เปิดหัวเรื่องมาด้วยคำสุดแสนจะเบสิค เพราะต้องบอกเลยว่าไม่จำเป็นต้องสรรหาคำเริศหรู
มาใช้กับการรีวิวในครั้งนี้เลยเพราะทั้งอารมณ์ที่ได้รับทั้งบรรยากาศมันทำให้รู้สึกแบบนั้นจริงๆ
หลีกหนีความวุ่นวายจากเมืองกรุงไปพักกายพักใจ จากงานอันแสนวุ่นสาย
การจราจรที่แสนติดขัดรอการระบาย อากาศที่เจือปนมลพิษในแต่ละวัน พลังชีวิตใกล้จะหมด
เลยขอเดินทางไปรับอากาศบริสุทธิ์ฟังเสียงคลื่นลมและ ชมแสงอาทิตย์สีทองกันบ้างดีกว่า
เดินทางมาสู่สนามบินและมุ่งหน้าไปยังที่พักที่แสนคลาสสิคและ
อยู่ในหาดที่ให้บรรยากาศแบบส่วนตัวสุดๆ อย่าง @Manathai khaolak
พนักงานทุกท่าน ยิ้มแย้ม ร่าเริงแจ่มใสและให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นมากๆ
มีการนำภาชนะมาล้างมือให้เราเพื่อเป็นการต้อนรับว่าเราได้มาถึงที่เขาหลักแห่งนี้แล้วนะ
และที่ชอบมากๆเห็นจะเป็น Welcome drink ที่เสิร์ฟน้ำฝรั่งมาในภาชณะที่เรียกได้ว่าสดอย่างจริงแท้แน่นอน
แถมอร่อยและสดชื่นมากๆ (แอบเมารถมาเบาๆ)
เรียกได้ว่าสดชื่นและกระตุ้นความอยากอาหารได้เป็นอย่างดี (หรือหิวเองแล้วอ้างน้ำไม่รู้นะ)
จากนั้นก็รับคีย์การ์ดและเอาของไปเก็บที่ห้อง มาดูบรรยากาศห้องกันดีกว่า
เปิดมาแว้บแรกที่เห็นรู้สึกถึงความอบอุ่นอาจจะเป็นเพราะตะเกียงกรงนกหรือ
การตกแต่งจากเฟอร์นิเจอร์ไม้จึงทำให้รู้สึกเหมือนอยู่บ้านเบาๆ

มุม signature ของที่นี่เลย
ห้องน้ำจะเป็นแบบ Open อาบน้ำไปมองวิวสวนไปด้วยได้สีเขียวสบายตา พร้อมผลไม้ไทยๆมีบริการไว้ทั้งกล้วย ทั้งเงาะ
วิวที่เราจะได้เห็นจากมุมห้อง สีเขียวสบายตา ดูร่มรื่น แต่แดดแรงไปหน่อยนะคงต้องรอเย็นกว่านี้หน่อย
มาวันนี้โชคดีฟ้าเปิดไม่มีฝนสะด้วย
หลังจากเก็บข้าวของเพลิดเพลินกับห้องพักเสร็จก็เริ่มจะหิวแล้วจริงๆนะ .
