สวัสดีค่ะ ทุกๆคนที่เข้ามาอ่านในกระทู้นี้นะคะ นี่เป็นกระทู้แรกของเรา ผิดพลาดพลั้งไปขออภัยไว้ ณ ที่นี้ก่อนเลย อ่านพันทิปมานาน กระทู้รักมุ้งมิ้ง หรือชานเรือน ถือซะว่านี่เหมือนการเม้ามอยกันนะคะ เราเป็นเด็กจบใหม่ไฟแรงเฟร่อค่ะ ยังไม่ได้หางาน มีเหตุจำเป็นต้องรีโนเวทบ้านก่อน แล้วสาขาวิชาที่เราเรียนมาทำให้เราเป็นคนที่ยุ่งตลอดเวลา ชีวิตไม่เคยว่าง พลังงานเยอะ พอมาอยู่บ้าน เกิดอาการช็อคค่ะคุณ ที่นี่มีแต่เสียงนกร้อง ปิ๊บ ปิ๊บ สงบเงียบ....เงียบไป เดี๋ยววัยรุ่นจะเบื่อนะคะ ต้องหาอะไรทำอย่าให้ว่างแม้แต่นาทีเดียว
จากที่บ้านเราทำเรื่องการเกษตรอยู่แล้ว เกษตรอินทรีย์ ผักออแกนิค เกษตรพอเพียงตามแนวพระราชดำรัสของในหลวง แล้วบ้านอยู่ต่างจังหวัด สิ่งแรกๆที่นึกออกก็เป็นพวกการปลูกผักค่ะ ก็ลุยเลยดูว่าที่บ้านมีเมล็ดพันธุ์อะไรบ้าง ก็เพาะๆๆๆ ใส่กระบะค่ะ คิดว่าเดี๋ยวก็ได้ทำแปลงผักแล้ว สวยๆเน้อะ แต่ไม่ใช่ค่ะคุณ ฝนตกหนัก เรียกว่าพายุก็ได้ ผักที่เพาะไว้ก็เน่าไปเกือบหมดดดด ฮัลโหลแอคทิวิตี้ที่ไม่เกร๋แล้ว ลาก่อน แม่บอกว่าปลูกผักฤดูฝนก็แบบนี้แหละ ลำบำก เราก็อ้าวทำไมแม่ไม่บอกตอนถามหาเม็ดพันธุ์ล่ะ เพราะที่บ้านเป็นแบบนี้ค่ะ ชอบให้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ปล่อยให้ล้มเอง เข่าด้านหมดละค่ะ ล้มบ่อยๆค่อยๆชิน สองย่อหน้ายังไม่เข้าเรื่องต้นอ่อน 55555 ถ้าอยากอ่านเนื้อหาขั้นตอนการเพาะเร็วๆ เลื่อนข้ามไปรัวๆเลยค่ะ
หลังจากล้มเหลวมา ก็นึกถึงผักชนิดอื่นที่ชอบกิน เพาะง่าย อยากได้เป็นผักระยะสั้น 3วันกินได้เลยยิ่งดี แม่ไม่มี 7 วันก็ได้อ่ะ ปิ้งป่อง ต้นอ่อนทานตะวันค่ะ ตรงโจทย์ทุกอย่าง ที่อยากตั้งกระทู้นี้เพราะอยากบอกว่า มือใหม่ ไม่มีประสบการณ์ปลูกกระบองเพชรตายก็ยังเพาะมันได้นะคะ ไอ่ต้นอ่อนทานตะวันเนี่ย ไม่ต้องกังวลไปค่ะ
1 คือครั้งที่เราเพาะแล้วพังที่สุดค่ะ
2 คือครั้งล่าสุด นับว่าดีสุดด้วย ^^
3 คือความยาวและอวบเฉลี่ยของครั้งล่าสุดค่ะ สุ่มหยิบมา
ผลงานเราค่ะ
เราก็พังมาหลายแบบแล้วนะ 5555 ก็เลยทำตารางสรุปง่ายๆไว้ด้วยค่ะ ><
ขอสรุปวิธีที่ได้ผลน่าประทับใจ ขั้นตอนและอุปกรณ์ตามนี้เลยนะคะ (ขออนุญาติใส่เครดิตภาพที่ใช้ประกอบนะคะ)
อุปกรณ์
1. ถาด กะละมัง กระบะ ตะกร้า สารพัดสิ่งค่ะ มีรูหรือไม่มีรูก็ได้ เอ๊ะแล้วจะตัดสินใจยังไง?? ตัดสินใจจากข้อมูลนี้ค่ะ
มีรู
