พอดีมีโอกาสหยุดยาว และต้องไปทำธุระที่สงขลาด้วยก็เลยถือโอกาสนี้ไปเที่ยวหลีเป๊ะเลย เพราะอยากไปมานานแล้ว แต่เพิ่งมานึกได้ตอนที่จองโรงแรมแล้วว่านี่มันหน้าฝนนี่หว่า มันเป็น Low season ของการเที่ยวทะเลเลยนะจะได้เล่นน้ำมั๊ยเนี่ย แต่ทำไงได้จองโรงแรมไปเรียบร้อยแล้วและโอกาสหยุดยาวแบบนี้ก็ไม่ค่อยมี ยังไงก็ต้องไป ใครจะไปรู้ว่าไปหลีเป๊ะช่วงนี้มันเป็นช่วงที่สุดโหดจริงๆ เหมาะสำหรับคนที่กำลังอกหัก เศร้า เหงา จะได้ไปยืนร้องไห้กลางสายฝนเหมือนในหนัง และคนที่ชอบความท้าทาย กีฬาเอ็กซ์ตรีม อะไรแนวนี้ 55555+
DAY 1
หลังจากที่เดินทางไปทำธุระที่สงขลาเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาเดินทางไปหลีเป๊ะโดยนั่งรถสองแถวออกเดินทางในช่วงเช้า ไปขึ้นรถที่สถานีรถตู้ตลาดเกษตรเวลา 9 โมง โดยค่าตั๋วรถตู้ไปท่าเรือปากบารา ราคา 110 บาท ตอนซื้อตั๋วรถตู้คนที่ขายตั๋วแนะนำตั๋วเรือสปีดโบ๊ทด้วยไปกลับ 1,000 บาท เป็นเรือของบันดาหยา ขากลับจากหลีเป๊ะมาหาดใหญ่คนขายบอกว่าต้องนั่งสองแถวมาขึ้นรถตู้ หรือถ้าให้รถตู้ไปรับถึงท่าเรือเลยก็ราคา 140 บาท สรุปแล้วทริปยาจกแบบเราคิดว่าซื้อเลยน่าจะถูกกว่าเลยซื้อครบทุกอย่างทั้งตั๋วรถตู้และเรือรวมแล้วคนละ 1,250 บาท
จากนั้นนั่งรถไปประมาณชั่วโมงครึ่งถึงท่าเรือปากบารารถตู้ก็จอดให้ลงไปติดต่อที่ออฟฟิตยื่นตั๋วให้ก็ไม่มีไรมากออฟฟิตให้สติ๊กเกอร์ติดเสื้อและบัตรคิวมาให้
แล้วก็เดินไปที่ท่าเรือเลยครับเลี้ยวซ้าย เข้าไปถึงท่าเรือต้องจ่ายค่าธรรมเนียมคนละ 20 บาท
แล้วเดินต่อไปรอเรือสปีดโบ๊ทมารับ 11 โมง ว่างๆก็ได้เดินไปถามค่าเรือบริษัทแถวนั้นเผื่อถูกกว่า ไปถามของพลอยสยามเค้าบอกว่าไปกลับ 1,200 บาท ที่ท่าเรือค่อนข้างอากาศดีท้องฟ้าสดใส
หลังจากรอสักพักเรือก็มารับเค้าเรียกให้ลงเรือตามบัตรคิว เราจะไปเรือลำนี้ครับ
จากนั้นนั่งเรือไปสักพักคลื่นเริ่มใหญ่ขึ้นแต่ก็ไม่ได้ใหญ่มากมาย เรือก็ซิ่งเต็มที่ไม่มีท่าทีว่าจะชะลอความเร็วอย่างกะคนขับปวดขี้รีบไปเข้าห้องน้ำ คนที่เมาคลื่นควรเตรียมยาแก้เมาคลื่นไว้ด้วยนะเจอคนอ้วกด้วย เรือขับชนคลื่นไปตลอดทางรู้สึกเสียวหน้าท้องเหมือนเวลาขับรถลงเนินเร็วๆแต่ที่เพิ่มเติมคือความโคลงเคลงมาด้วยตลอดการเดินทาง จนถึงเกาะหลีเป๊ะครับเรือจอดที่หาดซันไรซ์ มองดูน้ำทะเลสีเขียวมรกตเห็นข้างล่างมีสีดำเป็นหย่อมๆ