เดินไปชั้นล่างของลอบบี้ที่ห้องอาหารของโรงแรมกันเลย
ซึ่งห้องอาหารของที่นี่จะมีอาหารเช้าหลากหลายประเทศพร้อมเสิร์ฟทั้งข้าวต้ม ก๋วยเตี๋ยวเส้นสีเหลืองๆของทางใต้
เราจำไม่ได้ว่าเส้นอะไรแต่อร่อยดีนะคล้ายๆบะหมี่เหลือง
แล้วก็มีอาหารเช้าทั่วไปอย่าง ออมเลต เบเนดิค อาหารจีนก็มี สลัด โยเกิร์ตพร้อมและที่สำคัญแยมผลไม้
สูตรของมานะไทย อร่อยมากๆ อร่อยทุกแยมเลยละ แต่ตอนที่เรามา
ก็เลยเวลาอาหารเช้าไปแล้วเลยสั่งอาหารของทางห้องอาหาร Colour นี้มาทานกัน
เมนูแรกเปิดมาด้วยสลัดก่อนตามแบบฉบับผู้หญิงสวย
น้ำสลัดรสชาติดีทีเดียว ผักก็กรอบ กุ้งตัวโตๆ อร่อยแบบเฮลตี้ๆ มีใส่แอนโชวี่มาให้ด้วยนะ
และจานที่สองก็ยังดูสุขภาพดีอยู่กับทูน่าชิ้นโต จำชื่อเมนูไม่ได้แต่เป็นทูน่าที่เต็มปากเต็มคำดี
จานนี้อร่อยผ่านๆ
และมาที่เมนูต่อไปกับไก่ยัดไส้ จริงๆชื่ออาหารเขาหรูหรากว่านี้แต่เราจำได้ไม่ถนัดนักขอเรียกในแบบที่เข้าใจละกันนะ
จานนนี้หน้าตาดูดีทีเดียว
ก่อนทานต้องราดด้วยซอสสูตรเฉพาะของทางโรงแรมเพิ่มรสชาติให้ไก่ชิ้นนี้อร่อยขึ้นไปอีก
รสชาติแบบนี้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ชอบแน่นอน ไก่ชิ้นแน่นๆ นำไปทอดกรอบๆ
ในส่วนของการถ่ายรูปเราจะตักแบ่งออกมาแค่ชิ้นเดียวหลังจากถ่ายเสร็จเราก็ไปจัดการกับจานในภาพก่อนหน้านี้
ตามแบบฉบับผู้หญิงกินน้อย
และจานนี้ทีเด็ด เรียกได้ว่าเป็นจานที่เหมาะกับสายคลีนเป็นอย่างมาก
ได้แก่หมูกรอบและรองมาด้วยผักดอง เค็มๆเปรี้ยวๆเข้ากันดีสุดๆ
และปลาย่างทานกับบีทรูทและคีนัวร์ อร่อยมากๆๆ จานนี้ขอเหมา
หลังจากอิ่มหนำสำราญกับอาหารสุขภาพกันไปแล้ว (ขอบอกจริงๆว่าเกือบทุกเมนูของห้องอาหารนี้อาหารรสชาติดีมากๆ)
ขอตัวมาเดินย่อย ที่สระว่ายน้ำติดทะเลกันสักหน่อย
วิวแบบนี้พี่ลูกเกดขนลุกค่ะ ตรงศาลานั้นจะมีบริการนวดแผนไทยพร้อมฟังเสียงคลื่นลมและวิวทะเลไปด้วยนะคะ ฟินมาก
สระว่ายน้ำเห็นแล้วอยากจะโดดน้ำ แต่ขอไปเดินย่อยชมวิวทะเลกันก่อนดีกว่า
แสงอาทิตย์สีทองเหลืองอร่าม สบายตา สบายใจ ดีจริงๆ เสียงลมเสียงคลื่น เฮ้อ ฟินนน
สันทนาการกันริมหาดด้วยค๊อกเทลสูตรเฉพาะของที่ มานะไทย เขาหลัก
แห่งนี้ Signature ของที่นี่จะเป็น Manathai Corado มีส่วนผสมของกะทิและน้ำมะพร้าวเป็นหลัก