ข้อดีคือ ลดปัญหาเรื่องการเน่าของต้นอ่อน เพราะมีรูระบายน้ำได้ตลอด
ข้อเสียคือ เปลืองน้ำคะ ปริมาณน้ำที่ใช้รดต้องมากกว่าแบบไม่มีรู เพราะมีการสูญเสียน้ำได้มากกว่า
ไม่มีรู
ข้อคือ ลดปริมาณการรดน้ำ เพราะภาชนะเก็บความชื้น
ข้อเสียคือ เสี่ยงต่อการเน่าเสียของต้นอ่อน ก็เพราะมันไม่ระบายน้ำนี่แหละค่ะ ใครมือหนักเลือกข้อข้างบนโล่ด
ส่วนตัวเราใช้ภาชนะที่ไม่มีรูนะคะ ไม่เปลืองน้ำ ฉีดๆฟ๊อกซี่ฟุ่ดๆ ก็เอาอยู่ เมื่อก่อนที่บ้านเคยอบขนมค่ะแต่เลิกไปแล้ว เลยมีถาดขนมพวกนี้ทิ้งไว้เยอะมาก เอามาล้างทำความสะอาดเข้าหน่อย เป็นอลูมิเนียมด้วยค่ะไม่ขึ้นสนิม ที่สำคัญไม่ต้องเสียเงินซื้อ ยังไม่มีงานทำเราต้องประหยัด
ป.ล. เลือกเอาตามสะดวก ตามของที่มี ตามความใคร่ ความชอบของแต่ละคนเลยนะคะ ไม่บังคับกันค่ะ เพราะเราเป็นวัยรุ่น 5555
2. อุปกรณ์สำหรับการรดน้ำนะคะ ถ้าคนที่เลือกภาชนะไม่มีรู ให้เลือกใช้ฟ็อกซี่ค่ะ กระบอกฉีดน้ำฝอยๆ แต่ถ้าคุณเลือกภาชนะที่มีรู ให้ใช้บัวรดน้ำ หรืออะไรก็ได้ที่มันใหญ่กว่าฟ็อกซี่หน่อย ไม่อย่างนั้นฉีดกันกล้ามขึ้นเลยนะคะ น้ำไหลออกจร๊อกจร๊อกงี้ ไม่ไหวนะคะ
ส่วนใหญ่เราจะใช้อันนี้สำหรับภาชนะแบบปิดไม่มีรูนะคะ
แล้วก็อันนี้ภูมิใจมากเลย 55555 ขวดน้ำเจาะรูที่ฝา น้ำไม่แรงไป ไม่แรงเท่าบัวรดน้ำค่ะ เมล็ดไม่กระเด็นกระดอนไปไหน เราใช้กับพวกตะกร้าค่ะ
3. เมล็ดพันธุ์ จากการศึกษาข้อมูลตามอินเตอร์เน็ตนะคะ เมล็ดพันธุ์จะมี 2 แบบ เม็ดดำ และเม็ดลายค่ะ เมล็ดชนิดดำจะให้ต้นอ่อนที่ต้นอวบกว่า แต่เพาะยากกว่าค่ะ (เมล็ดพันธุ์ที่เราใช้ในที่นี้เป็นแบบเม็ดดำต้นอวบนะคะ)
เราสั่งซื้อจากอินเตอร์เน็ตค่ะ ส่งเร็วทันใจ สั่งเยอะราคาจะถูกลง เราสั่ง 5 กิโลกรัม ราคา 425 บาท ตกกิโลกรัมละแค่ 85 บาทเองค่ะ ถูกกว่าซื้อทีละน้อยๆมาก ปกติ 1 กิโลกรัมจะราคาประมาณ 150 เลยค่ะ (ไม้ได้รู้จักเค้าเป็นการส่วนตัว เพราะฉะนั้นไม่ได้โฆษณาให้เค้านะคะ)
4. ดินค่ะ อันนี้ก็แล้วแต่จะสรรหาได้เหมือนกันค่ะ บางคนก็ใช้ขุยมะพร้าว ดินสวนตามร้านค้า สำหรับเราญาติบ้านข้างๆ เค้าขายปุ๋ยเราก็ไปขุดๆดินเค้ามาเลยค่ะผสมปุ๋ยไปในตัวเลย เคยอ่านเจอเค้าบอกว่าไม่ต้องใส่ปุ๋ยหรอกค่ะ เพราะต้นอ่อนมีอายุสั้นยังไม่ทันได้ดูดสึมปุ๋ยไปใช้หรอก ไม่ต้องไม่เสียเงินซื้อนะคะ ไม่ใช้ปุ๋ยก็งอกงามดีค่ะ
นี่คือดินผสมปุ๋ยที่แอบไปขุดมาจากข้างบ้านนะคะ