ผมจองที่พักที่ Gecko รีสอร์ทไว้ 2 คืนราคา 1,045 บาท ซึ่งเค้าบอกว่าอยู่ในถนนคนเดิน แน่นอนทริปยาจกแบบเราไม่มีทางขึ้นรถโดยสาร เดินสิครับ ไปที่ถนนคนเดินระยะทางน่าจะประมาณ 1-2 ก.ม. ระหว่างทางก็มี Street Art แบบหลีเป๊ะเล็กๆน้อยๆ
ในที่สุดก็เจอถนนคนเดินครับ
ไปถึงก็ถามคนแถวนั้นว่า Gecko รีสอร์ท อยู่ตรงไหน ฝนตกพอดีตอนติดฝนเลยยืนคุยกับคนที่บอกทางให้เราสักพัก เค้าบอกว่าช่วงนี้หน้าโลว์ คนน้อยแต่ค่าใช้จ่ายก็จะถูกลงด้วย (นึกในใจนี่ถูกลงแล้วเหรอ) พอฝนหยุดจึงได้ทราบว่า Gecko รีสอร์ทอยู่ในซอยเข้าไปนิดนึง แถวกลางๆถนนคนเดินพอดี รีบไปเช็คอินเลยครับ
ที่นี่ Reception เป็นพม่าครับน่าจะไม่มีพนักงานพูดไทยได้เลย ตอนโทรมาที่นี่เจ้าของรีสอร์ทรับโทรศัพท์ก็พูดไทยไม่ได้ แถมพูดภาษาอังกฤษยังไม่ค่อยจะเข้าใจอีก เหมือนเค้าเป็นคนเยอรมันหรือดัทซ์นะครับเดาเอาดูจากหนังสือบนชั้นหนังสือที่วางไว้ให้ลูกค้าอ่านไม่มีภาษาอังกฤษเลย บรรยากาศก็ตามนี้ครับเป็นหลังๆ
ที่นี่มีน้ำให้เติมฟรีครับเค้าแจกขวดเติมน้ำไว้ให้เรากดน้ำใส่ขวดแล้วเอาไปที่ห้อง เราก็นึกว่าไม่มีน้ำให้หรือมีขวดเล็กขวดเดียวไรแบบนี้ อุตส่าแบกน้ำจากหาดใหญ่มาด้วย
เอาของไปจัดเก็บให้เรียบร้อย ทริปยาจกแบบเราสืบมาแล้วว่าที่หลีเป๊ะของกินแพงมากก็เลยขนมาเองเพียบกะว่าอยู่นี่จะไม่กินข้าวที่ร้าน (สมกับที่เป็นทริปยาจก)
เข้าไปในห้องก็รู้สึกว่าโอเคดี มีเครื่องทำน้ำอุ่น แต่ไม่มีทีวี แต่ก็ดีแล้วที่ไม่มีทีวีครับขนาดฝรั่งอยู่รีสอร์ทหลังข้างๆคุยกันยังได้ยินชัดเจน ถ้าเปิดทีวีเสียงคงตีกันมั่วไปหมด แต่ดีที่ผมเอาโน๊ตบุ๊คติดมาด้วยได้เปิดหนังดูเบาๆได้ครับ
หน้าห้องมีที่ให้นั่งเล่น
ที่นอนมีมุ้ง มีร่มให้ด้วย
มีเครื่องทำน้ำอุ่นให้ด้วย
จัดเก็บของเสร็จแล้วก็ออกไปเดินหาบริษัททัวร์ดำน้ำก่อนเลยในถนนคนเดิน เจอบริษัททัวร์ที่ยังเปิดอยู่ 3 บริษัท จึงได้รู้ว่า Low Season แบบนี้ดำน้ำรอบนอก รอบใน เค้าปิดหมดห้ามเข้าครับ เหลือแต่ดำน้ำรอบๆเกาะหลีเป๊ะมี 2 บริษัทไป 4 เกาะคือ เกาะกระ เกาะหินขาว เกาะตาลัง เกาะอูเซ็น ส่วนอีกบริษัทไม่ไปเกาะอูเซ็นครับเค้าบอกว่าต้องดูสถานการณ์น้ำก่อน ราคาก็ 450 บาท รวมอาหารเที่ยง และอุปกรณ์ดำน้ำเหมือนกันทุกบริษัท ทริปยาจกแบบเราเช่นเคยครับเลือกแบบที่เกาะเยอะไว้ก่อน จองเสร็จเดินไปจนสุดถนนคนเดินจะเจอหาดพัทยา