ฟังจากส่วนผสมแล้วดูเหมือนจะเลี่ยน แต่ลองได้จิบแล้วอร่อย สดชื่นมากๆ จิบไปดูพระอาทิตย์ตกดินไป
เม้ามอยกับเพื่อนๆ มีความสุขจนต้องหัวเราะออกมาเลย
ปิดท้ายด้วยการดินเนอร์ดูพระอาทิตย์ตกดินกันที่ชายหาด เท้าเปล่าๆ เหยียบทรายเนี่ยะแหละ ฟินสุดๆ
พระอาทิตย์ก็สวยแล้วสวยอีก เก็บภาพไปทั้งแบบภาพนิ่ง วีดีโอและพาโนราม่าก็ยังไม่พอ
วันๆช่างผ่านไปไวจริงๆเลยน้า





เช้าวันต่อมาเราก็ไปเที่ยวสถานที่ๆเป็น highlight ของเขาหลัก นั้นได้แก่
คลองสังเน่ห์หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Little Amezon แถวๆ อำเภอตะกั่วป่านั่นเองเดินทางไปไม่นานจากโรงแรมก็ถึงแล้ว
ซึ่งที่นี่จะเป็นการพายเรือ ชมงู ฟังไม่ผิด งูค่ะ งู งูจะเลื้อยอยู่ตามต้นไม้ เถาวัลย์ ให้เราได้เสียวหัวเล่นๆ
จะตกมาตอนไหนก็ไม่รู้ พี่ๆที่เป็นฝีพายก็ดูแลและบริการเป็นอย่างดี งูอยู่ตรงไหนจอดค้างตรงนั้นนานมากๆค่ะ
เห็นว่าตรงนี้เคยมีการถ่ายแม่นาคพระโขนงกันด้วย บรรยากาศตอนกลางคืนน่าจะขนลุกอยู่ไม่น้อย
และงูก็พันตัวอยู่กับกิ่งก้านใบสักต้นนึงบนหัวเรานั่นแหละคะท่านผู้ชม
เก็บภาพสวยๆก่อนจะเจองูตกมาใส่หัว
(จริงๆไม่มีงูเยอะขนาดนั้นหรอกคะ แล้วงูน้อยน่ารักก็นอนสงบๆกันอยู่ตามกิ่งไม้ใหญ่ๆ
ถ้าใครได้เจองูเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแนะนำให้ไปซื้อลอตเตอรี่ค่ะ ท่านกำลังจะมีโชค)
ครั้งนี้เราใช้บริการเรือของ Island Inflatables คุณลุงผู้พายเรือให้เราใจดีมากๆ
พูดคุยเล่นไปตลอดทาง และยังอดทนกับการเปลี่ยนถ้าถ่ายรูปของสองเราบนเรือได้แบบไม่มีบ่น
หลังจากเอาหน้าสู้แดด 40 องศากันแล้วเราก็เข้าไปในตัวเมืองเพื่อดูตลาดเก่าตะกั่วป่ากันต่อ
ตอนนี้กำลังฮิตกันเลยละ กับการเพ้นผนังกันแบบนี้
เก่าแต่มีความเก๋า คงความคลาสสิคไว้ได้เป็นอย่างดี
ตลาดเก่าแห่งนี้ก็คงความเก่าแก่ของบ้านในแถบนี้ไว้ ใครเป็นสายแอนทีค
คลาสสิคแนะนำให้มาเลยรับรองได้ชอตสวยๆหลายชอตอย่างแน่นอน
บ้านเรือน เรียงรายและท้องฟ้าที่พระอาทิตย์ทำงานดีไม่มีหยุดพัก
และแล้วทริปของเขาหลักครั้งนี้ของเราก็จบลงไปด้วยความรู้สึกแบบเต็มอิ่มสุดๆ
ทั้งบรรยากาศ สถานที่เที่ยว ห้องพักสุดหรู ซึ่งตอนนี้เป็นช่วง low season
ขอบอกเลยว่าราคาประหยัดมากๆ ใครที่อยากหนีความวุ่นวายมาพักกายพักใจ