5. กรรไกรสำหรับตัดต้นอ่อนค่ะ มีด หรือคัตเตอร์ก็ได้ แต่ขอให้คมเพราะเคยมีประสบการณ์ใช้มีดที่คมไม่พอนะคะ ต้นอ่อนจะเกิดอาการช้ำเน่าได้ค่ะ ส่วนใครที่เพาะไม่สำเร็จก็ผ่านอุปกรณ์ชิ้นนี้ไปได้เลยค่ะ 55555 ล้อเล่นนะคะ รักหรอก
อุปกรณ์ทั้งหมดทั้งมวลมีเท่านี้ค่ะ ต่อไปเป็นขั้นตอนการเพาะนะคะ
ต้นอ่อนทานตะวัน ปลูกง่าย สบายใจวัยรุ่น ปลูกกระบองเพชรยังตายก็เพาะได้นะคะ
จากที่บ้านเราทำเรื่องการเกษตรอยู่แล้ว เกษตรอินทรีย์ ผักออแกนิค เกษตรพอเพียงตามแนวพระราชดำรัสของในหลวง แล้วบ้านอยู่ต่างจังหวัด สิ่งแรกๆที่นึกออกก็เป็นพวกการปลูกผักค่ะ ก็ลุยเลยดูว่าที่บ้านมีเมล็ดพันธุ์อะไรบ้าง ก็เพาะๆๆๆ ใส่กระบะค่ะ คิดว่าเดี๋ยวก็ได้ทำแปลงผักแล้ว สวยๆเน้อะ แต่ไม่ใช่ค่ะคุณ ฝนตกหนัก เรียกว่าพายุก็ได้ ผักที่เพาะไว้ก็เน่าไปเกือบหมดดดด ฮัลโหลแอคทิวิตี้ที่ไม่เกร๋แล้ว ลาก่อน แม่บอกว่าปลูกผักฤดูฝนก็แบบนี้แหละ ลำบำก เราก็อ้าวทำไมแม่ไม่บอกตอนถามหาเม็ดพันธุ์ล่ะ เพราะที่บ้านเป็นแบบนี้ค่ะ ชอบให้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ปล่อยให้ล้มเอง เข่าด้านหมดละค่ะ ล้มบ่อยๆค่อยๆชิน สองย่อหน้ายังไม่เข้าเรื่องต้นอ่อน 55555 ถ้าอยากอ่านเนื้อหาขั้นตอนการเพาะเร็วๆ เลื่อนข้ามไปรัวๆเลยค่ะ
หลังจากล้มเหลวมา ก็นึกถึงผักชนิดอื่นที่ชอบกิน เพาะง่าย อยากได้เป็นผักระยะสั้น 3วันกินได้เลยยิ่งดี แม่ไม่มี 7 วันก็ได้อ่ะ ปิ้งป่อง ต้นอ่อนทานตะวันค่ะ ตรงโจทย์ทุกอย่าง ที่อยากตั้งกระทู้นี้เพราะอยากบอกว่า มือใหม่ ไม่มีประสบการณ์ปลูกกระบองเพชรตายก็ยังเพาะมันได้นะคะ ไอ่ต้นอ่อนทานตะวันเนี่ย ไม่ต้องกังวลไปค่ะ
1 คือครั้งที่เราเพาะแล้วพังที่สุดค่ะ
2 คือครั้งล่าสุด นับว่าดีสุดด้วย ^^
3 คือความยาวและอวบเฉลี่ยของครั้งล่าสุดค่ะ สุ่มหยิบมา
ผลงานเราค่ะ
เราก็พังมาหลายแบบแล้วนะ 5555 ก็เลยทำตารางสรุปง่ายๆไว้ด้วยค่ะ ><
ขอสรุปวิธีที่ได้ผลน่าประทับใจ ขั้นตอนและอุปกรณ์ตามนี้เลยนะคะ (ขออนุญาติใส่เครดิตภาพที่ใช้ประกอบนะคะ)
อุปกรณ์
1. ถาด กะละมัง กระบะ ตะกร้า สารพัดสิ่งค่ะ มีรูหรือไม่มีรูก็ได้ เอ๊ะแล้วจะตัดสินใจยังไง?? ตัดสินใจจากข้อมูลนี้ค่ะ
มีรู
ข้อดีคือ ลดปัญหาเรื่องการเน่าของต้นอ่อน เพราะมีรูระบายน้ำได้ตลอด
ข้อเสียคือ เปลืองน้ำคะ ปริมาณน้ำที่ใช้รดต้องมากกว่าแบบไม่มีรู เพราะมีการสูญเสียน้ำได้มากกว่า
ไม่มีรู
ข้อคือ ลดปริมาณการรดน้ำ เพราะภาชนะเก็บความชื้น