หันไปทางขวาเจอฝรั่งอยู่ริมชายหาดบ้างเล็กน้อยแต่ดูๆแล้วถ้าเทียบกับหาดซันไรซ์ตอนที่ลงเรือเห็นมีคนดำน้ำด้วยสน็อกเกิ้ลด้วย ก็เลยไปเปลี่ยนชุดแล้วเดินไปหาดซันไรซ์อีกครั้งผมพาสน็อกเกิ้ลมาเองอันนึงครับถ้าจองรีสอร์ทหน้าชายหาดเลยเค้าน่าจะมีสน็อกเกิ้ลให้ยืมเพราะตอนผมไปถึงมีผู้หญิงคนนึงมาถามว่าเอาสน็อกเกิ้ลที่ไหน ผมบอกว่าเอามาเองแล้วเค้าก็เดินเข้าไปในรีสอร์ทสักพักก็ได้สน็อกเกิ้ลมาอันนึง จากนั้นผมเดินลงไปที่คนเล่นน้ำเยอะๆ เจอปะการังสวยมาก
เล่นไปสักพักเรือสปีดโบ๊ทอีกลำถอยหลังเข้ามาจะจอด คนขับเรือโบกมือให้นักท่องเที่ยวที่ดำน้ำหลบออกไป ผมเห็นท่าไม่ดีแล้วดำๆอยู่อาจจะโดนใบพัดเรือตัดแขนได้ก็เลยย้ายไปที่สงบๆดีกว่า เห็นที่นึงกั้นเชือกไว้ไม่ให้เรือเข้า ดูจากข้างบนผิวน้ำเจอสีดำๆใต้น้ำกว้างสุด มีฝรั่งเล่นน้ำอยู่คนเดียว ผมเลยลงไปด้วยปรากฏว่าที่เห็นดำๆนั้นปะการังทั้งนั้นเลยครับ เค้ากั้นเชือกกลัวเรือชนปะการังแต่ไม่รู้ทำไมนักท่องเที่ยวชอบไปเล่นที่เรือจอดกันเยอะกว่า
ดำน้ำจนหิวแล้วกลับดีกว่า กลางคืนนี่บอกเลย Gecko รีสอร์ทยุงเยอะมากกกกกก มีคนจุดยากันยุงให้ด้วยครับหน้าห้อง จุดเสร็จผมรีบเอามาไว้ในห้องน้ำเลยยุงเยอะและตัวใหญ่ด้วย อาบน้ำเสร็จนั่งข้างนอกไม่ได้เลยต้องรีบเข้าไปหลบในมุ้งโดยด่วน เปิดเน็ตเล่นแปปนึงมี Wifi ฟรีครับดูหนังในเน็ตเสร็จแล้วนอนอย่างเร็วพรุ่งนี้ต้องไปรอที่บริษัททัวร์ 9 โมงครับไปดำน้ำ
[CR] หลีเป๊ะ 3 วัน 2 คืน ทริปยาจกในเวลาที่ไม่มีใครเค้าไปกัน
หลังจากที่เดินทางไปทำธุระที่สงขลาเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาเดินทางไปหลีเป๊ะโดยนั่งรถสองแถวออกเดินทางในช่วงเช้า ไปขึ้นรถที่สถานีรถตู้ตลาดเกษตรเวลา 9 โมง โดยค่าตั๋วรถตู้ไปท่าเรือปากบารา ราคา 110 บาท ตอนซื้อตั๋วรถตู้คนที่ขายตั๋วแนะนำตั๋วเรือสปีดโบ๊ทด้วยไปกลับ 1,000 บาท เป็นเรือของบันดาหยา ขากลับจากหลีเป๊ะมาหาดใหญ่คนขายบอกว่าต้องนั่งสองแถวมาขึ้นรถตู้ หรือถ้าให้รถตู้ไปรับถึงท่าเรือเลยก็ราคา 140 บาท สรุปแล้วทริปยาจกแบบเราคิดว่าซื้อเลยน่าจะถูกกว่าเลยซื้อครบทุกอย่างทั้งตั๋วรถตู้และเรือรวมแล้วคนละ 1,250 บาท
จากนั้นนั่งรถไปประมาณชั่วโมงครึ่งถึงท่าเรือปากบารารถตู้ก็จอดให้ลงไปติดต่อที่ออฟฟิตยื่นตั๋วให้ก็ไม่มีไรมากออฟฟิตให้สติ๊กเกอร์ติดเสื้อและบัตรคิวมาให้