ขอแนะนำให้มาที่ Manathai Khaolak แห่งนี้เลย
รับรองว่าจะเป็นการชาร์ตแบตให้กับตัวเองกลับไปเต็ม 100% อย่างแน่นอน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Destination : Manathai Khao Lak
Location : Khao Lak, Phang Nga
Website : http://www.manathai.com/khaolak
Facebook : Manathai Khao Lak
Address : 2/4 Moo 8, Bangmuang, Takuapa, Phang Nga 82190 Thailand
Call : 076 427 100
Email : info.khaolak@manathai.com
[SR] พักกาย พักใจไปกับแสงอาทิตย์สีทอง@มานะไทย เขาหลัก
มาใช้กับการรีวิวในครั้งนี้เลยเพราะทั้งอารมณ์ที่ได้รับทั้งบรรยากาศมันทำให้รู้สึกแบบนั้นจริงๆ
หลีกหนีความวุ่นวายจากเมืองกรุงไปพักกายพักใจ จากงานอันแสนวุ่นสาย
การจราจรที่แสนติดขัดรอการระบาย อากาศที่เจือปนมลพิษในแต่ละวัน พลังชีวิตใกล้จะหมด
เลยขอเดินทางไปรับอากาศบริสุทธิ์ฟังเสียงคลื่นลมและ ชมแสงอาทิตย์สีทองกันบ้างดีกว่า
เดินทางมาสู่สนามบินและมุ่งหน้าไปยังที่พักที่แสนคลาสสิคและ
อยู่ในหาดที่ให้บรรยากาศแบบส่วนตัวสุดๆ อย่าง @Manathai khaolak
พนักงานทุกท่าน ยิ้มแย้ม ร่าเริงแจ่มใสและให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นมากๆ
มีการนำภาชนะมาล้างมือให้เราเพื่อเป็นการต้อนรับว่าเราได้มาถึงที่เขาหลักแห่งนี้แล้วนะ
และที่ชอบมากๆเห็นจะเป็น Welcome drink ที่เสิร์ฟน้ำฝรั่งมาในภาชณะที่เรียกได้ว่าสดอย่างจริงแท้แน่นอน
แถมอร่อยและสดชื่นมากๆ (แอบเมารถมาเบาๆ)
เรียกได้ว่าสดชื่นและกระตุ้นความอยากอาหารได้เป็นอย่างดี (หรือหิวเองแล้วอ้างน้ำไม่รู้นะ)
จากนั้นก็รับคีย์การ์ดและเอาของไปเก็บที่ห้อง มาดูบรรยากาศห้องกันดีกว่า
เปิดมาแว้บแรกที่เห็นรู้สึกถึงความอบอุ่นอาจจะเป็นเพราะตะเกียงกรงนกหรือ
การตกแต่งจากเฟอร์นิเจอร์ไม้จึงทำให้รู้สึกเหมือนอยู่บ้านเบาๆ
มุม signature ของที่นี่เลย
ห้องน้ำจะเป็นแบบ Open อาบน้ำไปมองวิวสวนไปด้วยได้สีเขียวสบายตา พร้อมผลไม้ไทยๆมีบริการไว้ทั้งกล้วย ทั้งเงาะ
วิวที่เราจะได้เห็นจากมุมห้อง สีเขียวสบายตา ดูร่มรื่น แต่แดดแรงไปหน่อยนะคงต้องรอเย็นกว่านี้หน่อย
มาวันนี้โชคดีฟ้าเปิดไม่มีฝนสะด้วย
หลังจากเก็บข้าวของเพลิดเพลินกับห้องพักเสร็จก็เริ่มจะหิวแล้วจริงๆนะ .