ข้อเสียคือ เสี่ยงต่อการเน่าเสียของต้นอ่อน ก็เพราะมันไม่ระบายน้ำนี่แหละค่ะ ใครมือหนักเลือกข้อข้างบนโล่ด
ส่วนตัวเราใช้ภาชนะที่ไม่มีรูนะคะ ไม่เปลืองน้ำ ฉีดๆฟ๊อกซี่ฟุ่ดๆ ก็เอาอยู่ เมื่อก่อนที่บ้านเคยอบขนมค่ะแต่เลิกไปแล้ว เลยมีถาดขนมพวกนี้ทิ้งไว้เยอะมาก เอามาล้างทำความสะอาดเข้าหน่อย เป็นอลูมิเนียมด้วยค่ะไม่ขึ้นสนิม ที่สำคัญไม่ต้องเสียเงินซื้อ ยังไม่มีงานทำเราต้องประหยัด
ป.ล. เลือกเอาตามสะดวก ตามของที่มี ตามความใคร่ ความชอบของแต่ละคนเลยนะคะ ไม่บังคับกันค่ะ เพราะเราเป็นวัยรุ่น 5555
2. อุปกรณ์สำหรับการรดน้ำนะคะ ถ้าคนที่เลือกภาชนะไม่มีรู ให้เลือกใช้ฟ็อกซี่ค่ะ กระบอกฉีดน้ำฝอยๆ แต่ถ้าคุณเลือกภาชนะที่มีรู ให้ใช้บัวรดน้ำ หรืออะไรก็ได้ที่มันใหญ่กว่าฟ็อกซี่หน่อย ไม่อย่างนั้นฉีดกันกล้ามขึ้นเลยนะคะ น้ำไหลออกจร๊อกจร๊อกงี้ ไม่ไหวนะคะ
ส่วนใหญ่เราจะใช้อันนี้สำหรับภาชนะแบบปิดไม่มีรูนะคะ
แล้วก็อันนี้ภูมิใจมากเลย 55555 ขวดน้ำเจาะรูที่ฝา น้ำไม่แรงไป ไม่แรงเท่าบัวรดน้ำค่ะ เมล็ดไม่กระเด็นกระดอนไปไหน เราใช้กับพวกตะกร้าค่ะ
3. เมล็ดพันธุ์ จากการศึกษาข้อมูลตามอินเตอร์เน็ตนะคะ เมล็ดพันธุ์จะมี 2 แบบ เม็ดดำ และเม็ดลายค่ะ เมล็ดชนิดดำจะให้ต้นอ่อนที่ต้นอวบกว่า แต่เพาะยากกว่าค่ะ (เมล็ดพันธุ์ที่เราใช้ในที่นี้เป็นแบบเม็ดดำต้นอวบนะคะ)
เราสั่งซื้อจากอินเตอร์เน็ตค่ะ ส่งเร็วทันใจ สั่งเยอะราคาจะถูกลง เราสั่ง 5 กิโลกรัม ราคา 425 บาท ตกกิโลกรัมละแค่ 85 บาทเองค่ะ ถูกกว่าซื้อทีละน้อยๆมาก ปกติ 1 กิโลกรัมจะราคาประมาณ 150 เลยค่ะ (ไม้ได้รู้จักเค้าเป็นการส่วนตัว เพราะฉะนั้นไม่ได้โฆษณาให้เค้านะคะ)
4. ดินค่ะ อันนี้ก็แล้วแต่จะสรรหาได้เหมือนกันค่ะ บางคนก็ใช้ขุยมะพร้าว ดินสวนตามร้านค้า สำหรับเราญาติบ้านข้างๆ เค้าขายปุ๋ยเราก็ไปขุดๆดินเค้ามาเลยค่ะผสมปุ๋ยไปในตัวเลย เคยอ่านเจอเค้าบอกว่าไม่ต้องใส่ปุ๋ยหรอกค่ะ เพราะต้นอ่อนมีอายุสั้นยังไม่ทันได้ดูดสึมปุ๋ยไปใช้หรอก ไม่ต้องไม่เสียเงินซื้อนะคะ ไม่ใช้ปุ๋ยก็งอกงามดีค่ะ
นี่คือดินผสมปุ๋ยที่แอบไปขุดมาจากข้างบ้านนะคะ
5. กรรไกรสำหรับตัดต้นอ่อนค่ะ มีด หรือคัตเตอร์ก็ได้ แต่ขอให้คมเพราะเคยมีประสบการณ์ใช้มีดที่คมไม่พอนะคะ ต้นอ่อนจะเกิดอาการช้ำเน่าได้ค่ะ ส่วนใครที่เพาะไม่สำเร็จก็ผ่านอุปกรณ์ชิ้นนี้ไปได้เลยค่ะ 55555 ล้อเล่นนะคะ รักหรอก
อุปกรณ์ทั้งหมดทั้งมวลมีเท่านี้ค่ะ ต่อไปเป็นขั้นตอนการเพาะนะคะ