แล้วก็เดินไปที่ท่าเรือเลยครับเลี้ยวซ้าย เข้าไปถึงท่าเรือต้องจ่ายค่าธรรมเนียมคนละ 20 บาท
แล้วเดินต่อไปรอเรือสปีดโบ๊ทมารับ 11 โมง ว่างๆก็ได้เดินไปถามค่าเรือบริษัทแถวนั้นเผื่อถูกกว่า ไปถามของพลอยสยามเค้าบอกว่าไปกลับ 1,200 บาท ที่ท่าเรือค่อนข้างอากาศดีท้องฟ้าสดใส
หลังจากรอสักพักเรือก็มารับเค้าเรียกให้ลงเรือตามบัตรคิว เราจะไปเรือลำนี้ครับ
จากนั้นนั่งเรือไปสักพักคลื่นเริ่มใหญ่ขึ้นแต่ก็ไม่ได้ใหญ่มากมาย เรือก็ซิ่งเต็มที่ไม่มีท่าทีว่าจะชะลอความเร็วอย่างกะคนขับปวดขี้รีบไปเข้าห้องน้ำ คนที่เมาคลื่นควรเตรียมยาแก้เมาคลื่นไว้ด้วยนะเจอคนอ้วกด้วย เรือขับชนคลื่นไปตลอดทางรู้สึกเสียวหน้าท้องเหมือนเวลาขับรถลงเนินเร็วๆแต่ที่เพิ่มเติมคือความโคลงเคลงมาด้วยตลอดการเดินทาง จนถึงเกาะหลีเป๊ะครับเรือจอดที่หาดซันไรซ์ มองดูน้ำทะเลสีเขียวมรกตเห็นข้างล่างมีสีดำเป็นหย่อมๆ
ผมจองที่พักที่ Gecko รีสอร์ทไว้ 2 คืนราคา 1,045 บาท ซึ่งเค้าบอกว่าอยู่ในถนนคนเดิน แน่นอนทริปยาจกแบบเราไม่มีทางขึ้นรถโดยสาร เดินสิครับ ไปที่ถนนคนเดินระยะทางน่าจะประมาณ 1-2 ก.ม. ระหว่างทางก็มี Street Art แบบหลีเป๊ะเล็กๆน้อยๆ
ในที่สุดก็เจอถนนคนเดินครับ
ไปถึงก็ถามคนแถวนั้นว่า Gecko รีสอร์ท อยู่ตรงไหน ฝนตกพอดีตอนติดฝนเลยยืนคุยกับคนที่บอกทางให้เราสักพัก เค้าบอกว่าช่วงนี้หน้าโลว์ คนน้อยแต่ค่าใช้จ่ายก็จะถูกลงด้วย (นึกในใจนี่ถูกลงแล้วเหรอ) พอฝนหยุดจึงได้ทราบว่า Gecko รีสอร์ทอยู่ในซอยเข้าไปนิดนึง แถวกลางๆถนนคนเดินพอดี รีบไปเช็คอินเลยครับ
ที่นี่ Reception เป็นพม่าครับน่าจะไม่มีพนักงานพูดไทยได้เลย ตอนโทรมาที่นี่เจ้าของรีสอร์ทรับโทรศัพท์ก็พูดไทยไม่ได้ แถมพูดภาษาอังกฤษยังไม่ค่อยจะเข้าใจอีก เหมือนเค้าเป็นคนเยอรมันหรือดัทซ์นะครับเดาเอาดูจากหนังสือบนชั้นหนังสือที่วางไว้ให้ลูกค้าอ่านไม่มีภาษาอังกฤษเลย บรรยากาศก็ตามนี้ครับเป็นหลังๆ
ที่นี่มีน้ำให้เติมฟรีครับเค้าแจกขวดเติมน้ำไว้ให้เรากดน้ำใส่ขวดแล้วเอาไปที่ห้อง เราก็นึกว่าไม่มีน้ำให้หรือมีขวดเล็กขวดเดียวไรแบบนี้ อุตส่าแบกน้ำจากหาดใหญ่มาด้วย
เอาของไปจัดเก็บให้เรียบร้อย ทริปยาจกแบบเราสืบมาแล้วว่าที่หลีเป๊ะของกินแพงมากก็เลยขนมาเองเพียบกะว่าอยู่นี่จะไม่กินข้าวที่ร้าน (สมกับที่เป็นทริปยาจก)