เดินไปชั้นล่างของลอบบี้ที่ห้องอาหารของโรงแรมกันเลย
ซึ่งห้องอาหารของที่นี่จะมีอาหารเช้าหลากหลายประเทศพร้อมเสิร์ฟทั้งข้าวต้ม ก๋วยเตี๋ยวเส้นสีเหลืองๆของทางใต้
เราจำไม่ได้ว่าเส้นอะไรแต่อร่อยดีนะคล้ายๆบะหมี่เหลือง
แล้วก็มีอาหารเช้าทั่วไปอย่าง ออมเลต เบเนดิค อาหารจีนก็มี สลัด โยเกิร์ตพร้อมและที่สำคัญแยมผลไม้
สูตรของมานะไทย อร่อยมากๆ อร่อยทุกแยมเลยละ แต่ตอนที่เรามา
ก็เลยเวลาอาหารเช้าไปแล้วเลยสั่งอาหารของทางห้องอาหาร Colour นี้มาทานกัน
เมนูแรกเปิดมาด้วยสลัดก่อนตามแบบฉบับผู้หญิงสวย
น้ำสลัดรสชาติดีทีเดียว ผักก็กรอบ กุ้งตัวโตๆ อร่อยแบบเฮลตี้ๆ มีใส่แอนโชวี่มาให้ด้วยนะ
และจานที่สองก็ยังดูสุขภาพดีอยู่กับทูน่าชิ้นโต จำชื่อเมนูไม่ได้แต่เป็นทูน่าที่เต็มปากเต็มคำดี
จานนี้อร่อยผ่านๆ
และมาที่เมนูต่อไปกับไก่ยัดไส้ จริงๆชื่ออาหารเขาหรูหรากว่านี้แต่เราจำได้ไม่ถนัดนักขอเรียกในแบบที่เข้าใจละกันนะ
จานนนี้หน้าตาดูดีทีเดียว
ก่อนทานต้องราดด้วยซอสสูตรเฉพาะของทางโรงแรมเพิ่มรสชาติให้ไก่ชิ้นนี้อร่อยขึ้นไปอีก
รสชาติแบบนี้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ชอบแน่นอน ไก่ชิ้นแน่นๆ นำไปทอดกรอบๆ
ในส่วนของการถ่ายรูปเราจะตักแบ่งออกมาแค่ชิ้นเดียวหลังจากถ่ายเสร็จเราก็ไปจัดการกับจานในภาพก่อนหน้านี้
ตามแบบฉบับผู้หญิงกินน้อย
และจานนี้ทีเด็ด เรียกได้ว่าเป็นจานที่เหมาะกับสายคลีนเป็นอย่างมาก
ได้แก่หมูกรอบและรองมาด้วยผักดอง เค็มๆเปรี้ยวๆเข้ากันดีสุดๆ
และปลาย่างทานกับบีทรูทและคีนัวร์ อร่อยมากๆๆ จานนี้ขอเหมา
หลังจากอิ่มหนำสำราญกับอาหารสุขภาพกันไปแล้ว (ขอบอกจริงๆว่าเกือบทุกเมนูของห้องอาหารนี้อาหารรสชาติดีมากๆ)
ขอตัวมาเดินย่อย ที่สระว่ายน้ำติดทะเลกันสักหน่อย
วิวแบบนี้พี่ลูกเกดขนลุกค่ะ ตรงศาลานั้นจะมีบริการนวดแผนไทยพร้อมฟังเสียงคลื่นลมและวิวทะเลไปด้วยนะคะ ฟินมาก
สระว่ายน้ำเห็นแล้วอยากจะโดดน้ำ แต่ขอไปเดินย่อยชมวิวทะเลกันก่อนดีกว่า
แสงอาทิตย์สีทองเหลืองอร่าม สบายตา สบายใจ ดีจริงๆ เสียงลมเสียงคลื่น เฮ้อ ฟินนน
สันทนาการกันริมหาดด้วยค๊อกเทลสูตรเฉพาะของที่ มานะไทย เขาหลัก
แห่งนี้ Signature ของที่นี่จะเป็น Manathai Corado มีส่วนผสมของกะทิและน้ำมะพร้าวเป็นหลัก
ฟังจากส่วนผสมแล้วดูเหมือนจะเลี่ยน แต่ลองได้จิบแล้วอร่อย สดชื่นมากๆ จิบไปดูพระอาทิตย์ตกดินไป
