล่ะ ไม่เห็นเค้าจะร้องโวยวาย ด้วยโทนเสียงน่าตระหนกใจ ค่ะ ทั้งห้องมีสองสาวไทยนอนเจ็บเงียบๆอยู่สองคน บรรยากาศหดหู่เพียงใดถามใจดู เราก็พยายามอยู่กับลมหายใจ อานาปานสติด้วยใจตั้งมั่น แต่เสียงรอบตัวทำเอาหลุดหลายรอบเหมือนกัน แต่ในความวุ่นวายในห้องรอคลอดนั้น ดิฉันเหงาเหลือเกินค่ะ อยู่คนเดียวในสถานการณ์แบบนี้ ลาก่อนห้องพิเศษ ลาก่อนการคลอดแบบอบอุ่น ลาก่อนมือที่คอยกระชับให้กำลังใจ ต้องอดทนสู้โดยลำพัง ในใจก็คิดนะ เราจะทำได้เหรอ แต่!! คนอื่นทำได้ เราก็ทำได้ ฮึบบบบ!!
เวลาประมาณตี 4 หมอก็มาจกดู เอ่ยวาจาเสนาะหูว่าเปิด 5 เซนแล้วนะคุณแม่ อดทนอีกไม่นาน ยิ้มปริ่มถามตอบคุณหมอ จริงนะคะ คุณหมอไม่หลอกดาวนะคะ
พอประมาณ 08.00+ หมอก็เข้ามาถามเป็นไงบ้าง พร้อมเบ่งยัง ฝืนยิ้มตอบด้วยความรื่นเริงว่า “พร้อมกว่านี้ไม่มีอีกแล้วค่า” พอหมอจกเท่านั้นล่ะ 1 2 ซั่ม อืบบบบบบบบบบบบบ (เสียงในลำคอ) โพล๊ะ!!!!!
นี่สะดุ้งสุดตัว น้ำคล่ำแตกพุ่งใส่หมอเลอะเปรอะเปื้อนไปทั้งตัว ในใจอุทานเชี้ยยยยยยยยยยย (ขออภัยในคำหยาบ) หนูขอโต้ด แต่พอเบ่งเท่านั้นล่ะ แม่โว้ยยยย เจ็บไปหมดเลยจ้า สติหลุดไปหมด โอโห นี่ยังต้องย้ายเตียงอีก ตัดภาพไปที่ห้องคลอด มีทั้งเสียงกรี้ด โวยวาย ร้องไห้ ตะคอก ทั้งด่าทั้งบ่น ทั้งคนไข้และอาจารย์หมอ มีนักศึกษาแพทย์มาเตรียมทำคลอดให้ ทำผิด ทำถูก อาจารย์หมอก็ทั้งด่า ทั้งตะคอก บรรยากาศอย่างกะสมรภูมิรบ ในใจนี่ หล่องห้ายหนักมากกก
ตัดภาพมาตอนคลอดเสร็จละกัน ลูกออกมาส่งเสียงว่ายังม่ายตายยยย เวลา 08.38 ใครบอกว่าคลอดลูกเจ็บจนเวลาโดนกรีดผีเย็บจะไม่รู้สึก ขอเถียงสุดใจขาดดิ้นค่ะ นี่สะดุ้งสุดตัว ไม่กรีดโดนลูกหนูนะคะ โฮ... เอาล่ะ คลอดคนไม่เท่าไหร่นะ แต่ตอนคลอดรกนี่สิ อิดด้อกกก หมอคะ หนูไม่ได้ด้านชานะคะ ฮรืออออ กดท้องจนจุกไปหมด พอรกออกแล้ว ยังค่ะ ยังไม่จบ กดน้ำคาวปลาไปอี้กกกกก น้ำตาไหลพรากเลยทีเดียว
ยังค่ะ ยังไม่จบ
พอคลอดเสร็จ หมอก็ปล่อยให้นอนถ่างขาไม่บอกไม่กล่าวกันซักคำว่าจะต้องทำอะไรต่อ นี่ก็นอนสั่นเป็นเจ้าเข้าเลยค่ะ แอร์หนาวอะไรปานนั้นนน เปิดแอร์ติดลบกี่องศาคะ ฮรือออออ
สักพักใหญ่ๆ ประมาณครึ่งชั่วโมง อาจารย์หมอก็มาฉีดยาชาแล้วก็เย็บตรงที่กรีดให้เค้าที่ หนูอยากจะบอกมาเลยค่ะว่า ... ยาชามันออกฤทธิ์ครึ่งนึง อีกครึ่งมันไม่ชานะคะ เสียบทีสะดุ้งที โอ้ยยย มีไรจะแย่กว่านี้ไม๊เนี่ยยยยยย!!!
เย็บเสร็จก็เข็นไปรอที่ห้องพัก ตอนพยาบาลกรอกข้อมูลเข้าระบบ พยาบาลถามว่า คนไทยไม๊คะ .. ห่ะ?? คนไทยสิคะ โถ่ววววว คุณพี่ก็ T^T
กว่าจะได้ออกห้องคลอดก็ 10 โมงกว่าแล้วค่ะ เห็นแฟนกับพี่สาวมายืนรอหน้าห้อง มันรู้สึกตื้นตันใจยังไงไม่รู้ มันรู้สึกดีที่แบบ เราไม่ได้ตัวคนเดียวนะ เรามีกำลังข้างนอกส่งมาให้อยู่ตลอด แฟนเค้ามาส่งก็รอที่โรงพยาบาล ไม่กินไม่นอนเลยทีเดียว (แหม่ ปลื้มสิคะ) ส่วนพี่สาว พอรู้ข่าวว่าจะคลอดแล้ว รีบขับรถจากโคราชมาเลย มาถึงซักตี 5 มั้ง ดีใจมั่กกก คุณปู่คุณย่า คุณอาคุณน้องพอรู้ข่าว ก็ขนกันลงมาที่รพ. กว่าจะถึงก็เกือบเที่ยงมั้งคะ ไม่แน่ใจ
ส่วนพ่อหรอคะ พอมาถึงไทย พี่สาวไปรอรับที่สนามบิน ตรงมารับขวัญหลานเลยทีเดียว มีความเห่อหลานไม่น้อย
อารมณ์ตอนนั้นมันก็ปลื้มใจนะคะที่มีญาติพี่น้องให้ความสำคัญ มาเยี่ยม ถึงแม้จะไกลขนาดนี้
จบเรื่องการคลอดค่ะ เล่าไปเพลินๆ ก็อยากจะแถมช่วงเวลาที่นอนอยู่ รพ. หลังคลอดด้วยจังเลย
ตอนนี้ลูกสาวตื่นแล้วค่ะ ว่างแล้วจะมาเม้ามอยตอนที่อยู่ รพ นะคะ ตอนนั้นคิดมาตลอดเลยโชคร้ายอะไรเบอร์นั้นน ทำไมต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ด้วย
แต่พอผ่านมาแล้ว มันกลับทำให้เราเข้มแข็ง อดทน อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อะอะ เดี๋ยวมาต่อนะคะ (ขอเวลาปราบชะนีน้อยแปบนุงงงง)