เข้าไปในห้องก็รู้สึกว่าโอเคดี มีเครื่องทำน้ำอุ่น แต่ไม่มีทีวี แต่ก็ดีแล้วที่ไม่มีทีวีครับขนาดฝรั่งอยู่รีสอร์ทหลังข้างๆคุยกันยังได้ยินชัดเจน ถ้าเปิดทีวีเสียงคงตีกันมั่วไปหมด แต่ดีที่ผมเอาโน๊ตบุ๊คติดมาด้วยได้เปิดหนังดูเบาๆได้ครับ
หน้าห้องมีที่ให้นั่งเล่น
ที่นอนมีมุ้ง มีร่มให้ด้วย
มีเครื่องทำน้ำอุ่นให้ด้วย
จัดเก็บของเสร็จแล้วก็ออกไปเดินหาบริษัททัวร์ดำน้ำก่อนเลยในถนนคนเดิน เจอบริษัททัวร์ที่ยังเปิดอยู่ 3 บริษัท จึงได้รู้ว่า Low Season แบบนี้ดำน้ำรอบนอก รอบใน เค้าปิดหมดห้ามเข้าครับ เหลือแต่ดำน้ำรอบๆเกาะหลีเป๊ะมี 2 บริษัทไป 4 เกาะคือ เกาะกระ เกาะหินขาว เกาะตาลัง เกาะอูเซ็น ส่วนอีกบริษัทไม่ไปเกาะอูเซ็นครับเค้าบอกว่าต้องดูสถานการณ์น้ำก่อน ราคาก็ 450 บาท รวมอาหารเที่ยง และอุปกรณ์ดำน้ำเหมือนกันทุกบริษัท ทริปยาจกแบบเราเช่นเคยครับเลือกแบบที่เกาะเยอะไว้ก่อน จองเสร็จเดินไปจนสุดถนนคนเดินจะเจอหาดพัทยา หันไปทางขวาเจอฝรั่งอยู่ริมชายหาดบ้างเล็กน้อยแต่ดูๆแล้วถ้าเทียบกับหาดซันไรซ์ตอนที่ลงเรือเห็นมีคนดำน้ำด้วยสน็อกเกิ้ลด้วย ก็เลยไปเปลี่ยนชุดแล้วเดินไปหาดซันไรซ์อีกครั้งผมพาสน็อกเกิ้ลมาเองอันนึงครับถ้าจองรีสอร์ทหน้าชายหาดเลยเค้าน่าจะมีสน็อกเกิ้ลให้ยืมเพราะตอนผมไปถึงมีผู้หญิงคนนึงมาถามว่าเอาสน็อกเกิ้ลที่ไหน ผมบอกว่าเอามาเองแล้วเค้าก็เดินเข้าไปในรีสอร์ทสักพักก็ได้สน็อกเกิ้ลมาอันนึง จากนั้นผมเดินลงไปที่คนเล่นน้ำเยอะๆ เจอปะการังสวยมาก
เล่นไปสักพักเรือสปีดโบ๊ทอีกลำถอยหลังเข้ามาจะจอด คนขับเรือโบกมือให้นักท่องเที่ยวที่ดำน้ำหลบออกไป ผมเห็นท่าไม่ดีแล้วดำๆอยู่อาจจะโดนใบพัดเรือตัดแขนได้ก็เลยย้ายไปที่สงบๆดีกว่า เห็นที่นึงกั้นเชือกไว้ไม่ให้เรือเข้า ดูจากข้างบนผิวน้ำเจอสีดำๆใต้น้ำกว้างสุด มีฝรั่งเล่นน้ำอยู่คนเดียว ผมเลยลงไปด้วยปรากฏว่าที่เห็นดำๆนั้นปะการังทั้งนั้นเลยครับ เค้ากั้นเชือกกลัวเรือชนปะการังแต่ไม่รู้ทำไมนักท่องเที่ยวชอบไปเล่นที่เรือจอดกันเยอะกว่า
ดำน้ำจนหิวแล้วกลับดีกว่า กลางคืนนี่บอกเลย Gecko รีสอร์ทยุงเยอะมากกกกกก มีคนจุดยากันยุงให้ด้วยครับหน้าห้อง จุดเสร็จผมรีบเอามาไว้ในห้องน้ำเลยยุงเยอะและตัวใหญ่ด้วย อาบน้ำเสร็จนั่งข้างนอกไม่ได้เลยต้องรีบเข้าไปหลบในมุ้งโดยด่วน เปิดเน็ตเล่นแปปนึงมี Wifi ฟรีครับดูหนังในเน็ตเสร็จแล้วนอนอย่างเร็วพรุ่งนี้ต้องไปรอที่บริษัททัวร์ 9 โมงครับไปดำน้ำ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น