เม้ามอยกับเพื่อนๆ มีความสุขจนต้องหัวเราะออกมาเลย
ปิดท้ายด้วยการดินเนอร์ดูพระอาทิตย์ตกดินกันที่ชายหาด เท้าเปล่าๆ เหยียบทรายเนี่ยะแหละ ฟินสุดๆ
พระอาทิตย์ก็สวยแล้วสวยอีก เก็บภาพไปทั้งแบบภาพนิ่ง วีดีโอและพาโนราม่าก็ยังไม่พอ
วันๆช่างผ่านไปไวจริงๆเลยน้า
เช้าวันต่อมาเราก็ไปเที่ยวสถานที่ๆเป็น highlight ของเขาหลัก นั้นได้แก่
คลองสังเน่ห์หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Little Amezon แถวๆ อำเภอตะกั่วป่านั่นเองเดินทางไปไม่นานจากโรงแรมก็ถึงแล้ว
ซึ่งที่นี่จะเป็นการพายเรือ ชมงู ฟังไม่ผิด งูค่ะ งู งูจะเลื้อยอยู่ตามต้นไม้ เถาวัลย์ ให้เราได้เสียวหัวเล่นๆ
จะตกมาตอนไหนก็ไม่รู้ พี่ๆที่เป็นฝีพายก็ดูแลและบริการเป็นอย่างดี งูอยู่ตรงไหนจอดค้างตรงนั้นนานมากๆค่ะ
เห็นว่าตรงนี้เคยมีการถ่ายแม่นาคพระโขนงกันด้วย บรรยากาศตอนกลางคืนน่าจะขนลุกอยู่ไม่น้อย
และงูก็พันตัวอยู่กับกิ่งก้านใบสักต้นนึงบนหัวเรานั่นแหละคะท่านผู้ชม
เก็บภาพสวยๆก่อนจะเจองูตกมาใส่หัว
(จริงๆไม่มีงูเยอะขนาดนั้นหรอกคะ แล้วงูน้อยน่ารักก็นอนสงบๆกันอยู่ตามกิ่งไม้ใหญ่ๆ
ถ้าใครได้เจองูเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแนะนำให้ไปซื้อลอตเตอรี่ค่ะ ท่านกำลังจะมีโชค)
ครั้งนี้เราใช้บริการเรือของ Island Inflatables คุณลุงผู้พายเรือให้เราใจดีมากๆ
พูดคุยเล่นไปตลอดทาง และยังอดทนกับการเปลี่ยนถ้าถ่ายรูปของสองเราบนเรือได้แบบไม่มีบ่น
หลังจากเอาหน้าสู้แดด 40 องศากันแล้วเราก็เข้าไปในตัวเมืองเพื่อดูตลาดเก่าตะกั่วป่ากันต่อ
ตอนนี้กำลังฮิตกันเลยละ กับการเพ้นผนังกันแบบนี้
เก่าแต่มีความเก๋า คงความคลาสสิคไว้ได้เป็นอย่างดี
ตลาดเก่าแห่งนี้ก็คงความเก่าแก่ของบ้านในแถบนี้ไว้ ใครเป็นสายแอนทีค
คลาสสิคแนะนำให้มาเลยรับรองได้ชอตสวยๆหลายชอตอย่างแน่นอน
บ้านเรือน เรียงรายและท้องฟ้าที่พระอาทิตย์ทำงานดีไม่มีหยุดพัก
และแล้วทริปของเขาหลักครั้งนี้ของเราก็จบลงไปด้วยความรู้สึกแบบเต็มอิ่มสุดๆ
ทั้งบรรยากาศ สถานที่เที่ยว ห้องพักสุดหรู ซึ่งตอนนี้เป็นช่วง low season
ขอบอกเลยว่าราคาประหยัดมากๆ ใครที่อยากหนีความวุ่นวายมาพักกายพักใจ
ขอแนะนำให้มาที่ Manathai Khaolak แห่งนี้เลย
รับรองว่าจะเป็นการชาร์ตแบตให้กับตัวเองกลับไปเต็ม 100% อย่างแน่นอน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น